บ่วงนิวาส (ลีฬวรา)

บ่วงนิวาส (ลีฬวรา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160015627
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เมื่อตะวันคล้อยลงใกล้ผืนดิน ฟ้าเริ่มเจือด้วยสีครามเข้มตัดกับ

แสงไฟตามตัวตึก พอหมดเวลาทำงาน...มนุษย์เงินเดือนต่างก็มุ่งหน้ากลับ

บ้านกันจนทำให้รถติดเป็นทิวยาว

ถ้าคนเราดำเนินชีวิตเป็นจังหวะ ท่ามกลางบทเพลงเร่าร้อนของผู้คนที่

รีบเร่ง ยังมีท่วงทำนองหวานซึ้งบรรเลงแทรกอยู่ หญิงสาวซึ่งนั่งชมแสงสุดท้าย

ของวารวันตรงริมหน้าต่างนั้นที่ดูผิดแผกไปจากบรรยากาศรอบตัว เช่นเดียว

กับบ้านโบราณซึ่งแทรกตัวอยู่ท่ามกลางตึกสูงราวกับสาวหลงยุคหลังนั้น

แสงอาทิตย์ยามอัสดงฉายความอ่อนโยนลงมาบนพื้นพิภพ อาบไล้

หลังคาสีน้ำเงินเข้มให้ดูลึกลับและมีมนตร์ขลัง เมื่อมองจากหน้าต่างตึกชั้นที่

ยี่สิบจะเห็นได้ว่า บริเวณรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ยื่นกิ่งระเกะระกะ

บ่งบอกถึงสภาพไร้การดูแลมาช้านาน มีไม้เถาเล็กๆ เลื้อยปกคลุมทุกพื้นที่

ราวกับใยแมงมุมจนแทบมองไม่เห็นตัวบ้าน ดูรกร้างราวกับเป็นป่าช้ากลางกรุง

ก็ไม่ปาน ในขณะที่ที่ดินด้านหน้าถูกเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง ล่าสุดเพิ่งทุบ

อาคารพาณิชย์หลายสิบคูหาแล้วถางให้โล่งเตียนเพื่อเตรียมการสำหรับ

โครงการขนาดใหญ่ จึงน่าเสียดายที่บ้านถูกปล่อยให้รกร้างในย่านซึ่งขึ้นชื่อ

ว่ามีราคาต่อตารางวาแพงที่สุดในประเทศ

ประภาภรณ์นายหน้าค้าที่ดินมือทองสืบหาเจ้าของอยู่นานจนทราบว่า

บ้านหลังนี้เพิ่งถูกส่งต่อให้ทายาทคนใหม่ หลังจากที่เจ้าของเดิมได้ถึงแก่

มรณกรรมไป จนนำไปสู่การนัดพบในวันนี้

‘แพรพัตรา’

จากประวัติที่สืบทราบมา แหล่งข่าวล้วนเอ่ยถึงหญิงสาวด้วยน้ำเสียง

ชื่นชมว่า ‘คุณแพร’ เป็นผู้หญิงเก่งเพิ่งจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแค่

สามปี ก็มีตำแหน่งอันรุ่งโรจน์ เป็นเลขานุการของท่านประธานใหญ่ในเครือ

เอเพ็กซ์คอร์กรุ๊ปอันใหญ่โต เธอจึงคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงแข็ง

กระด้างแบบหญิงเหล็ก

มันจึงเป็นเรื่องผิดคาดเมื่อได้มาเห็นตัวจริง...หญิงสาวซึ่งกำลังจิบ

ชามะลิหอมกรุ่นเบื้องหน้านั้นงดงามและอ่อนหวานเกินกว่าคำว่า ‘หญิงเก่ง’

อย่างที่เห็นเดินกันขวักไขว่อยู่รอบๆ ตัวในยามนี้

‘สงสัยจะเป็นพวกเด็กเส้น หรือไม่ก็ลูกหลานของผู้บริหารกระมัง’

