แผนลวงรัก (ศิตา)

แผนลวงรัก (ศิตา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160021161
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขาเมื่อหลายเดือนก่อน

หญิงสาวสวย งามสง่า ดวงตากลมสุกสกาว ริมฝีปากอิ่มหยัก เส้นผม

ยาวสยายถึงกลางหลัง ดำสนิทเหมือนสีของรัตติกาล ครั้นเมื่อเธอขยับ

ยิ้มพรายคล้ายแสงไฟส่องสว่างยามเมื่อทุกอย่างมืดดับ เสียงหัวเราะของเธอ

ก้องกังวานเฉกเช่นเสียงระฆัง

อชิระไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เพียบพร้อมเช่นนั้นจะยอมทิ้งอิสระเพื่อ

เหตุผลนี้

 

“มาอีกแล้วหรือ ไล่เธอออกไปสิ”

“ฉันให้สาวใช้ไล่แล้วไล่อีกค่ะคุณกวิน แต่ว่าเธอตื๊อเหลือเกิน มาที่นี่

ทุกวัน ฉันก็กลัวว่าสักวันคุณอชิระจะมาเห็น”

“ก็ถ้าคุณเขารู้ว่าเรื่องแค่นี้คุณกับผมยังจัดการกันเองไม่ได้ คงได้

หางานใหม่กันทั้งคู่นั่นแหละ”

“งั้นฉันจะออกไปจัดการเองค่ะ”

“ทำให้เธอไม่ต้องโผล่มาที่นี่อีกนะ”

กวิน หนุ่มร่างสูงวัยใกล้สามสิบ ลูกน้องคนสนิทที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่

 อชิระมานานหลายปีจนรู้นิสัยใจคอ รวมถึงอารมณ์ที่ปรวนแปรไม่มั่นคง

ของอชิระ รู้ดีว่าหากมีเรื่องน่ารำคาญมากวนใจ เขาจะหงุดหงิดและอารมณ์

เสียใส่มากแค่ไหน ดังนั้นจึงไล่หัวหน้าแม่บ้านวัยไล่เลี่ยกันให้ออกไปจัดการ

ก่อนที่คนซึ่งอยู่บนห้องนอนจะลงมาพบเข้า

“มีเรื่องอะไรกัน”

เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้กวินสะดุ้งไหว ก่อนหันไปมอง

เจ้าของร่างสูงโปร่ง อกผายไหล่ผึ่งแน่นตึงในเชิ้ตสีขาว กลัดกระดุมแค่ถึง

กลางอก เผยให้เห็นผิวขาวจัดซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์นั้น

อชิระก้าวอาดๆ ลงมาตามขั้นบันไดทรงโค้งที่ทอดลงสู่พื้นหินอ่อน

สีสว่างของบ้าน หรือจะเรียกให้ถูกก็คือคฤหาสน์ เพราะด้วยเนื้อที่กว่า

ร้อยตารางวา โอบล้อมรอบคฤหาสน์สีขาวที่โดดเด่นด้วยเครื่องประดับสีทอง

ทั้งหลัง ทุกตารางนิ้วของพื้นชั้นล่างสร้างจากหินอ่อนขัดมันวาววับ ส่วนผนัง

ของบ้านตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำมันฝีมือจิตรกรเอก และประดับประดา

