ฝนล้างไฟ (ไปรยา)

ฝนล้างไฟ (ไปรยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165000840
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หญิงสาวร่างระหงในชุดสูทสีขาวรัดรูปก้าวลงจากรถยุโรปสีน้ำเงินเข้ม

ที่เคลื่อนเข้ามาจอดภายในบริเวณวัด หล่อนเดินตรงเข้าไปหยุดยืนด้านหน้าเมรุ

ประกอบพิธีฌาปนกิจท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่จ้องมองมายังหล่อนเป็นจุดเดียว

ดวงหน้าเรียวเล็กบัดนี้ถูกบดบังไว้ด้วยแว่นกันแดดอันใหญ่ เส้นผม

สีนํ้าตาลทองดัดหยิกยาวเลยกลางหลังปลิวสยายตามแรงลม หญิงสาวใช้มือเสย

ผมที่ปรกหน้าผากพร้อมกับก้าวขึ้นไปบนเมรุ รอบบริเวณนั้นตกแต่งอย่าง

สวยงามด้วยดอกกุหลาบสีขาวที่แม่หล่อนชอบมากที่สุด แต่ในความงดงามนั้น

กลับแฝงความหมองเศร้า ไม่ต่างจากแววตาของ ‘ตรีทิพย์’ ที่สะท้อนจาก

ภาพถ่ายกรอบสีทองเบื้องหน้า หากพิจารณาให้ดีจะพบว่ารอยยิ้มของคนในภาพ

แฝงความอ้างว้างโดดเดี่ยวมากกว่าความรู้สึกอื่นใด

“คุณ'ชาสิลาครีบ คุณพ่อให้มาเชิญไปนั่งด้านล่างก่อนครับ” คนขับรถผู้ทำ

หน้าที่นำหญิงสาวมาร่วมพิธีฌาปนกิจในครั้งนี้เดินขึ้นมารายงานด้วยท่าทางนอบน้อม

หญิงสาวเจ้าของนาม ‘ชาสิลา’ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล ‘จารุทัศน์’

พยักหน้ารับรู้ก่อนปรายตาไปทางเต็นท์ด้านล่างที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน

สตรีในชุดไทยเรือนต้นตัดเย็บด้วยผ้าไหมสีดำ ดวงหน้าละม้ายคล้าย

ผู้วายชนม์ในภาพถ่ายราวพิมพ์เดียวกัน เดินเข้ามาหยุดตรงเชิงบันไดด้านข้างเมรุ

“น้าพรรณ...” หญิงสาวรีบก้าวลงไปหาก่อนตรงเข้าสวมกอดน้าสาวทั้งนํ้าตา

‘พรรณวดี’ ญาติฝ่ายแม่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของชาลิสา กระชับอ้อม

กอดพลางใช้มือข้างหนึ่งลูบหลังหลานสาวคล้ายต้องการปลอบประโลมให้คลาย

ความหมองเศร้า

“น้านึกว่าสาจะมาไม่ทัน”

ชาลิสาขยับตัวถอดแว่นกันแดดคาดไว้บนศีรษะ เผยให้เห็นดวงตากลม

โตคลอหยาดนํ้าตาบนดวงหน้าสวยคม หล่อนใช้นิ้วปาดตรงหางตาแล้วฝืนยิ้มให้

น้าสาวอย่างยากเย็น

“สาอยากมาดูหน้าคนที่ทำให้แม่ต้องตาย”

“อย่าพูดให้พ่อเขาได้ยินนะลูก เดี๋ยวเขาจะหาว่าน้าโทร.ไปรายงานสา”

“สาพูดเรื่องจริงนี่คะน้าพรรณ”

“เราเข้าไปนึ่งข้างในเต็นท์กันดีกว่า พ่อของสาเริ่มออกอาการแล้ว”

พรรณวดีตัดบทพร้อมกับจูงมือหลานสาวตรงไปยังเต็นท์รับรอง

ชาลิสาเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า ‘ราชศักดิ์’ ผู้เป็นบิดา ก่อนจะประนม

