เล่ห์รักบุษบา (ณารา)

เล่ห์รักบุษบา (ณารา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160007530
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

ห้องบอลรูม ศูนย์ประชุมเมืองเคโลว์นา

รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา

 

ผู้เข้าร่วมประชุมในเทศกาลไวน์และองุ่นของรัฐจำนวนเกือบห้าร้อยชีวิตพร้อมใจกันเงียบกริบ เมื่อชายผู้หนึ่งเดินขึ้นเวทีไปรับรางวัลบริษัทผู้ผลิตไวน์ดีเด่นประจำปี ทั้งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเมืองไวน์ที่ขึ้นชื่อแห่งนี้

พิธีกรกล่าวว่าเขาชื่อ เดวิด ไทเลอร์ ชายในวัยต้นสามสิบขึ้นกล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่โหวตให้แก่เขา ขอบคุณรางวัลที่ได้รับ พร้อมกับเล่าถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทราวสิบนาที เริ่มต้นจากการทำไร่องุ่นในที่ดินแปลงเล็กๆ และค่อยๆ พัฒนาจนได้รับความนิยมอย่างสูง ปัจจุบันไวเนอรีของเขามีพื้นที่ปลูกองุ่นและทำไวเนอรีทั้งหมดเกือบหนึ่งร้อยเอเคอร์เลยทีเดียว

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้อง เมื่อเดวิดเดินลงจากเวที... ด้วยความสงสัย บุษบาบรรณจึงหันไปกระซิบถามซินดี้ เพื่อนสาวผู้เป็นทั้งรูมเมตและเพื่อนร่วมสถาบัน อีกไม่นานทั้งสองก็จะจบการศึกษาจากวิทยาลัยโอคานากันไปพร้อมๆ กัน

“คุณรู้จักเขาหรือเปล่า

“ไม่รู้จักเลย” ซินดี้ส่ายหน้า “ที่นี่มีบริษัทไวน์เยอะมาก ชื่อไวน์ยังพอจำได้ แต่จำเจ้าของไม่ไหวหรอก”

“ก็จริงนะ เขาอายุยังน้อยแต่เป็นเจ้าของบริษัทแล้ว แถมยังได้รับรางวัลอีกด้วย”

“ฉันคิดว่ารางวัลพวกนี้ทุกปีมันแบ่งๆ กันไปมากกว่า...จะได้โปรโมตบริษัทไวน์ให้ทั่วแถบนี้” ซินดี้วิจารณ์ ยังไม่ทันได้ถกเถียงกันพิธีกรก็ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ซินดี้จึงเงียบเสียงลง บุษบาบรรณลืมคำพูดของเพื่อนไปทันที เพื่อตั้งใจฟังพิธีกรที่กล่าวชื่นชมไวน์ยี่ห้อ ‘ฟ็อกซ์ครีก’ ซึ่งต้นกำเนิดชื่อมาจากลำธารสายเล็กๆ ชื่อฟ็อกซ์ ที่ไหลผ่านที่ดินลงสู่ทะเลสาบติดกับไร่องุ่น

หลังจากนั้นเจ้าของบริษัทไวน์หลายแห่งขึ้นไปร่วมแบ่งปันประสบ-การณ์ของตนบนเวทีบ้าง จนใกล้ถึงเวลารับประทานอาหารเย็น แขกก็แยกย้ายกลับโรงแรมของตน เพื่อจะได้กลับมาที่งานเลี้ยงอาหารค่ำอีกครั้ง ซึ่งจัดในห้องอาหารที่อยู่ถัดจากห้องประชุม บุษบาบรรณในฐานะนักศึกษาที่ร่ำเรียนเกี่ยวกับการทำไวน์ อาสามาทำงานนี้เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ เธอมีหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยพร้อมทั้งดูแลให้แขกที่มาร่วมประชุมได้รับอาหารและชิมไวน์อย่างทั่วถึง ซึ่งสปอนเซอร์งานนี้ก็คือสมาคมธุรกิจไวน์ของรัฐ และไวน์ที่นำมาเลี้ยงแขกก็มาจากเจ้าของบริษัทไวน์ที่มาร่วมงานนี่เอง

 

