ราชันแดนเถื่อน (ซ่อนกลิ่น)
ประหยัด: 115.50 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 170.00 บาท - 209.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
“อลิซาเบธ” เซอร์อเล็กซ์หันไปดุลูกสาวเมื่อหล่อนทักทายเจ้าชาย
มาอิซ บิน สุลต่าน กอเซ็ม อัล อะละวีย์ เจ้าชายรัชทายาทแห่งราชอาณาจักร
อัลซาฮาห์ด้วยสรรพนามและน้ำเสียงที่ไม่สุภาพนัก
เจ้าหล่อนหน้าเจื่อนไป ไม่รู้ด้วยเพราะถูกบิดาขนาบ หรือเป็นเพราะ ไ
ด้รู้ความจริงว่าคนที่ตนกล่าวหาว่าเป็นคนเลี้ยงม้าเมื่อสักครู่นั้นกลับ
กลายมาเป็นเจ้าชายไปเสียได้
เจ้าชายมาอิซทรงพระสรวลเบาๆ แล้วทรงพระปฏิสันถารกับหล่อน
พร้อมแย้มพระสรวลกรุ้มกริ่ม เหมือนกับที่ทรงแสร้งรับสมอ้างเป็นคน
เลี้ยงม้า อย่างที่คนรับใช้ของหล่อนคิดไปเอง
“ขอความสันติสุข ความเมตตา และความเจริญจากพระอัลลอฮ์
จงประสบแด่คุณครับ...คุณผู้หญิงบราวน์”
“เอ่อ...ขอความสันติสุข ความเมตตา และความเจริญจากพระ-
อัลลอฮ์จงประสบแด่ฝ่าบาทเพคะ” คราวนี้เป็นหล่อนบ้างที่ต้องตอบสลาม
อย่างละล่ำละลัก แต่ดวงตาสีเทอร์คอยส์ที่สั่นระริกอยู่เดี๋ยวนี้ก็ยังคงจ้อง
พระองค์อย่างไม่วางตา
ต่อเมื่อบิดาหล่อนเคลื่อนไปมอบรางวัลให้รองอันดับหนึ่ง อลิซาเบธ
ก็ถึงกับสะอึกราวกับเพิ่งหลุดจากภวังค์ ครั้นท่านเรียกเหรียญรางวัล
อีกครั้ง หล่อนจึงรีบขยับเท้าตามไปแล้วก้มหน้างุดๆ พยายามให้ปีกหมวก
กว้างปิดบังใบหน้าตลอดเวลาที่เซอร์อเล็กซ์มอบรางวัลให้รองชนะเลิศทั้งสอง
‘ถ้าจะมีผู้หญิงคนไหนหยุดโลกของเราได้ในครั้งแรกที่ได้พบเจอ
ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นเธอ’ เจ้าชายมาอิซครุ่นคิดอยู่ในพระหทัยเมื่อทอด-
พระเนตรเจ้าของเรือนร่างงดงามนั้นตลอดเวลาระหว่างพิธีมอบเหรียญรางวัล
ครั้งแรกที่พระองค์ทรงเห็นหล่อนในคอกม้า โลกของพระองค์แทบ
จะหยุดหมุนตรงนั้นเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีใครที่สวยอย่าง
หล่อน ผิวของหล่อนผุดผาดประดุจดั่งน้ำนม ผมหรือก็เป็นสีทองอร่ามตา
เสริมให้ดวงตาสีฟ้าใสกับใบหน้ารูปหัวใจดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นกอง ต่อเมื่อ
คนรับใช้ของหล่อนปรามาสพระองค์ว่าเป็นคนเลี้ยงม้า จึงทรงแกล้งรับ
สมอ้างไปอย่างนึกสนุก ครั้นทรงทราบชื่อหล่อนก็ทำให้พระองค์ทรงเข้าใจ
ได้ในทันทีว่า ทำไมหล่อนถึงมีอิทธิพลกับพระองค์ได้อย่างมากมายนัก
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่เจ้าหล่อนจะทำให้พระองค์ทรง
ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เพราะเป็นที่เล่าลือกันทั่วเกาะอังกฤษมานานแล้ว
ว่า ธิดาคนเล็กของ พลเอก เซอร์ อเล็กซ์ บราวน์ นั้นสวยเข้าขั้นเทพธิดา
อย่างที่พระองค์ตรัสชมออกไปตอนที่หลอกถามชื่อของหล่อน
เป็นที่รู้กันอยู่ว่า พลเอก เซอร์ อเล็กซ์ บราวน์ นั้นมีบุตรอยู่สองคน
