ภูผาไอยรา (ธุวดารา)

ภูผาไอยรา (ธุวดารา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160013890
ผู้แต่ง: ธุวดารา
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 162.50 บาท
ประหยัด: 87.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ลุงปัน ลุงปัน!”

ชายวัยห้าสิบผุดลุกขึ้นจากเพิงไม้ไผ่ ขมวดผ้าขาวม้าคาดเอว ยืน

เขม้นมองหนุ่มรุ่นลูกวิ่งร้องแรกแหกกระเชอลงเนินเขามาแต่ไกล จนกระทั่ง

มาหยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้า

“มีอะหยังไอ้ชิ ยังบ่ได้ไปหื้อก้วยหื้อน้ำโชคดีก๋า” ลุงปันเท้าสะเอวถามหนุ่มกะเหรี่ยง

“ไปแล้วลุง แต่ไอ้โชคมันเล่นโซ่หลุดไปไหนบ่ฮู้” พาชิฟ้องเสียงหอบ

ลุงปันได้ยินก็สะดุ้ง

“อ้าว เวร ฉิบหายแล้ว มันหายไปตางใด คิงได้โตยผ่อฮอยมันก่อ”

“ท่าจะเข้าไปในป่าปู้นแหละลุง” พาชิชี้เข้าไปในแนวไพรพฤกษ์

“คิงขะไจ๋ไปบอกนายเวยๆ เลย ฮาจะไปผ่อตี้ล่ามมันก่อน” ลุงปันสั่ง

รัวเร็ว คว้าเอาตะขอคู่กายมาเหน็บไว้ที่ขอบผ้าขาวม้าด้านหลัง แล้ววิ่งปร๋อ

ไปยังที่ล่าม ‘โชคดี’ อย่างว่องไวปราดเปรียวไม่ต่างจากหนุ่มๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะทำงานดังขึ้น เรียกให้ชายหนุ่ม

ผู้กำลังนั่งอ่านเอกสารอย่างคร่ำเคร่งเงยหน้า ภูผาเอื้อมไปหยิบมือถือมา

พลิกดู เมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้าจึงรีบกดรับ

“ครับพี่หญิง” เขากรอกเสียงลงไป ทักทายอย่างคนกันเอง

“สวัสดีจ้ะภู พี่จะโทร.มาเตือนอีกรอบจ้ะ กลัวภูลืม”

“โธ่ เห็นผมเป็นคนขี้หลงขี้ลืมไปได้ ผมยังหนุ่มยังแน่นนะพี่หญิง”

ภูผาล้อคนทางกรุงเทพฯ ก่อนจะทวนว่า

“มิสแคทเธอรีน คาสเวลล์ จะเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่วันนี้

เวลา ๐๙.๒๐ ผมจดไว้เรียบร้อย เดี๋ยวอีกสักพักก็จะออกแล้วครับ” ระหว่าง

ทวนนัดหมาย ภูผามองไปที่ปฏิทิน วงวันที่วันนี้ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

ไว้ด้วยปากกาเมจิกสีแดงเข้ม

“ถ้าคิดว่าไม่ลืมทำไมต้องจดล่ะจ๊ะ” ญาณินล้อกลับมาบ้าง

ภูผาหัวเราะ

“จดกันเหนียวไว้เท่านั้นแหละครับ ยังไงก็จำอยู่ในหัวได้อยู่แล้ว”

“จ้ะ อย่าให้แก่บ้างแล้วกัน ตัวพี่นี่ก็ชักจะหลงนู่นหลงนี่แล้ว”

ภูผาพอจะนึกออก ถ้าอยู่ต่อหน้า รุ่นพี่คนนี้ก็คงจะทำท่าค้อนปะหลับปะเหลือกใส่เขา

“โธ่ อย่างพี่หญิงถ้าบอกว่าสามสิบผมก็เชื่อ”

“ไม่ต้องมาปากหวาน ยังไงพี่ฝากแขกด้วยนะภู ขอบใจมากจริงๆ”

“แขกที่ไหนครับ ผมนึกว่าต้องไปรับฝรั่ง”

