นวนิยายชุด แด่...เธอที่รัก : เคลลี คาสเซิล...ตราบชีวาวาย (พิมพิสุธณ์)

นวนิยายชุด แด่...เธอที่รัก : เคลลี คาสเซิล...ตราบชีวาวาย (พิมพิสุธณ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160017898
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เดือนกันยายน ปีพุทธศักราช ๒๕๕๖

กรุงเทพมหานคร

นาฬิกาบนผนังในห้องประชุมบอกว่าเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว

หลังหัวหน้าฝ่ายบริหารสั่งเลิกประชุมทุกคนจึงลุกเพื่อกลับไปเก็บของที่

โต๊ะทำงาน ยกเว้นสาวร่างเพรียวกะทัดรัดคนหนึ่งที่ยังกลับมานั่งตรงหน้าจอ โน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ปริม ตรัยศิริ เป็นนักจัดรายการโทรทัศน์ด้านการท่องเที่ยวจึงมี

ภารกิจต้องเดินทางอยู่เป็นประจำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามแผนงาน

ถ่ายทำรายการที่ผู้บริหารและทีมงานร่วมกันนำเสนอและตัดสินใจหาข้อสรุป

ปริมทำหน้าที่ร่วมกับพิธีกรชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง

แต่เขาชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจจึงรับงานพิธีกรรายการนี้มานานนับปี

หญิงสาวนั่งอยู่ในห้องทำงานตามลำพังได้ไม่นานนักก็มีคนเปิด

ประตูเข้ามาหา ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคงยังอยู่ที่โต๊ะ เพราะปริมไม่ได้

เป็นแค่พิธีกรหรือคนอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น แต่เธอต้องทำงานเบื้องหลัง

ควบไปด้วยอีกตำแหน่ง

ตอนที่เพิ่งเรียนจบนิเทศศาสตร์แล้วมาสมัครงานในบริษัทชื่อดัง

แห่งนี้ ปริมเป็นเพียงแค่นักศึกษาจบใหม่เท่านั้น จึงต้องเริ่มงานจากเบื้องหลัง กระทั่งผู้ใหญ่มองเห็นแววว่ามีโอกาสก้าวหน้าจึงผลักดันให้มาทำงาน

เบื้องหน้า และเมื่อได้มาจับคู่กับพิธีกรชายซึ่งเป็นคนมีชื่อเสียงอย่าง วิชญะ

หรือโจ รายการพาทัวร์ของปริมจึงกลายเป็นรายการท่องเที่ยวยอดฮิตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ยังไม่กลับอีกเหรอปริม”

“จะกลับแล้วค่ะ กำลังจะเก็บของ แล้วพี่โจอยู่คุยงานกับคุณเอก

หรือคะ” ปริมถามไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ต้องการคำตอบ เพราะรู้ว่าวิชญะ

เป็นคนดังจึงเป็นเหตุให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเกรงใจ รวมไปถึงเหล่าบรรดา

พนักงานทั้งหลายอีกด้วย เวลาที่เขามาร่วมประชุมงานจึงถูกเรียกคุยเป็น

การส่วนตัวกับผู้บริหารอย่างสนิทสนม

“คุยเสร็จแล้วกำลังจะกลับ คิดว่าปริมยังอยู่แน่ๆ เลยแวะมาหา”

วิชญะปิดประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้ามาหาพิธีกรหญิงร่วมรายการที่

ตอนหลังๆ สนิทสนมกันมากขึ้นจากการทำงาน

“คราวนี้ไปใกล้ๆ นะ แค่มาเลย์” นักแสดงหนุ่มคนดังบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ

เขามองหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดปีด้วยสายตาอ่อนโยน ปริมเป็นสาวไทย หน้าตาดีเข้ายุคเข้าสมัยในสไตล์ปากนิดจมูกหน่อย แต่ตาโต ที่สำคัญตัวเล็ก นี่แหละพิมพ์นิยมของสาวไทยยุคใหม่ แต่ที่ปริมต่างจากสาวๆ หน้าตาสไตล์

คุณหนูทั่วไปก็คือ ผิวสีแทนอ่อนๆ บนรูปร่างที่ไม่สูงจนเกินงามที่ทำให้มอง

รวมๆ แล้วเป็นหญิงสาวบอบบางน่าทะนุถนอม

แต่สำหรับวิชญะ เขารู้สึกถูกใจปริมที่นิสัยใจคอมากกว่า แม้เธอ

จะดูน่าถนอม แต่จิตใจกลับตรงกันข้าม ปริมเป็นสาวขาลุย ทำงานแบบ

ถึงลูกถึงคน ไม่ว่าจะเหนื่อยหนักแค่ไหนสาวคนนี้ก็สู้ไม่ถอย

“ปริมเขียนสคริปต์เองรึเปล่า”

