วิมานเมฆา (ณารา)

วิมานเมฆา (ณารา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160023189
ผู้แต่ง: ณารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ยามบ่ายของต้นฤดูหนาว อากาศในกรุงเทพมหานครยังคงร้อนจัด

หากภายในสนามบินสุวรรณภูมิยังคงเย็นฉ่ำเหมือนเช่นปกติ ไม่ว่าจะฤดูไหน

ก็ยังคงอุณหภูมิเช่นนี้ตลอดทั้งปีทั้งชาติ และเป็นเรื่องปกติอีกเช่นกันที่

จะมีเสียงผู้คนดังจ้อกแจ้กจอแจ ประสานกับเสียงประกาศของสายการบิน

ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่น่าเวียนหัว ทว่าความวุ่นวายเหล่านั้นไม่ได้กระทบต่อ

หญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องผู้โดยสารขาออกสักเท่าใด หญิงสาว

สามและชายสวยอีกหนึ่งกำลังยืนร่ำลากันเหมือนอย่างกลุ่มอื่นๆ ที่เตรียม

จะเดินทาง หลายคนร้องไห้ อาลัยอาวรณ์เพื่อนหรือญาติพี่น้องที่กำลังจะ

เดินทาง ต้องห่างหายกันไปหลายปี หลายกลุ่มหัวร่อต่อกระซิก มาส่งเพื่อน

ที่กำลังจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศ อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอกันอีกครั้งจึงไม่ได้โศกเศร้าอะไร

เช่นเดียวกับพุธิตาและเพื่อนๆ ที่หน้าตาสดใส โดยเฉพาะคนเดินทาง

ซึ่งหันมาบอกเพื่อนร่วมงานบริษัทเดียวกัน ด้วยท่าทางที่คนเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่ง

 

มือที่โบกไหวๆ ท่าทางโก้หรู มองเพื่อนๆ ด้วยหางตา มักออกอาการ

เหนื่อยหน่ายใจ ประหนึ่งเห็นคนอื่นเป็นพวกที่ต่ำต้อยกว่า ได้สร้างความ

รำคาญใจจนสุดพรรณนา นี่ถ้าไม่ติดที่ชัชนันท์ขอร้องให้ขับรถมาส่งละก็พวกเธอคงไม่มีวันมา

“ไปละนะพวกแก ฉันไปแล้วไม่ต้องเสียใจล่ะ อีกหน่อยพอจัดงาน

แต่งงานเสร็จ จะพาคาร์เตอร์กลับมาอวด พวกแกไม่ต้องอิจฉาตาร้อนหรอก

นะที่ฉันได้แฟนหล่อและรวยอย่างเขา” พุธิตาหัวเราะชอบใจ โบกมือให้

เพื่อนร่วมงานด้วยหน้าตาเบิกบานอย่างยิ่ง และใบหน้าที่กำลังบานแฉ่งนั้นได้

บดบังจนทำให้มองไม่เห็นสายตาของสองสาวในกลุ่มที่ลอบสบตากันด้วย

ความสังเวชระคนดูหมิ่น ก่อนจะย่นจมูกนิดๆ มีเพียงชัชนันท์ ชายครึ่งนางสาว

เห็นเพื่อนทั้งสองมองตากันก็ได้แต่ส่งค้อนควักชนิดคอแทบจะหัก แล้วหันไป

อวยพรให้พุธิตา แถมยังตาแดงๆ จนเจียนจะร้องไห้ออกมาเสียอีก

“โชคดีนะแก ขอให้ได้แต่งงานกับคาร์เตอร์อย่างที่แกหวังนะ ไปอยู่

ที่โน่นอากาศมันหนาว แกต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ ระวังจะเป็นหวัด

