เพรงมายา (มุกเรียง)

เพรงมายา (มุกเรียง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160005352
ผู้แต่ง: มุกเรียง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวรูปหัวใจน้ำงามพิสุทธิ์ ตัวเรือนทำจากทองคำขาวแวววาว เลื่อนอย่างเชื่องช้าจากปลายนิ้วเรียวยาวไปยังโคนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่มองตามด้วยประกายตาระริกเพราะความตื้นตัน หล่อนไม่ได้ตื่นเต้นกับขนาดเพชรบนเรือนแหวน แต่ตื้นตันยินดีเพราะคนที่สวมให้คือคนที่หล่อนรักมากที่สุด และรู้ว่าคิดไม่ผิดที่จะฝากชีวิตไว้กับเขา

 น้ำตาแห่งความปีติเริ่มเอ่อคลอแล้วไหลออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อชายหนุ่มก้มลงจุมพิตหลังมือขาวนวลเนียนอย่างแผ่วเบา เมื่อเขาปล่อยมือหล่อน หญิงสาวก็ประนมมือแล้วกราบลงที่อกของเขาอย่างซาบซึ้งใจ ชายหนุ่มรับไหว้ รวบมือของหล่อนมากุมเอาไว้แนบอกแล้วกระซิบคำรัก

 “ผมรักมูนครับ” คำหวานจากปากกับแววตาหวานซึ้งตรึงนัยน์ตาหล่อนเอาไว้ยามเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตา สายใยรักระหว่างหล่อนกับเขาบางเบาแต่เหนียวแน่นเพราะคบหากันมาเนิ่นนาน ความรู้สึกกำลังถ่ายทอดผ่านแววตาแล้วซึมเข้าสู่ดวงใจ เติมความรักที่มีอยู่เต็มจนแทบจะล้นปรี่

สองคนประสานสายตากันนานจนมีเสียงกระแอมเบาๆ ดังขึ้น หญิงสาวรีบละสายตาจากคู่หมั้นหมาดๆ ของหล่อนอย่างขัดเขิน ก่อนจะนิ่งงันเมื่อมองข้ามไหล่ชายหนุ่มไปสบเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่ง

“มูน”

“คะ” เสียงกระซิบเบาๆ ทำให้หล่อนได้สติจึงรีบขานออกไป แล้วหันมาสบตาชวินคู่หมั้นที่กระซิบเรียก

“มองอะไรคะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะเห็นคู่หมั้นสาวมองข้ามไหล่เขาไปอย่างสนใจ เขาเรียกตั้งหลายครั้งกว่าหล่อนจะรู้สึกตัวแล้วเลื่อนสายตากลับมา

“ไม่มีอะไรค่ะ” สิตางศุ์บอกปัดพร้อมส่ายหน้าช้าๆ ก่อนหันไปยิ้มให้กล้องเมื่อได้ยินเสียงเร่งเร้า

การถ่ายรูปดำเนินไปพักใหญ่เพราะญาติมิตรและเพื่อนฝูงต่างหวังมีรูปในงานมงคลของทั้งสองไว้เป็นที่ระลึก จนต่างพอใจก็แยกย้ายกันไปรับประทานอาหาร แขกในงานเป็นญาติและเพื่อนสนิทของทั้งคู่ซึ่งถือเป็นคนกันเองทั้งนั้น งานหมั้นของหล่อนจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้าน สนามหน้าบ้านก็กว้างพอสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ที่จัดเลี้ยงมื้อกลางวันแบบบุฟเฟต์ มีทั้งอาหารจีน ไทย ที่สั่งมาจากร้านอาหารที่คนในบ้านเชื่อฝีมือและชื่นชอบรสชาติอาหาร

สิตางศุ์อาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้านที่ติดกับบ้านของชวินซึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง เพราะบิดามารดาของเขาเสียชีวิตไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน เรียกได้ว่าสองคนเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนก่อเกิดความผูกพันแล้วพัฒนาขึ้นเป็นความรักเมื่อเข้าวัยหนุ่มสาว และเพราะต่างรู้นิสัยใจคอกันดี เมื่อถึงเวลาอันสมควร ต่างมีงานมีการทำมั่นคงดีแล้ว บิดามารดาของสิตางศุ์จึงยินดีและเต็มใจที่จะรับชวินมาเป็นลูกเขย โดยทั้งสองหมั้นกันในวันนี้แล้วค่อยหาฤกษ์แต่งงานทีหลัง