คนโตนั้นคือนาวาตรี เดวิด บราวน์ เป็นนายทหารเรือของราชนาวีอังกฤษ
พระองค์ทรงเคยพบกับเขามาแล้วครั้งหนึ่งที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์
ขณะที่ยังทรงศึกษาอยู่ ตอนนั้นเขายังดำรงตำแหน่งเรือโท และได้เข้ามา
เป็นครูฝึกสอนทักษะทางน้ำในโรงเรียน ทรงจำได้ว่าเขาเป็นนายทหาร
หนุ่มที่องอาจมากทีเดียว ตัวใหญ่ล่ำสัน มีดวงตาสีเดียวกับน้องสาว ใบหน้า
แกร่งคมและเป็นที่หลงใหลของสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมคนหนึ่ง
ทีเดียว แต่ไม่มีข่าวว่าเขาสนใจใครเป็นพิเศษ ด้วยเขาใช้ชีวิตอยู่ในทะเลเสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนคนน้องนั้นก็ค่อนข้างเก็บตัวเช่นเดียวกัน พระองค์ทรงทราบจาก
พระสหายร่วมชั้นว่าหล่อนมีอายุห่างจากพี่ชายถึงสิบสองปี จากตอนนั้น
มาจนถึงตอนนี้หล่อนก็คงจะอายุครบสิบแปดปีแล้วกระมัง พระสหาย
เล่าให้พระองค์ฟังว่า ที่ทั้งสองพี่น้องอายุห่างกันมากนั้นก็เป็นเพราะภรรยา
คนแรกของเซอร์อเล็กซ์ถึงแก่กรรมลงขณะที่เดวิดมีอายุได้สิบปี หลังจาก
นั้นหนึ่งปี ท่านเซอร์ก็แต่งงานใหม่กับน้องสาวของภรรยาผู้ล่วงลับ จนอีก
หนึ่งปีให้หลังก็ให้กำเนิดบุตรีขึ้นมา ซึ่งก็คือคนที่ท่านเซอร์ตั้งชื่อให้หล่อนว่า ‘อลิซาเบธ’ นั่นเอง
“คืนนี้ที่บ้านของกระหม่อมจะมีงานเลี้ยง อย่างไรเสีย กระหม่อม
ขอทูลเชิญฝ่าบาทไปเป็นเกียรติในงานได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ” เซอร์อเล็กซ์เอ่ย
ขึ้นหลังจากเจ้าชายมาอิซทรงลงจากแท่นรับรางวัลแล้ว
เจ้าชายหนุ่มละสายพระเนตรจากอลิซาเบธไปที่บิดาของหล่อน
ก่อนจะค้อมพระเศียรเล็กน้อยด้วยความสุภาพ “ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”
เมื่อรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วก็หันกลับไปทอดพระเนตร
หญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งได้ยินเสียงเซอร์อเล็กซ์ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่ลูกสาวของกระหม่อมเอง ชื่ออลิซาเบธพ่ะย่ะค่ะ”
“เราเคยพบกันแล้ว” เจ้าชายแย้มพระสรวลเล็กน้อย
“จริงหรือ” ผู้เป็นบิดาหันไปหาลูกสาวด้วยสีหน้าขึงขัง
เจ้าหล่อนพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระวนกระวายใจ
เจ้าชายมาอิซรู้สึกผิดที่ตรัสออกไปเช่นนั้น เพราะอาจจะสร้างความ
เสื่อมเสียให้หล่อนได้ จึงรีบแก้ต่างให้หล่อนทันที “พอดีผมเห็นว่าคุณผู้หญิง
บราวน์สนใจเรื่องม้าน่ะครับ เลยเชิญเธอไปดูเจ้าซาบิกพร้อมๆ กับไอชา”
เมื่อท่านเซอร์ได้ยินชื่อคนรับใช้ใกล้ชิดบุตรสาวก็พยักหน้าอย่าง
คลายใจว่า ลูกสาวคนเดียวมิได้พบปะกับบุรุษหนุ่มตามลำพัง และเมื่อ
ท่านหันไปสนทนากับเจ้าหน้าที่ด้วยเรื่องด่วนบางประการ พระองค์ก็หัน
ไปส่งสายพระเนตรและแย้มพระสรวลกรุ้มกริ่มให้อลิซาเบธ
เจ้าหล่อนทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะทำหน้าคว่ำ
