ลบเหลี่ยมร้อยรัก (กวิน)
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 255.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 159.00 บาท - 290.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
แรกพบ สบตา
เสียงดนตรีที่เมจกาได้ยินคล้ายฟังไม่ถนัดนักเมื่อหลับตาแล้วยก
แก้วใสของเหล้าผสมขึ้นดื่ม ก่อนจะลืมตาอีกครั้งเมื่อวางแก้วซึ่งว่างเปล่า
แสงสีในร้านดูพร่ามัวชั่วครู่ก่อนจะชัดเจนเมื่อลืมตาอีกครั้ง หญิงสาวยังคง
เห็นนักร้องผู้หญิงจับไมโครโฟนร้องเพลงเหมือนเมื่อครู่ แต่เพื่อนตัวตั้งตัวตี
ที่ชวนมาดื่มย้อมใจนั้นฟุบกับโต๊ะแล้ว
ชินานางยังคงไม่รู้สึกตัวแม้ว่าเธอจะสะกิด เอาแต่ส่ายตัวน้อยๆ จน
ผมยาวดำขลับสยายแผ่บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งในที่สลัวๆ อย่างนี้ให้
ความรู้สึกน่ากลัวเหมือนผีผมยาวในหนังญี่ปุ่นมากกว่าจะดูสวยงาม และ
ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ว่าคอไม่แข็งก็ยังจะดื่มหนัก ต้องลำบากเธอให้มาเป็นเพื่อน
ด้วยกลัวทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ขณะเสียใจเพราะเพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่ม
แต่เธอคิดผิด เพราะเพื่อนสาวไม่ทำอะไรเลยนอกจากสั่งเครื่องดื่ม
ร้องไห้ และดื่มสลับกันไปตลอดสองชั่วโมง มีโวยวายถึงวีรกรรมครั้งเก่าของ
แฟนหนุ่มออกมาจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคนต้นเรื่องมานั่งอยู่ด้วยคงจะอยาก
แทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ
“ฉันจะเลิกกับมัน ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
นั่นเป็นคำประกาศก่อนที่ชินานางจะฟุบลงไป ความจริงครั้งก่อน
หญิงสาวก็พูดแบบนี้ แต่ด้วยอะไรดลใจก็ตามหลังจากนั้นสองสามวันเมจกา
ก็เห็นว่าเพื่อนสาวกลับไปควงกับแฟนหนุ่มเหมือนเดิมอีก จนเธอได้แต่หวัง
ว่าครั้งนี้ชินานางจะใจแข็งอย่างที่พูดจริงๆ
เมจกายกแก้วของเพื่อนที่เหลือมาดื่มรวดเดียว วางแก้วแล้วขมวดคิ้ว
เมื่อนึกถึงปัญหาของตัวเองบ้าง
“คู่หมั้นงั้นเหรอ” เธอพูดแล้วก็ย่นจมูก “นี่มันพลอตโหลๆ ของละคร
หลังข่าวรึเปล่าเนี่ย”
หญิงสาวหัวเราะให้เรื่องตัวเองเมื่อนึกถึงละครที่เธอเห็นว่าซ้ำซากมาก
ที่สุดแนวหนึ่ง พระเอกและนางเอกถูกหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้
ตัว แต่อยู่ๆ ต้องรื้อฟื้นเรื่องแต่งงานตอนโต ทั้งคู่เกลียดกันแบบเข้าไส้
พ่อแง่แม่งอนไปจนกระทั่งท้ายเรื่อง สุดท้ายก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักกันแล้วร่วมฝ่าฟัน
อุปสรรคก่อนจะจบบริบูรณ์
อืม...กรณีของเธอจะเป็นแบบนี้รึเปล่านะ