โถงกลางของคฤหาสน์ด้วยรูปปั้นเนื้อดี โดดเด่นท่ามกลางเครื่องเรือน

มีราคาและของเก่าแก่ที่ไม่อาจตีค่าได้

เหนือจากพื้นขึ้นไปหลายฟุตคือเพดานครึ่งวงกลมที่ห้อยโคมไฟ

ระย้าขนาดใหญ่ เมื่อขึ้นไปตามบันไดโค้งสีทองอร่ามจะพบซุ้มประตู

ทรงโค้งที่เชื่อมไปยังห้องต่างๆ ที่เว้นระยะจากกัน เดินไล่ไปเรื่อยๆ ผ่านผนัง

สีขาวสลับทองรูปวงกลม ก่อนจะมาบรรจบกันอีกครั้งที่หัวบันได รูปแบบ

สถาปัตยกรรมทั้งหมดราวกับพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม

ทุกอย่างยังดูใหม่เอี่ยมอ่อง และไม่บุบสลายหรือคร่ำครึ ทั้งที่

คฤหาสน์หลังนี้มีอายุยาวนานหลายสิบปี เป็นมรดกตกทอดที่บิดาทิ้งไว้ให้

ก่อนจะลาโลกไปเมื่อหลายปีก่อน ภายหลังอชิระจึงได้ตกแต่งภายในใหม่

ด้วยวงเงินหลายสิบล้าน หวังไว้ว่าจะทำให้แล้วเสร็จก่อนพิธีสมรสระหว่าง

เขากับหญิงคนรักจะมีขึ้น

เขาเตรียมการไว้ให้คฤหาสน์หลังนี้เป็นเรือนหอ ทว่าทุกอย่างกลับ

สูญสลายหายไปราวกับม่านหมอก ครอบครัวในฝันของชายหนุ่มพังลงเมื่อ

ไม่กี่ปีก่อนหน้า

“ทำไมลงมาไวนักล่ะครับ คุณอชิ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่างานเลี้ยง

จะเริ่ม ผมคิดว่าคุณจะนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม”

“จะให้นอนสันหลังยาวทั้งวันหรือไง” อชิระเอ่ยขัด เดินผ่านหน้าคน

ตัวเล็กกว่าไปที่ซุ้มประตูโค้งมนซึ่งเชื่อมทางเดินไปสู่ส่วนรับรองที่อยู่ถัดจาก

โถงส่วนกลาง ภายในนั้นตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์สีทึบ โคมระย้าทำจาก

คริสตัลสีต่างๆ ส่องแสงสลัวรางให้บรรยากาศคล้ายบาร์เหล้า อีกทั้งมีตู้

ติดผนังสร้างจากวัสดุชั้นดีสำหรับเก็บไวน์หายากและเหล้าจากต่างประเทศ

ไม่ไกลจากบาร์นั้นคือโซฟาหนังแท้ราคาแพงระยับซึ่งล้อมโฮมเธียเตอร์

ขนาดใหญ่ อชิระหย่อนตัวลงนั่งแล้วพาดขายาวๆ วางบนโซฟา ก่อนหัน

หาคู่สนทนาที่เดินตามมารับใช้ถึงที่

“ว่ายังไง ฉันถามว่ามีเรื่องอะไรกัน”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ไม่มีแล้วปัทมาไปไหน” เขาถามพลางมองหาหัวหน้าแม่บ้านวัยอ่อน

กว่าตนไม่มากนัก ปกติเธอต้องรีบกุลีกุจอหาน้ำท่ามาให้ดื่มล้างคอ “รีบๆ

บอกมาก่อนที่ฉันจะโมโหดีกว่า ให้ปัทมาออกไปไล่ใคร มีใครมาวุ่นวายที่นี่

อย่างนั้นรึ”

เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจได้ว่าอชิระได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างเขา

กับปัทมา ดังนั้นกวินจึงไม่บ่ายเบี่ยงให้มากความ รีบชี้แจงความเป็นไป

โดยด่วน

“ช่วงที่คุณไปดูงานต่างประเทศ คุณปัทบอกว่ามีผู้หญิงแปลกหน้า

มาขอพบคุณติดต่อกันหลายวันติด”

“ผู้หญิงแปลกหน้างั้นหรือ” อชิระทวนคำ เลิกคิ้วเข้มขึ้น “แล้วมาทำไม

ถ้าเรื่องงานก็ต้องไปที่บริษัทฉันสิ”

“ครับ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ไปขอพบคุณที่นั่น แต่มาดักรอที่นี่

หลายวันแล้ว ปัทมาให้สาวใช้ถามแล้วว่าเธอมาพบคุณด้วยธุระอะไร แต่เธอ

ไม่บอกผ่าน บอกแค่ว่าอยากจะเจอคุณน่ะครับ”

