บ่วงพิษสวาท (สุริยาทิศ)

บ่วงพิษสวาท (สุริยาทิศ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001199
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                       เรือนท่านพระยา

 

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงบนเรือแจวลำเล็กดังมาแต่ไกล เรือ

ลำนั้นบรรทุกผลหมากรากไม้มาเต็มลำ หญิงวัยห้าสิบนั่งอยู่หัวเรือกำลังพายเรือ

มาตามคูน้ำใสด้วยสีหน้าสดชื่นไม่ต่างจากเด็กหญิง คูน้ำนั้นแยกมา'จาก ‘แม่นํ้า

เจ้าพระยา’ แม่นํ้าสายใหญ่ที่เป็นดั่งสายโลหิตของทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินสยาม

ลัดเลาะมายังลำคลองสายหนึ่งซึ่งสองฟากฝังมีเรือนไทยน้อยใหญ่ของเหล่า

เจ้าขุนมูลนายตั้งตระหง่านอยู่ ในบรรดาเรือนไทยเหล่านั้นดูจะไม่มีหลังไหน

งดงามวิจิตรเทียบเท่าเรือนท่านพระยานรเศรษฐ์เลย

เรือลำน้อยของสองยายหลานจอดเทียบท่าเรือนท่านพระยา ดวงตะวัน

ยามเช้าลอยเหนือหลังคาเรือนไม้ทรงไทยหลังใหญ่งดงามเจิดจรัส ผู้เป็นยาย

ตะโกนเรียกบ่าวไพร่ที่ยืนท่างานอยู่แถวนั้นให้มาช่วยขนของเป็นการใหญ่ เพราะ

ลำพังตัวหล่อนกับหลานคงจะหอบหิ้วผลไม้เต็มลำเรือขึ้นไปถึงเรือนครัวไม่ไหวแน่

“ยายจ๋า วันนี้คุณท่านจะไปเรือนท่านพระยาอินทราชอีกหรือเปล่าจ๊ะ”

เด็กหญิงวัยสิบขวบเศษถามสีหน้าแช่มชื่น ผู้ถูกเรียกหันไปมองด้วยความสงสัย

คิดในใจว่านังเด็กอวดรู้คนนี้มันจะถามให้ได้อะไรขึ้นมา

“คุณท่านคงจะออกไปตอนสาย เอ็งมีอะไรรึนังดาว” ยายทองถามขณะ

เดินเนิบนาบตามเหล่าบ่าวไพร่ที่แบกผลหมากรากไม้นำหน้าไปก่อนอย่างทุลักทุเล

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะยาย ดาวแค่สงสัยว่าคุณท่านจะไปเรื่องของคุณหยก

หรือเปล่าน่ะจ้ะ”

“เอ็งจะเสือกเรื่องของนายหาพระแสงกระไรวะนังดาว ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึ

เรื่องนี้ให้เอ็งปิดปากเงียบไว้ ขืนคุณหนูเยื้อนรู้เข้าเอ็งได้ถูกด่าตะเพิดแน่ แล้วจะ

หาว่าข้าไม่เตือน!”

เด็กหญิงแอบท่าปากขมุบขมิบบ่นใส่หลังคนแก่ไม่ข้ายายทองก็พาเดิน

เข้าไปถึงเรือนครัว เหล่าบ่าวไพร่ที่กำลังหุงหาอาหารอยู่ต่างออกมารับของตาม

หน้าที่ กับข้าวกับปลาถูกจัดเตรียมในภาชนะกระเบื้องลายสวยวางไวในถาดกลม

ที่ถูกขัดจนขึ้นเงาเรียบร้อยแล้ว ดาวเปิดฝาหม้อดินควันโขมงคลุ้ง จ้องมอง

เม็ดข้าวที่เรียงสวยในนั้นพลางยิ้มเมื่อเห็นข้าวสวยสุกได้ที่ก่อนจะตะโกนเรียก

เพื่อนบ่าวให้คดข้าวลงภาชนะเตรียมจัดสำรับที่โถงเรือนใหญ่ก่อนเวลาสำหรับเที่ยง

อีกชั่วยาม

สไบสีส้มสดผืนใหม่ถูกคลี่ออกพาดบนบ่าหญิงสาวร่างบางอย่าง

ทะนุถนอม บ่าวนางหนึ่งกำลังช่วยจับดึงชุดทรงสวยให้เข้าที่ โจงกระเบนสีสด

ราวกับผืนใหม่ สีล้มสดของชุดล่งให้เรือนร่างของสาวเจ้าดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น