ระหว่างรอชวินไปตักอาหาร สิตางศุ์ก็กวาดตามองพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนฝูงและญาติมิตรที่เอ่ยแสดงความยินดีทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าหล่อนไป หญิงสาวกวาดตามองแล้วสะดุดกับนัยน์ตาคู่เดิมที่เห็นตอนอยู่ในโถงทำพิธี แววแปลกใจฉายขึ้นบนใบหน้ารูปไข่ จนต้องลุกขึ้นสาวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าของดวงตาที่กำลังมองอยู่ หล่อนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรไปก่อน แม้อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตอบ ทว่าไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด หล่อนจึงเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ้ะ หนูชื่ออะไรคะ” สิตางศุ์ย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กหญิงหน้าตามอมแมมที่ยืนแอบอยู่ตรงมุมบ้าน เด็กคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ชะเง้อมองหล่อนตอนทำพิธีหมั้นในห้องโถง

“สวยจัง” เด็กหญิงไม่ได้ตอบคำถามของสิตางศุ์ แต่เอื้อมมือเล็กๆ เหี่ยวๆ ไปจับชายสไบลูกไม้เนื้อดีของชุดไทยประยุกต์แบบแขนเดียว ตัดเย็บด้วยผ้าสุโขทัยลายข้าวหลามตัดทั้งชุด ตัวกระโปรงตัดเย็บแบบจีบหน้านาง ชายพกแบบใบพัด คาดเข็มขัดสามห่วงหัวทรงข้าวหลามตัดประดับด้วยพลอยสีเทา เข้ากับสร้อยคออุบะทรงเดียวกัน

เพียงไม่นานแววตาชื่นชมของเด็กหญิงก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อปล่อยมือจากสไบลูกไม้ แล้วหันหลังวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน

“อ้าว! เดี๋ยวสิหนู” สิตางศุ์ได้แต่ยกมือห้ามค้าง เพราะเด็กหญิงร่างผอมแกร็นวิ่งเร็วจนลับหายไปที่มุมบ้านและต้นไม้ในสวนเสียแล้ว

‘ลูกใครกัน’ หล่อนคิดอย่างสงสัย

“มูน อยู่นี่เอง” เสียงอบอุ่นเสมอสำหรับเจ้าของชื่อดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหล่อนหันมาก็เกือบชนกับเจ้าของเสียงที่เข้ามายืนจนชิด

“อุ๊ย! วินนะ” สิตางศุ์พ้อด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดเพราะรู้ว่าแฟนหนุ่มแกล้ง ยิ่งเห็นรอยยิ้มกริ่มยิ่งหมั่นไส้ หล่อนผลักอกเขาเบาๆ แต่เขากลับรวบมือหล่อนไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งปลายแหลมเกือบสัมผัสแก้มนวลที่หล่อนเอียงหนี พร้อมแหวกลับเบาๆ

“ไม่เอานะวิน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า มูนอายเค้านะ”

“เห็นก็ช่างสิ ใครๆ ก็รู้ว่าเรารักกัน เป็นคู่หมั้นกันแล้วด้วย” ชวินไม่ฟังเสียง ซ้ำยังพยายามจะหอมแก้มนวลเปล่งปลั่งของสิตางศุ์ให้ได้ แต่เมื่อหล่อนทำหน้างอปากยื่น เขาก็รีบหยุดการกระทำของตัวเองทันที

“จ้ะๆ ไม่แกล้งแล้วครับผม” ชวินบอกพร้อมกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ยังไม่ปล่อยมือเล็กเรียวที่กุมอยู่ เขาบีบมือหล่อนแน่นขึ้นเมื่อลดมือจากระดับอกเปลี่ยนเป็นการจูง แล้วเอ่ยชวน “ไปทานอาหารกันดีกว่า ผมตักมาให้แล้ว”