เอาง่ายๆ” พูดไปน้ำตาคนพูดก็พานจะไหล เมื่อทั้งรักและผูกพันกับพุธิตา

มาหลายปีดีดัก เรียกว่านับตั้งแต่เรียนพาณิชย์ด้วยกันมา จนกระทั่งจบ

ระดับปริญญาตรี แล้วยังทำงานบริษัทขายประกันชีวิตด้วยกันอีกหลายปี

แม้ใครต่อใครจะหมั่นไส้เพื่อน หรือไม่ยอมคบเพราะเธอมีความคิดไม่

เหมือนชาวบ้านชาวช่อง มีแต่เจ้าหล่อนเท่านั้นที่เข้าใจพฤติกรรมและเหตุผล

ของพุธิตา จึงคบกันมาได้ยาวนาน ตลอดเวลาก็เช่าห้องอยู่ด้วยกันเป็นระยะ

เวลาเกือบสิบปีแล้ว พอเพื่อนจะจากไป เจ้าหล่อนก็ใจหายวูบ

“ถ้าไม่เจอคาร์เตอร์ก็ให้รีบกลับมานะ เจ๊เป็นห่วง” ชัชนันท์ยังกำชับอีก

“เจ๊นันท์ไม่ต้องเป็นห่วงพี่พุหรอก” หนึ่งในสองสาวปลอบ แต่น้ำเสียง

ฟังแล้วคล้ายเสียดสีนิดๆ “พี่พุกำลังจะไปได้ดิบได้ดี มีผัวรวยๆ แล้ว มีแต่

พวกเรานี่แหละที่ต้องห่วงตัวเองมากกว่า ใช่ไหมจิ๊บ”

“ช่าย” คนถูกกระทุ้งข้างเอวรีบตอบเข้าข้างเพื่อน

ชัชนันท์ค้อนอีกรอบแต่ไม่พูดออกมา เพราะความจริงเจ้าหล่อนรู้ดี

แก่ใจว่าเพื่อนจอมใฝ่สูง ที่ชอบสร้างวิมานในอากาศตลอดหลายปีที่ผ่านมา

กำลังจะไปเผชิญกับอะไร การเดินทางคราวนี้จะไม่มีใครมาคอยรอรับพุธิตา

ที่ปลายทาง มีเพียงความหวังที่เธอคิดว่าจะต้องตามไปไขว่คว้าให้ได้เท่านั้น

รอคอยอยู่...นี่แหละ ถึงทำให้คนเป็นเพื่อนห่วงใยเป็นนักหนา

ทว่าคนจะเดินทางยังหน้าบาน ยิ้มไม่หุบ อารมณ์ดีจัดเพราะไปดูดวง

มาจากหลายสำนักเพื่อเสริมความมั่นใจมาแล้ว ว่าไปครั้งนี้เธอจะได้สามี

ร่ำรวยกลับมาด้วยอย่างแน่นอน ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!

หกเดือนก่อน คาร์เตอร์แวะมาหาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหายหน้า

หายตาไปโดยไม่ร่ำลาหรือติดต่อกลับมาอีก สร้างความกังวลใจให้เธออย่าง

ใหญ่หลวงว่าอาจจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขาแล้วเป็นแน่ เธอพยายามติดต่อ

ผ่านทางอีเมลที่เคยใช้พูดคุยกันเสมอมา หากแต่ทุกอย่างเงียบหาย จนทำให้

เพื่อนรอบข้างเริ่มระแคะระคายว่าเธออาจจะถูกทอดทิ้ง เวลาเดินไปทางไหน

ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเยาะลับหลัง ดูถูกดูแคลนว่าเธอถูกผู้ชายที่อวดนัก

อวดหนาว่าเป็นแฟนลูกชายเจ้าของแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา

ทอดทิ้ง คำดูแคลนนั้นมันทำให้เธอโกรธแทบคลั่ง ดังนั้นเธอจะต้องทำอะไร

สักอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่าคาร์เตอร์ไม่ได้ทอดทิ้งเธออย่างที่ถูกกล่าวหา

เธอไม่คิดจะนิ่งดูดาย ที่ผ่านมาเธอไม่รู้ว่าคาร์เตอร์โกรธเคืองเรื่อง

อะไร จึงคิดว่าหากได้พบเจอเขา เธอจะจัดการแก้ไขปัญหาความเข้าใจผิด

ไปให้สิ้นซาก แล้วกลับมาคบหากันใหม่ คราวนี้เธอจะจัดการรวบรัดให้

แต่งงานเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยทีเดียว เพราะมั่นใจว่าผู้ชายที่เคยคบมา

ทั้งหมด คาร์เตอร์คือคนที่ร่ำรวยและหล่อที่สุด แล้วเสียงเตือนจากโทรศัพท์

ก็ปลุกเธอตื่นจากความฝัน

“อุ๊ย สามโมงเก้านาทีแล้ว ต้องก้าวเท้าขวา ได้เวลาก้าวออกนอกประเทศ

แล้วเจ๊ พระอาจารย์บอกว่าถ้าก้าวได้ตามฤกษ์จะได้พบเจอชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