มือไหว้ก้มศีรษะน้อยๆ อย่างสำรวมพลางชำเลืองหางตาไปยังสตรีรัยกลางคน

ซึ่งนึ่งเคียงข้าง ใบหน้าสวยงามนั้นแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานอ่อนโยนบวกกับ

บุคลิกท่วงท่าสง่างามดุจนางพญา หญิงสาวไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดบิดาถึงได้

หลงใหล ‘ดาริกา’ ถึงขนาดยกย่องออกหน้าออกตา ประกาศให้ผู้คนรับรู้ถึงความ

สัมพันธ์ลึกซึ้งก่อนหน้าที่แม่ของหล่อนจะจบชีวิตเสียด้วยซ้ำ

“มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” ราชศักดิ์กวาดสายตาสำรวจบุตรสาวตั้งแต่ศีรษะ

จดปลายเท้า “ทำไมแกไม่ใส่ชุดดำเหมือนชาวบ้านเขา”

ชาสิลายักไหล่แล้วทรุดตัวลงนึ่งไขว่ห้าง ริมฝีปากบางยิ้มเหยียด ยกมือ

ขึ้นเสยผมอย่างเคยชิน ก่อนหันไปมองสบตาชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา ความรู้สึก

เจ็บร้าวก่อตัวขึ้นภายในอก หล่อนพยายามระงับอารมณ์ด้วยการสูดลมหายใจ

เข้าปอดหวังจะเรียกพลังความเข้มแข็งให้กลับคืนมา

พ่อจำไม่ได้เหรอคะว่าแม่ชอบสีขาว”

“ไม่รู้จักกาลเทศะ”

“พอเถอะค่ะคุณ จะมาต่อว่าหนูสาอะไรตอนนี้” น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมา จากริมฝีปากบางคล้ายจะเตือนด้วยความหวังดีแต่สายตาที่มองมาทางชาลิสา

กลับฉายแววเยาะหยัน

“เรียนสูงเสียเปล่า กลับไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” ชายสูงวัยยังคงพรํ่าบ่น หน้าตาขึงชังด้วยโทสะ

ชาลิสาไม่รู้สึกกับค่าพูดที่ผ่านเข้ามาในหู หล่อนหันกลับมาเปิดกระเป๋า หนังใบย่อมสีเดียวกับชุดสูท หยิบตลับแป้งมาเติมแต่งใบหน้า จดปลายลิปสติก

สีแดงเจิดจ้ากับเรียวปาก เสร็จแล้วจึงสำรวจความเรียบร้อยในกระจกเป็นชั้นตอน สุดท้าย ก่อนที่พิธีทอดผ้าบังสุกุลจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

“ฉันจะขึ้นไปกับคุณดาก่อน พอแขกเริ่มชาแกค่อยขึ้นไปกับคุณพรรณ”

ราชคศักดิ์ส่งเสียงกำชับก่อนหันไปพยักหน้าให้ดาริกาลุกขึ้นเดินเคียงคู่ไปกับเขา โดยมีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเดินตามหลัง

“ธาวินกับพิสรีย์ ลูกชองคุณดาริกา” พรรณวดีอธิบายเมื่อชาลิสาหันมา สบตาเป็นเชิงถาม

คำตอบที่ได้รับส่งให้ชอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง แต่หญิงสาวพยายาม สะกดกลั้นความรู้สึกอ่อนแอนั้นไร้ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานึ่งร้องไห้ครํ่าครวญ เพื่อให้ใครมาสมเพชเวทนา

“สาไม่ยักรู้ ว่านอกจากพ่อจะมีเมียใหม่แล้ว ยังมีลูกเพิ่มมาอีกตั้งสองคน”

พรรณวดีจับมือหลานสาวไว้แน่น แต่เวลานี้ชาลิสาไม่รับรู้ถึงความห่วงใย ที่ส่งผ่านเข้ามา หัวใจและร่างกายชองหล่อนด้านชา

การจากไปชองผู้เป็นที่รักถือ เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต สร้างความเจ็บปวดแก่หญิงสาวจนแทบจะ

