หวานรักปาท่องโก๋ (ลัลลบาย)
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 6 รายการราคา 60.00 บาท - 85.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
แรกพบสบทา
“จากปาก...ช่องมา...เจ้าลืมสัญญา...สอง...เราเมื่อสายัณห์...ก่อน เคยรักใจภักดิ์ไม่เปลี่ยนผัน...ทำไร่ใกล้กันจนตะวันตกดิน...กลับบ้านเดิน เคียง...สำเนียงได้ยิน...ไม่เล่นลิ้น...รักลิ้นดินบ้า... *
เสียงทุ้มนุ่มจากเรือนฝังตรงข้ามดังลอยมาตามลมอย่างอารมณ์ดี
แถมยังมีเสียงเคาะไม้เข้าจังหวะดังเป็นระยะๆ...อันที่จริงมันก็ไม่เป็นอะไร
หรอกนะ ถ้าคนร้องจะไม่มาแหกปากร้องเพลงตอนที่ฟ้ายังไม่สางเช่นนี้
มือเรียวคว้านาฬิกาปลุกที่หัวเตียงขึ้นมาส่องดูจนชิดลูกตา...ตีห้าครึ่ง ...ไม่สิ...อีกห้านาทีจะตีห้าครึ่งต่างหาก
ใบหน้ากลมเกลี้ยงแก้มอิ่มราวกับเด็กน้อยที่ยังงัวเงียบูดบึ้ง ดวงตา
คู่โตซึ่งยังมีร่องรอยของความง่วงงุนกะพริบปริบๆ ก่อนจะหลับพริ้มลงอีกครั้ง เรือนร่างขาวเนียนซุกตัวลงไปในผ้าห่มอุ่นแสนสบาย แต่เมื่อกำลังจะเคลิ้ม
สู่ภวังค์ เสียงทุ้มเสียงเดิมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนเพลงใหม่
“บ้านพี่ขาดคนหุงข้าว...อยากได้เจ้าเป็นคนช่วยหุง...พ่อแม่ท่านแก่ท่าน เฒ่า...ขาดคนหุงข้าวที่บ้านเลยยุ่ง”*
น่าน...คราวนี้ลงลูกคอหลายชั้นเสียด้วย
นิสิตาสะบัดผ้าห่มออก จากนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอตื่น
เต็มตาแล้ว ร่างบางเดินลิ่วไปยังหน้าต่างไม้ก่อนจะดึงสลักที่ขัดเอาไว้ออกเพื่อ
เปิดไปดูหน้า ‘ต้นเสียง’ ยามเช้าคนนั้นเสียหน่อย ลมเย็นๆ โชยมาทันทีที่เธอ
เปิดหน้าต่างออกไป แม้จะยังมืดอยู่แต่เงาตะคุ่มๆ จากเรือนไม้ฝังตรงข้าม
ก็ทำให้หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าคนร้องเพลงที่ปลุกเธอขึ้นมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้คือใคร
ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนกำลังนวดแป้งอยู่ที่ลานบ้านอย่างขะมักเขม้น ปากก็ร้องเพลง หัวก็ส่ายยึกยักไปตาม'จังหวะ ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่ามีใคร กำลังยืนเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่โดนชัดจังหวะการนอนอันแสนสุข
“นี่คุณ” นิสิตาตะโกนเรียก เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้ยินเพราะหูชอง เขาถูกอุดเอาไว้ด้วยหูฟังทั้งสองข้าง...ก็คงเป็นเพลงที่กำลังแหกปากร้องอยู่นั่นแหละ
“คุณ...คุณ...คู้นนนนน” หญิงสาวอดรนทนไม่ไหว มือคว้ากระป๋อง
เบียร์ที่ดื่มหมดเมื่อคืนขว้างออกไปเต็มแรง เป้าหมายคือหัวกลมๆ ที่กำลัง
ก้มลงทบก้อนแป้งสีนวลให้เป็นทรงกลม
ได้ผล...คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองตามวิถีของกระป๋องทันที แม้จุดตก