เมจกาหัวเราะแล้วสลัดความคิดวุ่นวายในหัวออกไปเมื่อชินานาง
เริ่มส่งเสียงในลำคอราวกับอยากปล่อยแอลกอฮอล์ที่ดื่มออกมาทางเดิมที่ดื่มมันเข้าไป
“อย่าเพิ่งอ้วกนะยายนาง” เธอรีบดึงเพื่อนสาวให้ยืนขึ้น คว้ากระเป๋า
ตัวเองกับอีกฝ่ายมาสะพาย จากนั้นพยุงคนไม่ได้สติพร้อมกับปิดปากเพื่อน
หาทางไปยังห้องน้ำให้เร็วที่สุด
ที่นี่เป็นผับแอนด์เรสเทอรองซึ่งเธอกับกลุ่มเพื่อนมานั่งผ่อนคลายด้วย
กันบ่อยๆ จึงไม่ยากนักที่จะพาคนเมาใกล้อ้วกไปถึงห้องน้ำได้ถูกทางและทัน
แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ชินานางโถมตัวเข้าไปที่โถสุขภัณฑ์สีครีมแล้วอ้วก
อย่างหนัก เมจกาต้องหันหน้าหนีแม้จะยังใช้มือช่วยจับผมเพื่อนเพื่อรั้งศีรษะ
เพื่อนสาวไม่ให้ก้มต่ำไปกว่านี้
“ฉันไม่เป็นไร” ชินานางพูดก่อนจะโบกมือไล่เมื่ออ้วกจนเกือบหมดไส้
หมดพุง “ฉันดีขึ้นแล้ว ออกไปรอข้างนอกก่อนนะ ปวดฉี่จะแย่”
“ไหวจริงรึเปล่า” เมจกาถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ไหว” เพื่อนสาวยิ้มตาเยิ้ม ชูนิ้วเป็นท่าโอเค
“งั้น...ฉันรอข้างนอกนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนพอจะช่วยเหลือตัวเองได้
แล้วเมจกาจึงถอยออกมา มองชินานางกดชักโครกแล้วค่อยๆ ยืนขึ้นโดย
ทรงตัวได้ไม่นิ่งเท่าไรบนรองเท้าส้นสูง ก่อนหันมายิ้มอีกทีแล้วปิดประตูห้องน้ำ
เมจกาเดินไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อส่องกระจกระหว่างรอ เธอมองใบหน้า
แดงก่ำซึ่งหากใครเห็นคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังเมามาก ทั้งที่จริงเป็น
เพราะผิวที่แดงง่ายต่างหาก หญิงสาววักน้ำจากก๊อกลูบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่น
เต็มตาขึ้น หยิกแก้มอีกหลายทีแล้วมองตัวเองในกระจกซ้ำ ตอนนี้ดวงตา
เธอเริ่มหายปรือแล้ว พอดีกับเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายดัง
เล็ดลอดออกมา และชื่อของน้องสาวที่เป็นลูกหลงซึ่งห่างจากเธอเจ็ดปีปรากฏ
ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
“จะกลับบ้านรึยังพี่ พ่อกับแม่ขึ้นไปนอน ไม่รอเปิดบ้านให้แล้วนะ”
ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็พูดโดยไม่ทิ้งเวลาแม้แต่วินาทีเดียวให้เสียไป
เมจกาจินตนาการออกทันทีว่าตอนนี้กรวรินทร์คงอยู่หน้าโทรทัศน์ในห้อง
รับแขก และเพิ่งดูรายการโปรดจบ
“กำลังจะกลับแล้ว รอยายนางสร่างอยู่”
“ขับรถกลับไหวรึเปล่า ให้รินไปรับมั้ย” เสียงของผู้พูดห่วงใยไม่น้อย
“ไม่เป็นไร มันดึกแล้ว คงจะนั่งแท็กซี่กลับ” ท้ายประโยคถูกกลบด้วย
เสียงชักโครกของชินานางที่กดซ้ำๆ หลายครั้งจนกรวรินทร์บอกว่าฟังไม่ถนัด
“ถือสายรอก่อนนะยายริน” เมจกาหาเดินออกมานอกห้องน้ำโดยเร็ว
