แม้สุดขอบฟ้า

แม้สุดขอบฟ้า

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165000000
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ผมจะไม่ยอมรับงานที่ไม่เป็นไปตามแผนงานของผม ผมจะล้มดีลนี้ แล้วคุณก็พิจารณาตัวเองเสียด้วย” เขาส่งเสียงมาก่อนตัว เสียงนั้นไม่ด้งนัก แต่

ก็เข้มและฉุนเฉียวจนเธอต้องเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนเล่มโปรด ในจังหวะที่

เขาหันไปส่งกระเป๋าให้พนักงานต้อนรับหนุ่มนำไปเก็บบนชั้นวางของเหนือศีรษะ ที่เห็นจึงแค่เพียงผู้ชายร่างสูงใหญ่สมส่วนสวมสูทธุรกิจที่ตัดเย็บจากผ้าเนื้อดี

สีดำ เดาเอาว่าคงเป็นสูทแบรนด์ดังที่ราคาแพงลิบลิ่ว ที่นั่งของเขาอยู่เยื้องไป

ด้านหน้าซึ่งมีทางเดินคั่น เขาลงนั่งไขว่ห้างแล้วเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จากนั้น

ก็เปิดไฟล์ตารางตัวเลขถี่ยิบขึ้นมา แล้วพูดภาษาโปรตุกีสซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ ของบราซิลรัวเร็วและยาวเหยียดชนิดที่คนที่มีมารดาเป็นคนบราซิลอย่างเธอ ยังฟังไม่รู้เรื่อง

เขาต้องเป็นคนที่ทำให้เที่ยวบินนี้ข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ๆ เพราะพอขึ้น มาครู่เดียว พนักงานต้อนรับก็เดินมาส่งยิ้มและส่งสัญญาณให้เขาปิดโทรศัพท์ อย่างนอบน้อมจนผิดสังเกต...สงสัยเป็นนักธุรกิจใหญ่

เขายอมปิดโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์แต่โดยดี จากนั้นก็หลับตานั่งแล้ว หายใจแรง ๆ เหมือนยังไม่หายโกรธเรื่องลูกน้องเจรจางานผิดพลาดจนต้อง

ไล่ออกกลางอากาศ กระทั่งสัญญาณเตือนว่าเครื่องขึ้นอย่างปลอดภัยแล้วดังขึ้น

 

เขาจึงเปิดคอมพิวเตอร์เหมือนรอเวลาอยู่แล้ว และเปิดไปที่หน้าอีเมลซึ่งดาวน์- โหลดอีเมลที่ยังไม่ได้อ่านไว้เต็มหน้าจอ แล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านและตอบอีเมล แต่ละฉบับอย่างรวดเร็วและจริงจังยิ่งกว่านักเรียนทำข้อสอบปลายภาคเสียอีก หญิงสาวนึกสงสารตัวเองที่ต้องเดินทางไกลโดยมีเพื่อนร่วมทางเป็น นักธุรกิจใหญ่ที่เคร่งเครียดจริงจังและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เขาไม่แม้แต่จะหัน มาทักทายเธอ ทั้งๆ ที่ยังต้องนั่งเครื่องบินไปด้วยกันอีกกว่าสิบชั่วโมง เขาก้มหน้า ก้มตาทำงานราวกับเวลาเป็นยิ่งกว่าเงินทองและไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว ตรงกัน

ข้ามกับเธอที่มีเวลาอ่านการ์ตูนเล่มโปรดอย่างเหลือเฟือ

การเดินทางของเธอยังไม่ถึงครึ่งทางเลยด้วยซ้ำ เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สู่ อังกฤษ เพี่อต่อเครื่องไปเซาท์เปาลูของบราซิล และต่อเครื่องไปยังเมืองกูรีตีบา

ซึ่งอยู่ในรัฐทางใต้ของบราซิล กินเวลารวมนั่งรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินยาว

นานกว่าสามสิบชั่วโมง สำหรับเที่ยวบินนี้ นอกจากแอร์โฮสเตสตาชั้นเดียวชาว

ญี่ปุ่นแล้ว ก็ไม่มีคนหน้าตาเอเชียแท้ๆ ให้เห็นเลยสักคน เธอเองแม้จะได้ชื่อว่า

เป็นคนไทย แต่ก็มีเลือดผสมจนหน้าตาแทบไม่บ่งบอกเชื้อชาติ บ้างว่าเป็นฝรั่ง ทางยุโรปตอนใต้ บ้างก็ว่าเป็นแขกขาว แท้จริงแล้วบิดาเธอเป็นคนไทยแท้ ในขณะที่ มารดาเธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-บราซิลที่เติบโตมาจากรัฐทางตอนใต้ของบราซิล

