พันธนาคินทร์ (กวิน)

พันธนาคินทร์ (กวิน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160020133
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 310.00 บาท 201.50 บาท
ประหยัด: 108.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ทำอะไรอยู่จ๊ะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้หญิงสาวซึ่งสวมชุดผู้ป่วยหันกลับมามอง ดวงตา

กลมโตสีน้ำตาลดูเลื่อนลอยกวาดมองผู้ถามไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึง

ใบหน้า ปลายนิ้วที่กำลังม้วนผมตนเองเล่นหยุดนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น

เมื่อเห็นว่าคนถามซึ่งเป็นหญิงสาวสวมชุดขาวถือถาดสีเงินตรงมา

“ไม่กินยานะ” เธอไม่ตอบคำถามแรกแต่เลือกบอกแบบนั้นออกไป

นั่งขดตัวจนลีบเล็กแล้วพยายามถอยหลังหลบเมื่ออีกฝ่ายวางถาดลงใกล้ๆ

พร้อมย่อตัวนั่งลงบนพื้นข้างๆ

“นางฟ้าบอกแล้วไงคะ จะเป็นเด็กดีต้องกินยานะ”

“ไม่ๆ เจ้ามิใช่สุรางค์รึนางฟ้า เป็นยักษายัดเยียดโอสถพิษ” เธอยืนยัน

ทำท่าจะปัดถ้วยบรรจุเม็ดยาทิ้ง

คนอ้างตัวว่าเป็นนางฟ้ารีบฉวยถ้วยยากลับมาแล้วยิ้มหวานต่อรอง

ใหม่อีกครั้ง “ถ้ากินยาแล้วจะให้ไปดูทีวี เผื่อคุณเมลินดาจะได้เจอคนคนนั้น

ไงคะ อะไรน้า...นาถ...”

“นาถภุชงค์” หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่า ‘เมลินดา’ พูดชื่อนั้นอย่างแผ่วเบา

มองเหม่อไปรอบตัวแล้วพึมพำชื่อที่เพิ่งเอ่ยซ้ำๆ

พยาบาลสาวส่ายหน้า มองคนที่ขอบตาดำเป็นเบ้าลึกเหมือนไม่เคย

พักผ่อนมาก่อนอย่างสงสาร หล่อนแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ พร้อมเอ่ยเสียงหวาน

“ทานยานะคะ แล้วจะได้เจอนาถภุชงค์”

คนฟังนิ่งคิดก่อนพยักหน้ารับช้าๆ กลืนยาเม็ดที่ถูกส่งให้ ช่วงที่หลับตา

แค่นิดเดียวนั้น ภาพอันสับสนวุ่นวายเล็ดลอดเข้ามาในหัวก่อนหายไปเมื่อ

เธอลืมตาอีกครั้ง เป็นแบบนี้เสมอทำให้เธอไม่อาจข่มตาหลับได้เลย

หญิงสาวยื่นมือให้พยาบาลอย่างว่าง่าย ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงไปดูรายการโปรด

รายการที่มีเขาอยู่ราวสิบห้านาที

ชายหนุ่มซึ่งสวมชุดสูทสั่งตัดราคาแพง ยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่

ในห้องแต่งตัวของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง เขาแตะผมที่ชี้โดดเส้นหนึ่งให้กลับ

เข้าที่ที่ควรอยู่อย่างแนวผมที่อัดเจลแข็งเหมือนก้อนพอลิเมอร์สีดำบนศีรษะ

ขยับเนกไทสีดำเส้นเล็กทรงทันสมัยดูสมเป็นว่าที่ผู้บริหารยุคใหม่ให้เข้าที่อีกครั้ง

นาคินทร์ยิ้มให้เงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ตรงหน้า โดยยกมุมปากข้างเดียว

แบบที่ชอบทำ แล้วย่นจมูก

ไม่ได้ พ่อเขาบอกเสมอว่ายิ้มแบบนั้นมันดูไม่จริงใจ

“แบบนี้แหละ” ชายหนุ่มพูดทั้งที่ยังยิ้มกว้างจนเห็นเหงือก หรี่ตาคม

เล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ ยิ้มปรุงแต่งเพื่อการค้าแบบหวังชนะใจใคร

ก็ได้เมื่อแรกเห็น แต่หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มกว้างที่ว่านี้ต้องแลกกับความเมื่อยสุด