ทั้งที่นางมีผิวพรรณงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“พี่แย้ม เจ้าคุณพ่อออกเรือไปหรือยังจ๊ะ” หญิงผู้นั้นหันมาถามบ่าวด้วย

สีหน้าสดชื่น

“คงยังกระมังเจ้าคะ เห็นคุณหญิงว่าจะออกเรือหลังสำรับเที่ยง หึๆ”

นางแย้มบ่าวสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผู้เป็นนายแอบหัวเราะในล่าคออย่างรู้ทัน

ขณะที่ผู้เป็นนายท่าหน้าเหลอหลา

“หัวเราะอะไรพี่แย้ม อย่ามาท่าหน้าทะเล้นเช่นนี้นะ หยกไม่ชอบ”

“โถๆๆ คุณหนูหยกของบ่าว อิฉันก็หัวเราะไปเรื่อยเปื้อยละเจ้าค่ะ แต่

อิฉันว่าที่คุณหนูหยกท่าโมโหเยี่ยงนี้ แสดงว่า คุณหนูคงเดาได้กระมังเจ้าคะ ว่า

อีแย้มหัวเราะเรื่องอะไร”

แม่หยก หญิงงามรัยแตกเนื้อสาวหันดวงหน้าขาวผ่องมาพลางค้อนควั่ก

ใส่บ่าวคนสนิทอย่างเจ็บใจ ที่จริงเธอรู้สึกขวยเขินมากกว่าที่คนสนิทแกล้งหยอก

ในเรื่องที่ทำให้เธอต้องหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“เฮ้อ ถ้าคุณหนูของบ่าวออกเรือนไป อีแย้มคนนี้ต้องเหงาแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ”

คราวนี้แม่หยกหันไปคว้าตลับแป้งสีทองบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาทำทำ

เขวี้ยงใส่ กิริยานั้นกลับทำให้นางแย้มยิ่งคะนองปาก

“ทำไมคุณหนูต้องเขินด้วยล่ะเจ้าคะ ก็มันเรื่องจริง อีกหน่อยพอขุนเพชร

มาสู่ขอคุณหนูของบ่าว แล้วพากันย้ายไปเรือนท่านพระยาอินทราช ถึงวันนั้น

อีแย้มคน'นี้จะอยู่รับใช้ใครล่ะเจ้าคะ”

“ถ้าหากพี่แย้มยังไม่หยุดพล่ามนะ หยกจะไม่พูดกับพี่แย้มอีกเลย คอยดูสิ”

ประโยคนี้เล่นเอาบ่าวคนสนิทหุบปากทันที แม่หยกแอบยิ้มกริ่มในใจ

ก่อนจะแสร้งตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วลุกเดินตรงไปยังประตู นางแย้มรีบลุกตาม

 อย่างสงสัย

“เอ่อ คุณหนูหยกจะออกไปไหนรึเจ้าคะ นี่เพิ่งจะสาย สำรับยังไม่เสร็จ

ดอกเจ้าค่ะ”

“ใครว่าหยกหิว หยกจะไปเรือนแม่เยื้อนต่างหาก หยกว่าจะชวนแม่เยื้อน

ไปเดินตลาดช้างรัดเสียหน่อย แม่เยื้อนเธอชอบนัก” แม่หยกเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือ

ไปเปิดประตู ทว่านางแย้มกลับตะเบ็งเสียงขัดขึ้นจนแม่หยกสะดุ้งตกใจ

“ไม่ได้นะเจ้าคะ ขืนคุณหนูกลับมาไม่ทันสำรับเที่ยงเหมือนรันก่อนอีก

มีหวังคุณท่านกับคุณหญิงเล่นงานอีแย้มตายเลยเจ้าค่ะ!”

“แล้วพี่แย้มจะอยู่ให้ถูกด่าทำไมเล่า พี่แย้มก็ไปกับฉันชี่” แม่หยกเสนอ

แต่นางแย้มเหงื่อผุดเต็มหน้า

“ตะ...แต่ว่า ถึงเยี่ยงไรกลับมาอีแย้มก็โดนเอ็ดอยู่ดี แถมลงเรือนไป

ดีไม่ดีถูกยายทองแพ่นกบาลเอาอีก โถๆ คุณหนูของบ่าว รอให้คุณท่านออกเรือ

ไปก่อนไม่ดีกว่ารึเจ้าคะ”

“กว่าเจ้าคุณพ่อจะลงเรือก็หลังเที่ยง ตลาดวายกันพอดีพี่แย้ม” แม่หยกทำหน้าบึ้ง

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่! ถ้าพี่แย้มไม่อยากไป พี่แย้มก็ไม่ต้องไป!”

