หรรษาพาหรรษา (ดอกไม้)

หรรษาพาหรรษา (ดอกไม้)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019359
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ม้าปัดจัดเต็ม

แชะ! แชะ! แชะ! เสียงชัตเตอร์จากกล้องถ่ายรูปหลายกล้องที่อยู่

ด้านหน้า สลับกับแสงแฟลชจากการกดรัวๆ ของเหล่าช่างภาพหลายสำนัก

ยืนยันความสำเร็จของ แพทย์หญิงวรางคณา มณีอรุณ

คุณหมอสาวหน้าหวานแสนสวยและหน้าเด็ก แม้วัยจะก้าวเข้าปีที่

สามสิบห้าแล้วก็ตาม แต่เธอเพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นหญิงผู้ทรงอิทธิพล

ที่สุดในวงการความงามไทยปีนี้ ด้วยอาชีพแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม

ผิวหนังและหน้าสวย ซึ่งประสบความสำเร็จจากธุรกิจความงามอย่างหาตัว

จับยาก แม้ปัจจุบันจะมีคลินิกและสถานเสริมความงามผุดเป็นดอกเห็ดทั่ว

ทุกหัวมุมเมืองเป็นทางเลือกของสาวๆ ผู้รักความงาม แต่ถ้าใครต้องการ

ความสวยไร้ขีดจำกัดเยี่ยงคนไฮคลาสแล้วละก็ ต้องมาที่ ‘Mona Beauty’

(โมน่า บิวตี้) เท่านั้น

“หมอณาคะ ขอท่าประจำตัวหน่อยค่ะ”

นักข่าวที่กำลังปรับเลนส์หน้ากล้องร้องขอให้หมอสาวแอกต์อย่างที่

รู้กันตามสื่อทั่วไปว่าเป็นท่าประจำของ ‘หมอณา’ แห่งโมน่า บิวตี้ ซึ่งเป็น

เอกลักษณ์ประจำแบรนด์สถานเสริมความงามที่วรางคณาเป็นเจ้าของ เมื่อ

บวกเข้ากับเสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋า และรองเท้า แสดงความเป็นคนไฮคลาส

ชั้นท็อปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้บุคลิกสง่างามของเธอน่าสนใจให้นำเสนอมากขึ้น

ไปอีก

“ได้เลยค่ะ” วรางคณาตอบ จากนั้นก็ตั้งท่าทันที

ผมหน้าม้าถูกปัดสองครั้งติดกันแรงๆ ขณะที่คนสวยไฮโซซึ่งสวม

รองเท้าส้นสูงราคาแพงลิ่วกำลังยืนเชิดหน้า มือซ้ายคล้องกระเป๋าแบรนด์เนม

ราคาเฉียดล้านที่แม่คุณพยายามเบี่ยงมันให้เข้ากล้องมากที่สุด ทุกอย่าง

เป็นไปตามฉายา ‘ม้าปัดจัดเต็ม’ ให้เหล่านักข่าวยิงแฟลชเก็บภาพสวย

สมใจ

ก่อนนี้วรางคณาเป็นคุณหมอผิวหนังที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่จังหวะ

และโอกาสที่ผ่านเข้ามาเมื่อหนึ่งปีก่อนทำให้คุณหมอสาวสวยกระโดดเข้าสู่

การทำธุรกิจความงามอย่างเต็มตัว จนตัวเองก็เป็นดารากลายๆ โอกาส

ทางธุรกิจที่ว่าเริ่มจากเกือบสองปีก่อนโน้นวรางคณาทำสวยให้ชายใจหญิง

คนหนึ่งที่หวังเข้าประกวดขาอ่อน แม้เธอคนนั้นจะไม่ได้มงกุฎหลังการประกวด

แต่คุณหมอสาวก็ใช้มีดหมอจัดการให้สุวิตราหรือนายสุวิทย์ได้โลดแล่น

โด่งดังอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ ส่งออร่าความสวยของรองมิสทิฟฟานี่ไทย

ให้กระฉ่อนไปทั่วเอเชียในเวลาอันรวดเร็ว ถึงขั้นได้รับเลือกให้ไปร่วมฉาก

ในภาพยนตร์ร่วมทุนไทย-สิงคโปร์-ฮ่องกง อีกด้วย พูดได้ว่าสุวิตราคือ

ดาราสาวประเภทสองที่เนื้อหอมแซงหน้าดาราหญิงแท้มากที่สุดในยุคนี้

คำให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง ‘ลูซี่ เกิดมาดัง’ ที่ดารา

