เจ้าบ่าวรับจ้าง (มัลลิกา)
ประหยัด: 66.50 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 89.00 บาท - 129.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
ภายในห้องทำงานหรูหราบนชั้นสูงสุดของโรงแรมธราธร
หญิงสาวร่างบางในชุดสูทสีเข้มนั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ ดวงหน้า
รูปไข่เรียวสวยค่อนข้างเคร่งขรึม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเอกสาร
ตรงหน้าอย่างตั้งใจ ริมฝีปากอิ่มเต็มเคลือบสีแดงระเรื่อเม้มแน่นอย่างใช้
ความคิด ก่อนจดปลายปากกาเซ็นเอกสารแผ่นนั้นด้วยลายมือหนาหนัก
นภสรปิดแฟ้มเล่มนั้นแล้วหยิบแฟ้มเล่มใหม่มาเปิดอ่าน ตำแหน่ง
ประธานกรรมการที่เธอครอบครองต้องรับผิดชอบชีวิตพนักงานหลาย
ร้อยคน การตัดสินใจแต่ละครั้งจึงต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบเสมอ
หญิงสาวตวัดปลายปากกาเซ็นอนุมัติ ก่อนยกมือนวดขมับตัวเองเบาๆ เมื่อ
อาการปวดศีรษะตุบๆ ที่รบกวนเธอมาทั้งวันหวนกลับมาเล่นงานอีกครั้งแล้ว
หญิงสาวเอนศีรษะพิงพนักรอให้อาการปวดคลายลง เมื่อคืนเธอ
ฝันร้ายทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่ม นึกแล้วก็น่าโมโห อายุป่านนี้แล้วยังอุตส่าห์
ฝันว่าถูกงูรัด พอสะดุ้งตื่นก็นอนไม่หลับอีกเลย เพราะเจ้างูสีขาวตัวใหญ่
ตามมาหลอกหลอนตลอดเวลา ในชีวิตเธอเกลียดกลัวงูทุกชนิด แต่ในฝัน
เธอกลับกอดเจ้างูตัวนั้นด้วยความเสน่หา แค่คิดขนแขนก็ลุกชันไปหมด
แล้ว เธอรีบสลัดภาพน่าขยะแขยงนั้นทิ้งไป แล้วเอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอม
“คุณอร ขอยาแก้ปวดสองเม็ด”
“รอสักครู่นะคะคุณส้มโอ” เลขานุการส่วนตัวรับคำ อรสาทำงานกับ
บิดาของเธอมาก่อน พอเธอมารับตำแหน่งแทนท่าน หล่อนจึงมาทำงานให้เธอ
แทน แม้อายุอานามจะเลยวัยสาวมาหลายปีแล้ว แต่ความสามารถในการ
ทำงานไม่ได้ลดลงเลย เธอจึงไม่คิดจะเปลี่ยนเลขานุการคนใหม่ ทั้งที่มี
คนแนะนำให้เลือกเด็กสาวๆ มาทำงานแทนก็ตาม
นภสรหยิบแฟ้มเล่มใหม่มาเปิดอ่าน เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นเบาๆ
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เมื่อคนที่ถือถาดใส่
ยาแก้ปวดและแก้วน้ำเข้ามาไม่ใช่อรสา แต่เป็นไตรภพผู้ช่วยส่วนตัวของเธอ
ชายหนุ่มเป็นลูกชายคนสนิทของบิดาเธอ ตอนเป็นเด็กไตรภพเป็นเพื่อนเล่น
และเติบโตมาด้วยกัน ตอนนี้เขาเป็นมือขวาและบอดีการ์ดของเธอ คอย
ช่วยงานทุกอย่างตามที่เธอสั่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ยาแก้ปวดครับบอส” เขาวางถาดลงตรงหน้า แล้วทรุดตัวลงนั่งบน
เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน “ไม่สบายเหรอครับ ตอนเย็นแวะหาหมอหน่อยไหม”
