ซ้อนกลรัก (มุกเรียง)
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 5 รายการราคา 96.00 บาท - 189.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
เจ้าสาวในชุดราตรีเกาะอกตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ทอมือสีขาวผสมผสาน ผ้าแก้วเบาบาง ผมเกล้าเป็นมวยสูงเก็บเรียบร้อย มีมงกุฎอันน้อยประดับไว้อย่างเก๋ไก๋ เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ อย่างต่างหูเพชรและสร้อยคอเข้าชุดกับมงกุฎช่วยให้ชุดเจ้าสาวไม่เรียบจนเกินไป การแต่งหน้าแต่พอดีเน้นความงามคมคายของเจ้าสาวให้ยิ่งสะดุดตา ดึงดูดสายตาคนในงานตามจุดประสงค์ของงานแต่งงานซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องโดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะเจ้าสาวนั้น ไม่ว่าใครก็ย่อมอยากสวยที่สุดในงานสำคัญของตน
เวลานี้ เจ้าสาวนั่งรอในรถที่ประดับด้วยดอกไม้...รถที่จะพาทั้งสองสู่ เรือนหอหลังงามอันเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าบ่าวซึ่งกำลังลํ่าลาแขกเหรื่อ ในงานก่อนก้าวมานั่งประจำที่คนขับ เขาหันมองเจ้าสาวอย่างชื่นชมและภูมิใจ เพราะทุกเสียงในค่ำคืนนี้ต่างเยินยอเจ้าสาวแสนสวยของเขาเสียมากมาย แววตาแห่งผู้มีชัยพราวพร่างเมื่อพิศมองเจ้าสาวของตนเองเนิ่นนาน
รถบ่าวสาวกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากหน้างานเลี้ยง หนุ่มสาวทั้งสอง หันไปโบกมือให้เพื่อนๆ จำนวนไม่น้อยที่กำลังรอรับช่อดอกไม้ในมือเจ้าสาวช่อดอกไม้ที่เชื่อกันว่าสาวใดคว้ามาเป็นเจ้าของได้จะมีโอกาสเป็นเจ้าสาว คนถัดไป บรรดาสาวโสดจึงกระตือรือร้นที่จะไขว่คว้ามาครอบครอง
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ เสียงนับให้สัญญาณก็เริ่มขึ้น
หนึ่ง...สอง...สาม...
ช่อกุหลาบสีขาวลอยขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะตกลงมาท่ามกลางมือนับ สิบคู่ที่ยื่นขึ้นเอื้อมคว้ายื้อแย่ง คนโยนไม่ได้หันไปมองว่าเพื่อนคนไหนได้รับ ไป รู้แต่ว่าคงถูกใจและสมใจมากทีเดียวเพราะได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่น แค่รับช่อดอกไม้ได้ยังดีใจขนาดนี้ หากได้แต่งงานเมื่อไร เจ้าของเสียงนั้นจะดีใจขนาดไหนกันนะ
ยานพาหนะแห่งคู่รักพาบ่าวสาวมาถึงหน้าบ้านหลังงาม ที่แม้ไม่ใหญ่ โต แต่ก็เพียงพอสำหรับครอบครัวเล็กๆ ซึ่งเพิ่งก่อร่างสร้างตัว แต่ที่น่าแปลก ก็คือ ค่ำวันนี้บ้านมืดมิด ไม่มีไฟเปิดอยู่แม้แต่ดวงเดียว ทั้งๆ ที่ตั้งระบบเปิดปิดไฟฟ้าอัตโนมัติไว้บางจุดแล้ว
“อาจมีไฟชอร์ต เครื่องตัดไฟเลยทำงาน ผมลงไปดูก่อน” เจ้าบ่าวบอก พลางก้าวลงจากรถ เขาเปิดประตูเล็กตรงรั้วบ้านแล้วเดินฝ่าความมืดเข้าไป ทันที
เจ้าสาวที่นั่งรอมองตามด้วยความห่วงใย นึกได้ว่าที่จริงเขาน่าจะเปิด ประตูใหญ่เพื่อนำรถเข้าไปจอด จะได้มีแสงไฟหน้ารถช่วยส่องสว่าง จึงตั้งใจ จะตะโกนบอก
แต่เพียงแค่ลดกระจกฝังคนขับลง ยืดตัวแล้วชะโงกออกไป มือข้าง หนึ่งก็ยื่นสวนเข้ามาพร้อมผ้าผืนเล็ก ตะปบปิดทั้งปากและจมูกของเธอทันที หญิงสาวดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่ทำได้ไม่นาน ร่างกายก็เริ่มอ่อนแรงและหมดสติไปในที่สุด
เจ้าของมือและผ้าผืนนั้นนำซองสีขาวเหน็บไว้กับประตูรั้วเหล็กดัด แล้วก้าวเข้ามานั่งประจำที่คนขับ บังคับรถที่เพิ่งนำคู่บ่าวสาวมาถึงให้เคลื่อน ออกไปจากหน้าเรือนหอหลังงามทันที
สามปีก่อน
. .วันนี้เธอสวย เหลือ เกินนะบุษบงกช..