“เอ๊ะ ภูนี่”

คนขี้เล่นหัวเราะที่ได้ยั่วอีกฝ่ายพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเอ่ย

รับปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ ดูจริงจังน่าเชื่อถือมากขึ้น

“ยินดีรับใช้เป็นอย่างยิ่งครับพี่ ไม่ต้องห่วง”

ญาณินเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ ฝากฝังอีกสองสามคำก็วางสาย

พอดีกับที่ลูกน้องชาวกะเหรี่ยงของภูผาวิ่งหน้าตั้งขึ้นมาที่สำนักงาน

"นายคับนาย”

“มีอะไรชิ”

“โชคดีเล่นโซ่หลุดไปแล้วคับ” พาชิรายงานน้ำเสียงตื่น

ภูผาผุดลุกจากเก้าอี้ทำงานทันที

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ผมบ่แน่ใจ๋คับ ตื่นเจ๊ามาเดินไปผ่อก่บ่หันแล้ว แต่ฮอยยังใหม่

ท่าจะบ่เกินชั่วโมงเนี่ยแหละคับนาย”

สีหน้าผู้เป็นนายไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะผ่านสถานการณ์ทำนองนี้

มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีเค้าความเคร่งเครียดปรากฏในแววตาอยู่บ้าง

“ช่วยฉันเตรียมของเร็ว” ภูผาสั่ง และพาชิก็รู้งาน ช่วยนายได้

คล่องแคล่ว

ภูผาเตรียมปืนยิงลูกดอก ยาซึม และเวชภัณฑ์ ส่วนพาชิช่วยจัดเตรียม

วิทยุสื่อสาร มีด หอก พอดีสิงห์คำลูกน้องอีกคนเดินผ่านหน้าสำนักงาน

ภูผาจึงร้องเรียกให้มาช่วยกันจัดทีมออกตาม ‘โชคดี’

ผู้เป็นนายแจกจ่ายปืนให้ลูกน้อง มีปืนลูกดอกสามกระบอก และ

ปืนลูกซองอีกหนึ่งกระบอก อย่างหลังต้องมีไว้กันเหนียว เผื่อเกิดอะไร

ผิดพลาดขึ้น แต่ภูผาก็หวังว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น...

สามหนุ่มขนของวิ่งมารวมตัวกับลุงปันที่จุดล่าม ‘โชคดี’ ซึ่งบัดนี้

เหลือแต่รอยเท้าของพลายโชคดีรอบต้นไม้ใหญ่ สิงห์คำส่งปืนยิงลูกดอก

ให้ลุงปัน ผู้เป็นลุงแท้ๆ ของเขา ส่วนตัวเขาถือปืนลูกซองไว้

“รอยไปทางไหนลุงปัน” ภูผาถาม พร้อมกับแจกจ่ายวิทยุสื่อสารให้ลุงปัน

“ทางนู้นครับนาย น่าจะยังไปไม่ไกล”

เจ้านายหนุ่มเงยหน้ามองเข้าไปในป่า ก่อนจะตัดสินใจแบ่งกลุ่ม

“สิงห์ไปกับฉัน ส่วนชิไปกับลุงปัน ทีมลุงปันเดินตามรอยพลายโชคดี

ส่วนทีมผมจะอ้อมไปรออีกฟาก ตามนี้นะลุง”

“ครับนาย” ลุงปันรับคำและย้ายไปรวมกลุ่มกับพาชิ หนุ่มกะเหรี่ยง

“รีบตามกันเถอะ เดี๋ยวถึงหมู่บ้านฝั่งนู้นจะยุ่ง”

สิ้นคำสั่งของภูผา สองทีมก็แยกย้ายสะกดรอยตาม ‘โชคดี’ เข้าไปในป่าพร้อมอาวุธครบมือ

สายพานลำเลียงเลื่อนกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารเที่ยวบิน

กรุงเทพฯ–เชียงใหม่มายังจุดที่ผู้โดยสารยืนรอรับสัมภาระกันอยู่ หญิงสาว

รูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีน อำพรางดวงตาด้วยแว่นกันแดด

