โจรกรรมรัก เล่ม 02 ตอนตะลุยโลกมหัศจรรย์

โจรกรรมรัก เล่ม 02 ตอนตะลุยโลกมหัศจรรย์

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160004249
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 “กรี๊ด...พี่โดม” บัวรินแผดเสียงแปดหลอดของเธออย่างไม่อายใคร

เมื่อเห็นมนต์มนัส คนรักหนุ่มของเธอลงมาจากห้องชุดสุดหรูของเขา

โดยสวมเสื้อยืดคอปกเรียบกริบ กับกางเกงยีนทรงเดฟสุดเท่เหมือนดารา

นักร้องขวัญใจของเธอ สร้างความหมั่นไส้ให้แก่พัฒน์ซึ่งกำลังนั่งหน้าบูด

อยู่บนเก้าอี้รับแขกในล็อบบีไม่น้อย

“นี่...อย่าให้มันเว่อร์นักได้ไหมครับคุณลิลลี่” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง

ผิวเข้ม ตัดผมทรงสกินเฮดเอ่ยพร้อมกับทำหน้าปูเลี่ยน

“โอ๊ะ” บัวริน ณ บ้านบึง ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ลิลลี่ สโรชา ณ บ้านบึง

หลังจากเข้ากรุงมาแล้ว ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากอย่างมีจริตจะก้าน “จริง

อย่างคุณพัฒน์ว่าค่ะ ลิลลี่เว่อร์ไปจริงๆ ที่เอาพี่โดมมาเทียบกับนัท เพราะ

ยังไงพี่โดมก็ไม่มีวันเทียบนัทติดอยู่แล้ว นัทของลิลลี่หล่อกว่าตั้งเยอะ”

“อ้วก” พัฒน์ทำท่าจะอาเจียนจริงๆ ก่อนจะเอ่ยข่มออกไปด้วยความ

รู้สึกหมั่นไส้จนเกินจะทน “ถ้าอย่างนัทเป็นโดม ผมก็เคนละครับ”

“เคน ทีละดอก อะสิคะ” บัวรินสวนกลับไปอย่างทันควัน พร้อมกับ

ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่เพื่อนร่วมอาชีพที่บังอาจมาล่วงเกินเทพบุตร

สุดที่รักของเธอ เล่นเอาคนฟังถึงกับสะอึกเหมือนกัน

“โห...ดูถูก ระดับผมไม่มีทีละดอกหรอกนะครับ”

“ขี้โม้” จนิสตาเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมมองคนรักด้วยหางตาอย่างปรามาส

“โธ่แจน” พัฒน์ทำหน้าเซ็ง รีบหันไปมองแฟนสาวด้วยสีหน้า

น้อยใจ “ทำไมไปเข้าข้างยายบัวเปื้อนโคลนแบบนั้นล่ะ แทนที่จะเข้าข้าง

คนรัก”

“ทีละดอก” บัวรินงึมงำเหมือนแม่มดท่องเวทมนตร์จนพัฒน์หันขวับ

ไปมอง แต่ยังไม่ทันต่อปากต่อคำอะไรก็ต้องหันกลับไปทางแฟนสาว

“ก็มันจริงนี่” จนิสตาแบะปากอย่างดูถูก ก่อนจะไหวไหล่นิดๆ

อย่างวางท่า

“โอ๊ยตาย...เสียๆ” พัฒน์ส่ายหน้าอย่างสุดเซ็ง ก่อนจะเหลือบมอง

ทรวงอกใหญ่สะบึมของคนรักอย่างกะลิ้มกะเหลี่ย แม้จะรู้ว่าภายใต้เสื้อกล้าม

รัดรูปที่มีตัวอักษร Merry X’mas ตัวโตเพราะเสื้อยืดขยายออกจนเกิน

ความจำเป็นนั้นจะเป็นซิลิโคนเสริมหน้าอกเสียเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม

“ลองพิสูจน์ดูไหมล่ะจ๊ะว่าทีละดอกจริงหรือเปล่า”

“บ้า” จนิสตากางมือแปะหน้าแฟนหนุ่มแล้วดันจนหงายด้วยความ

หมั่นไส้ สร้างความครื้นเครงให้แก่คู่รักอีกคู่ไม่น้อย

“เอาละๆ” มนต์มนัสโบกมือ “อย่ามัวเล่นกันอยู่เลยครับ ผมว่าพวก

เรารีบไปกันเถอะ มัวชักช้าอยู่เดี๋ยวไปถึงกาฬสินธุ์ค่ำมืดกันพอดี”