หญิงสาวพึมพำกับผู้หญิงในกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้า แล้วหมุน ตัวไปมาหน้ากระจกอีกครั้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ
บุษบงกชเพิ่งจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ คืนนี้เธอกับเพื่อนๆ นัดไปฉลองกันที่ผับแห่งหนึ่ง
เมื่อถึงเวลานัดหมาย อารักษ์ เพื่อนชายคนสนิทที่เรียนมาด้วยกันก็มารับเธอที่หอพัก
“บุษ...สวยจัง”
ชายหนุ่มเอ่ยชมทันทีที่เห็นบุษบงกชเดินมากับเพื่อนสนิท เขาไม่เคย เห็นบุษบงกชแต่งตัวสวยอย่างนี้มาก่อน หรืออาจเป็นเพราะเขามองว่าเธอ สวยอยู่แล้วจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องเครื่องแต่งกายของเธอนัก แต่วันนี้ชุดที่บุษบงกชสวมดูแปลกตาออกไปจริงๆ จากที่เคยเห็นหญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ และลุยได้ทุกที่ วันนี้เธอกลับสวมชุดสีดำ กระโปรงสั้นกับเสื้อเนื้อบางเผยให้เห็นเสื้อเกาะอกด้านใน ถึงแม้จะดูเย้ายวนหากก็ไม่จัดว่าโป๊ จะว่าไปก็เป็นชุดแบบที่สาวๆ สมัยนี้สวมใส่กันทั่วไป
“แนนให้ยืม” บอกออกไปแล้วก็ปรายตามองเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน ก่อนหัวเราะคิก
ใช่ว่าครอบครัวเธอขัดสนขนาดต้องหยิบยืมเสื้อผ้าของเพื่อนมาสวม ใส่ แม้เธอมาจากต่างจังหวัดแต่ฐานะทางครอบครัวก็อยู่ในขั้นร่ำรวย บิดา มารดาเป็นเจ้าของหอพักหลายแห่ง รายได้ต่อเดือนมากพอสำหรับการ ส่งเสียบุตรสาวสองคนเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน แต่เธอโชคดีและเฉลียวฉลาดจึงสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังในกรุงเทพฯ ได้
ปีแรกที่ย้ายมากรุงเทพฯ บุษบงกชเลือกอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย ปีต่อมาจึงออกมาเช่าหอพักข้างนอกอยู่กับแนนหรือนนทรี เพื่อนสนิท เพื่อ ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และที่วันนี้เธอยืมชุดของนนทรีมาใส่ ก็เพราะเจ้าหล่อนสั่งซื้อมาทางอินเทอร์เน็ตแล้วใส่ไม่พอดีตัวจึงเสนอขายต่อให้เธอ บุษบงกชคิดแค่ว่าหากใส่ได้พอดีก็จะช่วยซื้อไว้ เพราะเห็นใจเพื่อนที่เสียเงินไปไม่น้อยแต่กลับได้ชุดที่สวมไม่พอดี และเพียงแค่สวมชุดนี้ครั้งแรก เธอก็ได้รับคำชมจากทั้งเจ้าของชุดตัวจริงและจากอารักษ์ประหนึ่งว่าชุดนี้ตัดเย็บมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
สายตาเกือบทุกคู่ต่างหันมองหญิงสาวในชุดดำที่กำลังเดินเข้ามาอย่างชื่นชม มีทั้งลอบมองและมองตรงๆ อย่างเปิดเผย คนถูกมองไม่ได้ตกประหม่าหรือทำท่ารำคาญ ผิดกับชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกันซึ่งออกอาการไม่พอใจต้องบ่นกระปอดกระแปด
“จะมองหาหอกอะไรกันวะ”
