พรหมร่ายรัก (ฐิยาดา)

พรหมร่ายรัก (ฐิยาดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019571
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตราตรึงในดวงจิต ติดตรึงในดวงใจ

 

 

กรวิชญ์มองตัวเลขบอกความเร็วของจากัวร์คันงามที่ภีมวัจน์เป็น

ผู้ขับ ซึ่งลดระดับความเร็วลงอย่างแปลกใจ ผิดกับก่อนหน้าที่แล่นทะยาน

บนท้องถนนจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ดีที่ว่าเจ้าตัวเบรกได้ทัน เท่านั้นยังไม่พอ

เสียงถอนหายใจเฮือกๆ ราวกับมีเรื่องกลัดกลุ้มอะไรอยู่ในใจยิ่งเพิ่มความ

ประหลาดใจแก่เขามากขึ้น

เพราะนับจากผู้เป็นเพื่อนลงไปดูอาการของผู้หญิงที่ตัวเองขับรถเฉี่ยว

กระทั่งกลับขึ้นมาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขับ

รถอย่างเดียว ซ้ำยังมีสีหน้าท่าทางแตกต่างจากเมื่อตอนลงไปจนเขารู้สึกได้

“ไหนแกบอกว่าจะรีบไปงานไม่ใช่หรือวะ”

“ก็...รีบอยู่” ปากบอกว่ารีบแต่กลับขับช้าไม่สมกับสมรรถนะของรถ

“รีบประสาอะไรวะ ขับอย่างกับเต่าคลาน” กรวิชญ์ว่าเข้าให้ “ผู้หญิง

ถูกรถแกเฉี่ยวไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือวะ”

“ฉันก็บอกแกไปแล้วไม่ใช่หรือวะว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไร แก

ความจำเสื่อมหรือไง”

คนถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดราวกับคำถามดังกล่าวจี้ถูกจุด

แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของคำถามรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด ดวงหน้าขาวคมคาย

ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความขบขัน เพราะไม่บ่อยนักที่คนควบคุม

สีหน้าและสภาวะอารมณ์ได้ดีในทุกสถานการณ์อย่างภีมวัจน์จะแสดงอาการ

เช่นนี้ออกมา ทำให้กรวิชญ์สงสัยหนักยิ่งขึ้นว่าอะไรกันที่เป็นสาเหตุ

“ก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วแกจะหงุดหงิดทำไม

นักหนาวะ”

คำถามของเพื่อนสนิททำให้ภีมวัจน์เงียบไปชั่วอึดใจ นั่นสิ...นี่เขา

กำลังหงุดหงิดด้วยเรื่องอะไร

ทว่าเมื่อพยายามค้นหาสาเหตุ ดวงหน้าสะสวยแปลกตาของใครบาง

คนก็ปรากฏขึ้นมาในมโนภาพทันควันราวกับนั่นคือคำตอบ

“แกจะไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ไงวะ ผู้หญิงคนนั้นมองฉันอย่างกับเห็นผี

เป็นแก แกจะคิดยังไง”

คนหงุดหงิดพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะตอนลงจากรถ เธอยัง

นั่งทำท่าทางงงๆ อยู่เลย แต่พอเงยหน้ามาเห็นเขาเท่านั้น กลับลุกพรวด

ขึ้นยืน เบิกตามองมาอย่างกับเห็นผี ไม่ได้มองอย่างชื่นชมอย่างที่เขามักจะ

ได้รับจากผู้หญิงคนอื่นอยู่เสมอ

ภีมวัจน์ อรรถเศรษฐ์สุนทร ถูกผู้หญิงมองด้วยสายตาแบบนี้ เสีย

ความมั่นใจชะมัด!

กรวิชญ์ฟังคำตอบของเพื่อนแล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เพราะไม่

บ่อยนักที่เพื่อนของเขาจะทำท่าเหมือนสูญเสียความมั่นใจเช่นนี้

“อ้อ ปกติเคยถูกผู้หญิงมองด้วยความชื่นชมตลอด แต่ผู้หญิงคนนี้

กลับมองแกเหมือนเห็นผีเลยหงุดหงิด งุ่นง่าน เสียความมั่นใจ ว่างั้นเถอะ”

คำพูดที่เดาได้ตรงเผงราวกับเข้ามานั่งอยู่กลางใจ ทำให้คนที่กำลังอยู่

ในอารมณ์หงุดหงิดนิ่งอึ้ง เท่ากับเป็นการยอมรับโดยดุษณี

“ผู้หญิงคนที่แกว่ามองแกเหมือนเห็นผีน่ะ ขนาดฉันมองเห็นแวบ

เดียวยังรู้เลยว่าสวย แต่สวยยังไงบอกไม่ถูกจริงๆ ว่ะ” กรวิชญ์เพ้อรำพัน

ด้วยน้ำเสียงชวนฝันก่อนจะหันไปจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง “แกเห็นด้วยกับฉัน

หรือเปล่าวะ”

เอี๊ยดดด!