ของกระป๋องจะเฉียดเป้าหมายไปลงที่ไหล่กว้าง แตกถือว่าไม่เสียเปล่า
แทนที่จะโกรธที่โดนปาด้วยกระป๋องเบียร์ ชายหนุ่มหน้าขาวกลับยิ้ม
กว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนขว้างอาวุธลับนั้นมาที่เขา ดวงตาเรียวเล็กแต่
เปลือกตาสองชั้นจ้องมองมาที่เธอ เขาเช็ดมือที่เปื้อนแป้งลวกๆ กับเสื้อกล้าม
สีขาวมอๆ แล้วยกมือขึ้นไหว้หญิงสาวอย่างนอบน้อมทำเอานิสิตาตั้งรับแทบไม่ทัน
“สวัสดีครับคุณหนูมิ้ม ตื่นเช้าจังนะครับ” มือใหญ่ถอดหูฟังออกแล้ว
ยัดเช้าไปในกระเป๋ากางเกงสามส่วน ซึ่งมองแทบไม่ออกว่าเคยเป็นสีอะไร
มาก่อน รอยยิ้มกว้างไม่เป็นพิษเป็นภัยกระจายเต็มใบหน้า แม้แต่ไม้นวดแป้ง
ในมือของเขาก็ดูเหมือนจะยิ้มให้เธอ
“จะไม่ให้ตื่นได้ยังไงล่ะ ก็นายเล่นตะโกนร้องเพลงซะด้งขนาดนั้น”
นิสิตาใส่ไม่ยั้ง...อย่าคิดนะว่าแค่รอยยิ้มบ้านๆ ของนายจะลบล้างความผิดได้
แต่เดี๋ยว...เมื่อกี้นายนั่นเรียกเธอว่าอะไรนะ...หนูมิ้ม...หนูมิ้มอย่างนั้นหรือ
“ผมขอโทษนะครับคุณหนูมิ้ม” เสียงทุ้มมีแววสำนึกผิด “เสียงของผม
คงทำให้คุณหนูมิ้มตื่น”
“นะ...นายรู้จักฉันด้วยเหรอ”
“แหม...คุณหนูมิ้มออกจะด้งแล้วก็สวยอย่างกับนางฟ้า ใครเห็นก็ต้อง
จำได้ทั้งนั้นแหละครับ” ใบหน้าขาวดูเขินๆ แตกยังไม่หยุดยิ้ม
จบกัน...นิสิตากลอกตาขึ้นฟ้าพลางถอนใจเฮือก
นึกว่าจะหลบมาพักใจให้หายเจ็บปวดในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเสียหน่อย แต่
ก็ยังไม่วายมีคนจำเธอได้อยู่ดี ขนาดอีตา ‘ยิ้มบ้านๆ’ ที่ดูไม่น่าจะสนใจข่าวคราว ดาราคนนี้ยังจำเธอได้ แล้วนับประสาอะไรกับชาวบ้านร้านตลาดที่เอาแต่จับ
กลุ่มซุบซิบคุยเรื่องดารากันทั้งวันแถวนี้
นิสิตาอุตส่าห์ขับรถจากกรุงเทพฯ ตั้งหลายชั่วโมงเพื่อมาหลบพักใจ
ที่บ้านสวนของคุณยายซึ่งเธอไม่ได้มาร่วมสิบปี ไม่นับที่ต้องลุยมาตามทาง
ลูกรังสีแดงจนหัวสั่นหัวคลอน บีบแตรไล่หมาแมวที่คงจะไม่เคยเห็นรถชนิด
อื่นนอกจากรถมอเตอร์ไซด์พ่วงช้างล่าหรับบรรทุกผลไม้ แถมยังต้องเดินข้าม สะพานไม้แผ่นเดียวซึ่งทอดข้ามคลองที่น้ำแห้งขอดกับขี้โคลนเขรอะๆ เพื่อมา พบว่ายังมีคนแถวนี้รู้จัก ‘นิสิตา’ หรือที่ใครๆ มักเรียกกันว่า ‘หนูมิ้ม’ ดารา
นักร้องที่กำลังตกเป็นข่าวฉาวว่าขึ้นคอนโดฯ ของวีรพัทธ์ แพ่นหนุ่มนอก วงการซึ่งทำงานเป็นเซฟอาหารเช้าอยู่ที่โรงแรมชื่อด้งแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ภาพชายร่างสูงที่กำลังประคองแพ่นสาวคนหนึ่งเข้าไปในคอนโดฯ
หรูของเขาถูกตีพิมพ์ในหนังสือซุบซิบดาราแทบจะทุกฉบับ แต่ภาพหญิงสาว นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันเพราะก่ายได้แต่เพียงด้านหลังและมีเสื้อแจ็กเกต
ของวีรพัทธ์คลุมไว้
แต่การที่นิสิตาไม่ออกมายอมรับหรือปฏิเสธข่าวนี้ทำให้ทุกคนต่างคิด
ไปว่าผู้หญิงคนด้งกล่าวเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งทำลายภาพพจน์ของ