จากประสบการณ์เธอ ชินานางยังคงเล่นกดชักโครกไม่หยุดเหมือนทุกครั้ง
ที่พอเริ่มเมาได้ที่ก็จะทำอะไรประหลาดแบบน
หญิงสาวก้าวขารวดเร็วออกจากห้องน้ำโดยไม่มองรอบตัว ใจจดจ่อ
อยู่กับการคุยโทรศัพท์จนไม่ทันเห็นคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามา กว่าจะรู้ตัวก็
ช้าเกินจะหลบหลีกได้ทัน เธอชนบ่าเขาเต็มแรง โทรศัพท์มือถือซึ่งแนบหูอยู่
หลุดกระเด็นจากมือ ก่อนที่โลกทั้งใบจะหมุนบนรองเท้าส้นสูงสองนิ้ว เธอ
คว้าแขนเขาไว้ในวินาทีนั้น ซึ่งชายหนุ่มที่ตกใจไม่แพ้กันก็ช่วยรั้งตัวเธอขึ้นมา
ก่อนจะลงไปจูบพื้น
วูบหนึ่งนั้นเมจกานึกถึงฉากโรแมนติกในภาพยนตร์หลายเรื่องที่
พระนางชนกันแล้วตกอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย เมื่อสายตาประสานกันก็
เกิดบางอย่างขึ้นในใจเหมือนเป็นรักแรกพบ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่...แม้เธอจะได้กลิ่นน้ำหอมของเขาและดวงตาชายหนุ่ม
ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดก็ตาม
“ขอโทษค่ะ” เธอคิดคำพูดอื่นที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้ไม่ออก ใน
หัวมีแต่ชื่อน้ำหอมต่างประเทศซึ่งมีกลิ่นเดียวกับที่เธอหายใจเข้าไปตอนนี้
กลิ่นหอมสะอาด สดชื่น เหมือนอยู่ริมทะเลแบบที่เธอชอบ และเคยฝาก
เพื่อนที่เป็นแอร์โฮสเตสซื้อมาฝาก
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เขาถามแต่ยังไม่ปล่อยมือ มองเธอนิ่งจน
ชวนให้สงสัยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ค่ะ ไม่เป็นอะไร” เมจกากะพริบตาปริบๆ เห็นชัดว่าเธอรู้สึกตัวดีแล้ว
การชนครั้งนี้ไม่มีแรงดึงดูดอะไร แค่ชนกันธรรมดาเท่านั้น
“ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มให้พร้อมปล่อยมือตอนเธอทรงตัวได้แล้ว และ
ถอยออกมาอย่างสุภาพ จับสูทสีเข้มของตัวเองให้เข้าที่และเริ่มมองตามเมื่อ
เห็นว่าเธอยังไม่เดินหลบไปที่อื่น “มีอะไรเหรอครับ”
“ฉันทำมือถือหล่นไปค่ะ” เมจกาตอบแล้วเริ่มมองหาโทรศัพท์มือถือ
แต่ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มที่เพียงแค่เดินชนกันหนึ่งครั้งจะยังไม่ไปไหน แล้ว
ยังช่วยหาอีกแรง เขาอาจเข้าใจว่าเธอกำลังเมาหนักจากกลิ่นของแอลกอฮอล์
จนงกๆ เงิ่นๆ แบบนี้
“ไม่ต้องช่วยหาก็ได้นะคะ” เธอไม่อยากรบกวนเขา แต่กลับถูกบังคับ
ให้ปฏิเสธไม่ได้เมื่อชายหนุ่มแสดงน้ำใจด้วยการย่อตัวลงมานั่งแบบเดียวกับ
เธอ เขาถามรุ่นและลักษณะของโทรศัพท์มือถือจนเธอต้องบอกทั้งที่เกรงใจ
ได้แต่จับผมทัดหูแก้เขินเมื่อเห็นคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปนั้นอาจตั้งข้อสงสัยว่า
เธอกับเขากำลังหาอะไรอยู่