เสียงเบรกที่ได้รับแทนคำตอบทำเอาเจ้าของคำถามถึงกับหน้าคะมำ

จนต้องหันไปด่าเสียงดังลั่นรถ

“ไอ้ภาม แกขับให้มันดีๆ หน่อยสิวะ นึกจะเบรกก็เบรก ดีนะที่ฉัน

คาดเข็มขัด ไม่งั้นหัวหูแตกหมด”

“โทษทีว่ะเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจ” คนขี้แกล้งบอกเสียงนิ่งๆ ทว่านัยน์ตาดำ

ราวกับนิลเนื้อดีไหวระริก จึงถูกผู้เป็นเพื่อนส่งค้อนให้ ก่อนจะถามคำถาม

เดิมด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“แกยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ”

“คำถาม? เรื่องอะไรมิทราบ”

ภีมวัจน์ทำไขสือทั้งๆ ที่รู้ดีว่าหมายถึงอะไร อยากตะบันหน้าเจ้าของ

คำถามนัก ไม่รู้จะคาดคั้นเอาคำตอบเพื่ออะไร

“ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือเลย ฉันถามว่าแกเห็นด้วยกับฉันหรือเปล่าที่

ว่าผู้หญิงคนที่ถูกแกขับรถเฉี่ยวน่ะสวยแล้วก็สวยมากเสียด้วย”

“ฉันไม่ทันมอง แกก็เห็นนี่หว่าว่าฉันรีบลงไปแล้วก็รีบขึ้นมา” ภีมวัจน์

ปฏิเสธทั้งที่ไม่ตรงกับใจเลยสักนิด จึงถูกผู้เป็นเพื่อนย้อนทันควัน

“หน็อย...ไม่ทันมอง แกลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นเพื่อนกับแกมาตั้งแต่

ตัวเท่ากำปั้น แล้วคนที่ชอบเก็บรายละเอียดทุกอย่างรอบตัวอย่างแกน่ะหรือ

จะพลาด”

คู่สนทนาเงียบกริบ กรวิชญ์จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ “แล้วถ้า

แกไม่มองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นมองแกอย่างกับเห็นผี”

คนถูกจับได้นิ่งงันเพราะจำนนด้วยคำพูด รู้อยู่แก่ใจว่าที่เพื่อนพูดน่ะ

ถูกต้องทุกอย่าง ทำไมเขาจะไม่เห็นเล่า เห็นอย่างชัดเจนจากดวงตาทั้งสอง

 

 

 

ข้างว่าผู้หญิงคนที่เพื่อนพูดถึงน่ะ...สวย

สวย...อย่างประหลาด สวยจนติดอยู่ในตาตรึงอยู่ในใจ จนกระทั่ง

บัดนี้ภาพของเธอยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่คลาย

เขาต้องยอมรับกับตัวเองว่าเธอสวยจนต้องมองซ้ำ แม้จะใช้เวลาใน

การมองแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็ตามที แต่สมองของเขาก็เก็บและจดจำราย-

ละเอียดของเธอไว้ได้อย่างแม่นยำ เรียกว่าถ้ามีอุปกรณ์สำหรับวาดภาพอยู่

ในมือ ก็สามารถวาดดวงหน้างดงามแปลกตานั่นออกมาได้เลยทีเดียว

โดยเฉพาะดวงตาโตๆ ของเจ้าหล่อนภายใต้ขนตางอนที่มองมายังเขา

ราวกับเห็นผีนั่นเขาจำได้จนติดตา และนั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ

หงุดหงิดดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขามาก่อน

เขาไม่ได้มองผู้หญิงด้วยสายตาเช่นนี้มานานนักหนาแล้ว เพราะไม่

เคยมีใครถูกตาต้องใจ แม้จะมีผู้หญิงแวะเวียนมาให้มองอยู่เสมอก็ตาม แต่

ด้วยบุคลิกเงียบๆ ติดขรึม ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาตอแย ซึ่งก็เป็นผล

ดีสำหรับเขา

“แล้วแกจะมาคาดคั้นฉันให้ได้อะไรขึ้นมาวะ ยอมรับก็ได้วะว่ามอง

ฉันอยากได้...”

