คือดาวในดวงใจ (ณ มน)

คือดาวในดวงใจ (ณ มน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001397
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                                                           บทนำ

“งานเลี้ยงเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องลิขิตรักข้ามฟ้าวันนี้ใช่ไหม

มาลิค”

เสียงนั้นดังมาจากโทรศัพท์มือถือ สำเนียงและวิธีการพูดบ่งบอก ได้ว่าคนพูดถือตัวอยู่มาก

“สองทุ่มคืนนี้ครับ ที่โรงแรม...” ชายหนุ่มบอกชื่อโรงแรมที่จัดงาน เลี้ยงเปิดตัวภาพยนตร์ในคืนนี้แก่หญิงสาว

“ดี ถ้าอย่างนั้นนายมารับฉันตอนหนึ่งทุ่ม”

“คุณปรียาจะไปหรือครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ

“ก็ไปน่ะสิ ถามได้ ถ้าไม่ไปจะให้นายมารับหรือไง”

“เอ่อ...แต่ว่า...”

ชายหนุ่มไม่กล้าพูดต่อ เพราะรู้ดีว่างานในคืนนี้จะออกมาในรูปใด และที่เขาไม่อยากให้หญิงสาวไปก็เพราะกลัวว่าเธอจะเกิดความรู้สึกแย่ๆ

“อย่าเรื่องมากได้ไหม บอกให้มารับก็มา นายเป็นแค่ลูกจ้าง แต่ฉัน เป็นเจ้านาย เข้าใจไหมนายมาลิค!” ปรียาแหวดังลั่นจนชายหนุ่มต้องถือโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“ครับ” เจ้าของนามมาลิครับคำสั่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว “เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจตนเองของ หญิงสาว เธอช่างหงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อย จะเอาอะไรก็ต้องได้ดั่งใจ ไม่อย่างนั้นแม่คุณก็จะวีนเอาง่ายๆ เขาทำงานกับเธอมาสามปีกว่าแล้ว นิสัยเหล่านี้ของ ปริยา กูราน่า เขา...มาลิค เวอร์มา เจอมาหมด แต่ทำไมเขาถึงทนกับนิสัยเช่นนี้ของเธอมาได้หลายปี ทั้งๆ ที่หากเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดาราคนอื่นๆ คงจะเผ่นกันหมดแล้ว

ชายหนุ่มถอดแว่นสายตาออกแล้ววางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ ตัว ก่อนนั่งพักเหยียดแขนเหยียดขาและหลับตานิ่ง สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เป็นการผ่อนคลายสมอง

เออหนอ นายมาลิค นี่นายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้...

ชายหนุ่มถามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ปริยา แสดงอารมณ์เช่นนี้ เขาก็ต้องมานั่งถามคำถามนี้กับตัวเองทุกทีไป

มาลิคหลับตา ปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ความหลัง ภาพเหตุการณ์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวของเขา ผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวชื่อดังแห่งวงการบอลลีวูด...ปริยา กูราน่า

สิบกว่าปีก่อน มาสิค เวอร์มา ในวัยสิบสองปี ติดตามบิดา... อารยัน เวอร์มา ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของ เจ้านายคือ ปราตาป กูราน่า ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของอินเดีย

ในงานเลี้ยงหรูหราซึ่งจัดขึ้นที่คฤหาสน์หลังงามกลางเมืองมุมไบ มาลิคได้พบเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบหน้าตาน่ารักสวมชุดกระโปรงสีชมพู ดูสดใสราวกับเป็นเทพธิดาองค์น้อยๆ เด็กชายรู้สึกชอบใจที่ได้เห็น รอยยิ้มและได้ฟังเสียงหัวเราะของเธอ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่มีน้องสาว ก็เป็นได้ เมื่อได้มาพบเด็กผู้หญิงที่แสนจะน่ารักและสดใสคนนี้จึงรู้สึกเอ็นดูเธอนัก ก่อนจะกลับออกจากงานเลี้ยง บิดาพาเขาเข้าไปกล่าวลาปราตาปกับภรรยา นั่นทำให้เขาได้รู้ว่าเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นคือ ปรียา กูราน่า ลูกสาวคนเดียวของคนทั้งสอง