ว่าแล้วแม่หยกก็ก้าวข้ามธรณีประตูออกไปอย่างรวดเร็วจนนางแย้มต้อง

รีบก้าวฉับๆ ตามนายไป หน้ามันซีดเผือดเมื่อนึกถึงวันวานที่เกือบถูกท่านพระยา

สั่งโบยโทษฐานพาคุณหนูหยกไปล่องสวนจนเกือบได้เลือดเพราะตกต้นไม้

คุณหนูของมันก็ใช่ย่อย ชุกชนเที่ยวเล่นเป็นเด็กๆ ทั้งที่ถึงวัยออกเรือนแล้ว นั่น

อาจจะสิบเนื่องมาจากว่าท่านพระยานรเศรษฐ์เข้มงวดกับบุตรสาวทั้งสองมาแต่

เล็กแต่น้อย ทั้งคู่จึงมักหาโอกาสหนีไปเที่ยวตลาดบ่อยครั้งจนถูกชายหนุ่มรุ่นราว

คราวเดียวกันหยอกแชวอยู่บ่อยๆ

แม่หยกนั้นแม้จะชุกชนและบางครั้งรักสนุกหนีเที่ยวเกสไถลไปกับ

น้องสาวต่างมารดาอย่างแม่เยื้อน แต่เมื่ออยู่กับเรือนแล้วละก็ เธอวางตัวสมเป็น

ว่าที่แม่ศรีเรือนแสนเรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้ทีเดียว ผิดกับแม่เยื้อนที่ไม่ว่าอยู่

ไหนเธอก็ประพฤติตนเสมอกัน ไม่รักษากิริยามารยาทตามอย่างลูกเจ้าขุนมูลนาย

และเพราะความแก่นแก้วแต่เด็กเธอจึงมักถูกท่านพระยานรเศรษฐ์โบยอยู่บ่อยครั้ง

ถูกโบยแต่ละทีก็ร้องสั่นเรือนเสียงดังไปทั่วคุ้งน้ำ กิตติศัพท์เรื่องความชุกชนและ

อวดดีของแม่เยื้อนเลื่องลือไปทั่วแตกไม่มีใครคิดถือสาเพราะเธอไม่ได้มีจิตใจ

ร้ายกาจประการใด เพียงแต่มีพฤติกรรมเฉกเช่นที่ได้พรรณนาไปข้างต้นนั้นแล

คนบนเรือนเล็กกำลังวุ่นอยู่กับการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ผู้เป็นนาย

สีหน้าหงุดหงิดของนายท่าให้บ่าวไพร่มือไม้สั่นขณะช่วยจับดึงสไบสีแดงเพลิงเจิด

จรัสให้เข้าที่ หญิงงามเจ้าของดวงตาคมกริบ เรือนผมสวยเรียบทรงดอกกระทุ่ม

ริมฝีปากสีแดงเข้มจากผงประทินโฉมผู้นั้นกำลังยืนส่องกระจกด้วยสีหน้าเต็ม

อารมณ์โกรธอันเนื่องมาจากอาภรณ์ใหม่ที่เธอสวมอยู่นั้นไม่ได้ดั่งใจเธอปรารถนา

“กูบอกให้มึงไปเอาชุดของแม่หยกมา มึงก็แล่ไปเอาจากมือคุณหญิงป้า

ได้ มึงนี่มันโง่สมไพร่เสียจริง!” หญิงงามตวาดด่าบ่าวสาวคนสนิทจนมันหน้าเจื่อน

ท่าตาละห้อยขอความสงสาร

“คุณหนูเยื้อนเจ้าขา ไหนคุณหนูเคยบอกอิฉันว่า คุณหนูไม่ชอบใช้ของ

ต่อจากใครเยี่ยงไรเจ้าคะ” บ่าวสาวท่าหน้าไม่ถูก หวังจะให้ต้องอารมณ์นาย มัน

ทั้งยิ้มทั้งกลัว ปวดหัวไปกับการเอาอกเอาใจนายหญิงของมัน

“อีเดือน! มึงน่ะไม่ได้ขี้ตีนอีแย้มเลยสักนิด มันน่ะสั่งกระไรเป็นได้ ส่วน

มึงรึสั่งกระไรเป็นใบ้! แม่หยกมันพี่สาวกูกูจะใส่ชุดพี่สาวมันจักเป็นไรไป! อีกอย่าง

ชุดสีแดงที่กูสั่งให้มึงไปเอาตัวนั้นแม่หยกก็ไม่เคยหยิบใส่ มึงนี่มันเสือกหวังดี

หรือเพราะที่จริงมึงกลัวไม่กล้าขึ้นเรือนใหญ่กันแน่อึ!”