ดาราที่ไม่เคยมีข่าวเรื่องชู้สาวให้ด่างพร้อยในทันที
แต่จะให้ปฏิเสธออกมาว่าหญิงสาวในภาพไม่ใช่เธอ...นักข่าวก็คงจะ เขียนอีกนั่นแหละว่า นิสิตาโดนแฟนหนุ่มที่รักกันมานานสวมเขา...ไม่ว่าจะ ออกมาในรูปไหน... เธอก็โดนทั้งขึ้นทั้งส่อง
การหลบมา ‘พักผ่อนลักระยะ’ อย่างที่ผู้ใหญ่ของค่ายสั่งน่าจะเป็น การดีต่อเธอในยามที่กระแสข่าวยังโหมกระหนํ่าเข่นนี้
‘รอให้ข่าวซาก่อนนะหนูมิ้ม ค่อยกลับมา น่าจะไม่นานหรอก เดี๋ยวก็มี ข่าวอื่นให้พวกนักข่าวไปตามเองนั่นแหละ’ คริส ผู้จัดการส่วนตัวของนิสิตา บีบมือเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจตอนมาส่งขึ้นรถ ‘ถือว่าเป็นการพักผ่อนไป ในตัวด้วย นานแล้วนะที่หนูมิ้มไม่ได้หยุดพักยาวๆ อย่างใครเขา’
นิสิตาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลขณะขนของขึ้นรถ แต่เมื่อร่างอวบ ของคริสที่แม้ตัวจะเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงเต็มร้อยดึงเธอเข้าไปกอด หญิง
สาวก็ร้องไห้กับอกกว้างของคริสทันที
เจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น...เจ็บทั้งเรื่องรัก...เจ็บทั้งเรื่องข่าว
หญิงสาวก้มหน้าเพื่อซ่อนหยดน้ำตาก่อนจะปิดหน้าต่างเบาๆ โดย
ไม่เอ่ยค่าลาชายหนุ่มที่เอาแต่แหงนหน้ายิ้มคนนั่น
อาร์นิสมองหน้าต่างไม้ที่ถูกปิดด้วยมือเรียวพลางเกาหัวอย่างเสียดาย แหม...ยังไม่ทันได้ขอลายเซ็นเสย
เอาน่า...อยู่ห่างกันแค่ตะโกนถึง...คงมีโอกาสได้ขอลายเซ็นเก็บไว้เป็น ที่ระลึกบ้างละน่า...แต่ถ้าจะให้ดีต้องขอก่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย...เผื่อใครไม่เชื่อ ว่าดารามาพักข้างๆ บ้านเขาจริงๆ จะได้มีรูปเป็นหลักฐาน
คุณยายน้อยบ้านข้างๆ ไม่เคยปริปากบอกกันสักคำว่ามีหลานสาวเป็น ดาราดังขนาดนี้ อุตส่าห์พายเรือไปรับไปส่งที่วัดทุกวันพระแท้ๆ
ชายหนุ่มยืนยิ้มให้หน้าต่างบานนั้นอยู่นานสองนานก่อนจะลงมือนวด แป้งต่อ แต่คราวนี้เสียงเพลงลูกทุ่งที่ชื่นชอบดังอยู่แค่ภายในลำคอเท่านั้น
ฟ้าเริ่มสว่างแล้วตอนที่อาร์นัสพายเรือไปตามลำคลองสายเล็กๆ อย่าง
ชำนาญ ขณะผ่านบ้านไม้หลังแล้วหลังเล่าเขาก็ตะโกนทักทายกันบ้างตาม
ประสาคนรู้จัก ไม่นานก็ถึงท่าเทียบเรือในตลาดของชุมชน แขนแข็งแรงค่อยๆ ลำเลียงอุปกรณ์ต่างๆ ลำหรับทอดปาท่องโก๋ขึ้นจากเรืออย่างคล่องแคล่ว จาก
นั้นก็แวะไปเอารถเข็นที่ฝากเอาไว้หน้าร้านโซห้วยของน้องแอนหญิงสาวที่วิ่ง เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเตรียมเทน้ำมันลงในกระทะใบใหญ่
ชายหนุ่มหยิบแป้งที่นวดได้ที่แล้วออกจากกล่องพลาสติกใบใส คลึง
เป็นแผ่นยาวๆ แล้วลงมือตัดเป็นขึ้น
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอพ่ออาร์ม” ลุงร่างท้วมเดินเข้ามาทักอย่างคุ้นเคย “น้ำมันยังไม่ร้อนเลยครับลุง พอดีวันนี้ผมมาสาย”