ขาดใจตายตามมารดาไปอีกคนหนึ่ง

“อย่าให้นํ้าตาหยดถูกร่างคนตายนะครับ” เสียงสัปเหร่อร้องเตือนเมื่อ

ชาลิสาก้าวเข้าไปมองใบหน้ามารดาเป็นครั้งสุดท้าย

ดวงหน้าของตรีทิพย์คล้ายคนนอนหลับสนิท ผมหยักศกสีนํ้าตาลเข้ม

ปรกต้นคอเลียบลู่ไปกับหนังศีรษะ บริเวณหน้าผากปรากฏร่องรอยบาดแผล

ผลพวงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตามเนื้อตัวเริ่มอืดบวมดันชุดผ้าไหมลีครีมจนคับ แน่น

ชาลิสาสงสารมารดาจับใจ ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่นี้ คือร่างของผู้ให้กำเนิด

หญิงสาวกะพริบตาขับไล่หยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาด สาย

พรรณวดีดึงร่างหลานสาวเข้ามากอด ในขณะที่เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกโลง

สีขาวเข้าไปในช่องสี่เหลี่ยมเพี่อล่งดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่สุคติ

ชาลิสายืนมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจแหลกสลาย ความสูญเลียที่เกิดขึ้น อย่างกะทันหันทำให้หล่อนไม่อาจตั้งสติทำใจรับรู้เรื่องราวเลวร้ายได้

จนกระทั่งแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มทยอยเดินทางกลับ พรรณวดีจึงพา หลานสาวไปนิ่งใต้ตันไม่ใหญ่ในบริเวณวัด ควันลีเทาพวยพุ่งออกจากปล่อง

เหนือเมรุ ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าก่อนจางหายไปในที่สุด

“น้าว่าเรากลับกันก่อนดีไหม” พรรณวดีเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ขณะแหงนมอง ท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม

“สาอยากไปอยุธยา น้าพรรณไปกับสาได้ไหมคะ”

“น้าว่าสากลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เก็บกระดูกเสร็จแล้ว เราก็ต้อง ไปลอยอังคาร'ที่นั่นอยู่ดี”

“น้าพรรณ แม่ตายไปแล้วจริงๆ หรือคะ...” หล่อนรำพันน้ำตาไหลรินอาบแก้ม

หลังจากชาลิสาได้รับรู้ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับมารดา หญิงสาวถึงกับเป็นลม หมดสติ เพื่อนร่วมห้องต้องนำตัวล่งโรงพยาบาล

เมื่อฟืนขึ้นมาหล่อนจึงรีบ โทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยทันทีทั้งที่อยู่ในช่วงสอบ เพี่อให้ทันมา ร่วมงานฌาปนกิจซึ่งถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ

คล้ายไม่ต้องการให้หล่อนได้มีโอกาส เข้าร่วมพิธีไว้อาลัยมารดาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย

‘ทำไมพ่อต้องรีบเผาแม่ด้วยคะน้าพรรณ พ่อไม่คิดจะรอสาเลยหรือคะ แม่เป็นแม่ของสานะคะ...’ หล่อนพูดปนเลียงสะอื้นมาตามสายโทรศัพท์

‘น้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สารีบกลับมาเถอะนะ เรื่องเรียนเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่’

ชาลิสารีบเก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง ลํ่าลา ‘เมธิส’ เพื่อนชายคนสนิทที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างรับรู้ว่า

ทั้งสองคบหากันในฐานะคนรัก ชายหนุ่มอาสาเดินทางมาเป็นเพื่อน เวลานั้นหล่อนได้แต่ปฏิเสธความหวังดี

ไม่ต้องการให้เขาเสียเวลาลงเรียนใหม่ เพราะเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่ทั้งคู่จะ

สำเร็จการศึกษา

‘สอบเสร็จแล้วผมจะรีบตามไปนะสา’ เมธิสสัญญาหนักแน่นในวันที่เขา มาส่งหล่อนที่สนามบิน

หญิงสาวเผ้าภาวนาตลอดการเดินทางขอให้สิ่งที่รับรู้เป็นเพียงความฝัน

แม่ยังสาวยังสวย สุขภาพแข็งแรงไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บป่วย แต่สุดท้ายต้องมาจบ

ชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชาลิสาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมารดาต้องมีคนอยู่ เบื้องหลัง