ส่งค้อนให้พระองค์วงใหญ่ แล้วสะบัดหน้าพรืดไป จนเจ้าชายหนุ่มอด
ที่จะขันในพระทัยไม่ได้
“ฝ่าบาท” เสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังดึงให้เจ้าชายหนุ่มหลุดพ้น
จากห้วงแห่งหมอกควันสีชมพูในสายพระเนตร
“อ้าว...ดัฟฟา ตาลิด” เจ้าชายมาอิซตรัสเรียกทั้งสองซึ่งเป็นทหาร
ราชองครักษ์ ที่นายพลรอฟีล ผู้บัญชาการกองทหารราชองครักษ์ส่งมา
เพื่อคอยคุ้มกันพระองค์ ขณะที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
“ได้เวลาเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตาลิดกราบทูล
“อืม” เจ้าชายมาอิซพยักพระพักตร์ ก่อนจะทรงหันกลับไปทำ
พระโอษฐ์ขมุบขมิบกับอลิซาเบธ ‘คืนนี้พบกันนะครับ’
หญิงสาวซึ่งกำลังเผลอมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นถึงกับสะอึก
แต่ไม่ตอบอะไร กลับสะบัดหน้าพรืดไปอีกครั้งราวกับโกรธพระองค์มา
ร้อยปีร้อยชาติ ทำให้เจ้าชายหนุ่มทรงเอ็นดูหล่อนไม่น้อย ก่อนจะทรงหัน
ไปหาบิดาของหล่อนเพื่อกล่าวคำอำลา
ก่อนจะทรงจากมาเจ้าชายมาอิซแย้มพระสรวลให้หล่อนอีกครั้ง
อลิซาเบธยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะยิ้มตอบ แต่แล้วก็กลับ
แบะปากแล้วเมินใส่พระองค์ ซึ่งคงเป็นผลมาจากที่พระองค์ทรงหลอก
หล่อนว่าเป็นเด็กเลี้ยงม้า โดยหารู้ไม่ว่าท่าทางเช่นนั้นทำให้พระองค์ต้อง
พระทัยขึ้นมาจนทรงคิดว่า อย่างไรเสียคืนนี้ก็จะทรงขอหล่อนเต้นรำด้วยให้ได้ทีเดียว
หลังจากเจ้าชายมาอิซทรงพระดำเนินตามราชองครักษ์ทั้งสองมายัง
ที่พักรับรองส่วนพระองค์ ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันจัดเอาไว้ให้
เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายก็พากันมาปลดเปลื้องฉลองพระองค์ออก ก่อนจะ
นำชุดกันดูเราะห์ หรือเสื้อคลุมยาวสีขาวสะอาดมาสวมใส่ให้ ระหว่างนั้น
ดัฟฟาก็กราบทูลขึ้นว่า มีพระราชสาสน์จากสมเด็จพระราชินีนาถนิสรีน
แห่งราชอาณาจักรอัลซาฮาห์ ผู้เป็นพระเชษฐภคินีของพระองค์มาว่า
ให้พระองค์รีบเสด็จกลับอัลซาฮาห์ได้แล้ว เพราะเลยเวลาที่จะทรงขึ้น
ครองราชย์ตามหมายกำหนดการเดิม ที่ได้กำหนดเอาไว้เมื่อสิบแปดปีที่
แล้วมาสามปีเข้าให้แล้ว
“กราบทูลตอบไปว่าเรายังไม่คิดจะกลับตอนนี้”
“เอ่อ...แต่สมเด็จพระราชินีนาถทรงกำชับมาหนักหนาว่าคราวนี้
เห็นทีจะผ่อนผันอีกไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ดัฟฟากราบทูลด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
“เจ้าก็รู้ว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงงานแข่งม้าประจำปีของอังกฤษที่
แอสคอตแล้ว เรากับเจ้าซาบิกฝ่าฟันกันมาขนาดไหนกว่าจะได้เข้าร่วมการ
แข่งขันที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เราไม่ยอมพลาดหรอกนะ”
“แต่พระราชินีคงจะไม่โปรดแน่หากว่า...”