“ลุงเอาเหมือนเดิมนะ เดี๋ยวไปซื้อผักข้างในก่อนแล้วจะแวะกลับมาเอา” สั่งเสร็จก็เดินจากไป
ลูกค้าส่วนใหญ่ของอาร์นัสเป็นลูกค้าขาประจำ ถึงเขาเพิ่งจะมาขาย ปาท่องโก๋ได้ไม่นาน แต่ชาวบ้านแถวนี้ก็พากันติดใจรสมือพ่อค้าหนุ่ม ‘เจ้าใหม่’
กันทั้งนั้น อาจเป็นเพราะแป้งที่นวดสดใหม่และน้ำมันที่เปลี่ยนทุกวันก็ได้
จึงท่าให้ลูกค้าหลายคนติดใจ หากวันไหนเขาขายหมดเร็วแล้วใครตื่นมาซื้อ
ไม่ทัน คนคนนั้นก็จะต้องเดินเข้าไปซื้อกับ ‘เจ้าเก่า’ ที่ขายมาตั้งแต่รุ่นแม่แทน
“เมื่อไหร่จะขายน้ำเต้าหู้บ้างล่ะอาร์ม” ครูสาวคนสวยที่มาอุดหนุนเป็น
ประจำถามขณะรอปาท่องโก๋สุกได้ที่
“ผมท่าไม่อร่อยครับ ทานเองยังไม่ชอบ เลยไม่ท่าขายดิกว่า”
“เลยกลายเป็นว่าต้องซื้อปาท่องโก๋กับอาร์มแล้วก็ต้องเดินเข้าไปซื้อ
นํ้าเต้าหู้กับเจ้านั้นอีก แทนที่จะซื้อเจ้าเดียวไปเลย” ครูสาวบ่นอย่างไม่ถือสา
“น้ำเต้าหู้เจ้านั้นทำอร่อยครับ ผมทานมาตั้งแต่เด็ก” อาร์มบอกยิ้มๆ
พลางใช้ตะเกียบยาวพลิกปาท่องโก๋สีเหลืองทองในกระทะ
ทำไมชายหนุ่มจะไม่รู้ล่ะว่าลูกค้าชอบซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ร้านเดียวกัน แต่หากเขาทำชายทั้งสองอย่างแล้วร้านช้างในจะชายได้อย่างไร เขาไม่อยาก
ให้ร้านเก๋าแก่ที่ชายมาตั้งแต่รุ่นแม่ต้องปิดตัวลง แบ่งๆ กันทำมาหากินจะดีกว่า
“อาร์มน่าจะหาแฟนสักคนนะ จะได้ช่วยๆ กัน ทุกวันนี้ก็ชายไม่ทันอยู่
แล้ว ทำมาเท่าไหร่ก็หมด ล้ามีคนมาช่วยน่าจะได้กำไรมากขึ้น”
อาร์นัสหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่แล้วดูกระจ่างมาก
ขึ้นไปอีกหลายเท่า
“โธ่. ..ครูครับ...ผู้หญิงคนไหนเขาจะมาสนใจคนชายปาท่องโก๋อย่างผม ล่ะครับครู...เอาเขามาให้เหนื่อยเปล่าๆ...ผมอยู่ชองผมคนเดียวอย่างนี้ก็ดี อยู่แล้ว”
ครูสาวรับถุงปาท่องโก๋ที่สุกใหม่ๆ และยังร้อนมาจากชายหนุ่ม พลาง
ทอดมองใบหน้าคมคาย ผิวชาวเนียนละเอียดกับดวงตาเล็กเรียวและริมฝีปาก บางเฉียบอย่างชาวจีนชองพ่อค้าหนุ่มแล้วลอบถอนใจ
แม้อาร์นัสจะมีหน้าตาหล่อเหลา อัธยาศัยดี มีรอยยิ้มอบอุ่นจริงใจและ มองโลกในแง1ดีอยู่เสมอ...แต่หากจะให้รักให้ชอบคนชายปาท่องโก๋ที่หาเช้า
กินคํ่าอย่างนี้...เธอก็คงปฏิเสธเหมือนกัน...นึกแล้วก็เสียดายความหล่อ
“พรุ่งนี้จะมาอุดหนุนใหม่นะอาร์ม”
“ครับครู” อาร์มยิ้ม มันเป็นยิ้มที่ท่าให้สาวๆ หลายคนในตลาดแถวนี้
หัวใจเต้นแรง แต่เมื่อนึกถึงภาพตนเองต้องยืนทอดปาท่องโก๋หน้ามันอยู่
หน้าเตา รอยยิ้มนั้นก็ดูเหมือนจะไม่หวานซึ้งอย่างที่ควรจะเป็น
อาร์นัสเก็บข้าวชองเสร็จเมื่อเริ่มสาย เขาเอารถเข็นไปจอดไว้หน้าร้าน
ของน้องแอนเหมือนทุกวันพร้อมกับถุงปาท่องโก๋ที่แบ่งเอาไว้ให้เธอ รอไม่นาน
หญิงสาวผมยาวสลวยก็เปิดประตูเหล็กหน้าร้านออก