อากาศที่ร้อนอบอ้าวยามบ่ายจวบจนถึงเย็น ทำให้ฟัลคอนต้องถอดเสื้อเชิ้ตออก เหลือเพียงเสื้อกล้าม หลังจากกระชากเนกไททิ้งเมื่อสิบนาทีก่อนที่โกดังเก็บไวน์ ทันทีที่รู้ว่าอัลเบิร์ต คนขับรถส่งสินค้าท้องเสียกะทันหันและต้องเข้าห้องน้ำบ่อยจนหมดแรงเดิน และเด็กใหม่ผู้ช่วยขนของก็อายุแค่สิบห้าปี ยังขับรถไม่ได้ เขาจึงให้พนักงานที่บริษัทพาอัลเบิร์ตไปโรงพยาบาลด่วน เวลานี้ พนักงานส่วนใหญ่ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือแต่เขาที่เพิ่งเสร็จงานและกำลังจะตามเดวิดไปร่วมงานเลี้ยง จำต้องรีบขับรถขนไวน์ไปส่งที่ศูนย์ประชุมก่อนเวลาอาหารเย็นจะเริ่มต้นขึ้น

เวลาหกโมงเย็นในฤดูร้อน หากดินแดนทะเลทรายที่ชื่อเกรตเบซิน-เดเสิร์ต (Great Basin Desert) กลางรัฐบริติชโคลัมเบีย พระอาทิตย์ยังส่องแสงสว่างจ้า ยิ่งฤดูร้อนก็ยิ่งแผดเผาจนทุกสิ่งแห้งเกรียม แอร์บนรถขนของก็ดันเสียอีก ดังนั้นเสื้อเชิ้ตจึงถูกถอดตามเป็นรายการถัดไป

พอไปถึงสถานที่จัดงาน เขาก็วนรถไปจอดด้านหลังอาคาร และเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่สาวผู้หนึ่งที่ส่งยิ้มอย่างหวานหยดย้อยแม้ท่าทางจะร้อนรน

“สวัสดีครับ ผมมาส่งไวน์จากฟ็อกซ์ครีก”

“คุณเพิ่งมาถึงหรือคะ เมื่อกี้เพื่อนฉันแจ้งมาว่าคนส่งของจะมาถึงช้าหน่อย”

“ครับ พอดีมีเหตุฉุกเฉิน ที่จริงต้องมาตั้งแต่กลางวันแล้ว ว่าแต่จะให้ผมเอาลงที่ไหนครับ” ฟัลคอนอธิบายยืดยาว เพราะรู้สึกถูกใจอัธยาศัยของเธอ และชอบสำเนียงแปร่งๆ แต่ฟังแล้วอ่อนหวาน ต่างจากคนขาวที่มักจะมองลูกครึ่งอินเดียนแดงด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์จนเขาขี้เกียจแยกแยะและชินเสียแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะยิ้มให้เขาจากใจจริง

“ตรงโน้นเลยค่ะ ติดป้ายแยกเป็นหมวดหมู่เรียงตามอักษรไว้แล้ว แขกจะได้เลือกตามใจชอบ”

“ครับ” เขามองตามนิ้วที่เพนต์เล็บสไตล์ฝรั่งเศส ดูเหมาะกับนิ้วเรียวเล็กๆ ของเธอ และก้มศีรษะรับ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถเพื่อช่วยเจมี่บุตรชายของพนักงานในหมู่บ้านที่มาทำงานในช่วงฤดูร้อนขนลังไวน์จำนวนสิบลังลงจากรถบรรทุก

พอขนของเสร็จ ก็อดมองหาร่างอวบอิ่มของนักศึกษาเมื่อครู่อีกไม่ได้ เธอไม่ได้อ้วน แต่มีทรวงอกอิ่มและเอวคอด สะโพกผายกลมกลึง สูงราวห้าฟุตห้านิ้ว แต่เรือนร่างกะทัดรัดแบบนี้แหละที่ต้องตาต้องใจของผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่เว้นกระทั่งเขา พอเหลือบเห็นเธอกำลังตรวจดูลังไวน์ที่เตรียมจะเสิร์ฟอยู่ไม่ไกล จึงเข้าไปล่ำลา

“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

“อ้อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอหันมายิ้มอวดฟันสวยเป็นระเบียบให้เขาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นสดใสไปจนถึงดวงตาเหมือนครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ค่อยจะได้รับหากผู้หญิงเห็นเขาในเสื้อกล้ามและเหงื่อโซมกายเช่นนี้ สายตาเขาเหลือบมองป้ายชื่อเธอโดยอัตโนมัติ และพึมพำ

“บุ๊สซาบาบัน พี.”

