ร้ายรักเหนือเมฆ (ลัลลาบาย)
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 275.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
รอยรักกับลูกไก่
‘ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีทุกข์...แต่ที่ใดมีเซ็กซ์...ที่นั่นย่อมมีความสุข’
นี่คือคติประจำใจของเขาที่ยึดมั่นมานานนับปีและจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ลายเมฆ อารีลักษณ์ ตื่นมารับเช้าวันใหม่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเป็นครั้ง
ที่สามของสัปดาห์นี้ เมื่อรวบรวมสติได้เกือบครบ ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นจาก
เตียงนอนที่เกลือกกลิ้งอยู่
ชายหนุ่มผิวปากหวือ เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวข้างกาย
ที่ยังหลับพริ้มได้ชัดเต็มตาเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อคืนนี้นอกจากรูปร่าง
อวบอัดกับลีลาร้อนแรงถูกใจเขาแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนจะเลือนรางเสีย
เหลือเกิน นิ้วแข็งไล้แผ่วๆ ไปที่แก้มนวล เธอสวยน่ารักจนเขาต้องมองซ้ำ
เนินอกอวบอิ่มโผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมบุนวมสีน้ำตาลอ่อนอย่างหมิ่นเหม่
จนเขานึกอยากจะปลุกหญิงสาวขึ้นมา ‘รับอรุณ’ กันอีกสักรอบสองรอบ
ติดก็แต่วันนี้เขามีนัดประชุมตอนสาย ไม่อย่างนั้น...
มือใหญ่ควานหากางเกงชั้นในยี่ห้อดังซึ่งเผลอปาทิ้งไปตอนไหนไม่รู้
ถ้าจำไม่ผิดก็คงจะเป็นตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม แรงเหวี่ยงในตอนกำลังคึก
ราวกับช้างสารตกมันจากบนเตียงน่าจะทำให้ปราการด่านสุดท้ายของเขา
ลอยออกไปในระยะไม่ต่ำกว่าห้าเมตร
ดวงตาสองชั้นสีน้ำตาลอ่อนจางแบบลูกครึ่งกวาดมองไปทั่วห้องซึ่ง
มีแต่เสื้อผ้าข้าวของระเนระนาด ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บนโคมไฟแบบตั้งโต๊ะ
สีครีมลายหินอ่อนเข้ากับการตกแต่งห้องของโรงแรมห้าดาวแสนทันสมัยแห่งนี้
“ไปอยู่บนนั้นได้ยังไงวะ” ชายหนุ่มสบถพลางส่ายหน้าน้อยๆ
ร่างสูงใหญ่บึกบึนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้า
เซนติเมตร ปัดเสื้อชั้นในลูกไม้สีดำบางเบาที่ติดอยู่ที่หน้าแข้งแข็งแรงให้
หลุดออก ก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหากางเกงในตัวน้อยซึ่งห้อยร่องแร่งอยู่
บนโคมไฟที่หมายตา
ลายเมฆไม่เคยมีปัญหาในการเดินเปลือยกายในห้องที่ไม่ได้อยู่
เพียงลำพัง ไหล่หนาบึกบึนแม้จะมีร่องรอยแผลเป็นขนาดใหญ่จากการ
ผ่าตัดสมัยที่ยังเป็นนักกีฬา แต่เขากลับพบว่าแผลเป็นนี้ดึงดูดสายตาของ
สาวๆ ให้อ่อนระทวยได้มากกว่าที่คิด แผ่นอกบึกบึนซึ่งมีขนสีอ่อนประปราย
นั้นทำให้ผู้หญิงอยากลูบไล้ แขนล่ำสันทั้งสองข้างพร้อมเสมอสำหรับการ