สี่ปีหลังจากนั้น มาลิคมีโอกาสได้เจอเด็กหญิงอีกครั้งในสถานการณ์ ที่ค่อนข้างเลวร้าย เพราะเป็นงานศพมารดาของเธอ ในวันนั้นใบหน้าที่เคยสดใสเต็มไปด้วยน้ำตาและความโศกสลด เด็กหนุ่มรู้สึกสงสารจับใจทว่าได้แต่เฝ้ามองเธอเงียบๆ

หลังจากวันนั้นมาลิคก็พอจะทราบข่าวคราวของครอบครัวปรียา บ้างจากพ่อของเขา เพราะท่านทำงานเหมือนกับมือขวาของปราตาป เจ้าของบริษัทสร้างภาพยนตร์กูราน่า ฟิล์ม เขาได้รู้ว่าปราตาปแต่งงานใหม่หลังจากเสียภรรยาไปไม่ถึงสองปี และนอกเหนือจากข่าวนี้ เรื่องราวของเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่ชื่อปรียาก็แทบจะถูกลืมไปจากใจของเขาเพราะในวัยที่ต้องศึกษาหาความรู้ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับบิดามากนัก

ต่อมาเมื่อศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มมีแต่เรื่องเรียนสอบ และฝึกงาน เมื่อเขาเรียนจบปริญญาตรีในสาขาสถาปัตยกรรม- ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเมืองมุมไบ เขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทันที เรียกได้ว่าชีวิตของเขาไม่มีเวลาว่างพอให้นึกถึงใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักที่ชื่อปรียาคนนั้นอีกเลย

จนกระทั่งวันหนึ่งบิดาเรียกเขาเข้าไปคุยด้วย

“วันนี้ไม่ออกไปธุระที่ไหนใช่ไหมลูก”

ชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของเรือนผมหยักศกสีดำสนิทรับกับโครงหน้า คมคายขยับกรอบแว่นตาก่อนจะเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ในมือ

“ไม่มีฮะพ่อ” มาลิคนวดไหล่ตนเอง เมื่อคืนเขาเร่งงานเขียนแบบจนดึก ทำเอาเมื่อยล้าไปทั้งตัว

“ดีแล้ว เพราะวันนี้พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก” บิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเขาสงสัย “พ่ออยากให้ลูกลาออกจากบริษัทที่ลูกทำงานอยู่”

มาลิคแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม รู้สึกมึนงง ไม่เชื่อว่าได้ยินคำพูด ประโยคนี้จากปากของพ่อ

“พ่อล้อผมเล่นใช่ไหม”

“พ่อหมายความอย่างนั้นจริงๆ เพราะเมื่อวานคุณปราตาปเรียกพ่อเข้าไปคุย เขาอยากให้ลูกไปทำงานให้”

“ผมเรียนจบสถาปัตย์นะพ่อ ไม่ได้จบเรื่องงานสร้างภาพยนตร์ แล้วจะให้ไปทำงานกับเขาได้ยังไง ผมไม่ไปเด็ดขาด”

“ทำได้สิ งานที่เขาจะให้ลูกทำ พ่อเชื่อว่าลูกต้องทำได้”

“ไม่ ยังไงผมก็ไม่ยอมลาออกเด็ดขาด นี่เป็นงานที่ผมรักนะพ่อ”

การได้ทำงานตามที่ใจฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วจู่ ๆ บิดาจะให้ลาออกเพื่อไปทำงานกับบริษัทสร้างภาพยนตร์ ยังไงเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด

“ถือว่าพ่อขอร้อง ได้ไหมลูก”

“คนอื่นก็มีตั้งเยอะ ทำไมต้องมาขอร้องพ่อด้วย ลูกน้องที่บริษัทเขา ก็มีลูกสาวลูกชายเยอะแยะ ไม่เห็นจะต้องเจาะจงมาที่ผมเลย ผมไม่ไปหรอกครับ”

