ไร่รัก ณ หัวใจ (ธาชามา)

ไร่รัก ณ หัวใจ (ธาชามา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160007653
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 70.00 บาท
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

มันเป็นวันที่อากาศดีที่สุดวันหนึ่ง

เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มกำลังปั้นดินเป็นกองๆ รายล้อมด้วยอุปกรณ์หน้าตาประหลาดที่เขาขุดได้จากโรงเก็บขยะของไร่ ใบหน้ามอมแมมยิ่งเปื้อน เมื่อเจ้าตัวใช้แขนเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาเป็นสาย  กลิ่นดินปนทรายและใบไม้แห้งลอยมาเข้าจมูก ทำให้สองมือเล็กๆ หยุดชะงัก หลับตาสูดเอาความหอมหวานเข้าไป

เหมือนดอกไม้หมักกับอะไรสักอย่าง...เด็กชายนึกเปรียบเทียบกับกลิ่นต่างๆ ที่จดจำได้ แต่ไม่พบว่าเหมือนที่ไหนเลย แม้แต่ดินทรายท่ามกลาง หิมะในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนที่เขาจากมา

ดอกไม้ผสมกลิ่นเปรี้ยวนิดๆ ได้กลิ่นดินหอมๆ ผสมอยู่ด้วย

เขาลืมตาเงยหน้า ยกมือป้องตาบังแดดที่สาดส่องอ่อนๆ คงเพราะลมและแสงแดดที่กำลังดีนี่เอง ที่ทำให้เกิดกลิ่นหอมได้ขนาดนี้ และแน่นอน...จมูกของเขารับกลิ่นได้ดีกว่าใครๆ

เขาเคยเล่าข้อสังเกตเรื่องกลิ่นเหล่านี้ให้เพื่อนๆ ฟัง แต่ไม่มีใครเข้าใจ แถมยังโดนล้อจนต้องไปฟ้อง ‘ปาปา’ ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เขาใช้เรียกพ่อผู้แสนใจดี พ่อบอกเด็กชายแค่ว่า

‘มันเป็นความสามารถพิเศษของตระกูลเราที่คนอื่นไม่มี  จึงไม่มีใครเข้าใจ’

เด็กชายจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเล็กๆ ของตระกูล แต่นั่นก็นานหลายปีมาแล้ว จนคุณพ่อใจดีเปลี่ยนเป็นคุณพ่อใจร้าย สุดท้ายพ่อก็ไปจากเขาตามแม่ไปอีกคน  อะไรหลายอย่างในชีวิตเขาเปลี่ยนไปจนยากที่หัวใจเล็กๆ ดวงหนึ่งจะเข้าใจ

เขาจึงเลือกที่จะลืมจนแทบไม่เหลือความทรงจำในช่วงเลวร้ายสักเท่าไร

จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นใหม่ที่นี่ ตอนนั้นเด็กชายอายุหกขวบที่ได้มาเหยียบผืนแผ่นดินนี้เป็นครั้งแรก  ได้เริ่มต้นชีวิตเป็นครั้งที่สอง เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อมีคนแก่สองคนเข้ามาสวมกอดเขาและแนะนำตัวว่าเป็นปู่กับย่าของเขา

นั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้วเหมือนกัน

เด็กชายเลิกคิดถึงอดีต ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย คิดกับตัวเองในใจว่า

‘มันเป็นวันที่อากาศดีที่สุดนี่นา เหมือนที่ปู่เคยพูดถึง’

ใช่แล้ว...ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นของเด็กชายไม่เคยพลาด แต่มีอีกอย่างที่เขายังไม่รู้

วันนี้เอง...นอกจากอากาศจะดีที่สุดแล้ว เขาจะถูกตั้งคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

 

“แพทริก หลานเคยชิมไวน์รสชาติดีที่สุดในโลกไหม”

แพทริกหันกลับไปมอง  เห็นชายชราร่างอ้วนท้วนในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีสดตัดกับกางขาสั้นสีดำขะมุกขะมอมกำลังเดินตรงเข้ามา มือชูขวดไวน์สีดำสนิทขึ้นโบกเบาๆ