“ค่ะ เป็นผู้รับเหมา” หญิงสาวว่าปนหัวเราะ

“ทำไมไม่ให้คนอื่นเอาไปทำ”

“ไม่ละค่ะ เดี๋ยวจะมีคนว่าทีเมื่อก่อนยังทำได้ พอได้ออกสื่อเข้าหน่อย

เลยพานทำอะไรไม่เป็น”

“อ้าว...ก็เรามาอยู่เบื้องหน้าแล้ว ใครจะกล้าว่าอะไร”

“ปริมไม่ใช่ซุป’ตาร์อย่างพี่โจนะคะ ทุกวันนี้ก็อาศัยใบบุญพี่ไปวันๆ”

“พูดอะไรอย่างนั้น” ซุป’ตาร์หรือซูเปอร์สตาร์วัยสามสิบต้นๆ ว่า

พร้อมกับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“นี่ปริมไปบนศาลหน้าบริษัทแล้วนะคะ ให้พี่อยู่ทำรายการกับปริม

ไปจนกว่าพี่จะแก่ ปริมจะได้มีงานพิธีกรทำไปเรื่อยๆ ลำพังตัวเองคงฉุด

กระชากเรตติงไม่ได้ขนาดนี้หรอก”

“ไปกันใหญ่แล้วเรา ซุปตงซุป’ตาร์อะไรกัน ตอนนี้พี่ตกกระป๋องแล้ว”

“ว่าเข้านั่น ตกป๋องอาราย” พิธีกรสาวลากเสียงยาวพลางลุกขึ้น

เก็บโต๊ะแบบลวกๆ เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน “เห็นมีโฆษณาเข้าตลอดๆ

ล่าสุดนี่รถยนต์ด้วยไม่ใช่เหรอ พระเอกรุ่นใหม่ๆ อยากเป็นพรีเซนเตอร์

รถยนต์กันแทบแย่ยังไม่ได้เลยนะคุณพี่...”

“ก็รุ่นนี้มันรถคนแก่ เอ๊ย...รถระดับผู้บริหาร เขาเลยจ้างพี่ไง”

“พี่โจนี่แปลกนะ ทำไมไม่วางท่าซะหน่อย พูดจาถล่มตัวเองตลอดๆ” หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายแล้วทำท่าจะขยับออกจากโต๊ะ

“จะเต๊ะท่าให้เมื่อยไปทำไมเล่า อ้อ...แล้วที่ไปบนเจ้าที่ให้พี่ผูกติดอยู่

กับเราไปจนแก่น่ะ แน่ใจแล้วเหรอ” วิชญะถามยิ้มๆ แต่แววตามีนัยจน

หญิงสาวต้องหยุดชะงักก่อนจะถึงประตูทางออก

“แน่สิคะคุณพี่ ช่วยอยู่เป็นเสาหลักให้น้องหน่อยเถอะ ขืนทิ้งกันไป

ซบอกพิธีกรสาวๆ รายการอื่น คุณน้องแย่แน่ๆ เลยละค่า มีหวังโดนเตะโด่ง

กลับไปเขียนสคริปต์จนแห้งตายแน่ๆ เพราะเรตติงรายการตกฮวบๆ”

“พิธีกรรายการไหนอีกล่ะ”

“ทุกรายการในประเทศตอนนี้เลยละค่ะคุณพี่โจขา...” ปริมลาก

เสียงยาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ รู้ว่าเขาชอบดำน้ำ เข้าป่าปีนเขา แต่ไม่นึกว่า

จะไม่ไยดีโลกซะขนาดนี้ “มีแต่พิธีกรขาวสวยหมวยเอกซ์ โดยเฉพาะช่อง

เคเบิล ดิจิทัลอะไรนั่นยิ่งแล้วใหญ่ บางรายการนมหกกันเรี่ยราด เช็ดกัน

แทบไม่หวาดไหว”

“ขนาดนั้นเชียว” ดาราหนุ่มหน้าคมเข้มแบบไทยๆ ที่หาดูได้ยากเต็มที

ในยุคนี้หัวเราะขำ

“ค่า แล้วคุณน้องจะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะคะ แบนราบยังกับหนังขึง

หน้ากลองสะบัดชัยซะขนาดนี้”

วิชญะมองตามสายตาหญิงสาวที่ก้มมองหน้าอกตนเอง แล้วจึง

ส่ายหน้าก่อนจะยื่นมือไปขยี้ผมบนศีรษะเล็กๆ นั้นด้วยความเอ็นดู ปริม

เป็นหญิงสาวที่ใครได้พูดคุยด้วยสักครั้งแล้วต้องรู้สึกติดใจ ไม่เว้นแม้แต่

คนดังระดับพระเอกอย่างเขา

“ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าพี่จะย้ายไปทำรายการอื่น เพราะว่า...”