สะท้าน ยังไม่นับรวมปัญหารอยตีนกาที่จะถามหาเขาก่อนคนอื่นเสียด้วย

“เสร็จรึยังคิน”

ชายวัยกลางคนที่โผล่เข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตูทำให้คนถูก

เรียกชื่อเล่นหันขวับ

ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น อาชาชาย ผู้มีศักดิ์เป็นทั้งผู้ช่วยสอนงานที่จะ

รับสืบทอดกิจการจากบิดาและน้าแท้ๆ ของเขา หากมองภายนอกคงยาก

จะเชื่อว่าคนคนนี้อายุสี่สิบเจ็ดปีแล้ว อาจเพราะช่วงวัยหนุ่มเขาดูแลตนเอง

อย่างดี จึงส่งผลให้ปัจจุบันอาชาชายยังคงเค้าสมัยหนุ่มแน่นไว้ นาคินทร์

จึงไม่รู้สึกว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกันนั้นอีกฝ่ายแก่ลงไป

“ยังไม่เนี้ยบเลย” นาคินทร์ตอบก่อนหันไปทางกระจก “น้าชายว่ามันยัง

ขาดอะไรไหม”

“ความรับผิดชอบ” อาชาชายกอดอกตอบเรียบๆ

คนฟังหันมองอีกรอบ ถ้าไม่ติดว่าคนคนนี้เลี้ยงเขามาแต่เล็กไม่ต่าง

จากพ่อแม่ เขาคงเถียงกลับไปทันควันแล้ว

“ไม่เห็นหรือไงว่าทีมงานเขารอกันอยู่ แทนที่จะไปสแตนด์บายล่วงหน้า

ปล่อยให้เขารอไม่ดีรู้ไหม”

“ห้องอัดมันฝุ่นเยอะ คินไม่ชอบ” นาคินทร์บอกเหตุผลแล้วตวัดตา

มองกระจกอย่างตั้งใจเมินคู่สนทนา เอียงคอมองเงาสะท้อนของตัวเอง

อีกครั้ง “คราวหน้าคงต้องบอกช่างแต่งหน้าแล้วว่าอย่าลงแป้งหนัก”

“คิน”

“รู้แล้วครับน้าชาย” ชายหนุ่มทำหน้าตายตอนเดินตามอาชาชาย

ซึ่งยื่นสคริปต์รายการในช่วง ‘สิบห้านาทีกับเศรษฐกิจ โดย นาคินทร์

พิชิตทรัพย์’ ที่บิดาเขาผู้เป็นสปอนเซอร์หลักซื้อช่วงเวลานี้ของรายการข่าว

เศรษฐกิจเอาไว้เพื่อวางแผนปูทางไปสู่ธุรกิจเงินกู้ถูกกฎหมายของครอบครัว

อย่างชาญฉลาด

“จำได้แน่นะ”

คนเป็นน้าถามย้ำ ขณะคนเป็นหลานพยักหน้าหน่ายๆ เพราะรู้ดีว่า

อีกฝ่ายนั้นเป็นมนุษย์จุกจิกมากขนาดไหน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาน่ะหัวดี

“เชื่อเถอะน่า” เขายืนยันแล้วเดินผ่านหน้าผู้สูงวัยกว่ามาถึงประตู

ชายหนุ่มเกือบจับไปแล้ว พลันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มีใครอีกหลายคน

เข้าๆ ออกๆ จับประตูนี้มากี่ร้อยครั้งกัน

ห่อกระดาษทิชชูเปียกรุ่นผสมแอลกอฮอล์ถูกดึงออกมาจากสูทตัด

พิเศษที่มีช่องใส่เฉพาะ เขาวางมันบนฝ่ามือก่อนแตะลูกบิด และโยนทิ้งลง

ถังขยะหน้าห้องแต่งตัวทันทีที่ออกมา

ได้เวลา The show must go on แล้ว!