“ลองนี่ดูสิ”

เมื่อเข้ามาใกล้  ชายชราไม่รอฟังคำตอบ  ส่งยิ้มเอ็นดูให้หลานชายที่กำลังย่นหัวคิ้วงุนงง พร้อมยื่นแก้วใสทรงกระเปาะมีก้านสูงให้ เด็กชายรีบเช็ดมือกับกางเกงที่ก็ไม่ได้สะอาดเท่าไรแล้วรับแก้วมาถือไว้ จากนั้นชายชราก็รินน้ำสีแดงเข้มจนดูคล้ายเลือดออกจากขวด  เด็กชายรับมาดมกลิ่นตามสัญชาตญาณ แล้วทำหน้าเบ้เมื่อสัมผัสได้ถึงความขมแสบขึ้นจมูก

“ฮ่าๆๆ” ปู่หัวเราะชอบใจ “เป็นไง นั่นกลิ่นเฟรนช์โอ๊กชัดเจนเชียวนะ” พูดจบก็ยกแก้วในมือตนเองขึ้นดมกลิ่น สีหน้าคล้ายล่องลอยอยู่ในฝัน

“กลิ่นดินปูนจากผืนดินฝรั่งเศส หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เอาละ ลองจิบสิ” ชายชราคะยั้นคะยอ จ้องหลานชายตาเป็นประกาย

“แต่...กรองแมร์ห้าม”

“ฮื่อ ย่าของหลานอยู่แถวนี้เสียที่ไหน เอาน่า...นิดเดียว นี่มันโอกาสแค่หนึ่งในพันล้านเท่านั้น ช้าไปอีกห้านาที หลานก็อาจพลาดไวน์ที่รสชาติดีที่สุดในโลกไป”

เด็กชายมองน้ำสีคล้ายเลือดด้วยความไม่แน่ใจ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปู่เชิญชวนให้ชิมของมึนเมาซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเด็กอย่างเขา แต่จะว่าไป ปู่ก็ไม่เคยทำเหมือนเขาเป็นเด็กสักครั้ง ทั้งใช้งานในไร่สารพัด ตั้งแต่ใส่ปุ๋ย เก็บองุ่น ยันยกถังไม้หนักๆ ทั้งยังแอบเอาไวน์มาให้ชิมบ่อยๆ จนถูกย่าต่อว่า

แต่เขากลับเห็นเป็นเรื่องสนุก และภาคภูมิใจทุกครั้งที่ปู่ขอให้เขามีส่วนร่วมทำอะไรแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน

แม้ว่านั่นจะคือการชิมไวน์ที่ชวนให้บ้วนทิ้งมากกว่าจะกลืน แย่ทั้งกลิ่นและรสชาติ

แก้วนี้ก็คงไม่เว้น

เด็กชายกลั้นหายใจ  ยกแก้วขึ้นจิบเข้าไปอึกใหญ่  แล้วก็แทบสำลัก อยากบ้วนทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้ จึงฝืนกลืนลงไป รสขมปร่ารุมเข้าโจมตีลิ้น กลิ่นของมันฉุนขึ้นจมูกจนไม่อยากหายใจ แต่เมื่อความไม่คุ้นเคยอันก่อเกิดความทรมานหายไป  ก็เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของไม้ที่ติดไหม้นิดๆ  ผสมกับกลิ่นเปรี้ยวอมหวานของผลไม้  รสขมพลันเปลี่ยนเป็นนุ่มลื่นทว่าหนักแน่น

กลิ่นหอมแปลกๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้คลุ้งไปทั่ว

“เหมือน...มีมะนาว แต่หวานกว่า” เด็กชายเลือกเอ่ยถึงรสชาติสุดท้ายที่ติดลิ้นที่สุด

ปู่ดีดนิ้วเปาะ หัวเราะลั่น

“ลิ้นแบบนี้ จมูกอย่างนี้สิ ไม่ทิ้งเชื้อสายไวน์เมกเกอร์ของตระกูลเรา”