                 โดยปกติเธอแบ่งช่วงการเดินทางไกลเป็นสามช่วง แน่นอนว่าช่วงแรกคือ ช่วงแห่งความตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ ช่วงที่สองความตื่นเต้นเหลือค่าเป็นศูนย์ และช่วงที่สามความเบื่อหน่ายเริ่มมาเยือน แต่ในครั้งนี้เธอเริ่มเบื่อหน่ายตั้งแต่

ออกจากเมืองไทยก็ว่าได้ เหตุเพราะเป็นการเดินทางที่ไม่เต็มใจ เธอไม่อยากไป เยี่ยมคุณตาหัวแข็งที่บราซิลเลยสักนิด แต่คุณตาล่งตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งมาให้

ราวกับมัดมือชก และมารดาของเธอก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นบิดาที่เพิ่งจะญาติดีกัน หลังจากตัดญาติขาดมิตรกันมากว่ายี่สิบปี

 

“ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” แอร์โฮสเตสสาวสวยหุ่นดีเข้ามาถามพลาง ล่งยิ้มหวานเชื่อมทุกสิบนาที ซึ่งบ่อยเกินไป แม้จะเป็นที่นั่งชั้นหนึ่งก็ตามที เขา

คงจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ มหาเศรษฐี หรือคนใหญ่คนโตของบ้านนี้เมืองนี้ เธอจึง พลอยได้รับอานิสงส์การเอาใจใส่ราวกับเป็นบุคคลสำคัญไปด้วย

“ไม่ครับ ขอบคุณ” เขาตอบโดยไม่เงยหน้า สร้างความผิดหวังให้ผู้คอย

ลุ้นอยู่ข้างๆ ไม่น้อย

ในที่สุดเธอก็หมดความสนใจ แล้วหันมาใส่ใจกับกิจกรรมโปรดตามเดิม เธอมีโปสต์การ์ดที่เพิ่งลงลายเส้นไว้หลายใบ เพี่อฆ่าเวลาและความเบื่อหน่าย จะ ลงสีให้สวยงามเลยทีเดียว

หญิงสาวถอดเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำลายเรขาคณิตสีสันสดใส ซึ่งเป็นหนึ่ง ในเสื้อหรูไม่กี่ตัวที่คุณย่าชอบชื้อให้ และเธอก็ชอบใส่ เพราะดูเก๋’ไก๋มีสไตล์สมกับ นักเรียนศิลปะ กันหนาวได้ และสามารถออกงานได้อีกด้วย เป็นเสื้อที่ใส่ได้สอง ด้าน ด้านในเป็นผ้าไหมสีเลือดหมู ดูเหมือนโอเวอร์โคตคอตั้งไร้รอยต่อ แขน

บานทิ้งตัวดูราวกับผ้าคลุมไหล่ที่ตัดจากผ้าผืนเดียว เป็นเสื้อตัวโปรดที่เธอชอบ

ใส่เวลาเดินทาง แอร์โฮสเตสสาวใจดีนำเสื้อคลุมของเธอไปแขวนให้ หลังจาก

รับเสื้อสูทภูมิฐานจากชายหนุ่มข้างๆ ไปแขวนก่อนแล้ว ยามนี้เธอจึงพร้อมทำงาน ในเสื้อยืดแขนสั้นรัดรูปสีชาว ปล่อยชายเหนือกางเกงทรงแคบยาวเหนือข้อเท้า โชว์รองเท้าหญ้าสานสลับริบบิ้นไหมสีแดง ศิลปินไฮโซ...คือฉายาที่เพื่อนๆ เรียก ขานโดยดูจากการแต่งตัว ทั้งๆ ที่นานๆ เธอจะแต่งหรูลักที ส่วนใหญ่ก็แต่ง

โทรมแกมเก๋แบบเพื่อนๆ นั่นแหละ

ขณะยื่นเสื้อคลุมให้แอร์โฮสเตส เธอหาโอกาสมองหน้าเพื่อนร่วมทางที่ใน ยามนี้ยังไม่ยอมหันมาทักทายหรือโชว์ใบหน้าเต็มๆ ให้เห็น จากมุมนี้เธอเห็นเส้น โครงหน้าด้านข้างชัดเจนมากจนอยากจะสเก็ตช์ภาพ เธอชอบสังเกตและเดานิสัย ใจคอจากรูปหน้า แนวจมูกโด่งได้รูปเข้ากันดีกับโหนกแก้ม กรามแข็งแรง และ