“โห...เฮียนัทครับ ที่สายนี่ไม่ใช่เพราะเฮียหรือครับ” พัฒน์เอ่ยอย่าง

ประชดประชัน “ผู้ชายอะไรกันครับ แม่งอาบน้ำเป็นชั่วโมง เฮียจะสำอาง

ไปถึงไหนกันครับเฮียโดม ปกรณัม”

“เคน ทีละดอก” บัวรินงึมงำเหมือนสาวยิปซีสะกดจิตสวนขึ้นมา

ทันควัน ทำเอาพัฒน์ถึงกับหันไปเหลือบมองแล้วส่งค้อนให้ แต่พอจะ

อ้าปากสวนก็ถูกแฟนสาวเบรกเอาไว้เสียก่อน

“ใครจะเหมือนคุณล่ะ พอหนาวค่อยหาเรื่องซักแห้ง นี่ไม่อาบน้ำมา

กี่วันแล้วล่ะ” จนิสตาแหนบเข้าให้ที่ต้นแขน

“อุ๊ย” ชายหนุ่มสะดุ้ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างบ้าจี้ว่า “สามวันเอง”

มนต์มนัสทำหน้าแสยง “คุณพัฒน์ทนได้ไงตั้งสามวัน ผมนะถ้า

ไม่ได้อาบน้ำวันละสองหนนี่มันจะคันคะเยอไปทั้งตัวเลย”

“โถ...พ่อผิวบาง” พัฒน์บ่นพึม “อย่างนี้ถ้าหลงป่าไม่มีน้ำอาบจะ

ทำยังไงครับ”

“ผมไม่ชอบเที่ยวป่า ไม่หลงหรอก”

“แล้วถ้า ‘นาย’ สั่งให้ไปทำภารกิจในป่าล่ะ” หนุ่มซักแห้งไม่ลดละ

“หยุด” บัวรินส่งเสียงแหลมปรี๊ดพร้อมกางห้านิ้วยื่นไปเกือบจะทิ่ม

เข้ารูจมูกของพัฒน์

“อะไรของเธอ” ชายหนุ่มผงะจนแทบหงาย

“ห้ามเอ่ยถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใครเด็ดขาด” เจ้าหล่อนปรับเสียงสูง

ลงมาเป็นทุ้มต่ำเคร่งเครียด ตาเหลือกเหมือนพวกผีสาวในโทรทัศน์กำลัง

อาฆาตแค้นศัตรู “งานแต่งงานของฉันต้องเลื่อนมาเป็นสิบรอบภายในสองปี

ก็เพราะตานั่น ฉะนั้นห้ามพูดถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใครเด็ดขาด เดี๋ยวพ่อโทร.

มาอีกเป็นต้องได้เลื่อนการไปดูฤกษ์แต่งงานที่กาฬสินธุ์กันพอดี”

“ปิดมือถือเลยดีไหมจ๊ะ” มนต์มนัสเสนอพร้อมส่งยิ้มหวานให้คนรัก

จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเป็นการประเดิม

“ดีจ้ะ” บัวรินปรับสายตาเป็นหวานหยาดเยิ้มแทบจะทันที ใบหน้า

ขึงขังอย่างผีสาวกลายเป็นนางฟ้าไปในบัดดล ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือ

ออกมาบ้าง ซึ่งความจริงมันเป็นโทรศัพท์ที่มีขนาดเล็กและบาง แต่เพื่อ

ความเก๋ไก๋ เธอก็ดันไปหาปลอกรูปกระต่ายสีชมพูที่มีหางฟูฟ่องและหูยาว

เฟื้อยจากตลาดนัดมาสวมเสียจนมันใหญ่เทอะทะ จากนั้นก็จัดการปิดเครื่อง

ตามอย่างคนรักโดยไม่อิดออด

“ก็ดีเหมือนกันว่ะ” พัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตาม ก่อนจะหันไปหา

จนิสตา “คุณปิดด้วยสิ”

“ฉัน...เอ่อ...ลืมเอามา” หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ

“เอ้า ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลยดีกว่า” พัฒน์ลุกขึ้นแล้วโบกมือ