“ไม่ต้องหรอก แค่ปวดหัวนิดหน่อย กินยาแล้วคงดีขึ้น” ว่าพลาง
หยิบยามากินแล้วดื่มน้ำตาม ก่อนวางแก้วเปล่าลงบนถาด “นายมีอะไรหรือเปล่า”
“คุณดูเองเถอะ” เขาหยิบซองจดหมายสีขาวส่งให้เธอ นภสรรับมา
เปิดดู ก่อนถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อพบว่ามันคือผลการเรียนของนิลยา น้องสาว
ต่างมารดาของเธอ
“สอบตกทุกวิชา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะนี่” ไตรภพเอ่ยยิ้มๆ ทว่า
หญิงสาวยิ้มไม่ออก แค่เรียนยังตกแล้วตกอีก แบบนี้จะมาช่วยเธอบริหาร
โรงแรมได้อย่างไร
นภสรพับใบรายงานผลการเรียนของน้องสาวใส่ซอง ก่อนยัดใส
ลิ้นชักให้ลึกที่สุด หลังจากบิดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน เธอ
ก็เข้ามาบริหารงานแทนด้วยวัยเพียง ๒๕ ปี งานที่รับผิดชอบว่าเหนื่อยแล้ว
ยังเทียบไม่ได้เลยกับปัญหาในครอบครัว
หญิงสาวเลื่อนสายตาไปมองภาพถ่ายบนโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มร่างสูง
ท่าทางภูมิฐานที่ยืนอยู่กลางภาพคือบิดาของเธอ ท่านเป็นคนก่อตั้งโรงแรม
ธราธรด้วยความอุตสาหะ ส่วนหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่นั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้า
ท่านคือแม่จิตตา น้าสาวและแม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง
แม่จินดาแม่แท้ๆ ของเธอจากไปตั้งแต่ตอนเธออายุได้ห้าขวบ น้าจิตตา
จึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อช่วยบิดาเลี้ยงดูเธอ เลี้ยงไปเลี้ยงมาท่านทั้งสอง
ก็แต่งงานกัน หลังจากนั้นหนึ่งปีนิลยาก็คลอดออกมา ตอนเป็นเด็กน้องสาว
ของเธอน่ารักมาก ไม่คิดว่าพอโตขึ้นมาจะสร้างเรื่องปวดหัวให้เธอไม่เว้นแต่ละวันอย่างนี้
นภสรเลื่อนสายตาไปมองเด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ เด็กหญิงตาโต
ตัวผอมบางคนนี้คือเธอเอง ตอนนั้นเธออยากขึ้นไปนั่งบนตักของน้าสาว
แต่ทำไม่ได้เพราะมีนิลยานั่งอยู่ก่อนแล้ว แม้แม่จิตตาจะรักและดูแลเธอ
เหมือนลูกแท้ๆ แต่ยังเทียบไม่ได้กับความรักที่มีให้นิลยาอยู่ดี
เธอกับน้องสาวไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือนิสัย เธอ
ถอดเค้าใบหน้ามาจากบิดา ส่วนนิลยาเหมือนแม่จิตตา หล่อนเอาแต่ใจ
ใช้เงินเก่ง ไม่ตั้งใจเรียน เพราะถูกตามใจจนเหลิง ส่วนเธอค่อนข้าง
เคร่งเครียด เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ เพราะต้องช่วยบิดาทำงานมาตั้งแต่เด็ก
“คุณจะทำยังไงต่อไป” ไตรภพเอ่ยถาม หลังจากปล่อยให้เธอจมอยู่
กับความคิดของตัวเองพักใหญ่
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะทำอะไรได้ นอกจากทำใจ”
“แต่คุณจิตตาคงทำไม่ได้ ลูกรักถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ถ้าใคร