“บุษบาบรรณค่ะ” เธอช่วยแก้ไขให้ “ชื่อไทยอ่านยากหน่อย”

“อ้อ...” เขาพยักหน้ารับรู้...มองดวงหน้าหวานอย่างชาวเอเชียด้วยความชื่นชม เธอไม่ใช่คนสวย แต่น่ารัก มีเสน่ห์...โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มเต็มที่...

แล้วเขาก็แนะนำตัวบ้างตามมารยาท หลังจากได้รู้ชื่อฝ่ายหญิง

“ผมชื่อฟัลคอน ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“เช่นกันค่ะ” เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับมือใหญ่ที่ยื่นค้างไว้ ท่าทางไม่ค่อยชินกับธรรมเนียมเช่นนี้ เพราะแก้มนวลมีสีชมพูระเรื่อขึ้นและหลุบตาลง แต่ก็ไม่ถึงกับเสียมารยาท เพียงแค่วินาทีเดียวที่มือเล็กนุ่มนิ่มอยู่ในอุ้งมือเขา แล้วเธอก็ดึงออก

“บันนี่ เธอทำอะไรอยู่น่ะ อาจารย์เรียก บอกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วนะ” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้ทั้งคู่หันขวับพร้อมกัน พอเห็นว่าเป็นใคร เธอก็รีบเอ่ยขอตัว

“ฉันต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่นำไวน์มาส่งทันเวลา” เธอบอก พร้อมกับหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

“ใครเหรอ?” ซินดี้มองร่างสูงที่ทอดสายตาตามเพื่อนสาวมา อดถามไม่ได้

“ไม่รู้เหมือนกัน เขามาส่งไวน์ของคุณเดวิดที่เธอบอกยังไงล่ะ ฉันบอกให้เอาไปวางที่ป้ายติดตามตัวอักษร เสร็จแล้วเขาก็มาทัก”

“คนขับรถส่งของรึ?” ซินดี้ย่นจมูก ทำหน้าคล้ายเสียดาย...

“คงงั้นมั้ง เธอถามทำไม”

“เปล่า” สาวแคนาดายักไหล่ “แค่เสียดาย เห็นหล่อล่ำดี แต่ถ้าเป็นคนขับรถส่งของก็ขอบาย ยิ่งเป็นเฟิสต์เนชันด้วย...” รูมเมตสาวลากเสียง...บุษบาบรรณอดหันกลับไปมองเขาอีกครั้งไม่ได้ เห็นเขาเดินขึ้นรถไปกับเด็กหนุ่มแล้ว ซินดี้ไม่ต้องพูดจนจบ เธอก็รู้ว่าในสายตาของคนขาว...หลายคนยังอดเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างสีผิวไม่ได้ ยิ่งเป็นคนใช้แรงงานก็ยิ่งให้คะแนนติดลบแทบไม่ทัน สำหรับเธอแล้ว...บิดาและมารดาสอนเสมอว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ควรดูแคลนใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชนชั้นใดระดับใดก็ตามที

บุษบาบรรณถอนใจเบาๆ นึกชมว่าเขาหน้าตาดีอย่างที่เพื่อนวิจารณ์จริง...แต่ก็เท่านั้น...เพราะอีกไม่ถึงเดือน เธอก็จะจบการศึกษา และบินปร๋อไปจากที่นี่ทันที ชาตินี้เธอคงไม่มีวันได้เจอะเจอเขาอีก...ชื่อฟัลคอนจึงถูกลืมเลือนไปในชั่วข้ามคืน...