ดูเหมือนเหตุผลหลังสุดจะทำให้นางเดือนต้องชะงักไปชั่วอึดใจ แน่ละ

เมื่อวันก่อนมันไปทะเลาะตบตีกับพวกนางแย้มจนได้เลือด พรรคพวกของ

นางแย้มมันก็เยอะนัก ถ้ามันขึ้นไปคนเดียวไม่มีนายคุ้มกะลาหัวมีหวังได้เลือด

กลับมาฝากนายสาวเป็นแน่

“มึงไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าดอกอีเดือน มึงจะไปไหนก็ไป!”

นังเดือนละล้าละลัง มันรู้ดีว่ามีแต่แม่เยื้อนผู้เดียวที่เป็นทั้งนายและเกราะ

ป้องกันไม่ให้พวกบ่าวไพร่คู่อริเข้ามาตบมาถีบมันตอนเดินผ่าน เหตุที่มันเป็น

ที่เกลียดชังเยี่ยง,นี้ก็เพราะตอนเดินตามแม่เยื้อนมันชอบเชิดหน้า ด่าคนนู้นตีคน

นี้ราวกับตัวมันดีเลิศเสียเต็มประดา สมควรแล้วที่มันต้องเจอเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้

“แม่เยื้อน แม่เยื้อน!” เสียงแม่หยกด้งขึ้นไม่ไกล ห้องชองแม่เยื้อนอยู่ติด

บันไดจึงได้ยินเสียงผู้มาเยือนชัดเจนแม่เยื้อนรบแต่งตัวไม่ลืมคว้าดอกเบญจมาศ

สีขาวนวลขึ้นทัดหูก่อนจะส่องกระจกอีกรอบ แล้วเดินข้ามหัวนางเดือนออกไป

ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มราวกับเดาได้ว่าแม่หยกมาเยือนเพราะเหตุใด

“จะมาชวนไปตลาดวัดมหาทลายอีกแล้วลิแม่หยก” เจ้าของดวงหน้าคม

รอยยิ้มร้อยเล่ห์ถามพลางยิ้ม

“แน่ลิแม่เยื้อน แม่จะไปรึเปล่า ถ้าไปเราต้องรีบไปรีบกลับมาให้ทันสำรับ

เที่ยงนะ” แม่หยกเงยหน้าถามแม่เยื้อนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู ขณะที่

นางแย้มแอบอยู่หลังแม่หยกคอยเหลียวซ้ายแลชวาดูต้นทาง มันเสียวลันหลัง

วาบเกรงจะถูกโบยนัก

“ไปลิ มีรึฉันจะพลาด ว่าแต่...เรือล่ะแม่หยก?”

“เมื่อตะกี้ฉันให้พี่แย้มไปเรียกพี่ก้อนแล้ว ปานนี้พี่ก้อนแกคงจอดเรือ

รอทำอยู่ไม่ไกล เราคงต้องเดินเท้าลัดเข้าดงกล้วยไปลงเรือแถวนู้นละ” แม่หยก

ว่าด้วยนํ้าเสียงเบาลง เกรงว่าคนบนเรือนใหญ่จะได้ยิน

“ชิไอ้ก้อนอีกแล้วรึ! ฉันละเอือมมันนัก พายเรือไวจนไม่มีใครทันเกี้ยว” แม่เยื้อนว่า

“ตายจริง ดูพูดเข้า ไม่งามเลยแม่เยื้อน” ผู้เป็นพี่สาวต่างมารดาตำหนิหน้ายิ้ม

“ก็จริงนี่ ไอ้ก้อนเวลามันพายเรือ ไม่รู้ว่าจะรีบไปตายโหงตายห่าที่ไหน ชายอื่นมันคงหัวเราะเยาะกันเพราะรู้ทันว่าที่ไอ้ก้อนมันรีบพายจํ้าเอาๆ เพราะ

พวกเรากลัวเจ้าคุณพ่อมากขนาดไหน”

“ก็หรือไม่จริงล่ะขอรับ” เสียงเข้มแกมหยอกด้งขึ้นจากด้านหลังทำให้

สามชีวิตที่ยืนสนทนากันอย่างระแวดระวังตกอกตกใจไปตามกัน โดยเฉพาะ

แม่เยื้อนเกือบจะวิ่งหนีเข้าห้องหับไปแล้ว เพราะนึกว่าเป็นท่านพระยา...