นายหน้าสาวใหญ่นึกปรามาส และพอจะเข้าใจอาการ ‘เพ้อ’ นิดๆ ของผู้ชาย

ที่เล่าประวัติของเธอผู้นี้ให้ฟัง

แพรพัตราเป็นผู้หญิงร่างบอบบางแต่สมส่วนน่ามอง ผิวพรรณงาม

ลออเหมือนผ้าแพรชั้นดีสมชื่อ วันนี้เธอสวมชุดผ้าพลีตสีเขียวอ่อน คาดทับ

ด้วยเข็มขัดเส้นโต ภายนอกสวมทับด้วยสูทสีขาว สวยละมุนละไมไปทั้งร่าง

เรือนผมสีน้ำตาลถูกรวบเป็นมวยต่ำ โดยปล่อยปอยผมบางส่วนมา

คลอเคลียข้างแก้มใสของใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าได้สัดส่วนราวกับปั้นขึ้น

มา ทั้งเรียวคิ้วซึ่งโค้งลงรับกับจมูกโด่งที่ด้านปลายเป็นรูปหยดน้ำและริม

ฝีปากหยักอิ่ม

สวยน่ามองชนิดผู้หญิงด้วยกันยังไม่อาจละสายตา

หากจะมีข้อติก็คงเป็นดวงตากลมโตคู่นั้น แม้จะสวยงามสุกใสแต่เจือ

แววโศก ดูโหงวเฮ้งแล้วชะตาอาจจะเหมือนสาวงามผู้อาภัพในตำนานของจีน

ทั้งหลายที่เกิดมาสวยงาม แต่มักจะมีจุดจบอันน่าเศร้า

หากยุคที่มนุษย์โลกไปท่องอวกาศแล้วใครยังจะเชื่อเรื่องไร้สาระอยู่

ภาพลักษณะแบบนี้จึงถูกมองว่า น่ารัก น่าทะนุถนอม และอ่อนต่อ

โลกเกินกว่าจะฟันฝ่าในเกมธุรกิจที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย ดูไม่ยากเกิน

จะหว่านล้อมให้ขายที่ดินมรดก เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็บูชาเงินกันทั้งนั้น

“จากตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าบ้านคุณแพรเป็นที่ตาบอด ต้องอาศัยทาง

เข้าออกจากเจ้าของที่ดินซึ่งปิดทางเข้าออกอยู่ ขายได้ราคาขนาดนี้ถือว่าเฮง

เสียยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีกนะคะ”

เธอเร่งปิดการเจรจาด้วยการชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ยังผลให้หญิง

สาวละสายตาจากหน้าต่าง

“บ้านหลังนั้นแพรเพิ่งได้รับมรดกมาจากญาติผู้ใหญ่ ถ้าขายทิ้งเกรง

จะโดนตำหนิได้ค่ะ”

สาวใหญ่อยากจะเป็นลมที่คนฟังมีความเห็นตรงกันข้าม หากเป็น

หล่อนคงขายตั้งแต่ได้ยินราคาเสนอซื้อแล้ว ในเมื่อค่านายหน้าอย่างเดียว

ก็ปาเข้าไปเจ็ดหลัก!

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย บ้านก็เป็นชื่อคุณแพรคนเดียวไม่ใช่เหรอคะ”

“คุณย่าท่านสั่งไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขาย แพรเองก็ยังไม่ได้เข้าไปดู

บ้านเลย”

“แต่ท่านก็เสียไปแล้วนี่คะ ในฐานะที่เป็นนายหน้า พี่ขอแนะนำให้คุณ

แพรขายที่ตรงนี้แล้วเอาเงินไปซื้อบ้านหลังใหม่ดีกว่า เอาแบบสวยๆ หรูๆ อย่าง

ที่ลงในนิตยสาร หรือคอนโดฯ ก็น่าจะสบายกว่ากันเยอะเพราะไม่ต้องดูแลอะไร

มาก” เจ้าตัวคงจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ ถ้าไม่เห็นว่าใบหน้าหวานๆ เริ่มดูเย็นชาขึ้นนิดๆ

สาวใหญ่จอมกะล่อนจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อวานพี่ภรณ์เข้าไปดูมาแล้ว

ครั้งหนึ่งค่ะ ตัวเรือนใหญ่ถูกปล่อยร้างมานานจนทรุดโทรมมาก ถ้าจะบูรณะก็

คงต้องใช้เงินไม่น้อยนะคะ อีกอย่างทางเข้าบ้านหลังนี้ก็เป็นเพียงทางเท้าเล็กๆ

รถเข้าไม่ได้ เพราะว่าเป็นทางภาระจำยอม”