ฟัลคอนมองตามเรือนร่างสมส่วนในกระโปรงสูทเรียบร้อย และสะโพกที่ขยับไหวตามขาที่ก้าวเดินอย่างเสียดาย และยิ่งเสียดายซ้ำสองเมื่อเห็นแหวนเงินวงเล็กๆ บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินจากกายสาวทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นอะไร พอหมุนตัวก็เผลอยกมือสูดดมความหอมที่ติดอยู่บนมือโดยอัตโนมัติ แล้วรีบลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเด็กชายผู้ช่วยยักคิ้วหลิ่วตา...เขาตีหน้าเคร่งขรึมถาม

“รถเข็นเก็บแล้วรึ”

“เรียบร้อยแล้วครับบอส ทีนี้จะให้ผมขับกลับไร่เลยหรือเปล่าครับ บอสจะได้ไปร่วมงานราตรีสโมสรหรูหรา”

“ฝันไปเถอะไอ้หนู” เขาหัวเราะกับความอยากขับรถของเด็กที่เพิ่งหัด แต่เขาจะไม่ปล่อยให้เจมี่ทำเช่นนั้นได้แน่ แล้วก็ก้มมองตัวเอง กางเกงสูทราคาแพงเต็มไปด้วยคราบฝุ่น ตัวก็เหม็นเหงื่อ แค่เห็นก็หมดอารมณ์จะไปปั้นหน้าต้อนรับแขกกับเดวิดอีก จึงส่ายหน้า

“อย่าดีกว่า ให้เดฟรับมือเองแล้วกัน เรื่องรับแขกเขาเก่งอยู่แล้ว กลับบ้านไปนอนดูหนังให้สบายใจสนุกกว่าเยอะ” เขาตัดสินใจ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือ โทร. หาพี่ชาย และบอกเล่าเหตุการณ์อย่างรวบรัด เพื่อไม่ให้เดวิดโน้มน้าวให้เขามาร่วมงานได้ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายจูงใจคนเก่งแค่ไหน

“เท่านี้ก็เรียบร้อย” เขายักคิ้วข้างเดียวให้เด็กหนุ่ม “ไปกันเถอะ จะได้แวะไปดูอัลเบิร์ตด้วยว่าต้องนอนโรงพยาบาลหรือเปล่า หรือหมอให้กลับบ้านได้แล้ว”

“ครับบอส” เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นรถ แล้วสองชีวิตก็ขับรถออกไปจากศูนย์ประชุม ปล่อยให้แขกเหรื่อผู้มีเกียรติได้ดื่มด่ำกับไวน์รสชาติเยี่ยมตามสะดวก...หากภาพความน่ารักของนักศึกษาสาวไทยผู้นั้นยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำระหว่างทางขับรถกลับไร่ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง...แต่ไม่นาน เขาก็ลืมเลือนไปพร้อมๆ กับงานในไร่ที่เพิ่มพูนขึ้น เพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาอันแสนวุ่นวายในการปลูกองุ่น...และมีงานอีกมากมายรออยู่ในฤดูเก็บเกี่ยวที่จะมาถึง

เพียงแค่ไม่กี่วัน บุษบาบรรณต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่สุดของชีวิต เธอแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลย...และต้องขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อพบว่าชายหนุ่มที่กำลังกอดรัดหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ในภาพบนเฟซบุ๊ก คือโภคิน ผู้ชายที่เป็นแฟนของเธอมาเจ็ดปีเต็ม และสัญญากันไว้ว่าจะแต่งงานทันทีที่เธอเรียนจบ

น้ำตาของเธอพรั่งพรูราวกับทำนบเขื่อนแตก เป็นเวลานับชั่วโมงเต็มที่มีมือดีทยอยลงรูปซึ่งค่อยๆ เฉลยทีละนิดว่าผู้หญิงคนนั้นกับแฟนของเธอคบหากันอย่างสนิทสนมมาพักหนึ่งแล้ว

โภคินเป็นหนึ่งในเพื่อนของเธอบนเฟซบุ๊ก เขาต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเขาที่เมืองไทย ทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา เธอโพล่งออกไปพร้อมเสียงสะอื้น

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

โภคินอึ้งไปหลายวินาที...ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อย

“บุษ ผมขอโทษ...ผมพยายามห้ามหนูนิดแล้ว แต่เธอต้องการจะบอกความจริงให้คุณรู้”

“ความจริงเรื่องอะไร มีอะไรปิดบังฉันไว้งั้นเหรอ?” เธอสะอื้นไห้

“บุษ ใจเย็นๆ นะ ที่จริงผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณนานแล้ว แต่ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจคุณ”