กรอบใหญ่ คอยมองหากระเป๋าใบเขื่องของตัวเอง เมื่อพบแล้วจึงรีบเข้าไป

ยกลงมาวางบนรถเข็นกระเป๋า

ทันทีที่ยกกระเป๋าลงวาง เสียงโทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขึ้น แคทเธอรีน

ส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะคนโทร.มาช่างรู้จังหวะดีเหลือเกิน

“กูดมอร์นิงค่ะ พี่ชายสุดที่รัก” หล่อนส่งเสียงสดใสทักทายคนปลายสาย

เป็นภาษาไทย แต่อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยภาษาอังกฤษ เพราะเขาไม่คล่องภาษาไทยนัก

“ถึงที่หมายเรียบร้อยดีใช่ไหมเคท”

“ค่ะ มาถึงเชียงใหม่แล้ว”

“เจอคนมารับรึยัง”

“ยังเลยค่ะ เคทเพิ่งจะลงจากเครื่องนี่เอง พี่แมทจะนอนรึยัง”

แคทเธอรีนรู้ว่าในขณะที่หล่อนกำลังจะเริ่มต้นวันใหม่ วันของพี่ชาย

กำลังจะสิ้นสุดลง ถึงกระนั้นเขาก็ยังอุตส่าห์โทร.มาเช็ก ทั้งตอนที่หล่อน

แลนดิงที่สนามบินดอนเมืองเมื่อหลายวันก่อน และทำเช่นเดิมอีกครั้ง เมื่อ

มาถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่

ต่อให้กาลเวลาผ่านไปนานเท่าไร ไม่ว่าหล่อนจะโตขึ้น อายุเพิ่มขึ้นกี่ปี

ในสายตาแมทธิว หล่อนก็ยังคงเป็นน้องน้อยที่เขาต้องคอยปกป้องดูแลอยู่เสมอ

“ยังหรอก ว่าจะคิดเมนูใหม่เสียหน่อย” แมทธิวตอบกลับมา

“หูย ทำไมต้องมาคิดตอนเคทไม่อยู่ด้วยล่ะ อดชิมเลย” คนทาง

เมืองไทยร้องโอดโอยด้วยความเสียดาย

เชฟแมทธิวคิดค้นเมนูใหม่เมื่อไหร่ ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบ

คุณภาพจากน้องสาวคนนี้ก่อนเสมอ

“เดี๋ยวกลับมาก็ได้ชิม รีบๆ ทำงานให้เสร็จแล้วก็รีบกลับ อย่าเถลไถลนะเคท”

“รู้แล้วน่า” หล่อนลากเสียงรับคำอย่างทะเล้น

พี่ชายกำชับให้หล่อนระมัดระวังตัว เพราะไปต่างบ้านต่างเมืองคนเดียว

คุยอีกไม่นานก็วางสาย แคทเธอรีนเข็นรถเข็นกระเป๋าออกมายืนชะเง้อมอง

หาคนที่จะมารับท่ามกลางกลุ่มคนที่มารอรับผู้โดยสาร หลายคนเขียนชื่อ

คนที่ตนมารอรับใส่ป้ายกระดาษ ชูเรียกอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีป้ายไหนมีชื่อหล่อนเลย...

 

เข้าป่ามาเกือบชั่วโมงแล้ว ลุงปันยังคงเดินตามรอยโชคดีไปเรื่อยๆ

และคอยวิทยุรายงานบอกทิศทางกับภูผาอยู่ตลอด คนทั้งสี่เชี่ยวชาญพื้นที่

ป่าแถบนี้ดี โดยเฉพาะลุงปัน สิงห์คำ และพาชิที่ต้องเดินเข้าออกป่าเป็น

ประจำทุกเช้าเย็นอยู่แล้ว ส่วนภูผาถึงจะไม่ได้เข้าป่าทุกวัน แต่อยู่ที่นี่มานาน

กว่าใคร วิ่งเล่นอยู่ในละแวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ สมัยที่ยังมีแต่ป่ารกทึบ