ภีมวัจน์พูดยังไม่ทันจบประโยค ผู้เป็นเพื่อนก็พูดสวนขึ้นมาด้วย

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“อะไรวะ เห็นครั้งเดียวอยากได้แล้วหรือวะ”

“ไอ้บ้าวิชญ์!” คนหงุดหงิดด่าเพื่อนเสียงขุ่น “แกฟังให้จบก่อนสิวะ

ฉันอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นนางแบบโฆษณาบ้านตัวอย่างของฉันต่างหาก

ล่ะ”

ที่ภีมวัจน์พูดออกไปก็หาใช่ความจริงทั้งหมด เพราะนอกจากอยาก

ได้เธอมาเป็นนางแบบแล้ว อีกเหตุผลสำคัญในใจลึกๆ คงเป็นไปตามคำพูด

ของผู้เป็นเพื่อน ใ

ใช่แล้ว...เขาอยากได้ผู้หญิงคนนั้น! อยากได้อย่างไม่เคยรู้สึกเช่นนี้

กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

“เออ...ฉันก็ลืมไปว่าแกกำลังเฟ้นหาผู้หญิงมาเป็นนางแบบในโครงการ

หมู่บ้านเรือนไทยประยุกต์ของแกนี่หว่า แล้วผู้หญิงคนนี้ก็มีคุณลักษณะตรง

ตามที่แกต้องการอยู่พอดี สวยแบบไทยๆ แต่จะเรียกว่าสวยก็คงไม่ถูกนัก

ต้องเรียกว่างามน่าจะเหมาะกว่า ปัจจุบันหาผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ได้ยากเย็น

เต็มทีว่ะ มีแต่สวยศัลยกรรมแทบทั้งนั้น”

“นั่นแหละ ฉันเบื่อนางแบบหน้าบล็อกเดียวกันจากเอเจนซีของแก

เต็มทีแล้วว่ะ แทบแยกไม่ออกว่าคนไหนเป็นคนไหน อยากรู้นักว่าถ้าเกิด

พวกเจ้าหล่อนแต่งงานไป ลูกที่ออกมาจะหน้าตาเป็นยังไง คาดว่าคงดูไม่จืด

เป็นแน่”

“แหม...ปากจัดจริงไอ้คนหน้าหล่อสามโลก” กรวิชญ์ค่อนคนพูดด้วย

น้ำเสียงติดหมั่นไส้ มองเพื่อนสนิทที่มักจะถูกใครต่อใครโดยเฉพาะสาวๆ

ตั้งฉายาให้ว่าหล่อสามโลกอย่างขวางๆ

“ฉันพูดจริง หรือแกจะเถียง” ภีมวัจน์พูดด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะแล้ว

เร่งความเร็วของรถขึ้นจากเดิม อารมณ์หงุดหงิดค่อยๆ หายไปโดยไม่รู้ตัว

“เออ มันก็จริง อย่าว่าแต่แกเลย ฉันเองเห็นแล้วยังงงเลย แต่ละคน

หน้าบล็อกเดียวกันหมด” เจ้าของเอเจนซีชื่อดังพูดพลางมองเจ้าของฉายาหล่อสามโลก หรือ

ผู้ชายที่สาวๆ อยากจะฝันถึงจากผลสำรวจของนิตยสารชื่อดัง เพื่อนของเขา

คนนี้มีดวงหน้าขาวจัด สองข้างแก้มเป็นสีเขียวจางๆ จากเคราที่เพิ่งถูกโกน

ออก คิ้วเข้มได้รูปทั้งคู่พาดโค้งขนานไปกับดวงตาคมกริบ ภายใต้ขนตางอน

จนผู้หญิงยังอาย เปลือกตาพับซ้อนจนเห็นเป็นสองชั้นได้อย่างชัดเจน จมูก

โด่งคมได้รูปสวย ปากหยักหนาแดงระเรื่อ

ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่เห็นมักเอ่ยปากว่าภีมวัจน์หน้าตาหล่อแบบ

คนโบร่ำโบราณ แต่เจ้าตัวไม่ค่อยปลื้มกับคำชมนี้สักเท่าไร

เพื่อนของเขาเป็นทายาทคนสุดท้องของเอเอสเอสกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัท

รับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ

หลังจากเจ้าตัวกลับจากต่างประเทศเมื่อปีก่อน ก็เริ่มฝึกงานจากระดับล่าง

ขึ้นมา เรียกว่าเริ่มต้นตั้งแต่เป็นกรรมกรก่อสร้างกันเลยทีเดียว ซึ่งภีมวัจน์

ก็ทำได้ดีจนเป็นที่ยอมรับของบรรดาพนักงานทุกระดับชั้น

“เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย แม้แต่ผู้ชายยังเสพติดศัลยกรรมไม่แพ้