โทรทัศน์จอใหญ่ในพื้นที่ส่วนรวมของโรงพยาบาลแผนกพิเศษ

ฉายภาพใบหน้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งคุยกันถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของ

ประเทศที่เจริญขึ้นหลังจากเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ว่าจะ

มีผลอย่างไรต่อการปรับตัวของภาคครัวเรือน

นักธุรกิจหนุ่มทายาทบริษัทเงินทุนขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมถึงนิคม

อุตสาหกรรมพิชิตทรัพย์ซึ่งมีบริษัทลูกครอบจักรวาลนั้นนั่งนิ่ง มอง

แผนภูมิสามมิติตอนพิธีกรผู้สวมแว่นทรงกลมไร้กรอบขยับมือเป็นเชิง

อธิบาย ก่อนหันมาถามความเห็นเขา

จากนั้นจอแก้วจึงตัดไปที่คนถูกถามเพียงลำพัง ซูมใกล้ใบหน้าคมคาย

และดวงตาเรียวเจือรอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปราวกับคนอารมณ์ดีเป็นนิตย์

“อา สิบห้านาทีอันมีค่าของฉัน” พยาบาลสาวที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ย ก่อน

เจ้าตัวจะประสานมือกันระดับอก “ทำไมเขาไม่มาเป็นดารานะ”

“ชู่!” หญิงสาวซึ่งสวมชุดคนไข้รีบหันไปทางต้นเสียงพร้อมทำท่าเหมือน

รูดซิปปากให้ดู สื่อความหมายชัดเจนก่อนหันกลับมายังจอแก้วอีกครั้ง

เช่นที่เหล่าพยาบาลว่า เมลินดาไม่ชอบให้ใครขัดจังหวะในตอนนี้

ทุกคนจึงเพียงหันมาสบตากันแล้วเงียบเพราะปกติหญิงสาวเป็นคนไข้ว่าง่าย

ที่สำคัญเธอยังดูปกติทุกอย่าง ถ้าไม่ติดพูดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นคนอื่นจน

ทางบ้านต้องส่งมารักษาที่โรงพยาบาล

บรรดาพยาบาลสาวเพียงพยักหน้าให้กันก่อนมองหน้าจอ ตอนนี้

ชายหนุ่มที่เมลินดามักเรียกว่า ‘นาถภุชงค์’ เสมอนั้นกำลังรับถ้วยพลาสติก

บรรจุไอศกรีมกะทิมาจากพิธีกรหนุ่ม สีหน้ายิ้มแย้มของนักธุรกิจหนุ่มยัง

เป็นเช่นเดิมทว่าดูเหมือนมีร่องรอยความไม่พอใจแสดงออกผ่านคิ้วเข้ม

ที่ขมวดก่อนคลายออกอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที

พิธีกรเอ่ยแนะนำไอศกรีมกะทินาโนเสริมคอลลาเจนซึ่งเป็นแฟรนไชส์

ใหม่อย่างคล่องแคล่ว และกำลังจะพูดปิดท้ายก่อนจบช่วงคั่นสิบห้านาที

ของรายการข่าวเหมือนทุกวัน นาคินทร์เผลอยิ้มลำบากใจก่อนตักไอศกรีม

นั้นรับประทานตามพิธีกรหนึ่งคำ เขายังดูเป็นปกติขณะเคียงคู่กับฝ่ายที่

พูดไม่หยุด

สองนาทีสุดท้ายภาพตัดไปที่นักธุรกิจหนุ่มอีกครั้ง ริมฝีปากเรียว

ได้รูปนั้นดูเปลี่ยนไปจนผู้ชมต่างเบิกตามอง เพราะมันแดงและบวมขึ้น

อย่างผิดสังเกต แต่เจ้าตัวที่ยิ้มค้างอยู่ก็เหมือนจะยังไม่รู้ตัว

“เขาแพ้อะไรหรือเปล่า” พยาบาลสาวพึมพำไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่ม

ในจอแก้วก็ยกมือปิดปาก ก่อนบนจอจะฉายเฉพาะใบหน้าพิธีกรที่รีบพูดปิด

รายการด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกผิดปกติแล้วตัดเข้าช่วงโฆษณาทันที

เมลินดานั่งนิ่ง อ้าปาก มองตาค้าง ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือริมฝีปาก

บวมเป่งของชายหนุ่ม

 

ภาพริมฝีปากบวมเป่งของทายาทนักธุรกิจที่เป็นพิธีกรร่วมของ

รายการถูกจับภาพไว้เพื่อรายงานเป็นข่าวคั่นในช่วงสั้นๆ ทำให้เจ้าของภาพหงุดหงิดนัก

นาคินทร์ซึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยเม้มริมฝีปากแน่น กด