“คืนนี้สาไปนอนค้างที่บ้านน้าก่อนก็ได้ เสร็จงานแล้วค่อยกลับเช้าบ้าน” พรรณวดีเอ่ยอย่างเห็นใจ เช้าใจถึงหัวอกคนเป็นลูก

“สาจะกลับบ้าน อยากกลับไปดูหน้าคนพวกนั้น”

“ใจเย็นๆ เถอะนะ สาเดินทางมาเหนื่อยๆ อย่าดิ้นรนเช้าไปหาเรื่องร้อนใจ ใส่ตัวเลย”

“สาอยากคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง” หล่อนยืนยันหนักแน่น

พรรณวดีถอนใจเฮือกใหญ่ สีหน้าท่าทางบ่งบอกถึงความอึดอัดใจใน ความดื้อรั้นของหลานสาว ชาลิสาเอื้อมมือเรียวมาวางบนหลังมือผู้สูงวัยกว่า

ก่อนยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้าพรรณเป็นห่วงสา ก็ไปค้างกับสาที่บ้านสิคะ”

“คือน้า...”

“กลัวแม่เลี้ยงของสาหรือคะ”

“น้าไม่ชอบปันหน้าพูดจารักษามารยาทกับคนที่...”

“ฆ่าพี่สาวตัวเอง”

“สาอย่าได้พูดคำนี้ให้ใครได้ยินนะลูก เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไป ปรักปรำเขา”

ชาลิสายังจำได้ดี วันที่หล่อนเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งหลังสุด แม่ดู

เป็นทุกข์คล้ายมีเรื่องราวไม่สบายใจ หญิงสาวพยายามคาดคั้นถึงสาเหตุ แต่แม่

ก็ไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียว

‘แม่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก แม่อาจจะคิดถึงหนูมากเกินไปหน่อยเท่านั้น เอง’

‘คิดถึงสา ก็ไปอยู่กับสาที่อเมริกาลิคะแม่ พ่อเขาอยู่คนเดียวได้ ‘แม่ท่าอย่างนั้นไม่ได้หรอกลูก แม่เป็นห่วงคุณพ่อ’

‘แล้วแม่ไม่ห่วงสาเหรอคะ’

‘ห่วงสิลูก แต่แม่เชื่อว่าสาดูแลตัวเองได้ ส่วนพ่อของลูกอายุมากแล้ว แม่ ต้องอยู่ดูแลท่าน’

ชาลิสาจดจำคำพูดของมารดาได้ทุกคำ ครั้งนั้นหญิงสาวกำชับพรรณวดี

ให้ช่วยดูแลแม่แทนหล่อน เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานหล่อนก็จะสำเร็จการศึกษา “พ่อกับแม่นั้น เขาอยู่กินกันมานานแล้วใช่ไหมคะ”

“คือน้า...” พรรณวดีหันไปมองรอบตัว แววตาฉายให้เห็นถึงความลำบาก ใจที่จะตอบคำถามนั้น

“น้าพรรณเล่าให้สาฟังเถอะนะคะ ริบรองว่าสาจะไม่ไปอาละวาดกับพ่อ”

“ก่อนหน้าที่สาจะกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้ายนั้นแหละ” ในที่สุด

พรรณวดีก็ยอมปริปากพูด

“แม่ถึงได้มีท่าทางเหมือนคนไม่มีความสุข ที่ผ่านมาสาไม่เคยเห็นพ่อไป

มีคนอื่นเลยนี่คะ” ชาลิสาตั้งข้อสังเกต

“หลังจากที่สากลับไปเรียนต่อคุณศักดิ์ก็พาดาริกาเข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ ของสากลายเป็นคนเหม่อลอยไม่มีแก่จิตแก่ใจจะท่าอะไร น้าเคยถามเขาว่าทำไม ถึงยอมปล่อยให้คุณศักดิ์ทำแบบนี้ เขาก็ยืนยันว่าเขาเต็มใจที่จะให้ดาริกาเข้ามา ปรนนิบัติดูแลคุณศักดิ์เพราะตัวเขาไม่ค่อยแข็งแรง”

“สาไม่คิดว่าพ่อจะใจร้ายใจดำท่ากับแม่ได้ถึงขนาดนี้’’