หญิงสาวมัวแต่หาของจนไม่สังเกตว่าชายหนุ่มแปลกหน้านั้นแอบมอง
เธอเป็นระยะ ดวงตาที่ดูเป็นมิตรไม่มีพิษภัยในทีแรกวาววับขึ้นทีละน้อย จน
เมื่อเธอหันไปสบตา เขาก็มองไปทางอื่นก่อนจะทำเป็นหันมามองเธออีกครั้งแล้วยิ้ม
“ตอนนี้มันมืด มองหาคงลำบาก เอามือถือของผมโทร. เข้าไปไหมครับ
จะได้หาเจอ” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองยื่นให้เธอ
“น้องสาวของฉันกำลังถือสายรออยู่น่ะค่ะ ถ้านานไปเค้าคงวางแล้ว
โทร. กลับมา” เธอยิ้มตามมารยาท แม้จะสงสัยในน้ำใจของอีกฝ่ายที่คล้าย
มุกขอเบอร์โทรศัพท์ซึ่งเคยเห็นทั่วไป
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
ไม่แน่ใจว่าเมจกาคิดไปเองหรือไม่ที่เห็นรอยยิ้มเขาเจื่อนลงเล็กน้อย
ทำให้สีหน้าเป็นมิตรของชายหนุ่มนั้นดูขรึมขึ้น คล้ายเก็บความผิดหวังเอาไว้
แต่ยังไม่ทันได้ทักถึงเรื่องนั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน
เสียงเพลงจากวงดนตรีของกันต์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม ทำให้
เธอเห็นโทรศัพท์มือถือตัวเองอยู่ในมุมที่คาดไม่ถึงอย่างใต้เก้าอี้ของโต๊ะที่ไร้
ลูกค้าซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มาก เธอรับสายจากน้องสาวแล้วเล่าว่าเมื่อครู่เกิด
อะไรขึ้น ก่อนฟังกรวรินทร์บอกว่าจะซ่อนกุญแจบ้านไว้ที่กระถางต้นไม้หน้า
บ้านตามเดิม ไม่รอเปิดประตูบ้านให้เพราะจะเข้านอนแล้ว เนื่องจากพรุ่งนี้
มีสอบย่อยคาบเช้าที่มหาวิทยาลัยก่อนจะวางสายไป
หันมาอีกทีชายหนุ่มคนนั้นก็ยังยืนอยู่กับเธอ แม้จะเว้นระยะห่างพอ
ประมาณเพื่อไม่ให้ดูเหมือนกำลังแอบฟังการสนทนาก็ตาม เขามองเธอ
ราวกับกำลังรอดูว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยด้วยดี
“โอเคมั้ยครับ”
“ค่ะ” เมจกายิ้ม “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
เธอส่งสัญญาณปิดการสนทนาแล้ว แต่นั่นดูไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มอยาก
ให้เป็นสักเท่าไร
“ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม แต่ไม่ใช่ท่าทาง
แบบที่คนเที่ยวกลางคืนปกติจะทำ เช่น ทำตาหวาน หรือท่าทางเจ้าชู้กะล่อน
อย่างที่เมจกาเจอบ่อยๆ
“เมย์ค่ะ” เธอตอบเพียงเท่านั้นเป็นการบอกลาในตัว ยิ้มตอบเล็กน้อย
แล้วเตรียมเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการเพื่อนที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาสักที
“ผมชื่อภัสนะครับ”
เมจกาหันกลับมาเลิกคิ้ว เพราะจำได้ว่าเป็นชื่อเดียวกับใครคนหนึ่ง
ซึ่งเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว “ค่ะ คุณภัส ยินดีที่ดีรู้จัก” เธอไม่หันกลับมาอีก
ทิ้งให้คนที่อยากแนะนำตัวใจจะขาดยืนถอนใจ