รู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ ฉันจนปัญญาแล้ว” นภสรตัดบทอย่างอ่อนใจ
แล้วหันไปมองอินเตอร์คอม เมื่อเสียงของอรสาดังขึ้น
“คุณผาณิตามาขอพบค่ะคุณส้มโอ”
“ให้เข้ามาเลย” หญิงสาวเอ่ยอนุญาต ผาณิตาเป็นเพื่อนกับเธอมา
ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม หล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวในจำนวนพี่น้องเจ็ดคน
บิดาเป็นคหบดีคนสำคัญของเมืองไทย วันๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่เงินกงสี
ของครอบครัวก็ใช้ไม่หมดแล้ว
“ผมไปทำงานก่อนนะ” ไตรภพลุกขึ้นยืน
นภสรพยักหน้าอนุญาต เพราะรู้ว่าเขาไม่กินเส้นกับเพื่อนของเธอ
เท่าไร ชายหนุ่มเดินสวนกับผาณิตาตรงประตู เพื่อนเธอยิ้มหวานทักทาย
อย่างอารมณ์ดี ไตรภพมองนิ่งๆ แล้วผงกศีรษะตอบอย่างเสียไม่ได้ หญิงสาว
ผู้มาเยือนหุบยิ้มฉับทันที ก่อนเดินหน้าบึ้งมาทิ้งตัวลงนั่งแทนที่ผู้ช่วยหนุ่ม
“หน้าตายไร้หัวใจ ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาเสียเลย”
“รู้จักกันมาตั้งนาน ยังไม่ชินอีกเหรอ” นภสรเอ่ยถามอย่างขำๆ ไตรภพ
ไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำตัวลอยไปลอยมา จึงมักจะทำท่าทางเย็นชาใส่เสมอ ส่วน
ผาณิตาไม่ชอบถูกเมิน ทั้งสองจึงปะทะคารมกันเป็นประจำ
“ก็ว่าจะชินอยู่ แต่มันอดไม่ได้สักที คนอะไรยิ้มยากยิ้มเย็น ตั้งแต่
รู้จักกันมา ฉันยังไม่เคยเห็นเขายิ้มหัวเหมือนคนอื่นเลย”
“ไตรภพก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปสนใจเขาเลย ว่าแต่เธอมาหาฉัน
มีอะไรหรือเปล่า” นภสรตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“มีสิ ถ้าไม่มีฉันจะขับรถมาให้เหนื่อยทำไม”
“ถ้าจะชวนไปชอปปิง ฉันไม่ว่างนะ” นภสรรีบออกตัว เพราะไม่อยาก
เอาเวลาไปทิ้งที่ศูนย์การค้ากับผู้เป็นเพื่อนสาว
“เปล่า ไม่ได้ชวนไปชอปปิง แต่จะชวนไปออกกำลังกาย”
“ออกกำลังกาย” เธอเลิกคิ้วมองร่างอวบๆ ของเพื่อนรัก ก่อนจะส่ายหน้า
อย่างไม่เชื่อ “เธอชอบออกกำลังกายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เลย”
“ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง อย่าเพิ่งขัดได้ไหม”
“โอเค ฉันผิดเอง มีอะไรก็พูดมา”
“ฉันเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนสเปิดใหม่ เห็นเธอเครียดๆ เลย
อยากชวนไปพักผ่อน รับรองว่าไปแล้วจะติดใจ” ผาณิตาหลิ่วตาปิดท้าย
คำพูด กระตุ้นความอยากรู้ขึ้นมา แต่เมื่อมองแฟ้มงานบนโต๊ะ นภสรจึง
จำต้องหักห้ามใจตัวเอง
“จะไปทำไมให้เสียเวลา ที่นี่ก็มีห้องฟิตเนส ถ้าอยากออกกำลังกาย
ออกที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน ไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิก ประหยัด