คางมน เมื่อผสมกับไรเคราบาง ๆ ก็ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ผิวสีแทนจากการ อาบแดดบ่งบอกถึงความเป็นนักกีฬากลางแจ้ง ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้ม น่า เสียดายที่ไม่เห็นดวงตา หากดวงตาสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ากับสีผมก็น่าจะดี และ ถ้ารูปตาสวยก็น่าจะเป็นคนที่หล่อเหลาเอาการทีเดียว แม้เธอจะมีเชื้อสายชาว ตะวันตกอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่เธอกลับชอบคนตาสีดำหรือน้ำตาลมากกว่าตาสีฟ้า รู้สึก เหมือนเป็นพวกเดียวกัน...สงสัยจะติดนิสัยไม่ชอบฝรั่งตาน้ำข้าวมาจากคุณย่า ชาตินิยมของเธอ

หลังจากนั่งลุ้นให้เขาหันมาอยู่นานแต่ไม่เป็นผล เธอก็ชักสายตากสับ เธอ นำกระดาษเขียนโปสต์การ์ดทำเองติดตัวมาปีกใหญ่ ตั้งใจจะบันทึกการเดินทาง ครั้งนี้ผ่านโปสต์การ์ด แล้วนำไปแสดงนิทรรศการเล็ก ๆ ในร้านอาหารกึ่งแกล-

เลอรีสุดหรูของญาติเพื่อนสนิท เพี่อนำเงินไปช่วยเด็กกำพร้า เธอหยิบภาพ

สเก็ตช์ที่ยังไม่เสร็จออกมา เป็นภาพหอนาพีกาบกเบนแห่งลอนดอน ที่มุมด้าน ซ้ายมือใส่เครื่องหมายบอลลูน แล้วสเก็ตช์ภาพผู้คน'ที่เดินขวักไขว่ในสนามบิน

ฮีตโทรว ตอนแรกคิดว่าจะลงสีไม้ แต่เอียงคอมองดูแล้วคิดว่าสีน้ำน่าจะเหมาะ กว่า เธอนำสีน้ำชุดเล็ก จานสี พู่กันติดกระเป๋าถือมาด้วย และมีน้ำขวดเล็กที่

ยังไม่ได้ดื่ม แม้มีพื้นที่แคบ ๆ แค่เพียงโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้า แต่เธอก็ผสมและ

ลงสีได้อย่างคล่องแคล้ว พร้อมกับสวมหูฟ้งเครื่องเอ็มพีสามเปิดเพลงเปียโน คลาสสิกสุดโปรด จังหวะการตวัดพู่กันเข้ากับเสียงเพลงโดยอัตโนมัติ

“ร้าย !” เธออุทานสุดเสียงเมื่อเครื่องบินวูบและมือพลาดไปถูกจานสี จาน สีกระเด็นหวือข้ามทางเดินไป ครั้นมองตามไปก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสีน้ำ กระเด็นเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวจัดเรียบกริบของนักธุรกิจใหญ่ ดูราวกับงานศิลปะ

สีแรงแนวอิมเพรสชันเลยที เดียว

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” หญิงสาวลืมตัวพูดภาษาไทยและยกมือไหว้ทั้งๆ ที่ ยังถือพู่กันอยู่ในมือ เมื่อละสายตาจากตัวเสื้อชิ้นสู่ใบหน้าก็พบว่าเจ้าของเสื้อจ้อง มองอยู่ก่อนแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่มีเบ้าตาลึกและดวงตาสีแปลกมากทีเดียว เป็น ดวงตาสีเขียวคล้ำเกือบดำเหมือนสีมรกตเข้มยามไร้แสง ตาดุและมีพลังบางอย่าง ชนิดที่ทำให้เธอต้องหลบตาวูบ เขามีรูปหน้าที่สมบูรณ์แบบแต่ดุดันโดยเฉพาะ ตอนที่เขาขมวดคิ้วและเหยียดรีมฝีปากบางจนเกือบเป็นเส้นตรง พอเห็นหน้าก็