“ขนาดผู้มีประสบการณ์ในการค้าขายที่ดินอย่างคุณภรณ์ยังมองออก

เลยว่ามันทำเลค่อนข้างแย่ แล้วอย่างนี้คนซื้อจะต้องการทำไมคะ เพราะที่ดิน

ก็ไม่ได้ใหญ่โตแค่สองงานกว่าๆ เท่านั้นเอง ถนนก็เล็กๆ จะขึ้นคอนโดฯ หรือ

ตึกสูงก็ไม่ได้เพราะติดกฎหมายผังเมือง”

ที่ดินตาบอดหมายถึงที่ดินซึ่งไม่มีทางออก ถ้าหากฟ้องร้องให้เปิดทาง

ก็มักจะได้แค่ทางเดินเท้าเล็กๆ จึงมักจะถูกบีบให้ขายในราคาต่ำ แบบที่

นายหน้ากำลังทำอยู่แบบเนียนๆ แต่เกมแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่าใครมี ‘ความอยาก’

มาก กว่ากัน เมื่อแพรพัตราแสดงเจตนาชัดแล้วว่าไม่อยากขาย เกมก็พลิก

ให้เธอเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที

“พอดีว่านายทุนเขามีแผนจะทำโครงการขนาดใหญ่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า

โรงแรม ตรงที่ดินด้านหน้าค่ะ” นายหน้าตัดสินใจ ‘เปิดไพ่’ ออกมาอีกใบ เพื่อ

ให้หญิงสาวตรงหน้ารู้ว่าคนซื้อมีความต้องการจริงๆ ไม่ใช่การเจรจาเล่นๆ “เขา

ก็เลยอยากได้ที่คุณแพรด้วย ให้ราคาเท่ากันเลยนะคะ”

“ขนาดที่ดินด้านหน้าก็หลายไร่น่าจะเพียงพอแล้วนะคะ ไม่เห็นจะต้อง

ซื้อเพิ่มเพื่อขยายออกไปเลย งบบานปลายเปล่าๆ หรือว่าเขาดึงเชนต่างประเทศ

เข้ามาบริหาร ถ้าอย่างนั้นคงไม่อยากจะให้คนนอกมาใช้โรงแรมเป็นทางเข้าออกใช่ไหมคะ”

คนฟังผงะไปนิด ก่อนพินิจหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเปลี่ยนไป

จากเดิม เมื่อเริ่มรู้ว่ามองคนผิดไปถนัด

หญิงสาวคนนี้เป็นคนเหนือชั้นกว่าที่คิดไว้มาก และไม่ใช่ไก่อ่อนซึ่ง

หลอกเชือดได้ง่ายๆ แถมยังฉลาดลุ่มลึกพอจะมองเรื่องนี้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ

เนื่องจากศาลได้สั่งให้เจ้าของที่ดินด้านหน้าเปิดทางภาระจำยอมแล้ว

จะมาปิดทางเท้าเข้าออกอีกไม่ได้ ที่ดินตาบอดซึ่งไม่ควรมีราคานั้น จึงกลาย

เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เจ้าของโครงการต้องส่งนายหน้ามาหาเธอในวันนี้

“ใช่ค่ะ...พี่น่ะตามหาคุณแพรอยู่นานมาก” นายหน้ายอมรับเสียงอ่อย

“เพราะพี่เพิ่งทราบว่าเจ้าของบ้านเสียไปไม่นานนี้เอง ก็ยังกลัวว่ายังวุ่นๆ อยู่ค่ะ”

“แพรไม่ค่อยทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านหลังนี้นักหรอกค่ะ คุณย่า

ใหญ่ท่านอยู่คนเดียวมานาน ไม่ยอมย้ายหรือให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อน ตอนท่าน

ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลก็ยังเพ้อว่าอยากจะกลับไปบ้านไม่ขาดปาก ท่านคง

รักบ้านหลังนั้นจริงๆ”

“คุณแพรอย่าไปคิดมากอย่างนั้นสิคะ คนก็จากไปแล้ว สมบัติของเรา

จะทำอย่างไรก็ได้”