เกี่ยวกระหวัดร่างบางระหงหรืออวบอัดของผู้หญิงทุกคนให้มาอยู่ที่ใต้ร่างเขา
เอวแกร่งและสะโพกสอบได้รูปก็มีเอาไว้ออกแรงในเกมรักอย่างทรหดได้
ตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า
ขายาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงโคมไฟอันนั้น เขาจัดแจงสวมชั้นใน
ให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบกางเกงสแล็กส์สีเข้มที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาใส่
ตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีเทายับย่น ชายหนุ่มพยายามแต่งตัวให้เงียบที่สุดเพื่อจะได้
ไม่รบกวนหญิงสาวนิรนามสุดร้อนแรงเมื่อคืนนี้ที่กำลังนอนหลับเป็นตาย
กว่าเขาจะยอมให้เธอได้พักก็เกือบเช้าวันใหม่ คงอีกนานกว่าเธอ
จะตื่นขึ้นมา นึกไปถึงมือเรียวที่สอดเข้าไปในกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของเขา
เมื่อไฟรักถูกจุดติด กับสะโพกผายแน่นตึงที่ตอบรับการมาเยือนของเขา
ด้วยความยินดีครั้งแล้วครั้งเล่านั่นแล้วก็อดคอแห้งผากขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ลายเมฆจัดแจงโทร.สั่งอาหารมื้อเช้าสำหรับหญิงสาวมาวางรอเอาไว้
ที่โต๊ะอาหารด้านนอก ซึ่งยังเรียบร้อยพอใช้ได้ ต่างกับโซฟายาวบุด้วย
ผ้ากำมะหยี่สีน้ำตาลเข้มซึ่งสภาพไม่ต่างกับห้องนอนนัก คาดว่าเมื่อคืนมัน
คงจะเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบระหว่างเขากับเธอ
“ขอบคุณนะที่รัก สำหรับค่ำคืนที่แสนร้อนแรง”
ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูแล้วกดจูบหนักหน่วงลงไปที่แก้มนวลนั้น
อีกครั้ง มือใหญ่คว้ากระเป๋าสตางค์เดินลิ่วลงไปชั้นล่างของโรงแรมสุดหรู
เพื่อชำระค่าห้อง
เหนือกาล...หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน ‘บัวนิสสิโม’ เงยหน้าขึ้นจากของสด
ของแห้งนับสิบกล่องในสต็อกหลังร้าน ใบหน้าขาวทว่าคมคายคล้ายดารา
เกาหลีกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสภาพของลายเมฆที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเทายับย่นกับ
กางเกงสแล็กส์ตัวเดิม
“ได้กลับบ้านหรือเปล่าวะไอ้มาร์ค”
เหนือกาลเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยังเรียกเขาด้วยชื่อเล่นเหมือนสมัย
ที่ยังเด็ก ต่างกับคนอื่นที่พากันเรียกสั้นๆ ว่าเมฆ หรือหนักกว่านั้นก็จะ
เรียกตามฉายาที่เขาแสนภูมิใจว่า ‘ไอ้เสือ’
ใช่...เขาคือไอ้เสือลายเมฆ
“ยังจะมาถามอีก สารรูปอย่างนี้” ลายเมฆยักคิ้วอย่างไม่ยี่หระ “แต่ก็
คุ้มว่ะ เมื่อคืนนี้อย่างกับได้ขึ้นสวรรค์” ชายหนุ่มโฆษณาพร้อมยกนิ้วโป้ง
ขึ้นมารับรองคุณภาพ
“ก็เห็นพูดอย่างนี้เกือบทุกครั้ง” อีกฝ่ายไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