ภูผาได้รับรายงานจากลุงปันว่ารอยที่พบล่าสุดยังใหม่มาก ท่าทาง

ตัวน่าจะอยู่ในรัศมีไม่ไกล ทำให้คนทั้งสี่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง สอดส่าย

สายตาหาเป้าหมายอย่างมีสติ เพราะถึงพลายโชคดีจะตาไม่ดี แต่จมูกไว

นักแหละ ขืนมันได้กลิ่นมนุษย์ทั้งสี่เข้าก่อน มันอาจวางแผนเดินย้อนรอย

มาตลบหลังทีมค้นหาก็เป็นได้

สัตว์ก็เหมือนคน มีทั้งตัวที่ซื่อ และตัวที่เฉลียวฉลาด...ประเภท

หลังนี้สับขาหลอกพวกมนุษย์เสียจนไปไม่ถูกมานักต่อนักแล้ว

“เห็นตัวแล้วลุงปัน” ภูผายกวิทยุสื่อสารขึ้นมากรอกเสียงลงไป และ

ยกมือส่งสัญญาณให้สิงห์คำหยุดอยู่เบื้องหลังของเขา

สองหนุ่มแอบพิงอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ภูผายกกล้องส่องทางไกลที่คล้อง

คออยู่ขึ้นมาส่อง เห็นช้างพลายตกมันวัยหนุ่มกำลังหงุดหงิดเอาการ ทำลาย

ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้นอย่างเมามัน

“ผมก็เห็นแล้วครับนาย” ลุงปันวิทยุตอบกลับมาด้วยเสียงเบากว่า

ทุกครั้ง คงเกรงว่าพลายโชคดีจะได้ยิน ทั้งที่ระยะห่างอยู่พอสมควร

“ลุงปันน่าจะยิงสะดวกกว่าผม เดี๋ยวผมกับสิงห์คุ้มกันด้านข้างให้เอง”