หัวใจของเด็กชายพองโต ความลับเรื่องนี้มีปู่กับย่าเท่านั้นที่รู้ เขารู้สึกภูมิใจแต่ไม่ได้แสดงออกมา แม้จะผิดวิสัยเด็กทั่วไป แต่ก็เป็นเรื่องปกติของเด็กที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มา

“ไม่เห็นอร่อยเลย”  เขาเลือกเอาเรื่องแย่ขึ้นมาพูด  แทนที่จะเอ่ยข้อสังเกตอื่นที่เขาสัมผัสได้ให้ปู่ชมต่อ

“ไม่แปลก  หลานยังเด็กเกินไป  ต่อมรับรู้รสชาติที่ลิ้นยังทำ

งานไม่เต็มที่ รสขมจะขมกว่าผู้ใหญ่ แต่ถ้ารอให้โต ไวน์ขวดนี้ก็คงแก่เกินดื่ม น่าเสียดายจริงๆ ที่ขวดนี้ไม่ใช่เนื้อคู่ของหลาน แต่ขอบอกเลยว่านี่คือไวน์จากชาโตที่ปู่รัก วินเทจที่ดีที่สุด”

“นงๆๆ”

จู่ๆ  เสียงร้องห้ามเป็นภาษาฝรั่งเศสก็ดังมาแต่ไกล  เสียงนั้นเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความใจดี หญิงชราผมสีทองอ่อนจนเกือบขาวเกล้ามวยบริเวณท้ายทอย สวมชุดกระโปรงลายดอกสีหวานตัวเก่ง เร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับรัวภาษาไทยสำเนียงขึ้นจมูกใส่ทั้งสามีและหลานชาย

“คุณพิรัฐน์ ให้แพทริกชิมไวน์อีกแล้ว แย่มาก เขายังเด็กอยู่เลย คุณอยากให้เขาโตมาเป็นแบบลูกชายของคุณหรือยังไง” พูดจบหญิงชราก็ชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

คนถูกต่อว่ายืนนิ่ง เด็กชายจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขารู้ว่าย่ายังคงคิดเสมอว่าเขาเด็กเกินกว่าจะรู้เรื่อง  แต่ตอนนี้เขาโตพอจนรับรู้ได้แล้วว่าที่ห้ามไม่ให้เขาแตะต้องไวน์เด็ดขาดไม่ใช่เพราะเขายังเด็ก แต่เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะมีปัญหาอย่างพ่อต่างหาก

พิรัฐน์รีบยิ้มสู้

“เขาเป็นเด็กพิเศษ” ชายชราว่า แล้วตบหลังหลานชายทีหนึ่ง “เขาจะไม่โตมาเหมือนใครทั้งนั้น และจะเป็นไวน์เมกเกอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ฉะนั้นหัดดื่มไวน์เสียบ้างตั้งแต่วันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่สำคัญ...”

ชายชราบรรจงรินไวน์จากขวด  แล้วยกแก้วขึ้นส่องกับแสงแดดเพื่ออวดสีแดงเข้มอมม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์

“นี่เป็นโอกาสพิเศษนะ ไม่ว่าใครจะอายุน้อยแค่ไหนก็ต้องชิมไวน์จากขวดนี้ให้ได้” รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นอีก

เมื่อได้มองดีๆ ย่าก็อุทานด้วยความตกใจ

“ได้เวลาแล้วหรือคะ”

“ใช่แล้ว ที่รัก” ว่าแล้วชายชราก็เดินไปยังชุดโต๊ะเหล็กดัดลายเถาวัลย์สีขาวสะอาดตา  แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้  ปู่ทำราวกับว่าตัวเองเป็นบริกรในร้านอาหารหรู มือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ “เชิญ มาดาม”