“จำกันไม่ได้จริงๆ ใช่ไหมพี่เมย์”
เขาชื่อ ชนม์นภัส ผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเธอแม้แต่น้อย
กว่าเมจกาจะกลับถึงบ้านได้ก็ดึกมากแล้วเพราะต้องไปส่งชินานาง
ที่บ้านก่อน และคนที่ต้องรับช่วงต่อก็คงไม่พ้นชนันท์ซึ่งเป็นน้องชายของ
เพื่อนสาว ชายหนุ่มมีสีหน้าเอือมระอาขณะพยุงพี่สาวที่สูงพอกันอย่าง
ทุลักทุเล ตัวเขาเองก็รู้จักน้องสาวของเธอ มิหนำซ้ำยังอยู่มหาวิทยาลัย
เดียวกัน ที่แตกต่างก็คงเป็นการอดนอนเพื่อรอรับพี่สาว ซึ่งกรวรินทร์ไม่ทำเท่านั้น
“กลับถึงบ้านแล้วพี่ก็ส่งข้อความมาบอกด้วยนะ” ชนันท์บอกทิ้งท้าย
แล้วหันไปปิดประตูรั้ว ส่วนเมจกาก็กลับเข้าไปในรถแท็กซี่ซึ่งนั่งมาตั้งแต่
แรก แต่ขอให้จอดรอเพื่อส่งเพื่อนก่อน
เธอถึงบ้านหลังจากนั้นอีกพักใหญ่ แสงไฟสีขาวจากเสาไฟใกล้ๆ
ภายในซอยนั้นแม้ไม่สว่างกระจ่างตานัก แต่ก็พอทำให้เห็นว่ากุญแจใน
กระถางต้นไม้ซ่อนตัวอย่างปลอดภัยดี หญิงสาวมองซ้ายขวาก่อนจะเดินไป
ที่ประตูรั้วบ้าน จากข่าวอาชญากรรมที่เห็นบ่อยครั้ง เกี่ยวกับโจรซึ่งย่อง
เข้ามาจากด้านหลังขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันระวังระหว่างเปิดประตูเข้าบ้าน
เธอจึงพยายามรอบคอบให้มากที่สุด จนสังเกตเห็นรถยนต์ไม่คุ้นตาที่จอด
โดยสตาร์ตเครื่องยนต์เอาไว้ของบ้านฝั่งตรงข้ามหลังที่เยื้องกันไป
เธอรีบไขกุญแจเข้าบ้านแล้วซุ่มอยู่หลังรั้วเหล็กสีสนิมที่มีช่องมอง
เหมือนกระต่ายขี้ตระหนก รถยนต์คันนั้นเคลื่อนอย่างไม่มีสาเหตุ แล่นออก
จากจุดที่จอดโดยที่เธอไม่ทันเห็นหน้าคนขับได้ชัดเจน ทำให้เรื่องนี้ถูกยกมา
เป็นประเด็นบนโต๊ะอาหารในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที
“คราวหลังก็อย่างกลับบ้านดึกสิ ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่ามันอันตราย” เมษ
เอ่ยก่อนจะรวบช้อนเมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว
“เมื่อวานไปเป็นเพื่อนยายนางเท่านั้นเองนะคะ แต่ขากลับมีคนมาส่ง
นะ” เมจกาบอกบิดาเสียงอ่อน คนมาส่งที่ว่านั้นเธอหมายถึงคนขับรถแท็กซี่
แต่ไม่ได้ขยายความ มีเพียงกรวรินทร์ซึ่งปรายตามองอย่างรู้ทันเงียบๆ
“จะยังไงก็ตาม มันก็ไม่ดีนั่นแหละ ผู้หญิงสองคนออกไปดื่มแถมยัง
เมากันทั้งคู่ อันตรายจะตาย” คราวนี้มารดาของเธอหันมาพูดบ้างอย่างจงใจ
ตำหนิ แม้ว่าในมือจะยังถือรีโมตโทรทัศน์ซึ่งตอนนี้กำลังฉายข่าวรอบเช้าอยู่
ก็ตาม “ถ้าจะดื่มก็ซื้อมาดื่มที่บ้านสิ เดี๋ยวแม่ให้พ่อขับรถพายายนางไปส่งที่
บ้านก็ยังได้เลย”
เมจกายิ้มแห้งๆ อย่างเถียงไม่ได้ อันที่จริงหากอธิบายว่าการดื่มเหล้า
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)