“น้าเคยชวนให้แม่ของสามาอยู่กับน้าแต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่าจะอยู่รอ จนกว่าสาเรียนจบกลับมาเสียก่อน”

“ถ้าสารู้ว่าพ่อท่าแบบนี้ สาจะไม่มีวันยอมให้แม่ต้องทนทุกข์ใจอยู่เพียง

คนเดียว สาจะพาแม่ไปอยู่กับสา พอเรียนจบก็หางานทำที่โน่นเลย จะไม่กลับมา ให้พ่อเห็นหน้าอีกเป็นอันขาด”

“แต่ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น” คนที่ผ่านโลกมาก่อนพูดอย่างปลงตก

“คนอย่างสา ไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเราอยู่เพียงฝ่ายเดียว ถึงตอนนี้ เราจะทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้ แต่น้าพรรณไม่ต้องห่วงนะคะ สาจะพยายาม ทำทุกวิถีทางเพี่อให้คนที่ทำร้ายแม่ได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม”

ชาลิสาประกาศกร้าวพร้อมสัญญากับตัวเอง ว่านับจากนาทีนี้เป็นต้นไป หล่อนพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น เพี่อทวงคืนความยุติธรรม ชีวิต แม่ต้องได้รับการชดใช้

คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบสิบไร่ แม้จะเป็นพื้นที่นอก เขตเมืองหลวง แต่ราคาที่ดินต่อตารางวากลับถีบตัวสูงลิ่วราวกับมีไวให้คนที่มี ฐานะเช้าขั้นเศรษฐีเท่านั้นได้จับจองเป็นเจ้าของ

เช่นเดียวกับ ‘ราชศักดิ์ จารุทัศน์’ ผู้เป็นเจ้าชองคฤหาสน์ ‘เรือนตรีทิพย์’

ซึ่งผู้คนในละแวกนั้นต่างรู้จักเขาในฐานะเจ้าสัวแห่งบริษัททิพยศักดิ์ข้าวไทย จำกัด ผู้น่าด้านธุรกิจจัดจำหน่ายข้าวแบบครบวงจรรายแรกของเมืองไทย

หลังจากราชศักดิ์แต่งงานกับตรีทิพย์ได้ไม่นาน ทั้งคู่เริ่มหันมาจับธุรกิจ

ค้าข้าวจนกระทั้งประสบความสำเร็จพร้อมๆ กับให้กำเนิดทายาทชองตระกูล

จารุทัศน์ ขณะนั้นตรีทิพย์เริ่มกร้านชื้อที่นาในแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ราวพันกว่าไร่เพี่อลงมือผลิตข้าวในนามของบริษัท โดยว่าจ้างนักวิชาการด้าน

การเกษตรมาควบคุมดูแลการเพาะปลูก ปรับปรุงพันธุข้าวจนผลผลิตเป็นที่ ยอมรับชองผู้บริโภค

ช่วงระยะเวลาเพียงไม่นานกิจการที่ตรีทิพย์ทุ่มเทแรงกายแรงใจสามารถ สร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเกินความคาดหมายของทุกคน หญิงสาวเริ่มนำข้าว ไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ การปรับปรุงพันธุข้าวอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัท

ทิพยศักดิ์ข้าวไทยกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จสงสุดในขณะนั้น

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

ไฟแค้นในจิตใจของฉันถูกสายฝนแห่งความดีของผู้คนที่อยู่รอบตัวฉันดับลงนานแล้ว ฉันถึงไม่อยากให้คุณถูกเพลิงแค้นเผาไหม้จิตใจกระทั่งกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างฉัน” 
เมื่อสาวมั่นอย่างชาลิสาต้องพบกับความสูญเสียใหญ่หลวงอย่างไม่ทันตั้งตัว ชีวิตที่เคยเพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา ครอบครัวที่เคยอบอวลด้วยความรักความอบอุ่น แตกสลายในชั่วข้ามคืน เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้น กระทั่งแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก ถึงที่สุดก็พบว่า 
“ความแค้นที่ฝังแน่นในจิตใจคนเรา มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้น”…

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024