ลูกค้ากิตติมศักดิ์นั่งลงพร้อมรอยยิ้ม ยกแก้วไวน์ขึ้นดมกลิ่นและจิบเล็กน้อย เด็กชายแปลกใจที่ไม่เห็นย่ามีทีท่าอยากบ้วนทิ้ง มิหนำซ้ำยังมีรอยยิ้มเคลิ้มฝันแบบเดียวกันกับปู่

“โรมาเน กงตี” ย่าพลิกขวดขึ้นดูฉลาก “สิบปีที่รอ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”

“เป็นไง รสชาติดีเยี่ยมเลยใช่ไหม กลิ่นผลไม้กำลังดี แอลกอฮอล์แรง แต่ไม่เข้มเกิน แทนนินสูง รสอมหวาน ขมนิดๆ แต่กลมกล่อม เนื้อแน่นแต่นุ่มนวล” พูดจบปู่ก็ดื่มอีกอึกใหญ่ ใบหน้าอ้วนท้วนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ที่รัก คุณดื่มมากไปแล้ว”

“ถ้าไม่ดื่มหมดในวันนี้  ผมจะคลาดกับเนื้อคู่ไปตลอดกาล  เหมือนตอนที่ผมได้เจอคุณวันนั้น  ถ้าไม่ตัดสินใจเดินเข้าไปสมัครงานที่ไร่ของคุณ เราคงคลาดกันไปตลอดชีวิต” ปู่ยิ้มหวาน นั่งลงข้างๆ แล้วยื่นหน้าไปจุมพิตย่าเบาๆ กลายเป็นย่าที่หน้าแดงแทน

“วันนั้นฉันก็ได้พบทั้งไวน์ที่เป็นเนื้อคู่และคู่ชีวิตของฉัน คุณจำได้ไหม ฉันเปิดไวน์อะไรอยู่”

“เปรตุส”

“คุณความจำดีเสมอ ที่รัก”

“ปู่กับย่าพูดอะไรกันอยู่ เนื้อคู่อะไรกันฮะ เกี่ยวอะไรกับไวน์ด้วย”

ทั้งสองหันไปสบตากันก่อนที่ย่าจะพูดขึ้น

“ที่รัก คุณสอนอะไรหลานชายของเราเกี่ยวกับไวน์มากมาย แต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้หรือ  พรุ่งนี้แพทริกก็จะจากเราไปแล้ว  ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่จะได้เจอกันอีก”  หญิงชราเอื้อมมือเหี่ยวย่นไปลูบใบหน้าเด็กชายอย่างรักใคร่ “ไม่เจอกันอีกนาน จะคิดถึงย่าไหม แพทริก”

“อาจจะนะฮะ”  เด็กชายตอบติดตลก  “ไม่ต้องกลัวผมเหงาหรอกฮะ ผมไปอยู่กับแม่ที่นั่น มีน้องสาวไว้เล่นด้วยตั้งคนหนึ่ง”

แม้เด็กชายจะยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้ากลัดกลุ้มยิ่งขึ้น

“เขาก็จะรักแต่ลูกใหม่ยังไงล่ะ พ่อก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ จะรักเราเหมือนลูก

คนหนึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งตอนนี้เพิ่งคลอดลูก คงจะเห่อจนไม่สนใจแพทริกของย่า เอาอย่างนี้นะ ถ้าใครแกล้งรีบบอกย่า ย่าจะไปจัดการให้ทันที”

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระอีกเลย  แพทริกไม่ใช่เด็กน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ได้”  ปู่ว่าพลางโบกไม้โบกมือห้าม  แล้วหันไปหาเด็กชายพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นอันแสนคุ้นตา “มานี่ มากับปู่ ปู่จะบอกความลับที่สำคัญที่สุดของไวน์ให้ฟังดีกว่า”

ชายชราจูงมือหลานชาย แล้วพากันเดินไปจนถึงยอดเนินเตี้ยๆ ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว มองเห็นต้นองุ่นสีเขียวอ่อนทอดตัวเรียงยาวเป็นแถวจนสุดขอบฟ้าสีคราม  กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวนิดๆ  ลอยมาตามลม  พัดพาเอาความกลัดกลุ้มที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้จางหาย