แม้เสียงเขาจะเบา แต่บุษบงกชกับนนทรีที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ได้ยิน
“เขามองเพราะอิจฉาที่นายมีสาวสวยเดินขนาบข้างถึงสองคนไม่ชอบหรือยังไง”
“บุษน่ะสวย แต่ส่วนแก ฉันขอคิดดูก่อนนะว่ามีส่วนไหนสวยบ้าง”
อารักษ์ย้อน นนทรีค้อนขวับ แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรกันอีก บรรดาเพื่อนๆ ที่มาถึงก่อนก็โบกไม้โบกมือทักทายมา ทั้งสามจึงรีบเดินไปที่โต๊ะทันที
“แม่เจ้า! บุษ...แกหรือนี่ เซ็กซี่จนจำไม่ได้ จบ ป. ตรีแล้ว แรดได้เต็มที่ละสิ”
เพื่อนหญิงที่สนิทสนมกันดีเอ่ยทัก แล้วพากันหัวเราะชอบใจ ขณะที่ ผู้ชายในกลุ่มต่างก็มองบุษบงกซอย่างชื่นชมไม่ปิดบัง
ทั้งหมดดื่มกินและเต้นรำกันอย่างสนุกสนานจนถึงเวลาผับปิดบริการ อารักษ์ที่ดื่มสุราเข้าไปพอทำให้ตาเชื่อมหวาน รีบเอ่ยชวนบุษบงกชทันที
“ไปต่อกันนะบุษ”
“ไปสิ ไปต่อที่ไหนกันดี”
นนทรีเป็นคนตอบ จึงถูกชายหนุ่มหันมามองตาขุ่น ก่อนตอบกลับ เสียงแข็ง
“ชวนบุษคนเดียว”
“นั่นแน่! คิดจะไปกินตับกันละสิ” นนทรีที่อยู่ในอาการเมามายพูดออกไปเสียงดังจนหลายคนหันมามอง
“ปากนะแก ไปๆ กลับ” บุษบงกชดุเพื่อนสาวเบาๆ อดจะอายไม่ได้ เมื่อคิดว่าใครต่อใครอาจคิดตามคำพูดของเจ้าหล่อน เพราะทุกคนเข้าใจดี ถึงความหมายของคำสแลงที่นนทรีเอ่ย ได้แต่รีบลากคนยืนโงนเงนให้เดินไปขึ้นรถ
อารักษ์ออกอาการขัดใจที่ไม่ได้พาบุษบงกชไปเที่ยวต่อ เพราะเขาเอง ก็คิดจะทำแบบที่นนทรีดักคอไว้จริงๆ ยังจำคำพูดที่เพื่อนทักบุษบงกชได้ แม่นยำ...จบ ป. ตรีแล้ว แรดได้เต็มที่ ที่ผ่านมา เขากับเธออย่างมากก็แค่จับมือถือแขน ไม่เคยมีโอกาสเกินเลยไปมากกว่านั้นทั้งที่ใจปรารถนาบุษบงกชไม่ปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับเขาตามลำพัง แต่ก็มีโอกาสน้อยครั้งมาก เพราะส่วนใหญ่จะมีนนทรีติดสอยห้อยตามไปด้วย บุษบงกช ไม่เคยบอกรักเขา แต่ก็ไม่ปฏิเสธความรักที่เขามอบให้ เธอไม่สนิทกับผู้ชายคนไหนเท่าเขา และเมื่อเพื่อนล้อว่าเป็นแฟนกัน เธอก็ไม่ปฏิเสธ เขาจึงมั่นใจว่าเธอมีใจให้เขา แม้เธอจะบอกเขาว่าให้ดูๆ กันไปก่อน เธอจะไม่ยอมมีอะไรกับใครจนกว่าจะเรียนจบและมั่นใจว่าฝากชีวิตเอาไว้ได้
ตอนนี้ต่างคนต่างเรียนจบแล้ว อารักษ์หวังว่าเธออาจจะเปลี่ยนใจ ยินยอมตามใจเขาบ้าง เพื่อนๆ ที่คบหาเป็นแฟนกันหลายต่อหลายคู่มีอะไร กันแล้วทั้งนั้น บางคนถึงขนาดเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก็มี ไม่ทันคิดว่านนทรีจะ ทำให้เสียฤกษ์ บุษบงกชคงจะอายที่เพื่อนรู้ทัน ทำให้ต้องปฏิเสธที่จะไปต่อ กับเขา เขาจึงพลาดโอกาสดีๆ ไป