วิชญะเงียบไปอย่างคนที่หาเหตุผลมาบอกไม่ได้

“เพราะอะไรคะ” นั่นแหละคือสิ่งที่ปริมสงสัยตั้งแต่เห็นเขาทำหน้าตา แปลกๆ เมื่อครู่นี้แล้ว

“เพราะพี่ชอบของแปลก”

“หา...” พิธีกรสาวอุทานเสียงดัง แต่คนพูดกลับหัวเราะร่วน “นี่ชมกัน เหรอคะพี่โจ”

“กลับบ้านกันเถอะ” ชายหนุ่มรีบหมุนตัวเดินไปเปิดประตูโดยที่ใบหน้า ยังเปื้อนรอยยิ้ม แปลกนะ...ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขายิ้มได้แทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

                “ร้ายนะเนี่ย เห็นเงียบๆ” ปริมบ่นพลางก้าวตามหลังเขาไปที่ประตูห้องทำงาน

วิชญะเดินมาส่งหญิงสาวตรงจุดที่เธอจอดรถในอาคารสำนักงานให้เช่าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรถเขามากนัก

“ปริม...”

“คะ” หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจะแตะประตูเพื่อเปิดรถ

“ถ้าอยากให้พี่อยู่กับเราจนแก่ งั้นเราก็...แต่งงานกันเลยดีไหม”

“เฮ้ย!”

พิธีกรสาวรายการท่องเที่ยวแทบผงะ ก่อนจะถอยหลังไปยืนพิงรถ

ด้วยความมึนงง หรือเขาจะพูดเล่นแบบขำๆ แต่สายตานักแสดงหนุ่มที่จ้อง

มองมาไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องเล่นๆ

ว่าแล้วไง รู้สึกตงิดๆ ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

“พี่โจ...ว่า...อะไรนะ”

“แต่งงานกันไงครับ ปริมจะได้ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหนีไปไหน”

“พี่...อย่าล้อเล่นสิ แบบนี้ไม่ขำแล้วนะ”

หญิงสาวว่าแล้วรีบเปิดประตูรถแบบที่มือไม้เริ่มไขว้กันไปมา จับอะไร แทบไม่ถูก แต่สุดท้ายก็เปิดประตูรถจนได้ จึงรีบก้าวขึ้นไปนั่งโดยไม่เหลียว

มองคนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ รถ ปริมรีบเสียบกุญแจแล้วสตาร์ตรถทันที แต่

พอจะยื่นมือไปปิดประตูก็ปรากฏว่ามีมือมายื้อบานประตูไว้

“ไม่ได้พูดให้ขำ แล้วทำไมต้องทำท่ากลัวๆ พี่ถามว่าจะแต่งงานกันไหม ไม่ได้ขู่ฆ่าปริมซะหน่อย”

“ขอแต่งงานแถวๆ ลานจอดรถเนี่ยนะ เก๋ไปรึเปล่าคะพี่โจ”

“ไม่เป็นไร” วิชญะทำหน้าเข้าใจ หลังจากที่หญิงสาวเหลือบตาขึ้น

สบกันแวบหนึ่ง “พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ เอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้ ปริม

กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”

“งั้น...ปริมไปก่อนนะคะพี่ สวัสดีค่ะ”

หลังจากประนมมือไหว้อำลากันแบบไทยๆ แล้ว หญิงสาวก็รีบ

ออกรถมุ่งหน้ากลับบ้านทันที

 