เก่า” เธออุทาน

ชัชนันท์กลอกตา ก่อนจะโบกมือไล่ด้วยความเซ็ง ที่เพื่อนรักไม่ได้

เป็นห่วงเป็นใยอนาคตของตัวเองเลยสักนิด เจ้าหล่อนเองยังห่วงมากกว่าเสียอีก

“เออ ไปๆ ขอให้ได้ดิบได้ดีอย่างที่หวังนะ แล้วอย่าลืมส่งข่าวมาบอกกันด้วยล่ะ”

“จ้าเจ๊ พุไปละนะ ไปละนะน้องจ๋า น้องจิ๊บ ฝากเจ๊กลับด้วยนะ ขอบคุณ

ที่ขับรถมาส่ง ถ้าพี่เจอเพื่อนของคาร์เตอร์ดีๆ รวยๆ หล่อๆ จะแนะนำให้นะ

เจ๊นันท์ด้วย พุไม่ลืมเจ๊หรอก”

ชัชนันท์ได้แต่ส่ายหน้า แม้อายุจะเท่ากัน แต่ความคิดของเจ้าหล่อน

โตเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนมาก และโตพอที่จะเข้าใจชีวิตจริง ไม่ล่องลอยอยู่

ในอากาศไปวันๆ เจ้าหล่อนกอดเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะรีบปล่อยเพราะเกือบ

จะเลยเวลาสามโมงเก้านาทีที่ต้องก้าวเท้าขวาออกนอกประเทศอย่างที่เธอตั้งใจ

ร่างบางระหงราวกับนางแบบรีบลากกระเป๋าใบเล็กผ่านเจ้าหน้าที่สาว

เพื่อตรวจพาสปอร์ตและบอร์ดดิงพาส ก่อนจะหันมาโบกมือให้เพื่อนๆ เป็น

ครั้งสุดท้าย น้ำตาคลอนิดๆ เมื่อเห็นชัชนันท์ซับน้ำตา แต่เธอบอกตัวเอง

ว่ากำลังจะไปได้ดิบได้ดี ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องร้องไห้ วันไหน

รวยแล้วจะบินกลับมาบ่อยแค่ไหนก็ได้ แล้วเธอจะกลับมาจนเพื่อนเบื่อกัน

ไปข้างหนึ่งทีเดียว

พุธิตาโบกมืออีกครั้ง ก่อนที่จะหายลับเข้าไปด้านในด่านตรวจ

ผู้โดยสารขาออก พอเข้าไปต่อแถวแล้วเธอก็สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่

นับแต่นี้เป็นต้นไป การผจญภัยของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

 

แสงไฟภายในเครื่องบินสว่างขึ้น เป็นการบอกผู้โดยสารว่าใกล้จะถึง

จุดหมายปลายทางเต็มที พุธิตาขยับตัวหลังจากนั่งเมื่อยขบมาหลายชั่วโมง

 

ไม่นานพนักงานสาวชาวจีนก็เดินเอาผ้าอุ่นๆ มายื่นให้ผู้โดยสารภายในเครื่อง

เธอรับผ้ามาซับลำคอและคาง ก่อนจะหันไปยิ้มบางๆ ให้แหม่มวัยกลางคน

ข้างตัวที่ตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน

เธอกับเพื่อนข้างตัวผูกมิตรด้วยรอยยิ้มและบทสนทนาภาษาอังกฤษ

แบบกระท่อนกระแท่น อย่างคนที่ผ่านโรงเรียนสอนภาษามาเท่านั้น ไม่ได้เก่ง

เชี่ยวชาญในการสนทนาเหมือนอย่างเช่นภาษาไทย มิเช่นนั้นคงจะพูดน้ำไหล-

ไฟดับ และตีสนิทได้มากกว่านี้ให้สมกับเป็นเซลส์ขายประกัน

พนักงานบนเครื่องบินบริการอาหารเช้าก่อนเครื่องจะลงจอดในอีก

สองชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาประมาณหนึ่งทุ่มยี่สิบนาทีตามเวลาแปซิฟิก