“เดี๋ยวๆ” บัวรินยกมือห้าม

“อะไรอีกล่ะเจ๊”

“วันนี้เอารถคันไหนมา” หญิงสาวจีบปากจีบคอถามอย่างหวั่นๆ

พัฒน์ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาวเรียงตัวกันครบสามสิบสองซี่ ก่อนจะ

ตอบอย่างหนักแน่นว่า “ไอ้เหลืองว่างตลอดศกไง”

 

รถตู้สีเหลืองสดเคลื่อนตัวมาถึงบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่งกลางสวนลึก

ก็เป็นเวลาค่ำแล้วอย่างที่มนต์มนัสเอ่ยปากเอาไว้จริงๆ แต่เหตุผลของการ

ล่าช้าในครั้งนี้หาใช่เพราะออกเดินทางช้ากว่ากำหนด หรือเป็นเพราะ

การจราจรติดขัดแต่อย่างใด...

“พอกันทีกับไอ้รถคันนี้” บัวรินบ่นอุบจนมนต์มนัสรู้สึกแปลกใจ

เพราะแฟนสาวของเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ ซึ่งผิดกับคราวนี้ที่ดู

จะหงุดหงิดงุ่นง่านมาตลอดทางชอบกล

“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ...ที่รัก”

“ไอ้รถคันนี้มันว่างตลอดศกก็จริงอยู่นะคะที่รัก” เธอจีบปาก

จีบคอพูดพลางเหลือบมองสารถีหน้าทะเล้นด้วยความเคืองไปพร้อม

กัน “แต่ลิลลี่ว่า ถ้าวิ่งสิบกิโลทีต้องลงไปเติมน้ำในหม้อน้ำสิบนาทีมัน

ก็ไม่ไหวนะคะ แทนที่จะมาถึงที่นี่บ่ายสองบ่ายสามกลับต้องมาถึงเอาป่านนี้

ถ้าอาศรมของอาจารย์ก๋อยปิด ลิลลี่มิต้องอดมีผัว...อุ๊ย”

บัวรินสะอึก รีบยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะรำพึง

ในใจว่า ‘สตรอว์เบอร์รี’ จนปากฉีกยิ้มกว้างแล้วจึงลดมือลง แก้คำเสีย

ใหม่ให้ดูไฮโซขึ้นอีกนิด “ถ้าอาศรมปิด ลิลลี่มิต้องอดเข้าพิธีวิวาห์กับ

เทพบุตรสุดที่รักของลิลลี่หรือคะ”

“ก็คืออยากมีผัวนั่นแหละ” พัฒน์งึมงำจนโดนจนิสตาที่นั่งข้างๆ

ถองเอา

มนต์มนัสหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูคนรัก “แหม รอมาได้สองปี

เสียเวลาอีกแค่สองสามชั่วโมงจะเป็นอะไรไปล่ะจ๊ะ”

“นั่นสิ” พัฒน์เสริมขึ้นอย่างเอาตัวรอด เพราะรถคันนี้เขาเป็น

คนยืมมาจากวัดที่เขาอาศัยอยู่ “คนอื่นเขาขับกันมาเจ็ดแปดชั่วโมงเอง

นี่ผมแถมให้อีกตั้งสามชั่วโมง ไม่พอใจอะไรอีกล่ะครับคุณลิลลี่”

“ขอบคุณ” หญิงสาวค้อนปะหลับปะเหลือก “วันหลังของแถม

ไม่ต้องนะคะ ลิลลี่ว่าคุณพัฒน์หาเวลาเอาไอ้เหลืองคันนี้ไปซ่อมหม้อน้ำ

ดีกว่านะ ไม่ใช่มัวแต่ไปเที่ยวทำหน้าหม้ออยู่”

“โห...” พัฒน์ทำท่าฮึดฮัด อ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าวันนี้คนสวย

มือใหม่จะสวนเขาอย่างเจ็บแสบมาหลายครั้งแล้ว และทำท่าจะสวนกลับ

แต่จนิสตารีบเอามือปิดปากห้ามเอาไว้

“แจนว่าเรารีบเข้าไปในอาศรมกันดีกว่าค่ะ ขืนเถียงกันต่อไป รับรอง

ว่าไม่ทันจริงๆ แน่”