“แพรก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าคิดน้อยไปเช่นกันค่ะ”

“พี่ภรณ์หวังดีจริงๆ เพราะถ้าเขาสร้างโรงแรม คุณแพรคงต้องปวดหัว

อีกมาก ไหนจะเรื่องฝุ่น ไหนจะคนงานก่อสร้างอีก อีกอย่างบ้านก็ใหญ่ไม่

เหมาะที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะใช้ชีวิตอยู่หรอกค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะที่เป็นห่วง” เธอตอบด้วยท่าทีนุ่มนวล แต่ท่าทางบอก

ชัดว่าคำตอบคือ ‘ไม่’

กิริยาแบบนี้แหละที่เป็นเชื้อไฟเร่งให้ประภาภรณ์รุ่มร้อน ชนิดต้อง

เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟซึ่งวางตรงหน้าขึ้นจิบเพื่อดับกระหาย ก่อนจะพบ

ว่ามันเย็นชืดราวกับน้ำล้างจาน การเจรจาซื้อขายที่ดินผืนนี้ยืดเยื้อและยาก

เกินกว่าที่คะเนไว้มาก คงเปล่าประโยชน์ที่จะเร่งเอาคำตอบวันนี้ บางทีอาจ

จะต้องให้เวลาเธอใคร่ครวญ

คนฉลาดอย่างเธอคงคิดได้เองว่าควรทำอะไร

“เอาละค่ะ พี่ภรณ์เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะฉะนั้น

อย่าเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอของพี่ภรณ์เลย คุณแพรเก็บไปคิดดูให้ดีๆ ก่อน ถ้า

วันใดอยากขายบ้านหลังนี้ก็อย่าลืมติดต่อพี่ภรณ์นะคะ”

“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจแพร”

เมื่อหมดธุระแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันกลับ

แพรพัตรามองร่างท้วมของนายหน้าซึ่งห่างออกไปด้วยสายตาเย็นชา

เธออ่านออกว่าเจ้าของโรงแรมคงต้องการที่ผืนนี้มาก ถึงได้ให้นายหน้ามา

เร่งเร้า แต่เธอก็มีเหตุผลสำคัญที่จะไม่ขายมรดกของคุณย่าใหญ่ให้แก่คน

พวกนั้นอย่างเด็ดขาด

 

หลังจากแยกกับนายหน้าแล้วแพรพัตราไม่ได้เดินทางกลับบ้านในทันที

เนื่องจากเป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เธอรับโอนบ้านมาจากผู้จัดการมรดก

ทว่าก็ไม่เคยเข้าไปดูบ้านแม้แต่ครั้งเดียว เพราะการได้ครอบครองบ้านนั้น

ต้องแลกด้วยการสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักอย่างสูง

บ้านจึงไม่ได้เป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความรักเท่านั้น แต่เป็นอนุสรณ์

แห่งความเศร้าในคราเดียวกัน

เมื่อนึกถึงวาระสุดท้ายของท่านทีไร น้ำตาหญิงสาวก็พานจะไหล หาก

ไม่ติดว่าอยู่ในลิฟต์โดยสารที่แน่นขนัด เธออาจจะปล่อยโฮออกมาแล้วก็ได้

คุณย่าใหญ่ในวัยเก้าสิบห้านั้นซูบผอมอย่างน่าใจหาย ร่างบางจนแทบ

จะเปราะแตกคามือได้ อวัยวะภายในค่อยๆ เสื่อมไปทีละนิดจนทำให้ต้อง

เปลี่ยนตำแหน่งเจาะสายน้ำเกลือบ่อยๆ สภาพพยาธิตอนนั้นเหมือนไม้ที่ใกล้

จะล้มคืนสู่แผ่นดินรอมร่อ กระทั่งแรงจะหายใจก็ยังไม่มี ต้องพึ่งออกซิเจน

ตลอดเวลา

น่าแปลกที่จู่ๆ คุณย่าใหญ่ก็ฟื้นขึ้นมาและกวักมือเรียกเธอเข้าไปหา

ใกล้ๆ ก่อนพยายามสั่งเสียครั้งสุดท้าย หญิงสาวจับใจความเสียงแหบพร่านั้น

ไม่ถนัดถนี่เพราะติดหน้ากากออกซิเจนซึ่งครอบปากผู้ป่วยอยู่ หากแต่พออ่าน

 ริมฝีปากได้คำหนึ่งว่า

‘ระวัง...’