กัน ถ้าลองกลับไปดูหน้าเดิมๆ อาจจะจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”

กรวิชญ์พยักหน้าเห็นด้วย เพราะที่ผู้เป็นเพื่อนพูดก็ไม่ได้เกินจาก

ความเป็นจริงไปนัก ปัจจุบันทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างเสพติดการทำศัลยกรรมกัน

อย่างหน้ามืดตามัว จนกระทั่งลืมนึกถึงผลเสียที่จะตามมาในอนาคต ไม่ต้อง

ดูใครที่ไหน นายแบบนางแบบในเอเจนซีของเขานั่นไง แต่ละคนหน้าตาหล่อ

สวยศัลยกรรมแทบทุกคน ทำกันจนจำเค้าหน้าเดิมแทบไม่ได้

“มันก็จริงอย่างที่แกพูดว่ะไอ้ภาม สมัยนี้หาผู้หญิงหน้าตาสวยตาม

ธรรมชาติได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรแล้วมั้ง แต่ผู้หญิงคนนั้นสวย

จริงๆ ดูก็รู้ว่าไร้ซึ่งศัลยกรรม”

จบคำพูดของผู้เป็นเพื่อน พลันในห้วงความคิดของภีมวัจน์ก็ปรากฏ

ภาพของผู้หญิงหน้าตาสวยประหลาด ที่มองเขาราวกับเห็นผีคนนั้นผุดวาบ

ขึ้นมาทันที ชายหนุ่มแปลกใจตัวเองไม่น้อย ว่าเหตุใดในหัวของเขาจึงเต็ม

ไปด้วยภาพของเธอทั้งที่ไม่เคยปรากฏภาพของผู้หญิงคนไหนมาก่อน

“ว่าแต่แกจะไปควานหาตัวเธอได้ที่ไหนวะ กรุงเทพฯ ไม่ได้แคบๆ นะ

โว้ย”

“มันก็คงไม่กว้างจนหากันไม่เจอหรอกว่ะ” คนพูดพูดด้วยน้ำเสียง

มั่นใจ

“แต่มันก็ไม่ได้แคบจนโคจรมาเจอกันง่ายๆ นักหรอกว่ะ แต่ดูแก

มั่นอกมั่นใจเหลือเกินนะว่าจะต้องเจอตัวเธอ”

ภีมวัจน์นิ่ง ไม่ตอบเพื่อน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึก

มั่นอกมั่นใจเช่นนั้น อาจเป็นเพราะลางสังหรณ์ในใจลึกๆ บอกเขาว่าจะได้

พบกับผู้หญิงคนนี้ในอีกไม่ช้า

“เอาวะ ยังไงฉันก็ขออวยพรให้แกเจอกับเธอในเร็ววันแล้วกันว่ะ ว่า

แต่แกอยากได้เธอมาเป็นนางแบบอย่างเดียวจริงๆ หรือวะ” กรวิชญ์แกล้ง

ถามยิ้มๆทำเอาคนที่ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ รีบปรับสีหน้าก่อนตอบเสียง

เคร่งเครียด

“แล้วแกคิดว่าถ้าฉันอยากได้อย่างที่แกพูด ฉันจะได้ไหมล่ะ”

คนถูกถามยังไม่ทันตอบ จากัวร์คันงามก็แล่นมาถึงหน้าโรงแรมดัง

ย่านกลางกรุง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวห้องชุดสุดฮิปที่ทั้งคู่มาร่วมงาน

เสียก่อน ทำให้ต้องยุติการสนทนาลงแต่เพียงเท่านั้น

 

รสิกายังคงยืนนิ่งอยู่ตรงต้นจามจุรี และอาจยืนต่อไปอีกนาน ถ้า

มารดาไม่ส่งเสียงเรียกเสียก่อน

“โรส ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะลูก ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีก”

เสียงเรียกทำให้คนที่คิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง ครั้นหันไป