บทจะดื้อแพ่งขึ้นมา มาลิคก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน จมูกโด่งเป็นสันที่ปลายรั้นขึ้นนิดหน่อยนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวมีนิสัยเช่นไร และ นัยน์ตาคมกริบไม่ยอมใครก็เป็นเครื่องหน้าที่สนับสนุนนิสัยไม่ยอมคนและ ดื้อรั้นของเขาได้อย่างชัดเจน

“นี่ขนาดพ่อขอร้อง แกยังไม่ยอมอีกหรือมาลิค แกจะดื้อทำต่อไปเพื่ออะไร อย่านึกว่าพ่อไม่รู้นะว่าบริษัทที่แกทำงานอยู่น่ะมันง่อนแง่นเต็มทน” บิดาเสียงแข็งขึ้นมาทันที

“แต่พวกผมก็กำลังพยายามกันอยู่นี่พ่อ” มาลิคแก้ตัว ทั้งที่รู้ดีว่า สถานการณ์ของบริษัทเขากำลังแย่อย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ

“อย่ามากลบเกลื่อนเลยมาลิค พ่อรู้ดี อีกอย่าง...ที่พ่อยอมรับคำขอร้องของคุณปราตาป ก็เพราะว่าเขาเคยช่วยพ่อมามากมายนัก มากกว่าที่เจ้านายจะช่วยลูกน้องธรรมดาๆ”

จากนั้นจึงเท้าความถึงความช่วยเหลือที่ผู้เป็นเจ้านายเคยหยิบยื่นให้หลายปีก่อน อารยันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อนำมารักษามารดาของมาลิคซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง และปราตาปก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตภรรยา นอกจากนั้นก็ยังได้รับความช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนของลูกๆ จากเจ้านายเช่นเดียกัน

“เขาช่วยพ่อและครอบครัวของเรามามากขนาดนี้ แล้วเมื่อเขาขอร้อง พ่อจะกล้าปฏิเสธเขาหรือลูกลองคิดดู”

คำพูดนั้นมาลิคเข้าใจดีเพราะรับรู้ทุกปัญหาที่บิดาประสบ เขาจึงต้องการทำงานและมีเงินมากๆ เพื่อนำเงินไปคืนให้หมดเรื่องเสียที เขาไม่อยากให้พ่อคิดอยู่เสมอว่าติดหนี้บุญคุณของเจ้านาย แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ หลายเรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คิดสักนิด งานที่ทำทำว่าจะไปได้ดี กลับไม่เป็นดั่งที่หวัง ชายหนุ่มจึงตระหนักได้ว่าชีวิตจริงมันเป็นเรื่องยากนัก

แต่สุดท้ายเมื่อได้ฟังเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเขาจึงต้องไปทำงานกับปราตาป มาลิคก็ยินดีทำตามคำขอร้องของบิดาในที่สุด

“ก็ได้ครับพ่อ ผมจะลาออกจากบริษัท”

อารยันไม่ให้เวลาลูกชายเตรียมตัวมากนัก เพราะหลังจากบอกให้มาลิคไปลาออกจากบริษัทได้เพียงสองวัน เขาก็พาลูกไปงานเลี้ยงเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่ของปราตาปทันที

มาลิคเบื่องานที่มีแต่คนในแวดวงภาพยนตร์ ดาราสวยๆ หล่อๆ และนักข่าวซึ่งไม่รู้มาจากสื่อไหน ต่างมาร่วมงานกันคับดั่งชนิดห้องบอลรูมของโรงแรมดูแคบไปถนัดตา แล้วชุดสูทที่สวมใส่อยู่นี้เขาก็ไม่ถูกชะตากับมันเลยสักนิด ใส่ปุ๊บก็ต้องวางทีท่าให้สมกับเสื้อผ้า มันทำให้เขาอดนึกถึงเสื้อเชิ้ตสบายๆ กับกางเกงยีนตัวโปรดไม่ได้ เพราะมันใส่สบายกว่ากันมาก

ชายหนุ่มลูบต้นคอด้วยความเคยชินก่อนจะรู้สึกแปลกๆ ผมที่เคยยาวถูกตัดจนสั้นตามคำสั่งของพ่อ แว่นสายตาที่เคยสวมเฉพาะตอนเขียนแบบและตอนอ่านหนังสือก็ถูกพ่อบังคับให้สวมมาในวันนี้ และมีคำสั่งให้สวมมันตลอดเวลาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

                “เฮ้อ...”

มาลิคถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินออกจากห้องจัดงานอย่างเซ็งๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าหญิงสาวหลายคนในงานมองตามด้วยความเสียดายเพราะคิดว่าเขาจะออกจากงานเลี้ยงเสียแล้ว

หลังจากบิดาบอกว่าปราตาปยังไม่มา เขาจึงถือโอกาสหลบออกมา สูดอากาศบริสุทธิ์ในบริเวณที่ผู้คนค่อนข้างบางตา เขานั่งลงบนเก้าอี้ฉับพลันสายตาของเขาก็สะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่ง เจ้าหล่อนสวมชุดราตรีสีแดงสด คว้านคอลึกอวดผิวพรรณที่ขาวผ่องนวลเนียน รูปร่างสูงเพรียวมีส่วนโค้งส่วนเว้าแบบที่สาวๆ พึงมี ดวงหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางนั้น ช่วยขับให้เธอดูเด่นและสวยคมยิ่งนัก ผมดำสนิทของหญิงสาวรวบขึ้นไปเผยให้เห็นลำคอระหง

ทั้งที่ไม่อยากมองแบบเสียมารยาทเช่นนี้ แต่มาลิคก็ไม่อาจห้ามสายตาได้ เธอช่างดูงดงามเหลือเกิน วูบหนึ่งเขาหวนนึกไปถึงเด็กหญิงที่น่ารักดั่งเทพธิดาองค์น้อยเมื่อหลายปีก่อน...แม่เทพธิดาองค์น้อยนั่น เมื่อโตขึ้นจะงดงามเทียบเท่ากับหญิงสาวคนนี้ได้หรือเปล่าหนอ

“นายเป็นอะไรไปแล้วมาลิค” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะหลับตาลงเพื่อ สลัดความคิดนี้ออกไป เมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่าหญิงสาวแสนสวยที่ทำเอาเขาตะลึงนั้นหายไปเสียแล้ว

“เป็นเอามากแฮะเรา” มาลิคพูดกับตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสมัยที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยจนกระทั่งจบออกมาทำงาน ต่อให้เจอเพื่อนเรียนเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าที่สวยขนาดไหน เขาก็ไม่เคยหวั่นไหวเหมือนเห็นแม่สาวคนเมื่อครู่เลย

ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่นั่นอีกครู่หนึ่งจึงลุกเดินเข้าไปในบริเวณงาน พอดีกับบิดาของเขาก็เดินตามหาอยู่เช่นกัน

“อ้าว มาอยู่นี่เอง มาเร็วๆ มาลิค คุณปราตาปกำลังอยู่บนเวที”

                                                        โปรดติดตามต่อในฉบับ

 

 

 

 

 

รายละเอียด

เพราะหลงรัก "ดวงดาวจรัสแสง" แห่งวงการบันเทิง เขาจึงยอมทนให้เธอสำแดงเดชต่อเขานับครั้งไม่ถ้วน แม้พิษร้ายจากถ้อยคำของเธอจะทำให้เขาเจ็บปวดใจแทบเกินทน ปรียา ภูราน่า ผู้หญิงที่ถูกมองว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม แท้จริงแล้วกลบเกลื่อนปัญหาครอบครัวด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ขี้พาล เอาแต่ใจและแสร้างทำตัวเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ใครเข้าถึงจิตใจที่อ่อนแอของเธอได้ ทว่าใครคนหนึ่งก็กะเทาะเปลือกแข็งกระด้างที่ห่อหุ้มใจเธอออกทีละนิดจนเมื่อรู้ตัวว่าขาดคนคนนั้นไปไม่ได้ . . . เขาก็เดินออกไปจากชีวิตของเธอเสียแล้ว เส้นทางคนละสายจะทำให้ถนนสายหัวใจของคนทั้งคู่กลับมาบรรจบกันอีกครั้งได้อย่างไร


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024