สิ่งที่เห็นตรงหน้า  กลิ่นที่ได้สัมผัส  กลายเป็นภาพและช่วงเวลาที่เด็กชายมักเห็นในความฝัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีก็ตาม

เขา...ไม่เคยลืม

“เห็นต้นองุ่นเหล่านี้ไหม” ปู่วาดนิ้วในอากาศ เริ่มจากสุดเขตไร่ด้านหนึ่งไปยังอีกด้าน “วันหนึ่งมันจะกลายเป็นไวน์ แต่เราจะทำอย่างไรจึงจะได้ดื่มไวน์ที่เลิศรสที่สุด”

เด็กชายนิ่งคิดเล็กน้อย แล้วจึงตอบตามที่เคยได้ยินปู่พร่ำสอน

“ก็...ต้องเลือกไวน์จากชาโตดังๆ  เป็น Exceptional vintage แล้วก็รอเปิดไวน์ตามจำนวนปีที่แนะนำ”

“ก็ถูก สำหรับการเลือกไวน์ดีๆ สักขวด แต่สำหรับการเจอไวน์ที่เป็นเนื้อคู่นั้นไม่ใช่เลย”

“แล้วต้องทำยังไงเหรอฮะ”

“เราต้องตอบให้ได้ก่อนว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ดื่มไวน์ที่รสชาติดีที่สุด นั่นก็คือต้องทำจากองุ่นพันธุ์ดี เติบโตในดินที่ดี อากาศต้องเป็นใจ เก็บเกี่ยวเมื่อสุกกำลังพอดี  และต้องผ่านมือไวน์เมกเกอร์ที่มีประสบการณ์  บ่มและหมักจนได้รสชาติกลมกล่อม เมื่อบรรจุขวดมาถึงมือเราแล้ว เราก็ต้องอดทน

รอให้นานพอที่องค์ประกอบต่างๆ ในไวน์จะพัฒนาจนถึงจุดที่สมบูรณ์ที่สุด แม้กระทั่งเปิดจุกแล้วก็ต้องรอให้ไวน์หายใจจนคายกลิ่นที่หอมหวานที่สุด

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"ไร่รัก ณ หัวใจ" นำเสนอเรื่องราวของ "แพทริก พิพัฐน์ เวลส์" ไวน์เมกเกอร์ชื่อดังระดับโลก หอบลูกชายตัวน้อยที่ยังแบเบาะกลับมาเมืองไทย เพื่อมาสานฝันของปู่ที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการปลูกไร่องุ่นเพื่อผลิตไวน์บนผืนแผ่นดินไทย เมื่อเวลาเดินไปถึงเมื่อ "เด็กชายเช" วัย 5 ขวบ ที่อยู่ๆ ได้ออกโทรทัศน์ประกาศว่าอยากหาแม่คนใหม่ให้พ่อ จนกลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วประเทศ "ธัญชมา" นักข่าวสาวตกอับจึงต้องยอมทิ้งอุดมการณ์แรงกล้าเพื่อหาเลี้ยงชีพ ด้วยการทำตามคำสั่งเจ้านาย แฝงตัวเข้ามาอยู่ในไร่องุ่นของพิพัฐน์ เพื่อสืบหาว่าภรรยาของเขาและแม่ของเชเป็นใครกันแน่ ความใกล้ชิดทำให้ธัญชมากับพิพัฐน์มีความรู้สึกดีๆ ร่วมกัน

ธัญชมาจำต้องเลือกระหว่างปากท้องของตัวเองกับหัวใจและความถูกต้อง ขณะที่พิพัฐน์ก็ต้องจัดการกับความรู้สึกในใจตัวเอง เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วธัญชมาเป็นใครและมาที่ไร่แห่งนี้ด้วยจุดประสงค์ใด !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "ไร่รัก ณ หัวใจ" เล่มนี้

เขียนโดย "ธาซามา"

 

468 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024