มองที่มาของเสียงก็เห็นร่างบอบบางของรสรินผู้เป็นมารดาในชุดกระโปรง

ยาวลายดอกไม้สีสันสดใสยืนอยู่ตรงประตูรั้วที่เปิดค้างเอาไว้ และจ้องมายัง

เธอเขม็ง

“กำลังจะเข้าไปค่ะแม่” รสิกาบอกเสียงใส พยายามเดินตัวตรงๆ เพื่อ

ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไรนักฟังจากน้ำเสียงตกอก-

ตกใจของผู้เป็นแม่

“ทำไมเดินท่าทางแปลกๆ อย่างนั้นล่ะลูก แล้วกางเกงไปเปื้อนอะไร

มา” รสรินถามพร้อมกับก้าวพรวดถึงตัวบุตรสาวทันที จนเจ้าตัวจำต้อง

พูดความจริงออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม

“เอ่อ...โรสถูกรถเฉี่ยวนิดหน่อยค่ะแม่”

“ถูกรถเฉี่ยวนี่นะบอกนิดหน่อย ไหนมาให้แม่ดูหน่อย แล้วเจ็บตรง

ไหนบ้าง”

                รสรินอุทานเสียงสูงพลางจับร่างระหงตรงหน้าหมุนซ้ายขวาราวกับ

ค้นหาร่องรอยของการบุบสลาย ทำให้คนเป็นบุตรสาวหัวเราะจนตาหยี

“โรสไม่เป็นไรหรอกค่ะ เจ็บที่สะโพกนิดหน่อยเท่านั้นเอง” คำว่านิด

หน่อยที่บอกไปเจ้าตัวรู้ดีว่าจริงๆ มันตรงกันข้าม

คนฟังยกมือจิ้มหน้าผากบุตรสาวคนเดียวอย่างหมั่นไส้ หลังจาก

สำรวจดูแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่บอกจริง

“ยังจะมาพูดเล่นอีก ทำไมเดินไม่รู้จักระมัดระวังเลยล่ะ ถ้าลูกเป็น

อะไรไปแล้วแม่จะอยู่ยังไง”

คำพูดดังกล่าวทำให้รสิกานิ่งอึ้ง พลางคิดว่าถ้าเกิดเธอหลงเข้าไปใน

หนังสือที่อ่านจริงๆ ล่ะ ผู้เป็นแม่คงโศกเศร้าเสียใจไม่น้อยเพราะมีเธอเป็น

ลูกสาวคนเดียว

“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ โรสหัวแข็ง”

“ว่าแล้วยังไม่สลดอีก หรือเดินอ่านหนังสือไปด้วย”

รสิกาฟังแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “แม่พูดเหมือนลุงหมอเลยค่ะ”

“แล้วลูกทำอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่าล่ะ” รสรินถามพลางมองดวงหน้า

สะสวยของบุตรสาวอย่างคาดคั้น

“เปล่าหรอกค่ะ แหม ใครจะเดินอ่านหนังสือได้ล่ะคะ” คนพูดส่าย

หน้าก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการถามหาบิดา “แล้วพ่อไปไหนคะ”

“โน่น...ปลูกต้นไม้อยู่กับพี่สินตรงโน้น”

รสรินพูดด้วยสีหน้ายิ้มละไมแล้วเดินนำบุตรสาวเข้าไปในรั้วบ้าน

ทั้งคู่ตรงไปยังศาลาทรงไทยประยุกต์สีน้ำตาลเข้มที่อยู่ใกล้กับสระบัว ซึ่ง

กำลังผลิดอกชูช่อสีชมพูสดใสล้อกับสายลมยามเย็น

“โอย สดชื่นจังเลย”

หญิงสาวพูดเสียงใสพลางแหงนหน้าสูดลมหายใจรับอากาศสดชื่นเข้า

จนเต็มปอด ก่อนก้าวขึ้นบันไดตามหลังมารดาไปยืนพิงลูกกรงของตัวศาลา

มองไปยังบริเวณข้างๆ ตัวบ้าน ซึ่งเวลานี้กลายเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เพราะอุบัติเหตุ...ชายหนุ่มเจ้าของฉายาหล่อสามโลกอย่าง ภีมวัจน์ จึงได้พบกับ 
รสิกา หญิงสาวผู้มีดวงหน้างามประหลาดล้ำ 
เพราะหญิงสาวแตกต่าง...ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งและถือตัวจึงรู้สึกถูกชะตา 
และเปลี่ยนจากคนพูดน้อยให้กลายเป็นคนพูดมาก 
เพราะหน้าตาเขาเหมือน "ท่านชายก้อง"...พระเอกในหนังสือนิยายเรื่องโปรด 
เธอจึงหลงเสน่ห์เขาโดยไม่รู้ตัว 
เพราะอะไรกันแน่...ที่ทำให้เกิดเรื่องราวมากมาย 
จนนำไปสู่บทสรุปของความรัก 
เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ 
หรือเพราะทางเดินแห่ง ‘พรหมลิขิต’ 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024