นึกชิ้นมาได้ว่าเขาเป็นคนต่างชาติ จึงรีบเปลี่ยนคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ แล้ว คว้ากระดาษทิชชูส่งให้มือไม้สั่น แต่เขากลับเอาแต่จ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบ เธอ ส่งคำขอโทษเป็นภาษาโปรตุกีสตามไปอีกครั้ง เขาก็ยังจ้องเขม็งด้วยดวงตา

คมกริบราวกับจะเผาผลาญเธอให้ไหม้เป็นจุณอยู่นั่นเอง

แย่แล้ว ! นักธุรกิจใหญ่คนนี้ต้องเรียกร้องค่าเสียหายสำหรับเสื้อเชิ้ตสีขาว จัดชนิดไม่รีดก็เรียบจนเธอหมดตัวแน่ๆ

“คุณไม่ได้ยินกัปตันประกาศให้รัดเข็มชัดหรือไง !”

“อะไรนะคะ”

เขาชี้ไปที่หูของเธอ เธอจึงถอดหูฟังออก

 

“กัปตันประกาศให้รัดเข็มขัด”

“หรือคะ” เธอเบิกตาโตพลางขยับตัวคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วยิ้ม

แหย ๆ เมื่อเห็นเขาส่ายศีรษะอย่างอารมณ์เสียเต็มที

“เสื้อคุณร้อนหมดเลย” สีหน้าและนํ้าเสียงของเธอสลดพอๆ กัน

เขายักไหล่แล้วเอ่ย

“แล้วไง”

เธอยิ้มแหยๆ อีกครั้ง แล้วหลุบตาตํ่า ไม่กล้าสบตาสีแปลกแสนดุของเขา “ฉันจะจ่ายเงินค่าเสื้อให้คุณ” เธอพึมพำข้อเสนออย่างไม่มั่นใจนัก

“ช่างมันเถอะ”

เขาเอ่ยพลางถอนใจยาวเหมือนพยายามจะสงบสติอารมณ์

“ไปเที่ยวลอนดอนมาหรือ...ครับ” นํ้าเสียงนุ่มนวลขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นมอง แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้ม แต่ก็ดีกว่า การตีหน้ายักษ์เมื่อครู่นิดหนึ่ง เขาคงเห็นภาพโปสต์การ์ดหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่ยัง ล

ลงสีไม่เสร็จตรงหน้าเธอ งานศิลปะคงทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขายกมุมปากยิ้ม แม้เพียงนิดเดียว แต่ก็ทำให้ใจที่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มของเธอค่อยยกตัวขึ้นมาหน่อย “เปล่าค่ะ มาต่อเครื่อง จะไปกูรีตีบา”

“ไปเที่ยวหรือครับ”

“เปล่าค่ะ มาวาดโปสต์การ์ดเอาไปเปิดนิทรรศการขายเอาเงินช่วยเหลือ เด็กกำพร้าค่ะ” พูดพลางกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นเขาทำหน้าประหลาดใจ เขาคงนึกว่า เธอเป็นลูกสาวที่ไร้สติของมหาเศรษฐีใจดีที่ลงทุนบินข้ามทวีปด้วยที่นึ่งชั้นหนึ่ง มาวาดโปสต์การ์ดไม่กี่แผ่น เธอตั้งใจพูดติดตลกเพี่อให้เขาผ่อนคลาย ความจริง แล้วเธอจะไปเยี่ยมคุณตาชาวบราซิลต่างหาก “เด็กกำพร้าที่เมืองไทยหรือครับ”

“เอ๊ะ ! รู่ได้อย่าง’ไร'ว่า'ฉันเป็นคนไทย”

“คุณไหว้และขอโทษผมเป็นภาษาไทย ผมเคยไปเมืองไทย”

“อยากช่วยเด็กกำพร้ามั้ยคะ” หญิงสาวชูโปสต์การ์ดพลางโบกเบา ๆ ให้

สีแห้ง “แค่เหรียญเดียวค่ะ”

“ผมให้ร้อยปอนด์เลย” ไม่พูดเปล่า เขาเปิดกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรร้อย

ปอนด์ใหม่เอี่ยมยื่นให้ หญิงสาวเบิกตา...นอกจากจะไม่ต้องเสียเงินค่าเสื้อแล้ว เธอยังได้เงินเขาไปช่วยเด็กกำพร้าอีกตั้งร้อยปอนด์แน่ะ แสดงว่าเป็นมหาเศรษฐี ตัวจริง