อันที่จริงเหนือกาลก็ไม่เคยจะสนใจผู้หญิงคนไหนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
อยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าชายหนุ่มผิวขาวปักใจอยู่กับเพื่อนสนิทข้างบ้านที่คบกัน
มาตั้งแต่เด็กๆ เพียงแต่หญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นกลับไม่มีสัญชาตญาณของ
ความเป็นผู้หญิงอยู่เลยสักนิด เธอจึงไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนสนิทกำลังคิด
ไม่ซื่อ เหนือกาลผู้น่าสงสารจึงทำได้แค่ร้องเพลงรอจีบสาวอยู่ในใจเท่านั้น
เพื่อนของเขายังคงก้มหน้าก้มตาเช็กจำนวนสินค้าในกล่องต่ออย่าง
ตั้งใจ ก่อนจะหันมาไล่เมื่อเห็นเขายังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่
“รีบขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าไป พอไอ้จิวมันมาจะได้ประชุมประจำเดือน
กันได้เลย วันนี้ท่าจะยาวเพราะมีเรื่องที่ต้องเตรียมเกี่ยวกับเมนูโปรโมชัน
แล้วก็เรื่องรับเด็กฝึกงานใหม่ด้วย ว่าจะปรึกษาสักหน่อย คงมีอีกหลายเรื่อง
เลยวันนี้ ถ้านายชักช้ากว่าจะคุยเสร็จก็คงเย็น สงสารไอ้จิวมัน กว่ามันจะ
ขับรถกลับถึงระยองก็ค่ำ”
ลายเมฆพยักหน้ารับ หยิบโหลลูกกวาดหลากสีสันของทางร้านที่ใช้
สำหรับแจกลูกค้าหลังอาหารมาเขย่าเพื่อเลือกสี โลกของเขาสดใสขนาดนี้
ต้องลูกกวาดสีแดงรสเชอร์รีจึงจะเข้ากัน
เขาแกะลูกกวาดโยนเข้าปากพลางยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่าอีก
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาที่นัดกับจอมภพ หรือ ‘จิว’ หนุ่มลูกครึ่งไทย
ฮ่องกงซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งของร้านอาหารแห่งนี้ ชายหนุ่มจึงรีบผลัก
ประตูกระจกที่กั้นไว้สำหรับพนักงานของร้านเข้าไปเพื่อขึ้นสู่ชั้นบน
ชั้นสองของร้านอาหารนี้เป็นที่สำหรับให้พนักงานใช้นั่งเล่นและ
ทำงานเกี่ยวกับเอกสาร ส่วนชั้นที่สามทำเป็นห้องพักเอาไว้สองห้อง เผื่อ
เวลาที่ใครเลิกดึก ดื่มหนัก หรือยังไม่อยากกลับบ้าน ห้องทางซ้ายมือติดกับ
ประตูหนีไฟเป็นของเหนือกาล อีกห้องหนึ่งตรงกลางเป็นของเขา ส่วนจอมภพ
นั้นสิ้นเดือนถึงจะเข้ามาดูร้านอาหารสักครั้ง เพราะชายหนุ่มมีรีสอร์ตของ
ตัวเองที่จะต้องดูแลอยู่ที่จังหวัดระยอง เลยไม่ต้องการห้องส่วนตัว ห้องว่าง
ตรงปลายทางเดินใกล้กับบันไดจึงจัดเอาไว้เป็นห้องประชุมเล็กๆ แทน
ลายเมฆอาบน้ำชำระร่างกายด้วยความรวดเร็ว ฟังจากเสียงรถด้านนอก
ก็พอจะรู้ว่าไอ้จิวของเพื่อนๆ น่าจะมาถึงแล้ว มือหนาปาดครีมสีขาวข้น
จากกระปุกมาป้ายส่งๆ ไปบนใบหน้า จำได้ว่าตอนที่ซื้อครีมกระปุกนี้มา
พนักงานขายเฝ้าแต่ย้ำให้เขาใช้นิ้วนางเกลี่ยเบาๆ ให้ทั่ว แต่ใครเล่าจะไปทำตาม
กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพรอยจ้ำสีแดงตรงซอกคอไม่ต่ำกว่า
สามจุดที่หญิงสาวสุดร้อนแรงเมื่อคืนได้ฝากเอาไว้ ยังไม่รวมร่องรอยตาม
ร่างกายอีกนับสิบ
“ร้อนแรงจริงๆ”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มพลางนึกไปถึงเบอร์โทรศัพท์ในกระดาษรองแก้ว
ที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้
แม้จะรู้สึกถูกใจไม่น้อย แต่ผู้ชายอย่างลายเมฆก็ไม่คิดที่จะเดิน
ย้อนรอยเดิม เขาไม่อยากรู้สึกผูกพันกับใครมากไปกว่าหนึ่งคืน
การ ‘แลกเปลี่ยนประสบการณ์’ ชั่วข้ามคืนหรือที่ฝรั่งมักเรียกว่า
‘วันไนต์สแตนด์’ จึงเหมาะกับคนอย่างเขามากที่สุด
ลายเมฆคว้าเสื้อยืดโปโลสีสดกับกางเกงยีนพอดีตัวมาสวมลวกๆ
ยกปกเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อปิดบังรอยจ้ำสีแดงทับทิมซึ่งกำลังจะเปลี่ยนไป
เป็นสีม่วงในไม่ช้า ยังไม่ทันจะลงมาถึงชั้นล่าง ร่างสูงของเหนือกาลก็เดินสวน
ขึ้นมาพร้อมกับแฟ้มพลาสติกบางใส มือหนารีบยัดแฟ้มใส่เขา ขณะที่ปาก
ขยับบอกง่ายๆ
“ไปสัมภาษณ์เด็กฝึกงานใหม่ให้หน่อย เอาแค่พอเป็นพิธีแล้วก็รับ
เข้าทำงานได้เลย เดี๋ยวฉันขอดูเรื่องเมนูโปรโมชันกับไอ้จิวแป๊บนึง แล้ว
อีกครึ่งชั่วโมงไปเจอกันที่ห้องประชุมชั้นบน”
“อ้าว คนเราพอแล้วไม่ใช่เหรอ จะรับเพิ่มอีกทำไม”
“รับเพิ่มอีกทำไมน่ะเหรอ” เหนือกาลย้อนถามเสียงห้วน “ฉันกับ
ไอ้จิวตัดสินใจให้ต้นอ้อกับนัทที่เพิ่งเริ่มงานเมื่อสองเดือนก่อนไม่ผ่านงาน
ทั้งคู่ มีอย่างที่ไหน ให้มาทำงานดันมาทะเลาะตบตีกันต่อหน้าลูกค้าเพื่อ
แย่งนาย อาหารตกเกลื่อนกลาด ยังไม่รวมวีรกรรมอื่นๆ ที่ทำเพื่อเรียกร้อง
ความสนใจจากนายอีก บอกตรงๆ ว่าขอบาย”
“แหม...ก็คนมันหล่อและมีเสน่ห์ ให้ทำไงได้” เขาแกล้งโม้
“แล้วคนนี้พวกฉันขอนะ ห้ามเลย อย่าทำเสียเรื่องอีกล่ะ” เหนือกาล
กำชับก่อนเดินเร็วๆ จากไป
ชายหนุ่มเปิดดูแฟ้มนั้นคร่าวๆ พลางเดินเข้าไปในห้องทำงานที่ชั้นสอง
ยักไหล่น้อยๆ เมื่อเห็นภาพถ่ายหน้าตรงของหญิงสาวอายุราวสิบเก้าถึงยี่สิบต้นๆ
เธอมีใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กจุ๋มจิ๋ม ปากนิดจมูกหน่อย เรียกได้ว่า
อะไรๆ ในเครื่องหน้าดูเล็กกะทัดรัดไปเสียหมด แม้กระทั่งมวยผมรูปร่าง
คล้ายโดนัทอันจิ๋วที่อยู่สูงเด่นบนศีรษะเล็กๆ ของเธอ จะมีก็แต่ดวงตาดำขลับ
กลมโตราวกับตากวางเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนเดียวที่โดดเด่นออกมา
จากรูปร่างหน้าตาในรูปถ่าย สาวน้อยคนนี้ผ่านเกณฑ์ความสวย
ขั้นพื้นฐานของเขาอย่างไม่ต้องคิดซ้ำ
มาสมัครงานในตำแหน่งเด็กฝึกงานอย่างนั้นหรือ
ลายเมฆอ่านประวัติของหญิงสาวดูคร่าวๆ ในระหว่างที่นั่งรอให้
เด็กในร้านอีกคนไปเรียกหญิงสาวขึ้นมาเพื่อเริ่มการสัมภาษณ์
‘ชื่อ วาริสา นามธรรม อายุยี่สิบสองปี’