“ดีเหมือนกัน” มนต์มนัสเอ่ย ก่อนจะเปิดประตูแล้วชะโงกมองผ่าน

สวนที่รกครึ้มไปถึงตัวบ้าน เมื่อประกอบกับบรรยากาศยามโพล้เพล้แล้ว

ก็ทำเอารู้สึกวังเวงอย่างไรชอบกล “เอ...ว่าแต่อาจารย์ก๋อยอะไรเนี่ย

เขาเชื่อถือได้จริงๆ เหรอ”

“เชื่อได้สิคะ น้าชายของลิลลี่ที่เคยทำนายว่าลิลลี่เป็นอดีตขัตติยนารี

ผู้สูงส่งมาเกิดในท้องของคุณแม่การันตีมาเองเลยนะคะ น้าชายบอกว่า

ถึงแม้อาจารย์ก๋อยจะเพิ่งมีชื่อเสียงมาได้ไม่ถึงปี แต่คนก็นับหน้าถือตา

กันเยอะ เพราะได้วิชามาจากอาจารย์คงที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ

อยู่แล้วด้วย แล้วของวิเศษของแกก็แปลกไม่เหมือนใครด้วยนะคะ” บัวริน

ตอบยาวเหยียด

    “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเถอะ อยากมีเมียเต็มแก่แล้วเหมือนกัน” พัฒน์

เอ่ยก่อนจะสะดุ้งเมื่อถูกแฟนสาวหยิกกลางหลัง

เมื่อทุกคนลงจากรถและกำลังจะเดินเข้าไปในบริเวณอาศรม พัฒน์

ก็ชี้ชวนให้ดูป้ายที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ แปะอยู่ที่รั้วว่า ‘Midnight

Sale for Christmas’

“แม่งมีมิดไนต์เซลตามเทศกาลเสียด้วย โคตรอินเทรนด์เลยว่ะ”

“พูดมากจริง รีบเข้าไปกันเถอะ” จนิสตาแหนบเข้าให้อีกครั้ง

“โธ่ที่รัก รีบทำไมล่ะ กว่าจะเที่ยงคืนก็อีกตั้งสี่ห้าชั่วโมง”

“เอ๊ะ” เสียงบัวรินดังขัดขึ้นเมื่อเธอเห็นร่างสองร่างอันคุ้นตากำลัง

เดินถกเถียงกันใกล้เข้ามา เธอสังเกตเห็นว่าคนหนึ่งมีรูปร่างอ้วนเตี้ย

ส่วนอีกคนท้วมๆ ทั้งยังส่งเสียงสำเนียงใต้ดังโหวกเหวก จึงเอ่ยถามคนอื่น

เพื่อความแน่ใจ “นั่นโกติก้ากับเอกนรีหรือเปล่า”

“เถียงกันแบบนี้ ตัวจริงเสียงจริงเลยละ” พัฒน์ตอบ ก่อนจะยกมือ

ขึ้นแล้วตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง “ไฮ...โกติ๊ เอกนรี”

“ต๊ายตาย คุณพัฒน์ คุณมณี คุณแจน” ทั้งสองร้องทักด้วยความ

ดีใจที่ได้พบเพื่อนเก่าอีกครั้ง หลังจากพวกเขาหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ

สองปีก่อนในวันประกวดมิสเรนโบว์ยูนิเวิร์สที่โรงละครของเดอะเรนโบว์

บัวรินตกใจเล็กน้อยที่เพื่อนทั้งสองไม่ยอมทักเธอ ทั้งๆ ที่เธอเป็น

คนเห็นพวกเขาก่อนใคร แต่ด้วยความที่มีหัวใจเป็นนางเอกตลอดเวลาจึง

คิดว่า สำหรับเพื่อนๆ แล้ว เธอคงเป็นคนพิเศษที่จะต้องทักเป็นคนสุดท้าย

เหมือนพวกกินบะหมี่แล้วทิ้งลูกชิ้นเอาไว้กินตอนท้ายนั่นแหละ จึงพึมพำ

ด้วยคำใหม่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมาว่า ‘สตรอว์เบอร์รี’ ซึ่งสามารถเรียกรอยยิ้ม

พิมพ์ใจได้ทุกสถานการณ์ ไม่เว้นสถานการณ์เช่นนี้

“อุ๊ยตาย...ลิลลี่” ทั้งโกติก้าและเอกนรีเอ่ยพร้อมเพรียงกัน “โถ...