“ไอ้ก้อน มึงนี่มันยั่วตีนกูนัก!” แม่เยื้อนสบถด่า ส่วนแม่หยกหันไปด้าน หลังทำหน้าปรามใส่ไอ้ก้อนจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี

“พี่ก้อน เรือพร้อมแล้วรึ?”

“พร้อมแล้วขอรับคุณหนู ว่าแต่รีบไปก็จะดีนะขอรับ อีกไม่กี่ชั่วยามก็ถึง เวลาสำรับเที่ยงแล้ว”

ไม่พูดเปล่าสายตาไอ้ก้อนแอบชำเลืองมองคุณหนูปากเปราะที่ยืนทำหน้า บึ้งอยู่ด้านบน...ถูกใจมันนักแล

“ไปเถอะแม่เยื้อน ลงมาได้แล้ว”

แม่เยื้อนเดินลงมา นางเดือนทำทีจะตามลงมาด้วยแต่ก็ถูกนายหญิง

ไล่ตะเพิดเหตุเพราะกำลังไม่สบอารมณ์เรื่องที่บ่าวสาวคนสนิทใช้การไม่ได้ดั่งใจ

 เรือล่าน้อยลอยล่าไปอย่างเงียบๆ ตามล่าคลองผ่านเรือนน้อยใหญ่แถบนี้ แม่หยกแม่เยื้อนนั่งซับเหงื่อด้วยผ้าแพรผืนเย็น อกเธอทั้งสองร้อนรุ่มเช่นนี้

ทุกครั้งเมื่อคิดหนีออกจากบ้านมาเที่ยวเตร็ดเตร่ขัดคำสั่งบิดามารดา

ครั้น'พอถึงตลาดสองสาวก็ยิ้มแก้มปริ นี่ละที่พวกเธอโปรดปรานนักหนา ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวไปถึงรัยฉกรรจ์และวัยเฒ่าที่ยังไม่สิ้นลายต่างล่งเสียง หยอกเย้าสองสาวขวัญใจพวกมันก้นอย่างสนุกสนาน

“แม่หยก ริบเดินให้ไว ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวฉันคงมีเรื่องกับไอ้พวกหัวไม้แถวนี้อีกแน่”

“พอเถอะแม่เยื้อน หาเรื่องมันไปประเดี๋ยวเรื่องก็เข้าหูเจ้าคุณพ่อ คนที่จะ ลำบากคือเราเองดอกนะ ไม่ใช่พวกมัน”

“แต่ว่าฉันเกลียดน้ำหน้าพวกมันนัก! พวกมันก็รู้ว่าเราเป็นถึงลูกท่าน

พระยา ยังมาท่าชู้ยักษ์ใส่ วันดีคืนดีแม่จะคว้าหินปาใส่หัว ให้หัวร้างข้างแตก

อุ๊บ!” หญิงสาวปากร้ายสะดุดคำหยาบคายลงฉับพลัน หล่อนเบิกตากร้างตะลึง

งันที่พบใครบางคนกำลังเดินย่างเข้ามาใกล้ด้วยกิริยาสำรวม พอหันไปมอง

แม่หยกก็พบว่านางหน้าถอดลีเช่นกัน ส่วนนางแย้มกับไอ้ก้อนที่เดินตามมา

ข้างหลัง อยากจะปลีกตัวหนีก็ข้าไม่ทันการณ์เอาเลียแล้ว

สงฆ์ในจีวรลีขุ่นมองหญิงงามตรงหน้า ริมฝีปากสงฆ์รูปนั้นปรากฏรอยยิ้ม นึกเดาได้ว่าหญิงงามสองคนนี้กำลังท่าในสิ่งที่เคยท่ามาแล้วหลายครั้งหลายหน

แม่หยกแม่เยื้อนรีบพนมมือไหว้เมื่อเห็นสงฆ์ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า แม่เยื้อนแอบ