“แล้วสิ่งที่คุณทำนี่มันไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดอีกหรือไง” เธอโมโหสุดขีด

“ผมรู้...และผมเสียใจจริงๆ หนูนิดเป็นลูกสาวของอาสมภพ ท่านผู้กำกับฯ ชื่อดังของที่นี่ ซึ่งพ่อของผมอยากให้แต่งงานด้วย ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับคุณ”

“อะไรนะคะ” เธอใจสั่นหวิว “คุณจะบอกว่าคบกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ”

“ที่จริง...ผมพยายามปฏิเสธพ่อมาตลอดเพราะรักคุณ จนกระทั่งหนูนิดเรียนจบมหา’ลัยจากอังกฤษ ผมเพิ่งได้เจอเธอ...”

“สรุปว่าคุณกับเธอคบกันใช่ไหมคะ” บุษบาบรรณแผดเสียงดัง โกรธที่ไม่ได้รับคำตอบ แถมโภคินยังพูดจาอ้อมโลกจนสุดจะทน แล้วเขาก็

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

บุษบาบรรณ สาวพลัดถิ่นจากเมืองไทย เดินทางไกลมาศึกษาเรื่องไวน์ถึงโอคานากัน ประเทศแคนาดา เธอวางแผนไว้สวยหรูว่าจะต้องแต่งงานกับเดวิด เจ้าของไร่องุ่นเพื่อหาเงินล้างหนี้ค่าบ้านที่จำนองไว้ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นตามที่ฝัน เมื่อเจ้าของไร่องุ่นตัวจริง ผู้เป็นลูกครึ่งอินเดียนแดงจอมเจ้าเล่ห์ ตลบหลังเธอด้วยแผนรักสุดป่วน ที่ทำให้เธอต้องยอมมอบทั้งตัวและหัวใจให้เขาครอบครอง


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

Molly | 1 รีวิว
23/01/2015

เรื่องราวความรักของสาวไทยที่เกิดขึ้นในบรรยากาศสุดแสนโรแมนติคของรัชบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา แกนหลักของเรื่องจะบอกเล่าเรื่องราวของการผลิตไวน์ บรรยากาศไร่องุ่น ผูกโยงกับเรื่องราวของความเป็นมาของชนเผ่าอินเดียนแดง ด้วยพล็อตเรื่องแบบนี้สามารถเดาตอนจบของเรื่องได้ไม่ยากนัก แต่ก็สามารถสร้างความเพลิดเพลินในการอ่านได้พอสมควร การเดินเรื่องโดยรวมค่อนข้างเรื่อยๆ ไม่มีความหวือหวาให้ลุ้นหรือติดตามมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการเจอกันโดยบังเอิญของนางเอกและพระเอกของเรื่องที่สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนให้เกิดขึ้นกับนางเอก หรือจะเป็นนางเอกของเรื่องต้องเจอเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตจากชายคนรัก ส่งผลให้นางเอกต้องปรับเปลี่ยนแผนชีวิตและเป็นที่มาของการเกิดความรักกับพระเอกของเรื่อง จุดดีของหนังสือเล่มนี้สามารถสร้างความเพลิดเพลินและสมจริงสมจังจากข้อมูลที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าและนำมาประกอบในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศความสวยงามของเมืองที่ใช้บรรยายในเรื่อง ไร่องุ่นที่สวยงาม หรือขั้นตอนต่างๆ ของบริษัทไวน์ หลายคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว อาจจะเกิดความใฝ่ฝันว่าจะต้องเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแคนาดาก็เป็นได้ จุดดีอีกประการคือ การผูกเรื่องที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล หลายเหตุการณ์ในเรื่องเล่าเรื่องราวผ่านการทำงานของพระเอกนางเอก ทำให้เกิดความรู้ตามไปด้วย ส่วนจุดด้อยของหนังสือเล่มนี้ หากใครเป็นแฟนคลับความโรมานซ์ อาจจะมีให้ลุ้นแบบน้อยไปสักนิดแต่ก็พอหอมปากหอมคอเหมือนกัน สรุป เรื่องนี้อ่านได้แบบเพลินๆ อาจจะไม่ประทับใจสุดขีดแต่ก็น่ารักน่าลุ้นไปอีกแบบนึง

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024