สิตางศุ์ไม่พูดอะไรแต่เดินตามเขาไปโดยดี ชวินน่ารักตรงรู้อะไรควรไม่ควร แม้จะขี้เล่นชอบแกล้ง แต่ถ้าเห็นและรู้ว่าหล่อนไม่ชอบเขาก็จะหยุดทันที แล้วเขายังเป็นคนช่างสังเกต จึงรู้ได้ทันทีว่าควรหยุดหรือเย้าต่อได้

“มูนมาทำอะไรตรงนี้ครับ” เขาถามอย่างแคลงใจเมื่อออกเดินได้สองสามก้าว

“มูนเห็นเด็กผู้หญิงผอมๆ มายืนแอบอยู่เลยเข้ามาดู ไม่รู้ลูกใครหลานใคร”

“เด็กหรือจ๊ะ” ชวินก้มลงสบตาหล่อน ในขณะที่สิตางศุ์ซึ่งสูงระดับไหล่เขาเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตาเขาพอดี หล่อนพยักหน้าก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเวทนา

“ผิวคล้ำๆ ผอมแกร็น จะว่าลูกคนแถวนี้มูนก็ไม่คุ้นหน้า”

“เด็กผู้หญิงหรือ หลานยายแตงละสิ”

“แตงพาหลานมาด้วยหรือคะ” สิตางศุ์หายสงสัยทันที ยายแตงหรือแตงโมที่เอ่ยถึงคือเพื่อนและญาติของชวินที่สนิทสนมกันดีเพราะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ระหว่างเรียนหนังสือแตงโมมาพักที่บ้านของชวินจนเรียนจบ แล้วย้ายออกไปอยู่ใกล้ที่ทำงานเพื่อความสะดวกในการเดินทางหลังได้ที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง แต่ยังแวะเวียนมาช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านช่องให้ เพราะเห็นใจที่หนุ่มโสดอย่างชวินต้องอยู่บ้านตามลำพัง แม้จะจ้างคนมาทำความสะอาดสัปดาห์ละสามครั้งก็ตามที

แตงโมนั่งยิ้มรอทั้งสองอยู่ที่โต๊ะพร้อมจานอาหารที่ชวินตักมาวางไว้ก่อนไปตามหาสิตางศุ์ หล่อนจึงเหมือนนั่งเฝ้าจานอาหารให้ทั้งสองคนไม่ให้แมลงวันมาตอม แตงโมมองสองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้อย่างชื่นชมในความเหมาะสม แม้ทั้งคู่จะมีรูปร่างหน้าตา ฐานะและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน แต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัวและน่าชื่นชม

ทุกครั้งที่ชวินลุกเป็นไฟ สิตางศุ์จะกลายเป็นน้ำไหลเย็น เมื่อสิตางศุ์เป็นพายุ ชวินก็พร้อมจะเป็นสนที่ลู่ตามลมได้ทันที ทั้งสองจึงประคองความรักกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่น้อยครั้งมากที่ชวินจะเป็นคนเปลี่ยนตามอารมณ์ เขาพยายามยอมให้สิตางศุ์จนถึงที่สุด ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้บิดามารดาของสิตางศุ์เห็นว่าจะฝากฝังลูกสาวไว้ได้

“อ้าว! จะไปไหนน่ะแตง” สิตางศุ์ถามด้วยความแปลกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ก่อนลุกขึ้นพร้อมยกจานอาหารเมื่อพวกหล่อนเดินเข้ามาถึง

“ไม่อยากเป็นกอขอคอ” แตงโมบอกยิ้มๆ จึงถูกสิตางศุ์ย่นจมูกใส่ ก่อนแกล้งไล่ส่ง

“ถ้าอย่างนั้นรีบไปไกลๆ เลยนะ”

แตงโมหัวเราะคิกที่เพื่อนประชด ก่อนยกจานในมือให้ดู

“เอาไปให้เด็กน้อย ป่านนี้คงหิวแล้ว”

“ทำไมไม่พามากินที่นี่ล่ะแตง” ชวินเอ่ยขึ้น

“ชวนแล้ว บอกคนเยอะไม่อยากมา เลยให้ดูทีวีอยู่ในบ้าน ไปก่อนนะ” แตงโมบอก ก่อนขอตัวเดินถือจานอาหารและขนมกลับไปให้เด็กที่พูดถึงซึ่งรออยู่ในบ้านของชวิน