เจ้าชายหนุ่มรีบยกพระหัตถ์ขึ้นปรามราชองครักษ์ทันที “พระราชินี
กับเจ้าชายอับดุลอะซีซทรงบริหารบ้านเมืองได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เรา
กลับไปช้านิดช้าหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก เอาไว้เราได้ถ้วยชนะเลิศแล้วเราจะกลับไปทันที”
ทรงยกเรื่องพระปรีชาสามารถในการปกครองของพระเชษฐ-
ภคินีกับพระเทวันขึ้นมาอ้าง ทั้งสองพระองค์อาจเริ่มต้นกันไม่ดีนัก เพราะ
เจ้าชายอับดุลอะซีซเคยเป็นจอมโจรแดนเถื่อนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับราชวงศ์
มาก่อน ทว่าในที่สุดทั้งสองพระองค์ก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานามาครองรัก
กันได้ และเจ้าชายมาอิซก็คิดว่านั่นเป็นโชคดีอันใหญ่หลวงของประเทศ
ชาติเลยทีเดียว เพราะตลอดเวลาสิบแปดปีที่สมเด็จพระราชินีนาถนิสรีน
ครองราชย์ พระองค์ทรงร่วมกับพระสวามีพัฒนาบ้านเมือง จนเกิดความ
ปรองดองกับชนเผ่าต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงการผนวกความ
สามารถในด้านการรบของเจ้าชายอับดุลอะซีซกับนายพลรอฟีล ผู้บัญชาการ
กองทหารราชองครักษ์ ทำให้ปราบปรามพวกโจรร้ายในทะเลทรายดำ
ได้ราบคาบไปหลายก๊กหลายเหล่าเลยทีเดียว
“ใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เราจะถือว่าขัดคำสั่งเรา” เจ้าชายมาอิซ
ตรัสเฉียบขาดด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึมจนราชองครักษ์ทั้งสองก้มศีรษะยอมรับอย่างจำใจ
“อ้อ” เจ้าชายมาอิซตรัสอย่างนึกขึ้นได้ อีกทั้งต้องการจะเปลี่ยน
เรื่องสนทนาให้พ้นจากเรื่องกวนพระทัยด้วย “ให้ช่างเสื้อเตรียมชุดสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยนะ”
“ฝ่าบาทจะเสด็จไปงานเลี้ยงที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” ตาลิดกราบทูลถาม
เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลเล็กน้อย ก่อนจะตรัสตอบไปว่า “คฤหาสน์บราวน์ฮอลล์”
คฤหาสน์บราวน์ฮอลล์ตั้งอยู่บนเนื้อที่สามร้อยเอเคอร์ ทางตอนเหนือ
ของฮันติงดอนเชอร์ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของมณฑลเคมบริดจ์เชอร์ เป็น
คฤหาสน์ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษในศตวรรษที่ ๑๘ เพื่อให้เป็น
ที่พักอาศัยของพลเรือเอกจอร์จ บราวน์ ผู้เป็นปู่ของเซอร์อเล็กซ์ บราวน์นั่นเอง
หลังจากรถม้าพระที่นั่งของเจ้าชายมาอิซผ่านประตูรั้วเข้าไปภายใน
พระองค์ทรงพบว่ารอบๆ อาคารหลังใหญ่สไตล์บารอคอังกฤษที่พัฒนา
มาจากสถาปัตยกรรมแบบพัลลาเดียนนั้น ดารดาษไปด้วยสวนดอกไม้และ
ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นทีเดียว ส่วนตัวอาคารนั้นแบ่งเป็นสามส่วน ตรงกลางเรียกว่า
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รักต่างวรรณะ ต่างศาสนา...ของเจ้าชายมาอิซ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อัลซาฮาห์ ผู้พบรักกับ อลิซาเบธ ระหว่างทรงศึกที่อังกฤษและถูกลักพาตัวไปโดยราชองครักษ์ผู้ใกล้ชิด(นายพลรอฟีล) และความรักต่างขั้วอริ...ของนาวาตรีเดวิด บราวน์ ผู้เป็นพี่ชายนางเอก กับ นัยฟีน ผู้เป็นบุตรีนายพลผู้คิดคด หนุ่มสาวสองคู่จะสมหวังกันหรือไม่ พบกับมิตรภาพ...รักแท้...ความอิจฉาริษา...คิดคดต่อราชบัลลังก์ และความเสียสละที่งดงามท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งที่แสนแร้นแค้นที่ต้องผจญภัยตลอดท้องเรื่องจนทำให้พวกเขาต้องเกือบเอาชีวิตไม่รอด สี่หนุ่มสาวจะรอดชีวิตหรือไม่ ความรักจากเชื้อชาติ วรรณะ ระหว่างเจ้าชายและหญิงสาวชาวอังกฤษจะสมหวังอย่างไร ติดตามได้ใน ราชันแดนเถื่อน