ภูผามองดูแล้ว ทิศทางของเขาประจันหน้ากับโชคดี ยิงไม่สะดวก

เท่าลุงปันที่ตามรอยมาข้างหลัง มีจุดให้เลือกยิงได้ถนัดกว่า อีกทั้งการยิง

จากด้านหน้ายังเสี่ยงจะไปเข้าตาโชคดีด้วย

“ได้ครับนาย” ลุงปันรับหน้าที่สำคัญ

จากนั้นเสียงการติดต่อผ่านวิทยุสื่อสารก็เงียบไป ภูผาเข้าใจว่าทีมนู้น

คงกำลังหามุมเหมาะๆ ระยะหวังผลที่จะใช้เป็นจุดซุ่มยิงลูกดอก

ภูผาสั่งให้สิงห์คำไปคุ้มกันทางขวา ส่วนตัวเขาขยับมาทางซ้าย สิงห์คำ

มีแต่ปืนลูกซอง ไม่มีปืนลูกดอกอย่างคนอื่นๆ ภูผาจึงต้องกำชับหนักแน่น

ว่าถ้าไม่จวนตัวจริงๆ ห้ามใช้ปืนลูกซองเด็ดขาด เมื่อได้ทำเลซุ่มระวังแล้ว

สองหนุ่มต่างก็หยุดนิ่ง รอให้ลุงปันเคลื่อนไหว

เห็นเงียบไปนาน ภูผาจึงลองยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู

ตอนนั้นเองที่เขาเห็นกิ่งไม้ขยับเคลื่อนไหวคล้ายมีอะไรบางอย่างพุ่งชนอย่างแรง

โธ่! ลุงปันพลาด แทนที่จะยิงปักบั้นท้ายพลายโชคดี ลูกดอกกลับพุ่งฉิว

ผ่านกิ่งไม้พลาดเป้าหมายไปอย่างฉิวเฉียด ไม่ใช่ลุงปันยิงไม่แม่น แต่เป็น

เพราะจังหวะนั้นช้างพลายตกมันขยับตัวพอดีจึงรอดไปได้หวุดหวิด

...มัน ‘โชคดี’ สมชื่อจริงๆ

ช้างเป็นสัตว์ที่ตาไม่ดี แต่เมื่อมีอะไรเล็กๆ พุ่งผ่านด้วยความเร็ว มัน

จะตื่นตัวทันที และไม่ใช่ภูผาเท่านั้นที่เห็นลูกดอกพุ่งเฉียดบั้นท้ายพลายโชคดี

ไป โชคดีเองก็รู้ตัวว่ามีบางสิ่งพุ่งฉิวเฉียดตัวมันไปด้วย

บัดนั้นเสียงร้องของช้างพลายดังก้องป่า พลายโชคดีหันขวับด้วย

ความเร็วเท่าที่ขนาดตัวของมันจะเอื้ออำนวยกลับไปยังต้นทางที่วัตถุ

เคลื่อนไหวตรงมา...นั่นคือหันไปเผชิญหน้ากับทีมของลุงปันนั่นเอง!

ด้วยความที่ต้องการเผด็จศึกในดอกเดียว ลุงปันจึงขยับเข้าไปใกล้

ในระยะหวังผลแน่นอน พอพลายโชคดีหันไปมองเห็นมนุษย์ตัวกระจ้อยอยู่

ลิบๆ มันก็ใส่เกียร์เดินหน้าพุ่งเข้าหาทันที ส่งเสียงร้องแปร๋นข่มขวัญศัตรู

ดังกึกก้อง ลุงปันกับพาชิเบิกตาค้างตกใจอยู่ชั่ววินาที ก่อนจะได้สติโกยแน่บอย่างไม่คิดชีวิต

ภูผารู้ว่าลุงปันไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะยิงลูกดอกได้อีกแล้ว เขาร้องสั่งสิงห์คำว่า

“ไปเร็วสิงห์ คุ้มกันให้ฉันด้วย”

ภูผาออกวิ่งตาม ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงพื้นดินสั่นสะเทือน...

พลายโชคดีหันหลังให้เขา วิ่งฝุ่นตลบมุ่งไปทางลุงปัน ภูผาเร่งความเร็ว

ย่นระยะเข้าไปใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอจังหวะที่ระยะเข้าชาร์จจะสิ้นสุด

ลงตามธรรมชาติของช้าง ซึ่งไม่ควรจะเกินระยะห้าสิบเมตร แต่วันนี้

พลายโชคดีคึกจัด วิ่งไม่ยอมหยุด

ลุงปันกับพาชิก็วิ่งหนีไม่ยอมเหนื่อยเหมือนกัน แต่สุดท้ายพลายโชคดี

ก็หยุดวิ่งไล่ล่าตามวิสัยของช้างที่จะมีระยะไล่ล่าอยู่เพียงเท่านั้น จากนั้น

ก็จะหยุดเหลือแค่โบกหูชูงวง ร้องคำรามปรามฝ่ายถูกล่าอย่างน่าเกรงขาม

โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกไล่ล่าอีกทอดหนึ่ง

เมื่อเป้านิ่ง ภูผาก็ไม่ลังเลที่จะยกปืนลูกดอกขึ้นมา เล็งในระยะหวังผล

แต่ก็ไม่เข้าใกล้เกินไป เพราะถ้าเกิดผิดพลาดจะไม่มีระยะให้ได้วิ่งเหมือน

อย่างลุงปันกับพาชิ

ลูกดอกลูกแรกจากปืนของภูผาพุ่งออกจากปากกระบอก คราวน

ไม่พลาดอีก มันพุ่งตรงเข้าปักที่บั้นท้ายของพลายโชคดี ช้างตกมันสะดุ้ง

สะบัดตัวเหลียวหาว่าอะไรมาทำให้ระคายผิว ในระหว่างที่มันยังตั้งตัวไม่ได้

ภูผากับสิงห์คำก็รีบวิ่งหาที่หลบก่อน ยาซึมไม่ได้ออกฤทธิ์ทันใจ ขืนให้มัน

เห็นตัวคงไม่แคล้วต้องวิ่งลิ้นห้อยอย่างคู่ลุงปันกับพาชิเป็นแน่แท้

“อูย แม่นขนาดคับนาย ดอกเดียวอยู่” สิงห์คำชมเปาะ ขณะซุ่มดู

อาการของเป้าหมาย

พลายโชคดียืนหันรีหันขวาง วุ่นวายอยู่กับตัวเอง ดูเหมือนมันจะ

ไม่สนใจไล่ล่าพวกมนุษย์แล้ว

“จอดจริงก็ดีสิ ฤทธิ์เยอะอย่างนี้ครึ่งชั่วโมงจะเอาอยู่รึเปล่าไม่รู้”