งานเลี้ยงฉลองหมั้นของทั้งสองเลิกราเมื่อแขกคนสุดท้ายกลับไปตอนบ่ายแก่ กว่าจะเก็บกวาดสถานที่และเก็บข้าวของเสร็จก็เย็นค่ำ แต่ไม่มีใครเหน็ดเหนื่อย กลับรู้สึกอิ่มเอมมีความสุขไปกับงานมงคลของทั้งสองครอบครัว ตอนค่ำเพื่อนสนิทของทั้งสองที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีในตอนกลางวันได้นัดเลี้ยงฉลองให้ทั้งสองอีกครั้ง ซึ่งงานนี้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ไปร่วมด้วย เพราะอยากให้เด็กๆ สนุกสนานกันอย่างเต็มที่

เกือบตีสองหลังงานฉลองในผับเล็กๆ เลิกรา รถยนต์สีขาวแล่นฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมา สองคนในรถนั่งคุยกันกะหนุงกะหนิงโดยไม่รู้เบื่อถึงความสุขและความสนุก แล้วแถมท้ายด้วยการเสียดายแทนคนที่ไม่ยอมไปด้วย

“ถ้าแตงรู้ต้องอิจฉาแน่ๆ”

“ทำไงได้ล่ะ กลายเป็นแม่ลูกติดไปแล้ว”

“ทำไมไม่เคยได้ยินใครพูดถึงหลานคนนี้ล่ะวิน”

“ญาติห่างๆ จ้ะ เรียกว่าห่างมากๆ ก็ได้ จะว่าไปแล้วผมกับแตงแทบจะไม่รู้จักครอบครัวของมะปรางเลย มาเห็นมะปรางก็ตอนที่รู้ว่าทั้งพ่อและแม่ถูกรถชนตายแล้วแตงไปงานศพแทนอาสุขกับอาบัว ญาติใกล้ชิดคนเดียวของมะปรางที่เหลืออยู่คือปู่ที่บวชเป็นพระ ท่านเป็นคนจัดการงานศพ ส่วนตัวมะปรางเอง ทีแรกท่านก็คิดจะลาสิกขามาดูแลจนกว่าจะโต แต่มีหลายเสียงคัดค้านเพราะความตั้งใจเดิมของท่านคือจะอยู่ในผ้าเหลืองไปตลอดชีวิต มีคนเสนอให้ญาตินำมะปรางไปอุปการะ” ชวินเล่าเนิบนาบ

“แตงก็เลยรับมาเลี้ยงเสียเอง” สิตางศุ์ต่อให้แล้วหัวเราะเบาๆ ชวินก็หัวเราะไปกับหล่อนด้วยเพราะมันเป็นเรื่องจริง และดูเหมือนแตงโมจะรักและเอ็นดูมะปรางเอามากๆ ไม่อย่างนั้นมีหรือที่สาวโสดวัยทำงานเช่นหล่อนจะรับมะปรางเป็นลูกบุญธรรม พามาส่งเสียให้เรียนหนังสือและให้เรียกว่าแม่แตง ทั้งที่พ่อกับแม่ของหล่อนพยายามให้เลี้ยงในฐานะหลาน

“เดี๋ยวเข้าบ้านผมก่อนแล้วผมค่อยเดินกางร่มไปส่งมูนแล้วกันนะครับ” ชวินบอกเมื่อเลี้ยวรถเข้าซอย

“ว้าย!” สิตางศุ์ร้องเสียงหลงแล้วเอามือปิดหน้าอย่างตกใจ

“อะไรมูน” ชวินถามทันควันเมื่อจู่ๆ คู่หมั้นสาวก็ร้องอย่างตกใจขึ้นมาตอนเขาเลี้ยวรถ ก่อนนำรถเข้าจอดข้างทางแล้วแตะมือที่หล่อนใช้ปิดหน้าอยู่

“เป็นอะไรครับ”

สิตางศุ์ลดมือลงแล้วมองไปที่หน้ารถ ก่อนกวาดตามองไปรอบๆ จนมาหยุดที่แววตาอาทรของชวินที่กำลังมองมา