รีโมตปิดโทรทัศน์ เจ้าพิธีกรกับทีมงานไม่บอกเขามาก่อนว่าจะมีอาหารมาให้กิน

ปิดรายการ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับได้รับโชคสองชั้นมานอนเล่นที่โรงพยาบาล

เพราะอาการแพ้ถั่วลิสงบดที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมซึ่งไม่มีใครรู้

ใช่ โรคภูมิแพ้ถั่วลิสงที่เขาเป็นมาตั้งแต่เล็ก พอโตขึ้นแทนที่จะหาย

กลับยังเป็นอยู่ “ดีขึ้นไหมคิน” อาชาชายถามทันทีที่เข้ามาในห้อง ขณะคนถูกถาม

เม้มปากตอนสบตากับน้าตัวเอง “เอาน่า ถือว่าฟาดเคราะห์ไปอีกครั้งแล้วกัน

น้าบอกแม่เราแล้ว เดี๋ยวเขาจะนั่งเครื่องกลับมาเลย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงถึง”

“พ่อไม่มาใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเรียบๆ

“อือ เห็นว่าคุยธุระกับทางนั้นไม่เสร็จ คงยังกลับไม่ได้”

“อ้อ...เงินต้องมาก่อนอยู่แล้ว” นาคินทร์เลิกคิ้วแล้วกอดอกเอนตัว

พิงเตียง ไม่มีท่าทางน้อยใจเพราะเคยชิน จนเหมือนกับว่าเขาสามารถทาย

ความคิดของคนเป็นพ่อได้ราวกับเป็นตัวเอง “ว่าแต่ ไอ้บริษัทที่ทำไอศกรีม

กะทินาโนผสมถั่วบดนั่นติดต่อกลับมารึยัง”

เขาตวัดตามองผู้สูงวัยกว่าที่มานั่งข้างๆ เตียงแล้วยิ้มมุมปากอย่างรอคำตอบ

“ยัง”

คำตอบนั้นทำเอาคนรอฟังหน้าตึง เพราะคาดหวังว่านอกจากคำขอโทษ

จากทีมงานรายการแล้ว เขาควรได้คำขอโทษจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าด้วย

“ทางนั้นยังประสานงานกันไม่ถึงไหนเลยมั้ง แต่จริงๆ แล้วนะคิน

คนที่มีปัญหาคือเราที่ดันไปแพ้ถั่ว ผลิตภัณฑ์เค้าไม่ได้มีปัญหาอะไร น้า

ว่ามันก็อร่อยดี”

“น้าชาย เข้าข้างผมบ้างก็ดีนะครับ” คนถูกว่าเป็นตัวปัญหาพูดเสียงลอดไรฟัน

“ทางทีมงานรายการนั่นแหละไม่ระวัง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีของอะไรที่

คินกินไม่ได้ และเขาก็ขอโทษมาแล้ว” คนเป็นน้าตอบราวกับไม่ได้ยินคำพูด

หลานชายก่อนหน้านั้น “ให้เรื่องมันจบไปเถอะ เพราะเราเองก็ปลอดภัยแล้ว

อย่าฟ้องร้องอะไรให้ลำบากเลย”

“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับคำอย่างว่าง่าย แต่สำหรับคนมอง นั่นเป็น

รอยยิ้มประดิษฐ์เพื่อการค้าแบบขายผ้าเอาหน้ารอดแล้วซ่อนยิ้มร้ายไว้ในนั้น

“คินไม่ฟ้องหรอก มันได้กำไรไม่คุ้มเสีย” พูดไม่ทันขาดคำคนป่วย

ก็หยิบแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่มักพกติดตัวเสมอแม้ยามป่วย กดหาข้อมูลด้วย

ตนเอง เริ่มตั้งแต่บริษัทแม่ที่ผลิตสินค้าเจ้าปัญหานั้นขึ้นมา แล้วเหลือบ

มองคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งลุกขึ้นเงียบๆ

“น้าชายจะไปไหนน่ะ” เขาอดถามไม่ได้ แม้ตายังจดจ้องจอสี่เหลี่ยม

และเลื่อนนิ้วมือสัมผัสมันไปด้วย

“กลับบ้าน แต่เราต้องค้างที่นี่ดูอาการก่อน แม่เค้าสั่งไว้”