วันนี้กลุ่มเพื่อนของบุษบงกชนัดไปเที่ยวทะเลด้วยกันอีกครั้ง ก่อนจะอำลาชีวิตนักศึกษา แยกย้ายกันกลับบ้าน บ้างจะกลับบ้านต่างจังหวัด ไปอยู่กับพ่อแม่ระหว่างรอเรียกตัวเข้าทำงาน บางคนเช่นอารักษ์ ก็รอไปศึกษาต่อต่างประเทศ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมีงานรออยู่แล้ว บุษบงกชนั้นขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน คิดว่าอาจจะช่วยดูแลหอพักของบิดามารดาที่เปิดใหม่ เพิ่มอีกสองแห่งใกล้แหล่งชุมชนซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ หรืออาจหางานทำใกล้บ้านเพราะเบื่อชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเต็มที
รถยนต์สามคันพาหนุ่มสาวสิบกว่าชีวิตมาถึงบ้านเช่าริมทะเลที่ติดต่อ ขอเช่าจากญาติเพื่อนคนหนึ่งล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ต่างแยกย้ายกันนำกระเป๋า สัมภาระข้าวของเครื่องใช้ไปเก็บ ในบ้านพักมีห้องนอนใหญ่สองห้อง แบ่ง พักแยกชายหญิงได้สบาย ซ้ำห้องด้านล่างยังพอมีที่ให้ได้เกลือกกลิ้งเล่นหาก ใครเมาจนลุกไม่ไหว หน้าบ้านเป็นลานปิกนิกกว้างพอจะรองรับคนได้หลาย สิบคน ถัดลงไปเป็นชายหาดที่เวลานี้สาวๆ บางคนกำลังวิ่งลงไปทักทายหาดทรายและเกลียวคลื่นเหมือนไม่เคยพบเจอมาก่อน
“เดี๋ยวแดดก็เผาเกรียมหรอก รอเย็นๆ ก่อนสิ”
เสียงคนกลัวผิวเสียตะโกนเตือนเพื่อนซึ่งส่วนหนึ่งกลับขึ้นมาเมื่อได้ เหยียบทะเลสมใจแล้ว แต่บุษบงกชกับนนทรียังคงยืนมองนักเจ็ตสกีที่กำลัง บังคับเครื่องยนต์แล่นโฉบเฉี่ยวยอดคลื่นอยู่กลางทะเล
“กล้ามน่ากัด” นนทรีพูดพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อเจ็ตสกีคันนั้นแล่นผ่านหน้าไป แม้ระยะไกล แต่ก็ยังเห็นรูปร่างล่ำสันของคนขับได้ชัดเจน
"ผิวสีแทน กล้ามใหญ่ โอ๊ย! อยากได้มาทำสามี” นนทรีพูดเหมือนละเมอ
บุษบงกชอดไม่ได้ ต้องเอื้อมไปตีแขนเข้าให้
“ยายบ้า เห็นแค่กล้ามนี่นะถึงขนาดอยากได้มาทำสามี หน้าตาเป็น ยังไงยังไม่รู้เลย”
“เวลาปิดไฟมันหล่อหมดแหละ” นนทรีพูดแล้วหัวเราะคิก มองตาม เจ็ตสกีคันนั้นไปจนเห็นว่ามันแล่นเข้าจอดที่หาดหน้าบ้านถัดไปอีกสองหลัง
“ว้าว! อยู่ที่นั่นเอง เย็นๆ จะไปเดินอ่อยซะหน่อย”
“ยังเพ้อไม่เลิกนะยายบ๊อง ฉันไปละ ร้อนจนแสบผิวไปหมดแล้ว” บุษบงกชพูดแล้วเดินกลับขึ้นบ้านพักทันที
“รอก่อน...ไปด้วย” คนที่มัวแต่เพ้อรีบวิ่งตามเพื่อน แต่ไม่วายจะ เหลียวไปมองบ้านหลังที่เห็นนักเจ็ตสกีเดินเข้าไป มันเป็นบ้านสองชั้นหนึ่งในห้าหลังที่ปลูกเรียงเป็นแถวด้วยแบบแปลนเดียวกัน จึงเหมารวมได้ว่ามีเจ้าของคนเดียวกัน
พอตะวันเริ่มคล้อย เพื่อนๆ ต่างพากันลงไปเล่นน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน แต่นนทรีกลับชวนบุษบงกชไปเดินเล่นริมหาด และจำเพาะเจาะจงเดินไปทางบ้านหลังนั้น
“ฉันรู้นะ แกคิดอะไรอยู่” บุษบงกชดักคอจนถูกเพื่อนสนิทค้อนให้ แต่ยังมิวายจับมือเธอลากให้ไปเป็นเพื่อนอยู่ดี
โปรดติดตามต่อในฉบับ..