                 จากผลสรุปการประชุมเมื่อเย็นนี้ทำให้ปริมต้องกลับมานั่งทำงานต่อ

ที่บ้าน เพราะนอกจากการเป็นพิธีกรหลักในรายการแล้ว เธอยังมีหน้าที่

ร่วมกับทีมงานฝ่ายสำรวจและวิจัย แถมบางครั้งยังเป็นคนเขียนสคริปต์

ให้รายการอีกด้วย

ปริมเคยเดินทางไปประเทศมาเลเซียมาแล้วหนหนึ่ง เป็นการไป ท่องเที่ยวส่วนตัวบนเกาะลังกาวี และจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินไปยังกรุงกัวลา- ลัมเปอร์ จำได้ว่าใช้เวลาเพียงสามสี่วันในประเทศนี้จึงยังไม่ได้เห็นสถานที่

ที่น่าสนใจทั้งหมด

ครั้งนี้ปริมและทีมเซอร์เวย์อีกสองคนต้องลงพื้นที่เพื่อดูสถานที่จริง

ก่อนการถ่ายทำในเดือนถัดไป หญิงสาวยอมรับว่าแม้เคยไปสัมผัสมาแล้ว

ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ตนเองก็ยังแทบไม่รู้จักประเทศมาเลเซีย แผ่นดิน

สุดปลายด้ามขวานของไทย ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน จึงเท่ากับต้องเริ่ม

นับหนึ่งใหม่ แต่อีกสองคนในทีมมีความชำนาญมากกว่าเธอแน่ๆ เพราะ

เป็นงานหลักของพวกเขาโดยตรง

หลังจากนั่งค้นหาข้อมูลอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กได้สักพัก

พิธีกรรายการท่องเที่ยวชื่อดังจึงเริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้

“ยายเคยอยู่มาเลเซียนี่นา ลืมไปได้ยังไงกัน”

ปริมรีบเดินลงไปข้างล่างเพราะรู้ว่าช่วงเวลาสองทุ่มกว่าๆ ยาย

ยังไม่นอน และมักจะใช้เวลาดูข่าว หรือถ้าช่วงไหนมีละครสนุกๆ ยายก็เป็น

แฟนละครหลังข่าวตัวยงคนหนึ่งเหมือนกัน

พอลงมาถึงห้องโถงกว้างชั้นล่างซึ่งเป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก

ก็พบว่ายายกำลังนั่งดูรายการข่าวของสถานีแห่งหนึ่งที่ไม่มีละครออกอากาศ

แต่จะมีการนำเสนอข่าวสาร สาระความรู้ต่างๆ หรือรายการเกี่ยวกับ

การท่องเที่ยวเท่านั้น

ตามปกติบ้านนี้ก็ไม่มีแขกไปใครมาเท่าใดนัก จึงกลายเป็นห้องพักผ่อน ของยายไปโดยปริยาย เพราะในบ้านมีกันอยู่แค่สี่คน พ่อและแม่ของปริม

ต้องออกจากบ้านไปทำงานทั้งคู่ พ่อเป็นนายทหารบก ส่วนแม่ออกจากงาน

ประจำมาหลายปีแล้ว หลังจากเปิดร้านสปาเล็กๆ แล้วกิจการดีจึงต้องออก

จากงานมาดูแลด้วยตนเอง ปริมเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวทำให้

ในบ้านมีสมาชิกเพียงเท่านี้

ยายตัดสินใจย้ายจากบ้านเดิมซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่มาอาศัยอยู่

กับลูกสาวคนสุดท้องก็คือแม่ของปริม ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า คนน้อยสงบดี

ยายมีลูกชายและลูกสาวรวมกันตั้งสี่คน ทุกคนแต่งงานมีลูกเต้ากันอีก

ครอบครัวละสองสามคน ยายจึงมีหลานๆ ที่เคยช่วยอุ้มชูเลี้ยงดูมาหลายคน

รวมทั้งปริมด้วย พี่ชายทั้งสองคนของแม่แต่งงานแล้วแต่ยังอยู่ร่วมบ้าน

เดียวกันที่บ้านเดิม ส่วนพี่สาวอีกคนแยกเรือนออกไปเช่นเดียวกับแม่

“ยายดูข่าวอะไรอยู่คะ”

“ข่าวเฉินผิง๒ ตายเมื่อวานนี้ในกรุงเทพฯ นี่เอง” หญิงชราบอก

โดยสายตายังจับจ้องภาพถ่ายคนที่ตนเพิ่งเอ่ยนามถึงบนจอโทรทัศน์

ดวงตาสีหม่นๆ ยิ่งหม่นแสงลงอีกที่ได้รู้ข่าวคราวของ ‘คนเคยรู้จัก’

“ใครเหรอคะ เฉินผิง” หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามแล้วมองไปที่ภาพ

บนจอเช่นกัน

“อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มลายา”

          (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024