อืม...ผิดจากที่เขาคาดไปเล็กน้อย
เพิ่งจบปริญญาตรีสาขาคหกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยที่มี
ชื่อเสียงแห่งหนึ่ง และต้องการประสบการณ์เกี่ยวกับร้านอาหารจากที่นี่
เพื่อการสมัครงานในอนาคต
นั่นหมายถึงว่าเธอจะอยู่ไม่นาน
แต่จะว่าไป...เด็กฝึกงานในร้านก็มักอยู่ไม่ทนอยู่แล้ว แต่นี่เป็น
ครั้งแรกที่จะมีเด็กฝึกงานจบปริญญา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงสมาธิของลายเมฆให้ห่างออกจากประวัติ
ของสาวน้อยจบใหม่ ใบหน้านวลเนียนกระจุ๋มกระจิ๋มโผล่เข้ามาตามรอยแง้ม
ของประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตามมาด้วยโดนัทลูกเล็กๆ บนศีรษะเธอ
ที่วันนี้ดูกลมเป็นพิเศษมากกว่าในรูปถ่าย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันนิดๆ
เหมือนกำลังรวบรวมความกล้า
“สวัสดีค่ะ หนูมาสัมภาษณ์งานค่ะ”
“เข้ามาสิ” เขาเอ่ยปากอนุญาต ตวัดสายตาไปทางเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ว่างอยู่
เป็นสัญญาณให้หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น
ร่างบอบบางคงคอนเซปต์ ‘เล็กกะทัดรัด’ ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยน
เข้ามาในห้อง ก่อนยกมือเรียวขึ้นไหว้เขา แล้วจึงเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวเดียวที่ว่างอยู่
เมื่อเพลย์บอยหนุ่มเห็นการแต่งตัวของเธอก็ถึงกับต้องขมวดคิ้ว
ความประทับใจเมื่อแรกเห็นเพียงรูปถ่ายลอยหายวับไปทันที
เธอคนนี้เพิ่งกลับมาจากการทำบุญหรืออย่างไร
หญิงสาวแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมถึงคอ คู่กับกระโปรง
ทรงสอบสีน้ำเงินเข้มซึ่งมีความยาวคลุมเข่า สวมรองเท้าคัตชูสีดำไร้ลวดลาย
บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับอื่นใดนอกจากสร้อยข้อมือเส้นน้อยที่มอง
ยังไงก็เหมือนลูกประคำที่แจกตามวัดเวลาทำบุญ
แต่งตัวเรียบร้อยมิดชิดและเชยขนาดนี้น่าจะไปบวชเป็นชีเสียให้
รู้แล้วรู้รอด หลุดมาจากดาวแห่งธรรมะหรืออย่างไรก็ไม่รู้
แต่เมื่อเขาได้พิจารณาเธอใกล้ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนความคิด โดยเฉพาะ
รอยแยกจากสาบเสื้อทางด้านหน้าของเสื้อเชิ้ตตัวเล็กสีขาวสะอาดตา
ซึ่งติดกระดุมอย่างมิดชิดตัวนั้น ทำเอาลายเมฆเผลอกลืนน้ำลายติดๆ
กันหลายครั้งอย่างลืมตัว
แม่เจ้าโว้ย...แม่ชีสาวคนนี้มีผลิตภัณฑ์ล้นเหลือจริงๆ ไม่เห็นจะเล็ก
เหมือนส่วนอื่นของร่างกายสักนิด ความยืดหยุ่นยามเธอก้าวเดินบอกให้เขา
รู้ว่าเป็นนมสดแท้แบบครบส่วน แถมไม่พร่องมันเนยของจริง ไม่ได้หลอกลวง
ผู้บริโภคแบบที่ใช้นมผงดัดแปลงหรือนมผงขาดมันเนยมาทดแทนอย่าง
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)