ทั้งเงินทั้งเวลา แถมออกกำลังกายเสร็จแล้ว ฉันยังกลับขึ้นมาทำงานได้อีก”
“ยายงก ฟิตเนสของเธอเงียบอย่างกับห้องเก็บศพ เล่นแป๊บเดียว
ก็เบื่อแล้ว ฉันต้องการสังคมย่ะ”
นภสรกลอกตาอย่างอ่อนใจ ตกลงอยากออกกำลังกายหรืออยาก
ทำอะไรกันแน่ ไปฟิตเนสเพื่อเข้าสังคม ถ้าไม่ใช่ผาณิตาคงคิดไม่ได้หรอก
“งั้นเธอก็ไปเถอะ ฉันปวดหัว อยากกลับบ้านไปนอนมากกว่า”
“ไม่สบายเหรอ” ผาณิตารีบยื่นมือมาอังหน้าผากเพื่อน “ตัวไม่ร้อนนี่นา
แล้วกินยาหรือยัง”
“กินแล้ว เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้เลยปวดหัวทั้งวัน” นภสรบอก
น้ำเสียงอ่อนลง แม้เพื่อนรักจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่ความห่วงใยที่มีให้เธอ
ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนวันนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“นอนไม่หลับ” ผาณิตาหรี่ตามอง ก่อนยิ้มล้อเลียน “ฝันร้ายหรือว่าวัยทอง”
“ฉันกับเธอเกิดปีเดียวกัน ฉันวัยทองเธอก็วัยทองเหมือนกัน” นภสร
มองค้อนอย่างหมั่นไส้ คนถูกค้อนหัวเราะเสียงดัง ก่อนพูดเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย
“ไม่เกี่ยวย่ะ ฉันมีความสุขทุกวัน ส่วนเธอเคร่งเครียดตลอดเวลา
วัยทองต้องมาเยือนก่อนฉันอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ได้เกิดมารวยเหมือนเธอนี่ จะได้ไม่ต้องทำงานทำการ วันๆ
เที่ยวเล่นใช้เงินอย่างเดียว”
“หยุดเลย” แม่คนรวยตั้งแต่เกิดยกมือห้าม “ป๊าฉันบ่นคนเดียวพอแล้ว
เธอไม่ต้องมาบ่นซ้ำหรอก มันน่ารำคาญรู้ไหม”
“เธอนี่มันจริงๆ เลย” นภสรกลอกตาอย่างอ่อนใจเป็นครั้งที่สอง
ซึ่งคงจะมีตามมาอีกหลายครั้ง หากยังนั่งคุยกับผาณิตาต่อไป
“ตกลงเธอเป็นอะไร ทำไมถึงนอนไม่หลับ” เพื่อนรักวนกลับมาเรื่อง
เดิม นภสรเคาะนิ้วกับแฟ้ม ไม่รู้ว่าจะเล่าดีหรือเปล่า แต่ถ้าไม่เล่าอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมอยู่ดี
“ฉันฝันร้าย”
“ฝันว่าอะไร” ผาณิตาจ้องมองเขม็ง
“อย่าไปสนใจเลย” เธอหลบตาพลางบอกปัด แต่อีกฝ่ายยังอุตส่าห์เดาถูก
“หน้าแบบนี้ ฝันว่าถูกงูรัดใช่ไหม”
นภสรหมดทางปฏิเสธ จึงพยักหน้าแทนคำตอบ
“ใช่จริงๆ ด้วย” ผาณิตาตบมือชอบใจ ก่อนทำเสียงล้อเลียน “ฝันว่า
ถูกงูรัดจะเจอเนื้อคู่ สงสัยพี่กรจะมาขอแหงๆ ว่าแต่งูมันรูปร่างหน้าตายังไงเหรอ”
“งูสีขาวตัวใหญ่” เธอทำท่าขยะแขยง เพื่อนรักขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า
“พี่กรผิวคล้ำ แล้วงูตัวนั้นเป็นใครกัน”
“เหลวไหลน่า ฝันก็คือฝัน จะเป็นใครไปได้ยังไง” นภสรตำหนิเพื่อนรัก
เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ผาณิตากลับคิดเป็นจริงเป็นจัง แถมยัง