คงเป็นแรงเฮือกสุดท้ายของท่าน เพราะหลังจากนั้นเส้นชีวิตในจอภาพ

ก็ราบเรียบเป็นเส้นตรง ดังเปลวเทียนจะสว่างวูบสุดท้ายก่อนมอดดับเพราะ

ขาดเชื้อ...

ทิ้งปริศนาให้หญิงสาวคาใจ คนใกล้ตายอย่างคุณย่าใหญ่กำลังต้องการ

เตือนเหตุอะไรกันแน่...หรือจะให้ระวังพวกนายทุนซึ่งจ้องฮุบที่แปลงนั้น เฉก

เช่นที่ทำกับเพื่อนบ้านอย่างเลือดเย็น

แพรพัตราก้าวออกจากตัวอาคารตอนท้องฟ้าเริ่มมืด ไฟทางเริ่มสว่างใน

ขณะที่ป้ายรถประจำทางแน่นขนัดไปด้วยผู้คนทำให้ไม่รู้สึกเปลี่ยว ถึงตัวบ้าน

จะอยู่ติดกับอาคารที่เพิ่งออกมา แต่ทางเข้าจริงๆ กลับอยู่อีกฟากของถนน

ต้องเดินอ้อมไปทางสี่แยกก่อนเลี้ยวซ้ายไปอีกสามร้อยเมตร ในที่สุดเธอก็

จะเห็นแนวรั้วสังกะสีล้อมยาว ขึ้นป้ายสีขาวบอกชื่อโครงการก่อสร้างตลอด

จนเจ้าของและบริษัทรับเหมาอย่างครบถ้วน

หญิงสาวรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของ

สถานที่ตรงหน้า

สมัยก่อนตอนเธอยังเด็ก แถวนี้มีอาคารพาณิชย์ปลูกเรียงรายเต็มไป

หมด ถัดเข้าไปอีกนิดมีสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในอุปถัมภ์ของผู้ใจบุญท่าน

หนึ่งซึ่งสนิทสนมกับคุณย่าใหญ่ยิ่งนัก บัดนี้ภาพเดิมมลายหายไปกลายเป็น

ที่ว่างเปล่า และอีกไม่ช้าก็จะมีโครงการสุดหรูผุดขึ้นมาแทน

พอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นเศษอิฐเศษปูนเกลื่อนกลาดเต็มไป

หมด มีเศษตุ๊กตาเก่าๆ ถูกทิ้งไว้ตรงกองดิน หญิงสาวสะเทือนใจอย่างแรง

จนน้ำตารื้นขึ้น เมื่อนึกถึงเด็กน้อยผู้เคยประคองกอดตุ๊กตาอย่างทะนุถนอม

ถึงเด็กเหล่านั้นจะอิ่มท้อง ไม่อดอยาก แต่ดวงตาใสๆ ก็ยังโหย

หาความรัก ราวกับบ่อที่ไม่อาจถมให้เต็ม แพรพัตราจึงมาเป็นอาสาสมัคร

ตอนปิดเทอม คอยช่วยเหลือเด็กๆ เท่าที่จะทำได้

ป่านนี้เด็กเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร ถ้าขาดที่พึ่งพิงสุดท้ายเช่นนี้

ทุกอย่างเป็นเพราะนายทุนบริษัทใหญ่ขาดจรรยาบรรณ ใช้เงินทำลาย

ได้แม้กระทั่งความฝันสุดท้ายของเด็กด้อยโอกาส หล่อนเกลียดคนประเภทนี้

ที่สุด พวกที่ชอบคิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน

อย่างไร

พอทราบเรื่องแพรพัตราจึงตัดสินใจไม่ขายบ้านให้คนพวกนั้น

หญิงสาวเดินคิดจนกระทั่งมาถึงทางเข้าเดิม ก่อนจะพบว่ามันถูกปิดด้วยรั้ว

สังกะสีอย่างแน่นหนา เธอหันรีหันขวางเพื่อหาวิธีเปิดออก แต่ก็ต้องจนปัญญา

เนื่องจากมันถูกล็อกอย่างแน่นหนาด้วยกุญแจขนาดใหญ่ โชคดีที่มียาม

คนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นพอดี

“มาหาใครหรือคุณผู้หญิง ถ้าจะมาดูห้องตัวอย่าง ต้องเรียนเชิญที่

สำนักงานขายด้านหน้านะครับ”