สาวเทียมพูดว่า ‘มีวันนี้เพราะพี่หมอให้’ ซึ่งหมายถึงคุณหมอวรางคณา

เปลี่ยนชีวิตหมอสาวชั่วข้ามคืน และรูปถ่ายที่สุวิตรานำมาโชว์ผ่านกล้อง อวด

ใบหน้าสวยของตนคู่กับคุณหมอก็สะดุดตาคนดูทั่วไทย จนมีเสียงเรียกร้อง

ให้ตามหาตัวในเวลาต่อมา จากนั้นเหล่าดาราทั้งหญิงและชายรวมถึงเอเจนซี

ทั้งหลายต่างก็ให้ความสนใจ หันมาเป็นคนไข้ของหมอณาทั้งนั้น

เมื่อโอกาสมาถึงขนาดนี้วรางคณาจึงเลือกเปิดสถานเสริมความงาม

แบรนด์ตัวเองเสียเลย โดยเน้นที่ความหรูหรา ซึ่งการดันผลิตภัณฑ์ความงาม

สู่ตลาดชั้นสูงถือเป็นความชาญฉลาดที่สุด เพราะธุรกิจฟุ่มเฟือยที่มีเหล่า

ไฮโซการันตีเป็นประตูสู่ความโด่งดังได้รวดเร็ว แม้จะไม่ใช่ดาราแต่การขยับ

ตัวของคนรวยที่เป็นหนึ่งในสังคมชั้นสูงย่อมเป็นที่สนใจของคนทั่วไป

วันนี้วรางคณาได้รับเกียรติมาเป็นที่ปรึกษาความงามเพื่อผู้หญิงผ่านรายการ

โทรทัศน์ซึ่งผ่านไปได้ด้วยดี ตามด้วยการขอสัมภาษณ์จากนักข่าวอื่นๆ

ที่มารอก่อนหน้า

“ครอบครัวคุณหมอว่ายังไงบ้างคะ กับการเข้าชิงรางวัลครอบครัว

ตัวอย่าง”

นักข่าวตะโกนถามมาจากด้านหลัง คำถามนี้ทำเอาคุณหมอหุบยิ้มช้าๆ

เพราะต้องคิดก่อน

‘โอ้! จะตอบยังไงดีล่ะยายณาเอ๋ย ในเมื่อสามีกับลูกว่ามากเสียด้วยสิ’

ขืนตอบความจริงไปแบบนั้นก็เสียหน้าแย่ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะให้ใครรู้ว่า

เธอกำลังมีปัญหาครอบครัว สวย รวย เก่ง สมบูรณ์ขนาดนี้ มันต้องสมบูรณ์

ออกสื่อถึงจะเรียกว่าของจริง! ว่าแล้ววรางคณาก็ยิ้มกว้างใส่กล้องกับ

ไมโครโฟนอีกครั้งแล้วพูดว่า

“พวกเขาดีใจค่ะ ที่ความผูกพันในครอบครัวของเรากำลังจะได้เป็น

ตัวอย่างและกำลังใจให้ครอบครัวอื่นที่อาจกำลังมีปัญหากัน ทุกความสำเร็จ

เริ่มต้นจากครอบครัวเสมอ สามีดิฉันสนับสนุนการงานดีมาก เราเข้าใจกันดี

สิบกว่าปีของเรายังหวานทุกวัน เอ่อ...เราหอมแก้มกันก่อนออกจากบ้าน

ทุกเช้าเลยละค่ะ เหอะๆ”

คุณหมอสาวพูดจบก็ตบท้ายด้วยการปัดผมหน้าม้าสองครั้ง พลาง

ส่งเสียงหัวร่ออย่างน่ารักน่าเอ็นดูพร้อมเอียงอายได้สมจริง จนเหล่าช่างภาพ

อมยิ้ม บ้างก็ส่งเสียงชื่นชม เยินยอให้เจ้าตัวปลาบปลื้มได้อีก

“ว้าว...วิ้ว!”