โน้มน้าวให้เธอเชื่อตามอีกด้วย
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะจ๊ะ พรหมลิขิตไม่เข้าใครออกใคร บางทีคน
ที่เห็นอาจจะไม่ใช่คนที่ใช่ก็ได้นะ”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงมันแล้ว”
“ไม่พูดก็ได้ แต่เธอต้องไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนฉัน ส่วนเรื่อง
ปวดหัว รับรองว่าไปถึงฟิตเนสจะหายเป็นปลิดทิ้ง”
ผาณิตาคว้ามือเธอดึงให้ลุกจากเก้าอี้ นภสรไม่อยากไป แต่ขัดเพื่อนรัก
ไม่ได้ จึงต้องตามไปอย่างจำใจ
หญิงสาวร่างเล็กบอบบางในชุดออกกำลังกายรัดรูปดึงดูดสายตา
ของทุกคนให้หันมามองอย่างง่ายดาย แม้สัดส่วนของหล่อนจะไม่อวบอัด
ทว่ากลมกลึงสมส่วนน่ามอง เมื่อบวกกับท่าทางมั่นใจในตัวเองและเครื่องหน้า
คมหวาน หล่อนจึงเป็นหญิงสาวสวยจับตาคนหนึ่ง
นภสรกวาดตามองไปรอบๆ ฟิตเนสแห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหราสมกับ
ค่าสมาชิกที่แพงลิบลิ่ว ลูกค้าชายหญิงเดินกันขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
มากกว่าผู้ชาย เธอมองผ่านผู้ชายหลายคนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหยุดสายตา
ที่ร่างอวบแบบคนเจ้าเนื้อของเพื่อนรัก
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอ” ผาณิตาเดินเข้ามาหาพลางชวนคุย
อย่างร่าเริง “เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันอยากออกกำลังกายจะแย่แล้ว เธอสนใจ
อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ที่นี่มีเครื่องออกกำลังกายทุกชนิดเลยนะ นอกจากนี้
ยังมีคลาสแอโรบิกกับโยคะร้อนด้วย สระว่ายน้ำก็มีนะอยู่ด้านหลัง”
“ฉันไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมา แค่เดินบนลู่วิ่งก็พอแล้ว” หญิงสาวตอบ
อย่างเนือยๆ ปกติผาณิตาชอบไปศูนย์การค้ามากกว่าฟิตเนส แต่คราวนี้
ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรดี เพื่อนเธอถึงได้กระตือรือร้นอยากมานัก
“งั้นตามมาเลย เดี๋ยวฉันพาไปเอง”
ผาณิตาเดินนำเข้าไปในห้องออกกำลังกาย ก่อนหยุดยืนข้างลู่วิ่ง
ริมผนังกระจก นภสรก้าวขึ้นไปยืน แล้วออกเดินช้าๆ ก่อนหันไปมองเพื่อนรัก
ผาณิตายืนหันรีหันขวางเหมือนกำลังมองหาใคร แทนที่จะขึ้นมาเดินบนลู่วิ่ง
ทั้งที่บอกว่าอยากออกกำลังกายนักหนา
“ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะ อยากออกกำลังกายไม่ใช่เหรอ”
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (1)

12/08/2014