“พี่อาร์ม...วันนี้ขายหมดเร็วนี่” แอนทักทันทีที่เปิดประตูออกมาเจอ
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าร้าน
“แต่ของแอนก็ยังมีเหมือนเดิม” อาร์มยิ้มพร้อมส่งถุงให้
หญิงสาวยิ้มตอบ และนั่งลงข้างๆ เขาเหมือนทุกวัน
“แล้วเมื่อไหร่พี่อาร์มจะคิดเงินแอนเสียที”
“ก็เมื่อวันที่แอนคิดเงินค่าฝากรถเข็นของพี่น่ะสิ”
หญิงสาวหัวเราะร่วนกับค่ายอกย้อนของอีกฝ่าย ส่งหนังสือพิมพ์ให้ คนตรงหน้าอ่านด้วยความเคยชิน ทุกวันอาร์นัสจะมานั่งคุยเล่นกับเธอจนสาย
หน่อยค่อยกลับบ้าน
ชาวบ้านแถวนี้ต่างซุบซิบกันว่าอาร์นัสจีบเธอ แต่คนที่รู้จริงก็คือเธอกับ เขาเท่านั้นว่ามิตรภาพของทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าค่าว่าเพื่อน...และ ไม่มีวันจะพัฒนาเป็นอื่นด้วย
“อ๊ะ...” อาร์มอุทานขึ้นเมื่อเปิดไปหน้าบันเทิง
“อะไรเหรอพี่อาร์ม ร้องซะแอนตกใจ”
“อ๋อ...ไม่มีอะไร พี่แค่ตกใจกับข่าวของนิสิตาน่ะ เขาไม่เคยมีข่าว
ทำนองนี้เลยนะ” พูดแล้วก็ส่งหนังสือพิมพ์ที่เขียนแซวดาราให้หญิงสาวดู
“แอนอ่านแล้วละพี่อาร์ม...แต่แอนว่าผู้หญิงในรูปนี้ไม่น่าจะใช่นิสิตา
นะ...เพราะจริงๆ แล้วนิสิตาไม่ได้ตัวสูงขนาดนี้ แต่ผู้หญิงในรูปนี่สูงเลยหูแฟน
เขาเลยเห็นไหม...ถ้าเป็นนิสิตาจริงๆ สูงไม่ถึงหูผู้ชายแน่ๆ” หญิงสาวบอกเสียง มั่นใจ
“แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่” เสียงทุ้มบอกเบาๆ มีร่องรอยของความเสียดาย อย่างปิดไม่มิด
“แหม...พี่อาร์ม...ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าออกมายอมรับล่ะว่าแฟนตัวเอง นอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น...แอนว่าเธอน่าสงสารมากกว่านะ...ว่าแต่พี่อาร์ม หัน
มาสนใจข่าวซุบซิบดาราแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
นิสิตาหรือหนูมิ้ม...ดาราสาวยอดนิยมที่กำลังเจอกระแสข่าวฉาวของคนรักที่มีภาพหลุดว่าพาผู้หญิงขึ้นคอนโด ทำให้นักข่าวมุ่งประเด็นมาที่เธอว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าส่งผลให้ภาพลักษณ์ของดาราสาวใสๆที่ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องชู้สาวต้องมัวหมองในทันที หนำซ้ำวีรพัทธ์แฟนหนุ่มของเธอนั้นก็ไม่มีคำอธิบายอะไรให้กับเธอทั้งสิ้นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินทางไปพักใจที่บอบช้ำที่บ้านเรือนไม้ของยายน้อยซึ่งเป็นคุณยายของเธอที่สุโขทัยสักระยะ แต่ความสุขสงบที่เธอต้องการนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีเอาเสียเลยเพราะตลอดเวลาที่เธอต้องการอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆนั้นกลับมีชายหนุ่มชื่ออาร์มหรืออาร์นัสที่มาพร้อมกับรอยยิ้มซื่อๆบ้านๆคอยรบกวนให้ต้องหงุดหงิด หนำซ้ำเขาคนนั้นยังเป็นเพียงแค่พ่อค้าขายปาท่องโก๋อยู่ที่ตลาดอีกด้วย