“แล้วลูกสาวของคุณหมอล่ะคะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

‘นั่น! ถามยากเสียด้วย ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าลูกกำลังคิดหรือทำอะไร

ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลาเจอหน้าลูกด้วยซ้ำ!’ วรางคณาใช้ไหวพริบ ยิ้มสู้กล้อง

แล้วตอบไปว่า

“คนนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ยิ่งโตก็ยิ่งติดแม่ค่ะ เราสนิทกันมาก แกบอกว่า

มีความสุขและภูมิใจมากเลยที่เห็นแม่ทำงานเก่ง ที่สำคัญแกอยากเป็นหมอ

เหมือนพ่อกับแม่ เชื่อว่าผลสอบต้องมีชื่อแกติดเป็นลำดับต้นๆ ของคณะ

แพทยศาสตร์แน่นอนค่ะ”

‘พูดขนาดนี้แล้ว ลูกคงไม่ฉีกหน้าแม่ด้วยการตัดสินใจยื่นใบสมัคร

สอบคณะอื่นหรอกนะ!’ คุณหมอสาวคิดหน้ากล้อง

“สุดท้ายนี้มีอะไรจะฝากถึงสาวๆ ที่อยากสวยเหมือนคุณหมอมั้ยคะ”

นักข่าวสาวอีกคนถาม

“สวยแล้วอย่าลืมดูแลคนที่คุณรักด้วยนะคะ”

วรางคณาพูดแล้วโปรยยิ้มราวกับนางงาม ภูมิใจเมื่อเห็นแววตาชื่นชม

จากเหล่านักข่าวที่คงกำลังคิดละสิว่า...แหม! หน้าสวย พูดสวยเสียด้วย

เพอร์เฟกต์จริงๆ คุณหมอณาของเรา!

 

มุมหนึ่งในกรุงเทพฯ ย่านมีนบุรี

“หง่าว” สิ่งมีชีวิตตัวเล็กเปล่งเสียงพร้อมนอนหมอบลงบนพื้น

หลังจ้องมองจอโทรทัศน์ ถ้าพูดได้มันคงบอกว่า “จริงเหรอคะคุณขา!”

สุนัขพูเดิลเพศเมียสีน้ำตาลวัยสองปีเศษตัวนี้เจ้านายได้มาเพราะ

ความสงสารตอนได้ยินคนแถวบ้านพูดว่า ลูกหมาครอกใหม่ของเจ้าของร้าน

เสริมสวยหน้าปากซอยถูกรถชนตายเป็นตัวที่สามแล้ว แม่มันออกลูกมาสี่ตัว

แต่ตายตามกันไปเกือบหมดเพราะเจ้าของไม่มีเวลาดูแล ทำให้เหลืออยู่แค่

ตัวเดียว หากปล่อยลูกสุนัขกำพร้าไปตามยถากรรม อาจมีจุดจบแบบเดียว

กับแม่และพี่น้องของมันในเร็ววัน ดังนั้นบุตรสาวของบ้านหลังใหญ่ในซอย

จึงไปขอซื้อเจ้าหมาน้อยที่น่าสงสารมาเลี้ยงไว้เอง

คงเป็นเพราะตัวเองเริ่มไม่ค่อยมีความสุขกระมัง จึงทำให้อยากตั้งชื่อ

สุนัขแก้เคล็ด เด็กสาวเรียกสมาชิกใหม่ของบ้านว่า ‘หรรษา’ โดยหวังว่ามัน

จะนำความสุขความหรรษากลับสู่ครอบครัวอีกครั้งในสักวัน แต่จนถึงบัดนี้

สิ่งที่รอคอยก็ไม่เคยมาเยือนเลย ซ้ำยังทำท่าว่าภัยในครอบครัวจะหนักขึ้น

ทุกวันอีกต่างหาก เพราะช่วงหลังมานี้นพฤทธิ์กับวรางคณาเริ่มมีปากเสียง

กันชัดและดังขึ้นจนบ้านร้อนเป็นไฟก็ว่าได้

คนในบ้านนี้ชินกับพฤติกรรมเยี่ยงมนุษย์ของสัตว์เลี้ยงตัวนี้เสียแล้ว

มันรู้ประสาขนาดที่รู้จักหาความบันเทิงด้วยการดูโทรทัศน์และฟังเพลง

ภาพกับเสียงในจอเมื่อครู่คุ้นหูจนมันต้องเงยหน้าฟังเจ้านายสาวให้สัมภาษณ์

แต่สุดท้ายก็เบือนหน้าหนีเพราะความรู้ประสานี่แหละ มันรู้ดีว่าที่วรางคณา

พูดมานั้นไม่จริงสักเรื่อง!