ในประเทศแคนาดา พอเครื่องบินกำลังจะลง เธอก็เริ่มหวั่นไหวนิดๆ เพราะ

ถ้าถามว่าเธอรู้จักใครที่นี่ ก็ตอบได้ว่าไม่มีเลย มีแต่ข้อมูลของคาร์เตอร์

แฟนหนุ่มที่คบหามานานแล้วเท่านั้น เธอหวังว่าคาร์เตอร์จะต้อนรับและ

ให้พักด้วยกันที่บ้าน แม้จะเป็นการมาโดยไม่ได้นัดหมาย แต่เขาพูดเป็น

ประจำทุกครั้งที่แวะไปหาที่เมืองไทยว่าอยากให้เธอบินมาหาเขาที่นี่บ้าง

ดังนั้นเธอก็คิดว่า เขาคงไม่รังเกียจความประหลาดใจในครั้งนี้

“หนูจะไปที่ไหนคะ” แหม่มข้างตัวถามช้าๆ อย่างเอื้อเฟื้อ เพราะรู้ว่า

เธอยังมีปัญหาในการรับฟัง ก่อนที่เครื่องจะลงเพียงไม่ถึงสิบนาที

“อ๋อ ไปที่นี่ค่ะ แฟนของหนูอยู่ที่บ้านหลังนี้” เธอหยิบภาพและที่อยู่

ยื่นให้หล่อนดู “เรากำลังจะแต่งงานกันค่ะ”

“โอ้...เวสต์แวนคูเวอร์ วาว...” แหม่มตาโต และยิ้ม “โชคดีนะคะ ยินดี

ต้อนรับสู่แคนาดา และขอแสดงความยินดีล่วงหน้าค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มมั่นใจ พอเห็นที่อยู่แหม่ม

ถึงกับอุทานออกมา คงแปลกใจที่เห็นแฟนของเธอมีเงิน เพราะคาร์เตอร์เคย

บอกว่าแถบบ้านของเขานั้นเป็นย่านของคนมีเงินในแวนคูเวอร์ ราคาบ้าน

แต่ละหลังไม่ต่ำกว่าสามสี่ล้านเหรียญหรือร้อยกว่าล้านบาท ถ้าไม่มีเงิน

คงมาอยู่ในแถบนี้ไม่ได้แน่

คิดๆ แล้วก็ภูมิใจ คางเชิดขึ้นอีกหลายนิ้ว ที่มีแฟนทั้งหล่อและ

ร่ำรวยเกินหน้าเกินตาคนอื่น ดูอย่างป้าคนนี้สิ แต่งตัวก็แสนจะธรรมดา

คงไม่ได้มีเงินมากมายนักหรอก แค่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศก็คงถือว่าเป็นบุญนักหนาแล้ว

ผิดกับเธอ ที่อีกหน่อยในอนาคตจะต้องได้บินไปบินมาไทย-แคนาดา

อย่างกับเชียงใหม่-กรุงเทพฯ คิดถึงอาหารไทยเมื่อไรก็บินกลับ ไปเที่ยวยุโรป

และรอบโลกบ่อยเท่าที่ต้องการ เมื่อเงินของคาร์เตอร์มีมากมายมหาศาล

ใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด

...ในที่สุด สวรรค์ก็เป็นใจ ส่งผู้ชายหล่อเริดและร่ำรวยมาให้หลังจาก

ที่เธอตระเวนท่องเน็ตหามาเป็นเวลาหลายปีดีดัก เจอมาสารพัดรูปแบบ

ในที่สุด กว่าเธอจะพบเทพบุตรตัวจริง ที่ยังคงมีหลงเหลืออยู่บนโลกอิน-

เทอร์เน็ต ซึ่งเธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นความจริง

คาร์เตอร์เป็นนักธุรกิจหนุ่ม แม้จะเป็นทายาทบริษัทใหญ่ร่ำรวยมหาศาล

ตัวเขาเองก็ยังรักดี ทำงานช่วยครอบครัวอย่างแข็งขัน ด้วยการบินมาคุม

การขยายงานของบริษัทกาแฟในเอเชีย จึงทำให้เขาต้องบินมาประเทศไทย

สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีนเป็นประจำ บางครั้งต้องบินไปเวียดนามและกัมพูชา