มืดๆ สลัวๆ แบบนี้ถ้าเธอไม่ยิ้มฉันสองคนไม่เห็นเธอจริงๆ นะเนี่ย”

‘สองคนนี้คงหมายถึงว่า เรามีรอยยิ้มที่งดงามและโดดเด่นกว่า

ใบหน้าที่สวยสมกับเป็นดาวมหา’ลัยอยู่แล้วแน่ๆ แหมคำว่าสตรอว์เบอร์รี

นี่มันได้ผลจริงๆ’ บัวรินคิดในใจพร้อมกับฉีกยิ้มต่ออย่างไม่กลัวเหงือกแห้ง

“เธอสองคนมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ” มนต์มนัสแสร้งจีบปากจีบคอ

ถาม เพราะสองคนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นตำรวจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแมน

เต็มร้อย

“มาหาอาจารย์กลอย...เอ๊ย...ก๋อยน่ะสิ”

“ขอหวยเหรอ” พัฒน์เอ่ยถามเสียงห้วน

“นั่นก็ด้วย แต่นังดำมณีนี่มันมีเรื่องร้อนใจเกี่ยวกับผัวมัน” โกติก้า

พยักพเยิดไปทางเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทางเพศอย่างนึกเคืองเรื่องที่

ถกเถียงกันค้างอยู่

“แหม...มึงไม่มีปัญหากับผัวหรือไงอีช้างน้ำตกมัน”

“อ้าว...กูพูดดีๆ ทำไมมึงต้องมาด่ากูด้วยล่ะ...อีลูกเนียง”

เอกนรีถึงกับเลือดขึ้นหน้า ยกมือขึ้นง้าง “มาตบกันเลยไหมล่ะ

อีคางคกพองลม”

“เอาซี่...อีดาวนิล”

“เดี๋ยวๆๆ” บัวรินรีบเข้าไปห้ามทัพตามหน้าที่นางเอกที่แสนดี

“ขอทีเถอะค่ะ นานๆ เจอกันทีอย่าทะเลาะกันออกสื่อเลยนะคะ”

“ยุ่งอะไรยะ นังตับเป็ด” ทั้งคู่เลิกเถียงกันและหันมาตวาดใส่บัวริน

อย่างพร้อมเพรียงกัน

บัวรินยังคงยิ้มแฉ่ง เพราะเคยรู้มาว่า ‘ตับเป็ด’ เป็นอาหารเลิศหรู

ไฮโซในภัตตาคารใหญ่ๆ เธอนี่ช่างเป็นที่รักของเพื่อนจริงๆ ทั้งที่พวกเขา

กำลังทะเลาะกันอยู่ก็ยังมีอารมณ์เทิดทูนความงดงามของเธอ แล้วนำไป

เปรียบกับตับเป็ดได้

“เอาละๆ มัวทะเลาะกันอยู่ได้ เลยไม่รู้เรื่องกันพอดี” พัฒน์เอ่ยอย่าง

ไกล่เกลี่ย เพราะเห็นจะเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไปแล้ว

“ตกลงโกติ๊มาหาอาจารย์ก๋อยเรื่องอะไร”

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"โจรกรรมรัก เล่ม 02 ตอนตะลุยโลกมหัศจรรย์" นำเสนอเรื่องราวของ "พัฒน์"  "จนิสตา"  "มนต์มนัส" และ "บัวริน" ที่สวมวิญญาณตำรวจตามจับอาชญากรข้ามชาติถึงโลกดึกดำบรรพ์อันเป็นจุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนชวนปวดหัว การผจญภัยในโลกเพี้ยนๆ ก็เป็นเรื่องยากแล้ว แต่การหาทางกลับโลกปัจจุบันพร้อมลากตัวมาเฟียจอมโหดไปด้วยนั้นสาหัสกว่า ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องผ่านการทดสอบทั้งทางร่างกายและจิตใจในรูปแบบพิสดาร เพื่อพิทักษ์หัวใจไม่ให้ถูกโจรกรรม !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "โจรกรรมรัก 02 ตอนตะลุยโลกมหัศจรรย์" เล่มนี้

เขียนโดย "เก้าแต้ม" "ซ่อนกลิ่น" "นภาสรร" "แพรณัฐ" "วาริส" "ร่มแก้ว" "อิสย่าห์" "อุมาริการ์"

 

392 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024