“นี่เราหวานมากเลยเหรอครับที่รัก หวานแบบนี้ใช่มั้ย นี่แน่ะๆ”

นายแพทย์นพฤทธิ์ จิตสุนทร กัดฟันพูดบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

สุดหรูภายในบ้านหลังใหญ่ที่อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกมาหลายปี มีเจ้าหรรษา

นอนอยู่บนพื้นไม่ไกล มองเจ้านายหนุ่มหายใจแรงแข่งกับลมจากเครื่อง

ปรับอากาศ ภาพและเสียงในจอยักษ์ที่เห็นทำให้เปลี้ยเพลียใจจนต้องกดปิด

โทรทัศน์อย่างรวดเร็ว แล้วคว้าหมอนอิงข้างตัวมาบีบเข้าหากันอย่างแรง

พร้อมกับเขย่าไปมาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกำลังสมมุติว่านี่คือลำคอขาวผ่อง

งามระหงของคุณหมอสาวที่เพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อครู่

แพทย์ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกวัยสามสิบหกปี บุตรชายเจ้าของ

โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ รับงานการแพทย์สาขากรุงเทพฯ

อีกแห่ง อยู่กินฉันสามีภรรยากับวรางคณามาประมาณสิบเก้าปีแล้ว เดี๋ยว!

ฟังไม่ผิดหรอกว่า ทั้งคู่อยู่กินกันมายาวนานเช่นนั้นจริงทั้งที่อายุยังน้อย

สืบเนื่องจากความพลาดพลั้งในวัยหนุ่มสาวจนให้กำเนิดบุตรสาวที่ปัจจุบัน

อายุย่างสิบแปดปี โชคเป็นของลูกที่พ่อแม่รักกันจริงและไม่ทอดทิ้งกัน ซ้ำยัง

ฝ่าฟันอุปสรรคก้าวข้ามความผิดพลาดเข้าสู่ความสำเร็จด้านการแพทย์มาได้

อย่างทุกวันนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ในวัยพรั่งพร้อม

กลับต้องมาสะดุดลงเพราะธุรกิจบ้าๆ ที่ผู้เป็นภรรยาเลือกเมื่อหนึ่งปีก่อน

“โอ๊ย! ผมจะทำยังไงกับคุณดี”

หน้าสวยกับผิวขาวของวรางคณาในโทรทัศน์ ทำให้นพฤทธิ์อึดอัด

จนยกหมอนขึ้นปิดหน้าแล้วตะโกนดังๆ อัดลงไปให้มันรู้สึกแย่จนอยากคลั่ง

เพราะเห็นภรรยาไปสวยให้คนอื่นดู หวานให้คนอื่นรับรู้ ดีให้คนอื่นสัมผัส

แต่ทำไมเวลาอยู่ที่บ้านถึงเป็นคนละคนได้เล่า...แม่วรางคณา! คุณหมอสาว

แสนดีตอนอยู่หลังกล้องต่างกับหน้ากล้องราวฟ้ากับเหว เวลาอยู่ที่บ้านเธอ

ไม่เคยมีรอยยิ้มให้ใครเลย ก็จะเห็นได้อย่างไร...ในเมื่อแม่คุณกลับบ้านดึกดื่น

ตื่นไม่เคยทันเห็นหน้ากัน ไม่เคยดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมของสามีกับลูก

โดยบอกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้ไป

ให้ตายเถอะ! สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เธอเองหรือที่ดูแลลูกกับสามี

ด้วยหัวใจ

นพฤทธิ์เคยหลงรักสาวยิ้มเก่ง อารมณ์ดีมาโดยตลอด แต่เหมือน

ทุกอย่างเป็นแค่ความทรงจำไปแล้ว เพราะทุกวันนี้วรางคณามีอาการเหมือน

คนถูกผีเข้า โหมงานหนักจนเครียดแล้วมาเหวี่ยงใส่อารมณ์กับคนในบ้าน

ไปเสียทุกเรื่อง ครึ่งปีหลังยิ่งย่ำแย่จนบ้านไม่เป็นบ้านก็ว่าได้

คนเป็นสามีเบื่อที่จะมีปากเสียงจึงเลือกใช้ความเงียบเข้าสู้ ทำที

ยอมรับได้ทุกอย่างทั้งที่อึดอัดเหลือใจ ยิ่งบุตรสาวด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รายนั้นกลัวแม่จนหงอเพราะโดนลูกหลงอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่เคย

เข้าไปบอกว่าอยากสมัครสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและเลือกสายศิลป์ทั้งที่

เรียนสายวิทย์มา คุณแม่หน้าสวยจอมเฮี้ยบแว้ดแหวจนหลังคาบ้านแทบทะลุ

ยืนกรานว่าถ้าลูกทำอย่างนั้นแปลว่ากำลังอกตัญญู ในเมื่อพ่อแม่เป็นหมอ

ทั้งคู่ ลูกจะเป็นอย่างอื่นให้อายคนวงการเดียวกันได้อย่างไร สาวน้อยถึงกับ

ก้มหน้างุด สบตากับพ่อด้วยความหวาดกลัว และไม่กล้าเสนอความคิดเห็น

           (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024