ตบปากตัวเองที่เมื่อครู่พูดจาหยาบคายออกไป และพอจะเดาได้ว่าพระท่าน

คงจะได้ยินเต็มสองหู ท่านถึงได้ยิ้มกริ่มมีเลศนัยเช่นนั้น

“ละ...หลวงลุง” แม่หยกอยากจะทักญาติผู้ใหญ่ที่ตัดสินใจบวชตลอด

ชีวิตแต่ก็พูดไม่ออก ไพล่คิดไปว่าเมื่อหลวงลุงได้รู้ได้เห็นถึงการกระทำในวันนี้ ของเธอและแม่เยื้อนแล้ว อีกไม่นานท่านพระยานรเศรษฐ์ก็คงจะรู้เรื่องนี้

“หนีมาเที่ยวอีกแล้วรึโยมหลาน” น้ำเลียงนุ่มลึกพร้อมรอยยิ้มมุมปากของ ผู้ทรงศีลท่าเอาคนฟังเหงื่อตก ใจเต้นแรง แม่เยื้อนแลซ้ายแลขวาอยากจะหา

โอกาสวิ่งออกไปจากตรงนี้

“หลวงลุงเจ้าขา ดิฉันขอร้องหลวงลุงเถิดเจ้าค่ะ อย่าให้เจ้าคุณพ่อรู้ได้ไหม เจ้าคะ แม่เยื้อนกับดิฉันเพิ่งจะถูกตีเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันไหว้ละเจ้าค่ะ” แม่หยก พนมมือขอร้อง

พระท่านยืนนิ่งหลับตาพริ้มคิดใคร่ครวญ โยมหลานผู้นี้มีจิตใจงดงาม

แต่กำลังจะวิงวอนขอให้ผู้อยู่ในศีลปิดบังและปดต่อท่านพระยาผู้เป็นโยมน้อง เช่นนั้นหรือ อย่างไรท่านพระยานรเศรษฐ์ก็ต้องถามความอยู่ดีตอนที่มากราบ นมัสการถึงวัด

“หากรู้ว่ามันผิด ทำไมโยมถึงท่าเล่า” ค่าพูดเนิบนาบแต่อ่อนโยนนั้นทำให้

                                          (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

ทำดีได้ดีนั้นมีแน่ ทำชั่วแต่ได้ดีมีที่ไหน ที่ทำชั่วเห็นดีอยู่จงรู้ไว้ มันเหมือนไฟใต้ถ่านไม่นานร้อน ตราบใดที่ยังมีการพรากลูกพรากเมียผู้อื่น คบชู้สู่ชาย ประพฤติผิดในกาม ฆ่าทำร้ายชีวิต โกหกพกลม ยุยง รู้เห็นเป็นใจ สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำชั่ว ตราบนั้นมนุษย์ก็ยังคงจองเวรต่อกันอยู่ร่ำไป ในเมื่อมนุษย์ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในบ่วงกรรม ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเราสร้างบุญสร้างกรรมอันใดมาแต่หนหลัง เพียงแค่การที่เราเกิดมาในโลกนี้ เติบโตเป็นคนคนนี้ในครอบครัวนี้ เรามิสงสัยบ้างหรือว่านั่นคือบ่วงกรรมตามติดให้มาผูกสัมพันธ์หรือใช้เวรใช้กรรมในชาตินี้ บางคนอาจกล่าวว่างมงายเชื่อไม่ได้ หากใครเล่าจะยืนยันได้ว่าสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาตินั้นไม่มีอยู่ ใครเล่าจะกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏไม่มีจริง บ่วงพิษสวาท กำลังทำให้เราเห็นทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้ บ่วงพิษสวาท เรื่องราวพัวพันของตัวละครในสองภพที่ทำกรรมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ จนต้องมาชดใช้ในชาติภพนี้ บ่วงกรรมแห่งการพรากลูกพรากเมียผู้อื่น คบชู้สู่ชาย ประพฤติผิดในกาม ฆ่าทำร้ายชีวิต โกหกพกลม ยุยง รู้เห็นเป็นใจ สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำชั่ว ส่งให้ต้องจองเวรต่อกันอยู่ร่ำไป ผู้เขียนเดินเรื่องจากอดีตชาติในช่วงก่อนเสียกรุงครั้งที่ ๒ มาถึงชาติภพนี้ในช่วงทศวรรษ ๒๔๐๐ เราจึงได้กลิ่นอายของยุคก่อนผสมผสานไปกับอรรถรสการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามยิ่ง 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024