“ฉันไม่ได้จะมาดูเรสซิเดนต์ พอดีบ้านของฉันอยู่ด้านหลังโครงการนี้

และไม่สามารถเข้าทางอื่นได้”

“อ้อ! คุณหมายถึงบ้านร้างที่อยู่ติดโครงการใช่ไหม เจ้านายผมสั่งไว้แล้ว

ว่าให้อำนวยความสะดวกเจ้าของบ้านอย่างเต็มที่ เชิญเลยครับคุณผู้หญิง” เขา

ใช้กุญแจไขประตู จากนั้นก็ขับรถกอล์ฟไปส่งถึงหน้าประตูรั้วด้านใน พร้อมให้

เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ โดยกำชับว่าหากจะกลับให้โทร. ไปเรียกเขาที่ป้อมยาม

ได้ทุกเวลา แพรพัตราปลดโซ่เก่าๆ ที่คล้องรั้วบ้านเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูรั้ว

สีขาวเข้าไปเพียงลำพัง แม้ว่าบรรยากาศของบ้านหลังนี้จะเต็มไปด้วยความ

วังเวง แต่ด้วยความเป็นคนจิตแข็งประกอบกับคุ้นชินกับที่นี่เธอจึงไม่รู้สึกกลัว

สักนิด

ปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน เมื่อพบว่าบ้านไม่ได้รกร้างตามที่นายหน้า

เล่าให้ฟัง ถึงจะไม่มีคนอยู่มากว่าครึ่งปีก็ตาม แต่ต้นหญ้าก็ยังขึ้นเพียงแค่

ระคายหน้าขา กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ถูกดูแลอย่างดีไม่ยื่นเกะกะ ทุกอย่าง

ยังดูดีเหมือนบ้านที่เพิ่งสร้างได้เพียงสิบกว่าปีมากกว่าจะมีอายุเกือบเท่า

คุณย่าใหญ่ที่เสียไป

เงาสลัวของยามราตรีเริ่มครอบคลุมตัวเรือนใหญ่ ตัดกับแสงสะท้อน

จากตึกด้านหลังก็ทำให้ขอบบ้านดูเรืองรองขึ้นมาอย่างน่าพิศวง และช่วยให้

มองเห็นรายละเอียดของตัวบ้านได้อย่างชัดเจน

ตัวเรือนใหญ่เป็นอาคารแบบโบราณยุครัชกาลที่เจ็ด ลักษณะเด่นคือ

                         (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรือนร้างกลางกรุงหลังนี้มีอดีตเป็นที่โจษขาน รักสามเส้าที่จบลงด้วยคำสาปร้ายของใครบางคน ความรัก ความแค้น รัดรึงเป็นบ่วงคล้องทุกคนที่เกี่ยวข้องเอาไว้ 
เป็นบุพเพสันนิวาสหรือบุพกรรม ที่ทำให้แพรพัตราต้องมารับรู้เรื่องราวของแพรมน สาวน้อยผู้งดงาม อ่อนหวาน ชีวิตที่เรียบง่ายและสวยงามของเธอต้องพานพบมรสุมจนชะตาพลิกผัน และจบลงด้วยการจากลาชั่วนิรันดร์ 
ภวินท์ปรารถนาที่จะครอบครองบ้านร้างหลังนั้น รวมไปถึงเจ้าของบ้านคนงาม ผู้ปิดตายหัวใจจากความรัก แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าใด ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างคอยขัดขวาง แล้วเขาจะเปิดหัวใจดวงนี้ได้อย่างไร 
อดีตไม่หวนคืน ความเจ็บช้ำที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาจะนำทุกคนกลับมาที่นี่อีกครั้ง...เพื่อชดใช้คืนเป็นเท่าทวีคูณ 
 
 
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาติดตามพร้อมกันใน บ่วงนิวาสเล่มนี้

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024