“คุณใจดีจัง ฉันจะขออนุญาตวาดรูปคุณเก็บไร้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งมี คนใจดีชื้อโปสต์การ์ดใบละร้อยปอนด์แน่ะ” ว่าพลางหยิบปากกามาขีดไปมาบน โปสต์การ์ด’ไม่กี่ที ก็ได้ภาพการ์ตูนล้อเลียนเป็นผู้ชายฝรั่งจมูกโด่งแหลมเปี๊ยบ ผม หยักเป็นลอนดูเหมือนพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่น รอยยิ้มกว้างอย่างที่เธอจินตนาการ เอาเอง เพราะเขาเพียงแค่แย้มยิ้มนิดๆ เท่านั้น แล้วเขียนชื่อภาพด้านล่างว่า ‘อังเคิลคายด์เนส ๑’ หรือ ‘คุณลุงใจดีหมายเลข ๑’ เธอหัวเราะเมื่อเห็นเขาทำหน้า แปลกๆ จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะบึ้งก็ไม่เชิง เขาอาจชอบค่าว่า ใจดี’ แต่ไม่ชอบค่าว่า

‘คุณลุง’ เพราะยังหนุ่มเกินกว่าจะเรียกว่าคุณลุง

เขามองหน้าเธอ ริมฝีปากยกขึ้นเหมือนจะยิ้ม แต่มีความไม่แน่ใจอยู่ในที ท่าทางกึ่งเป็นมิตรและกึ่งไม่ไว้วางใจของเขาท่าให้เธอวางตัวไม่ถูก ไม่เคยเจอ ผู้ชายหน้าตาดีแต่วางท่าจริงจังเช่นนี้มาก่อน เมื่อรวมกับการเจรจาธุรกิจอย่าง เด็ดขาดและฉุนเฉียวเมื่อครู่ยิ่งท่าให้รู้สึกเกร็ง เธอสบตาเขาวูบเดียว แล้วก็ทิ้ง สายตาลงตํ่า เสื้อเชิ้ตสีขาวจัดของเขาไม่เลวร้ายอย่างที่คิด มีเพียงสีม่วงและ

สีชมพูเปื๊อนเป็นจุด ๆ และตรงขอบมีรอยแตกซึม ตามประสาคนที่มองเห็นว่า ทุกสิ่งสามารถแต่งแต้มให้เป็นงานศิลปะได้ ประกอบกับอยากท่าให้เขารู้สึกดี เธอจึงเกิดความคิดใหม่ที่น่าสนุกและท้าทายขึ้น

“ดูจากรูปทรงของหยดสี น่าจะเพนต์เป็นสวนดอกไม้สวย ๆ ได้นะคะ รังเกียจมั้ยคะถ้าจะ...” เธอยกพู่กันเป็นเชิงขออนุญาต แล้วก็กลั้นหัวเราะเมื่อเห็น เขาทำท่าเหมือนหายใจไม่สะดวก คงนึกเสียใจว่าไม่ควรท่าใจดีกับเธอจนเลยเกิด

 “เชิญครับ” เขาใช้เวลาตัดสินใจไม่กี่วินาที

หญิงสาวเบิกตาแสดงความประหลาดใจแกมดีใจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอม เล่นด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้ เธอเคยแต่เพนต์สีบนเสื้อยืดที่วางบนพื้นโต๊ะ หรือ เซ็นชื่อบนเสื้อนักเรียนเพื่อนร่วมรุ่นในวันที่จะจากกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ วาดรูปลงบนเสื้อขณะที่มีคนสวมใส่อยู่

เธอเดินไปนึ่งคุกเช่าตรงหน้าเขาโดยใช้หมอนรองเช่าวางจานสีบนที่พักแขน หยิบพู่กันแตะนํ้าและจิ้มสีแต่งแต้มลงบนหยดสีอย่างตั้งอกตั้งใจ บางช่วงก็ยื่น หน้าเข้าไปใกล้ ๆ และจ้องมองนิ่ง ๆ เพี่อตัดสินใจก่อนจะลงพู่กัน ใกล้ถึงขนาด ได้กลิ่นนํ้าหอมเย็นๆ และเห็นไรขนหน้าอกที่ลอดผ่านรอยผ่าของเสื้อ บางช่วง ก็เอื้อมมือไปจับเสื้อให้ตึงจนสัมผัสกับกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนจะเกร็ง แข็งขืน และ ขยับถอย และก็มีบางช่วงที่เธอยืนยงโย่ยงหยกเพ่งความสนใจไปที่การเพนต์สี โดยไม่รู้ตัวว่าผมตรงยาวของเธอจุ่มลงไปในจานสี จนเขาต้องเอื้อมมารวบผม