“เอ่อ...” หล่อนอึกอักที่จะบอกว่าร้องตกใจเพราะเห็นคนวิ่งผ่านหน้ารถอย่างกระชั้นชิด และคิดว่าชวินต้องชนร่างนั้นเป็นแน่ แต่หล่อนกลับไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกหรือการหยุดรถอย่างกะทันหันแต่อย่างใด รับรู้แต่ความอุ่นจากมือและเสียงถามอย่างอาทรของเขา หล่อนจึงบอกไปว่า

“มูนเห็นนกหรืออะไรไม่รู้บินผ่านเลยตกใจค่ะ”

“โถ คิดว่าอะไร” ชวินยกมือขึ้นยีผมหล่อนอย่างเอ็นดู แล้วขยับไปนั่งตัวตรงบังคับให้รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าคนนั่งข้างที่บอกออกมาแบบนั้นกำลังใจเต้นแรงเพราะยังไม่คลายความตกใจ ไม่นานนักรถก็แล่นมาถึงหน้าบ้าน ชวินเปิดประตูรถ ก้าวลงมาพร้อมร่มแล้วเดินอ้อมไปรับสิตางศุ์เพื่อเดินไปส่งที่บ้าน

สิตางศุ์ลงมาจากรถแล้วอดที่จะมองเข้าไปในบ้านของชวินที่เปิดไฟอยู่ไม่ได้ ก่อนสะดุดตากับนัยน์ตาแวววาวตรงระเบียงห้องชั้นสอง จนต้องกะพริบตาแล้วมองใหม่อีกครั้งเพราะคิดว่าดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ซ้ำฝนก็ยังตกพรำๆ เด็กที่ไหนจะมายืนอยู่ตรงนั้น...เด็กหรือ สิตางศุ์ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมั่นใจว่าเป็นเด็ก แต่หลังจากกะพริบตาและมองให้ชัดอีกครั้งก็เห็นแต่ระเบียงชั้นสองที่ว่างเปล่า

“อะไรจ๊ะ” ชวินถามเพราะเห็นว่าแฟนสาวมองไปที่ระเบียงห้องนอนของเขาอย่างสนใจ แต่หล่อนหันมาสบตาเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"เพรงมายา มุกเรียง" นำเสนอเรื่องราวของ "คู่หมั้นคู่หนึ่ง" ที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ระทึกขวัญจากสิ่งลี้ลับที่หมายชีวิต และมันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าพวกเขาจะตายตกไปตามกัน ตั้งแต่ได้พบเจอเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งญาติสาวของ "ชวิน ธำมรงค์" คู่หมั้นรับมาเลี้ยง "สิตางศุ์ ศรัทธาธรรม" ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ชวนขวัญผวามากมาย เธอเริ่มตาฝาดเห็นภาพน่ากลัวบ่อยครั้ง และฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอไม่รู้จักหมายเอาชีวิตก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะถูกฆาตกรรม ความฝันนั้นชัดเจนขึ้นทุกคืนจนเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ ขณะเดียวกัน คนรอบข้างของเธอก็ประสบเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว กระทั่งสิตางศุ์ไปพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งติดประกาศขายเอาไว้ และเหมือนมีอะไรดลใจให้เธอกับคู่หมั้นตัดสินใจจะซื้อไว้ทำเรือนหอทั้งที่บ้านหลังนั้นทรุดโทรมและรกเรื้อไปด้วยต้นไม้ ซ้ำเหตุการณ์ยังชักนำให้พวกเขาวนเวียนกลับไปที่บ้านหลังนั้นอยู่บ่อยครั้ง !! 

ณ บ้านหลังหนึ่ง เด็กหญิงคนหนึ่ง และความฝัน ทำให้ชีวิตของสิตางศุ์ไม่สงบสุขอีกต่อไป มีอะไรบางอย่างคอยตามเธอกับคู่หมั้นอย่างอาฆาตแค้นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่มันต้องการคืออะไร และเพราะเหตุใดถึงตามก่อกวนชีวิตของเธอ นั่นคือสิ่งที่เธอต้องหาคำตอบ !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "เพรงมายา" เล่มนี้

เขียนโดย "มุกเรียง"

 

312 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024