คราวนี้คนฟังทำตาโต แล้วหยุดกิจกรรมทุกอย่างทันทีที่ได้ยินว่า

ต้องนอนค้างโรงพยาบาล อีกฝ่ายรู้ดีว่าเขาเกลียดการนอนค้างที่อื่นนอกจาก

บ้าน และยิ่งเป็นสถานที่แบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ “ไม่ ที่นี่มีแต่เชื้อโรค อยู่แล้ว

หายใจไม่ออก”

“ไม่ใช่เพราะยังกลัวอยู่หรือไง”

คนเป็นน้าถามแทงใจดำ ทำให้คนหนุ่มกว่าซึ่งกำลังหยิบผ้าปิดจมูก

มาคาดทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดคล่องหายใจสะดวกชะงักไป

“น้าไม่เชื่อก็เรื่องของน้า แต่คินจะไม่กลับคำพูดที่เคยบอกว่าเห็นอะไร

แม้คนอื่นจะว่าบ้าก็เถอะ” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น แล้วหันมามองหน้าจอ

แสดงผลข้อมูลที่เพิ่งหาไปอย่างครบถ้วน เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของ

ผู้อยู่ร่วมห้องก่อนเดินออกไปจริงๆ คาดว่าอีกไม่เกินสิบนาทีอาชาชายคง

กลับมาบอกว่าเขากลับบ้านได้

นาคินทร์นั่งอ่านข้อมูลบริษัทที่ผลิตไอศกรีมกะทิแล้วต้องขมวดคิ้ว

เพราะมันเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ ‘นับทรัพย์ไพศาล’ ที่กำลังขยายธุรกิจ

มาเป็นคู่แข่งของพิชิตทรัพย์ แม้ว่าไลน์ของสินค้าจะไม่ตรงกันทั้งหมดแต่

ก็นับว่าแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปได้พอสมควร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์อาจดูน้อย

แต่ถ้านับมูลค่าก็มากพอจะทำให้สะกิดใจตงิดๆ

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเมื่อนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นได้ ก่อนหุบยิ้มเมื่อเห็น

เงาดำยืนนิ่งอยู่นอกระเบียงห้อง แม้ถูกผ้าม่านสีอ่อนพรางจนเห็นเพียง

ครึ่งตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร

“ตามผมตลอดแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง” เขาพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน แม้

จะรู้ดีว่าไม่มีอะไรโต้ตอบกลับมา

นาคินทร์เริ่มเห็นเงาดำรูปร่างคล้ายผู้หญิงตามตัวเองมาตั้งแต่จำ

ความได้ จากความกลัวสมัยเด็กกลายเป็นความเฉยชาตอนเห็นนานวันเข้า

แต่ว่ากันตามตรงแล้วเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดีที่เห็นว่ายังมีอะไรตามตัวแบบนี้

ที่สำคัญ...ระยะห่างมันชักลดลงเรื่อยๆ จนเขากลัวว่าสักวันหนึ่ง

เงาดำนั้นจะเข้ามาถึงตัว

                       (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

แม้นผ่านกี่ภพชาติ หัวใจรักของเธอยังมั่นคงต่อเขาเสมอ...   จากภพก่อนอันไกลโพ้น นาถภุชงค์ นาคหนุ่มจอมทะนง ได้ช่วยชีวิตนีรนาคินีไว้จากการถูกครุฑจับกิน ก่อเกิดรักและภักดีในหัวใจหญิงสาว จวบจนภพปัจจุบัน เธอยังเฝ้าตามติดทวงถามรักจากเขา แม้เกิดเป็นหนุ่มหล่อเลิศ รวยล้นและเพียบพร้อม แต่นาคินทร์ไม่เคยได้สัมผัสถึงรักแท้ ด้วยเวรกรรมที่กระทำไว้ย้อนมาให้ต้องแก้ไขสิ่งผิด ลายนาคสีดำที่ปรากฏบนตัวคือเจ้ากรรมที่เขาต้องชดใช้ เมลินดาคอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเพื่อมอบรักแท้ให้ แต่เขากลับไม่ค่อยใส่ใจ แม้ซึมซับรักจากเธอ แต่ก็เนิ่นช้าจนหญิงสาวเริ่มถอดใจ กระทั่งเมื่อเธอคิดตีจาก เขาจึงสำนึกถึงรักที่ถ่องแท้ แต่จะทำเช่นไรเมื่อเธอห่างหายไปไกลเสียแล้ว...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2025