แล้วปัดไปด้านหลังให้ เวลาผ่านไปราวสิบนาที เสื้อสีขาวสะอาดตาก็กลายเป็น ภาพวาดสวนดอกไม้สีม่วงชมพูที่มีช่อดอกฟอร์เกตมีนอตสีม่วงเลื้อยสูงเป็น จุดเด่นนำสายตา เธอถอยกลับมานิ่งที่แล้วกอดอกเอียงคอมองพลางยิ้มอย่าง พอใจในผลงานของตัวเอง

“คุณรู้มั้ยว่าทำไมดอกไม้นี้ถึงมีชี่อว่าฟอร์เกตมีนอต”

เขาจ้องเธอไม่วางตาจนทำให้เธอเริ่มกังวลใจว่าเขาคงโกรธที่เธอทำให้เสื้อ ขาวเรียบหรูที่เปื้อนสีเพียงไม่กี่จุดกลายเป็นสวนดอกไม้เกือบเต็มด้านหน้าเสื้อ

ซึ่งทำให้กลายเป็นจุดสนใจมากยิ่งขึ้นชนิดที่เขาต้องสวมเสื้อสูทติดกระดุม

ทุกเม็ดจนกว่าจะถึงปลายทางเลยทีเดียว

“ชื่อนี้มีตำนานค่ะ อยากฟังมั้ยคะ” เธอชะโงกหน้าเข้ามาถามอย่างไม่ละ ความพยายาม และโดยไม่รอค่าตอบ เธอก็เริ่มตันเล่าเรื่องอย่างตั้งใจราวกับ มารดาเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกน้อยฟ้ง

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเล่นอยู่ในปา หญิงสาวเห็น ดอกหญ้าสีม่วงแสนสวย จึงขอให้ชายหนุ่มช่วยเก็บให้ ฝ่ายชายหนุ่มซุ่มซ่ามลื่น ไถลตกลงไปในล่าธาร เขารีบโยนดอกไม้ให้เธอพร้อมกับตะโกนบอกว่า ฟอร์เกต­มนอต ! อย่าลืมฉัน ! ฝ่ายหญิงรับดอกไม้ได้แล้วก็พลัดตกลงไปในล่าธาร แล้ว

ทั้งคู่ก็หายไปกับสายน้ำพร้อมกับดอกไม้ เศร้าจังนะคะ ที่ฉันวาดดอกฟอร์เกต –­

มีนอตบนเสื้อคุณ ก็เพี่อที่คุณจะได้ไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งเคยเจอคนซุ่มซ่ามบน เครื่องบินไงคะ คล้ายบอดี้เพนติ้งค่ะแต่ดิกว่าตรงที่เก็บไร้เป็นที่ระลึกได้ ภาพนี้

ไม่คิดตังค์” เอ่ยพลางหัวเราะขำความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง ความจริงเธอควรเป็น ฝ่ายจ่ายเงินค่าเสื้อให้เขาเสียด้วยซ้ำ

แต่ดูเหมือนเขาไม่ตลกด้วย เพราะเอาแต่จ้องเธอเขม็ง แววตาในดวงตา

 

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

 

รายละเอียด

จากสีน้ำที่กระเด็นแล้วหยดสีกระเซ็นเบื้อนเสื้อเชิ้ตขาวราคาแพง...เป็นเรื่องเล็กๆ ที่กลับเปลี่ยนแปลงบางอย่างไปตลอดกาล ด้วยมันคือที่มาของตำนานรักสุดขอบฟ้าระหว่าง...มหาเศรษฐีนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ชาวบราซิลผู้เป็นที่หมายปองของผู้หญิงค่อนประเทศ ...กับศิลปินสาวน้อยเลือดบราซิล-ไทย ที่สวยและสดใส ทว่าเอาแต่ใจตามประสาอาร์ติสต์ความรักน่าจะลงตัวสวยงาม...หากไม่มีปมปัญหาเรื้อรังระหว่างครอบครัวของทั้งสอง ที่ฝ่ายชายรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่สุดความรักก็ลงเอยด้วยดี แม้จะต้องตามหารักจนสุดขอบฟ้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024