รวมไปถึงฟิลิปปินส์ เธอพบเขาทุกๆ สามเดือนระหว่างที่ทำงานอยู่ประเทศ

ไทย ครั้งหนึ่งๆ ก็ราวสี่ห้าวัน แล้วเขาก็บินไปทำงานต่อที่ประเทศอื่น

หนึ่งปีกับหกเดือนที่คบหากันมา เขาแสดงความรักและเอาอกเอาใจ

ทุกอย่าง ทุกครั้งที่มาเขาจะพาเธอไปพักโรงแรมหรูหราที่สุดในภูเก็ต หัวหิน

และอีกหลายๆ แห่งที่เขาชอบ เพราะคาร์เตอร์ชอบทะเล จึงพาเธอลงใต้บ่อยครั้ง

แต่ด้วยความเป็นหญิงไทยที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี อีกทั้ง

เห็นในข่าวมากมายที่ผู้หญิงไทยเจอชาวต่างชาติหลอกลวง ตายไปก็หลายคน

ดังนั้น ทุกครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกัน เธอจะพาชัชนันท์ไปด้วย และแม้ค่าเช่า

ห้องจะแพงแสนแพงแค่ไหน เธอก็กัดฟันจ่าย เพราะอยากให้เขาเห็นว่าเธอ

 

มีฐานะเหมือนกัน พอเขากลับไปที เธอก็อดข้าวไปหลายเดือนจนผอมโกรก

พอเขากลับมาก็หน้าชื่นตาบาน ควักเงินจ่ายอย่างกับเบี้ย กินไม่อั้นอีกครั้ง

จนเธอยุบหนอพองหนอแบบนี้มาเกือบตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา

ทุกอย่างควรจะไปได้ด้วยดีสิ เมื่อความรักระหว่างเธอกับคาร์เตอร์

เบ่งบานราวกับกุหลาบตูมรับน้ำรับปุ๋ยอย่างเต็มที่ แต่เธอสงสัยเหลือเกินว่า

ทำไมเขายังไม่ยอมขอเธอแต่งงานทั้งที่เธอก็พูดจาโยนหินถามทางกับเขาไป

หลายต่อหลายหน เขาก็กลับทำเฉยเสียนี่ แต่พอจะแยกจากกันที ปากก็บอก

รักเธอที่สุดในโลก แม้แต่ครั้งสุดท้ายที่เธอไปส่งที่สนามบินยังสัญญิงสัญญา

กันดิบดีว่าอีกสามเดือนจะมาพบกันใหม่ เธอก็หวังว่าครั้งหน้าจะต้องทำให้

เขาขอเธอแต่งงานให้ได้ด้วยการพาเขาไปเยี่ยมพ่อแม่ที่พะเยาเสียเลย เป็น

การมัดมือชกอย่างเนียนๆ เขาคงจะต้องถูกพ่อแม่ซักจนต้องตกลงปลงใจ

กับเธอแน่ แต่เขากลับหายต๋อม

ล้อเครื่องบินแตะลงบนพื้นรันเวย์แล้ว พุธิตากำลังตื่นเต้นจนไม่ทัน

เห็นสายตาแห่งความเอ็นดูปนเห็นใจจากหญิงข้างตัว เมื่อภาษาอังกฤษของ

เธอก็แทบจะเอาตัวไม่รอด และคืนนี้ยังไม่รู้จะไปนอนที่ไหนด้วยซ้ำหาก

ค้นหาบ้านของคนรักไม่เจอ ด้วยหญิงสาวบอกหลายครั้งว่าเป็นเซอร์ไพรส์

แฟน บางที...คนที่เซอร์ไพรส์อาจจะเป็นตัวเธอเองก็เป็นได้...

แต่เมื่อมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของหล่อน จึงได้แต่เงียบเสีย จน

กระทั่งลงจากเครื่องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วก็แยกย้ายกันไปคน

ละทิศละทาง

 

พุธิตาลากกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบใหญ่และหนึ่งใบเล็กออกมายืน

เคว้งคว้างตรงล็อบบีสนามบิน เธอตรงเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ พูดได้เพียง

แต่ว่าแท็กซี่ ชายผู้นั้นก็ชี้ไปที่ป้าย เธอจึงเดินตามป้ายออกไปต่อแถวยาว

เหยียด จนกระทั่งถึงคิวก็ยื่นที่อยู่ให้แก่คนขับ ซึ่งเป็นชายอินเดียโพกศีรษะ

หนวดเครารุงรังทีเดียว

             (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024