โดยปกติแล้ว ยาซึมจะออกฤทธิ์ในช่วงยี่สิบถึงสามสิบนาที บางที

ก็เลยไปถึงสี่สิบห้านาที ทีมค้นหาจะต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ระวัง

ไม่ให้ช้างเดินป้วนเปี้ยนเข้าไปในเขตชุมชนในระยะก่อนยาออกฤทธิ์

“เดี๋ยวฉันกับกลุ่มลุงปันตามต่อเอง สิงห์กลับไปเตรียมที่ผูกเถอะ” ภูผาสั่ง

สิงห์คำรับคำสั่งเจ้านาย แล้วก็หาทางลัดเลาะ ใช้ต้นไม้เป็นกำบัง

อำพรางตัว อ้อมกลับไปที่ปางช้าง

ส่วนภูผาติดต่อกับลุงปันผ่านวิทยุสื่อสาร สอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ลุงปันตอบกลับมาด้วยเสียงหอบแฮกว่าปลอดภัยดี แล้วทั้งสามคนก็คอย

ซุ่มดูอาการพลายโชคดีต่อไป มันเดินไปทางไหนก็ต้องย่องตามไปอย่างเงียบๆ

ระวังไม่ให้มันรู้ตัว ไม่เช่นนั้นอาจต้องใช้ลูกดอกย้ำอีกครั้ง ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยง

ที่ช้างจะได้รับยาเกินขนาด

ภูผาภาวนาให้มันเดินวนเวียนอยู่แต่แถวนี้ อย่าได้เดินเลยไปถึงหมู่บ้านฟากนู้นเลย...

 

“ป่านนี้ภูยังไม่ถึงอีกเหรอคะ” ญาณินทำน้ำเสียงตื่นตกใจ เมื่อ

แคทเธอรีนโทร.ไปบอกหล่อนว่า จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นใครมารับ ทั้งที่เครื่องบิน

                                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เมื่อคอลัมนิสต์สาวต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเก็บข้อมูลที่ปางช้างชื่อดังในเมืองไทย เรื่องราวความรักอันละมุนละไมจึงเกิดขึ้น แคทเธอรีน คาสเวลล์ เดินทางจากอเมริกามายังปางช้างชื่อดังในประเทศไทยเพื่อเก็บข้อมูลเรื่องช้างในแถบเอเชียไปเขียนคอลัมน์ หล่อนได้พบกับ ภูผา อารยะศิลป์ ผู้ดูแลและสัตวแพทย์ประจำปางช้างที่คอยเอาใจใส่หล่อนทุกเรื่อง และเป็นผู้สอนให้หล่อนได้เห็นว่าคนกับช้างผูกพันกันมากเพียงใด ทว่าระหว่างเก็บข้อมูลกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมีผู้ลักลอบเข้ามาตัดงาช้างในปาง! ภูผาถูกมะรุมมะตุ้มด้วยปัญหา ไหนจะปัญหาเรื่องคดีตัดงาช้าง ไหนจะปัญหาเรื่องความแตกแยกของควาญ แล้วยังมีปัญหาหัวใจให้ต้องสะสาง เรื่องคดีว่าชวนปวดหัวแล้ว เรื่องความรักกลับชวนปวดหัวกว่า เมื่อแม่เขาไม่ชอบสะใภ้ต่างชาติ และสักวันหนึ่งหล่อนต้องกลับไป ทว่าเขากลับต้องการให้หล่อนอยู่ที่นี่ อยู่กับภูผาผู้ชายที่รักไอยราเป็นชีวิตจิตใจ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2025