“เจ้าบ่าวรับจ้าง” เป็นนิยายพล็อตที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากนัก นางเอกซื้อพระเอกมาเป็นสามี ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน จบแบบแฮปปี้ เรื่องเริ่มต้นจาก “นภสร” นางเอกของเรื่อง ที่ต้องแบกความรับผิดชอบดูแลธุรกิจโรงแรมของครอบครัว เพราะ น้องสาวคนเดียวยังเรียนไม่จบ และไม่มีวี่แววว่าจะอยากมาช่วยงานเธอ เหมือนฝันบอกเหตุ เมื่อนางเอกฝันเห็น “งูขาว” มารัดเธอ โบราณเค้าว่ากันว่า ฝันว่าถูกงูรัดจะเจอเนื้อคู่ใช่ไหมคะ "ผาณิตา" เพื่อนสนิทของนางเอกก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่แอบแปลกใจเล็กๆ เมื่อแฟนของนางเอกไม่ได้มีผิวขาวเหมือนงูในฝัน และวันนั้น “ผาณิตา”ก็ได้ชวนนางเอกไปฟิตเนสจนได้เจอกับเทรนเนอร์สุดหล่อที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวเพียงแค่แรกพบสบตา โลกช่างกลมนัก เมื่อน้าสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของนางเอกและเป็นแม้แท้ๆของน้องสาวเธอ มาบอกว่าน้องสาวเธอติดพันเซลล์แมนขายรถคนหนึ่ง และขาก็คือ “พัชระ” ผู้ชายที่นางเอกเจอที่ฟิตเนสนั่นเองค่ะ นางเอกจึงยื่นข้อเสนอเป็นเงินให้พระเอกเพื่อให้เขาเลิกยุ่งกับน้องสาวของเธอ แต่พระเอกไม่ได้ยุ่งกับน้องสาวนางเอกอยู่แล้ว จึงไม่คิดจะรับเงินนางเอก เพราะถึงเขาจะจนแต่ก็มีศักดิ์ศรีพอ ความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับแฟนเกิดมีปัญหา เพราะนางเอกทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ แฟนนางเอกเลยเผลอใจให้กับผู้หญิงคนใหม่ รักของทั้งคู่จึงขาดสะบั้น ปัญหาน้องสาวก็ยังไม่เคลียร์ค่ะ เมื่อแม่เลี้ยงยังมาบอกนางเอกว่าน้องสาวยังไม่เลิกยุ่งกับพระเอก เมื่อเห็นแม่พระเอกไม่สบายต้องใช้เงินรักษาเยอะ นางเอกจึงยื่นข้อเสนอให้พระเอกแต่งงานกับเธอ ตอนแรกพระเอกก็ไม่ยอมค่ะ ต้องไปติดตามในเรื่องว่าทำไมอยู่ๆพระเอกถึงยอมขึ้นมา แอบเขินเบาๆ ตรงที่พระเอกบอกว่าถ้าเขาแต่งงานกับนางเอก เขาต้องได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ทั้งในแง่นิตินัยและพฤตินัย นางเอกอึ้งไปเลย แต่ไม่อยากเสียหน้าว่าไม่แน่จริงจึงยอมตกลง เมื่อแต่งงานกันแล้วก็ไม่ได้มีบทหวานหรอกนะคะ ก็แหม เพิ่งรู้จักกันเองนิเนอะ จะให้มีอะไรกันเลยก็คงจะยังไงๆอยู่ ที่สำคัญนางเอกเป็นคนบ้างาน เธอจึงรีบไปทำงานทันทีหลังวันแต่งงาน ปัญหาเรื่องโรงแรมเริ่มโผล่ออกมาค่ะ เมื่อพระเอกพบเบาะแสว่าต้องมีคนโกงและทุจริตแน่ๆ จึงช่วยนางเอกตามหาและสืบจนรู้ตัวคนร้าย เรื่องการโกง ผู้เขียนไม่ได้เขียนให้ลึกลับหรือยุ่งยากอะไร ดิฉันคิดว่าคงอยากสร้างสีสันนอกจากเรื่องรักๆมากกว่า และเพราะมีคนร้าย นิยายก็ต้องการฮีโร่อยากพระเอกมาปกป้องนางเอกค่ะ ทั้งคู่จึงเริ่มรู้หัวใจตัวเองว่ารักกัน ตอนจบไม่จบง่ายขนาดนั้น แอบใบ้นิดๆ ว่าครั้งนี้นางเอกเป็นคนง้อ สปอยขนาดนี้แล้ว ถ้าอยากรู้ต้องลองไปหามาอ่านแล้วละค่ะ