“อย่าให้เรื่องพวกนี้มากวนใจฉัน จัดการให้เด็ดขาด”

ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ก่อนคว้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจขึ้นมาเปิดอ่าน

เขาไล่สายตามองพาดหัวข่าวสำคัญ และเหลือบเห็นใบหน้าของตนพร้อมบท

สัมภาษณ์ที่นักข่าวเขียนยกยอปอปั้นในนั้น

‘เปิดใจหนุ่มนักธุรกิจ อชิระ มหัสทรัพย์ ชายผู้มากความสามารถ

ที่เป็นทั้งผู้บริหารและผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ จนหุ้นในบริษัทพุ่งสูงสุด

ในรอบหลายปี ซีอีโอหนุ่มที่กำลังถูกจับตามองว่าจะสร้างผลกำไรในไตรมาส

สุดท้ายนี้เกินพันล้านและคว้าอันดับบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศได้หรือไม่

ฯลฯ’

เขาละสายตาจากบทสัมภาษณ์ที่แสนกระด้างของตัวเอง หันไปสั่ง

บรั่นดีซึ่งเก็บไว้ในตู้รักษาอุณหภูมิสำหรับสิ่งนี้โดยเฉพาะ ในนั้นมีตู้กระจก

ล้อมรอบ เครื่องดื่มชั้นดีต่างๆ จากต่างประเทศนับร้อยขวดถูกนำมาเก็บ

รักษาราวของสะสมหายาก

“จะดื่มเลยหรือครับ” กวินเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก ด้วยกลัว

ว่าการสอดเข้าไปถามจะทำให้เจ้านายหนุ่มอารมณ์เสียได้อีก “เดี๋ยวตอน

สองทุ่มคุณต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับที่คฤหาสน์ของพวกเดชบดินทร์ เมาเสีย

แต่ตอนนี้ ผมเกรงว่า…”

“เงียบเถอะ” เขาสั่ง แม้สีหน้าจะยังสงบดุจกระจกใส ทว่าในดวงตา

กลับไหวระริก “เพราะต้องไปเจอพวกมัน ฉันถึงต้องดื่ม”

กวินทำได้เพียงกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ก่อนค่อยๆ ก้าวถอย

ออกไปตามคำสั่ง แม้ใจจะอยากคัดค้านและปลอบประโลมหัวใจที่บอบช้ำ

ของเจ้านายหนุ่ม แต่ลูกน้องอย่างเขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อสิ่งที่อชิระทน

มาตลอดหลายปีนั้น เขาไม่เคยคิดจะสลัดมันทิ้งไป ซ้ำยังเฝ้ารอวันทวงคืน

คนที่หยิบยื่นความรวดร้าวให้

อชิระนั่งหน้านิ่ง ทอดสายตามองไปยังความว่างเปล่า แต่ในสมอง

กลับเต้นตุบๆ เขาไม่เคยหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา นั่นเพราะตลอด

ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเขาพบคนมาแล้วทุกประเภททุกรูปแบบ เขากำพร้าแม่

ตั้งแต่เด็ก มีเพียงพ่อเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต ชายที่ทำงานหนักในแวดวง

ธุรกิจ ถูกทรยศหักหลังจากหุ้นส่วนมาตลอดชีวิตวัยทำงาน กว่าจะแกร่งกล้า

มั่นคงจนขยายอาณาเขตภายใต้นามสกุล มหัสทรัพย์ ได้ และพ่อผู้อ่อนล้า

ก็ทิ้งสมบัติมหาศาลไว้ให้ก่อนจบชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง

ชายหนุ่มผ่านชีวิตวัยเด็กและเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มด้วยความอ้างว้าง

มาโดยตลอด แม้กระทั่งช่วงวินาทีนี้เขายังถูกผลักให้จมดิ่งสู่ความสูญเสีย

ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป

อชิระหลับตาลงอย่างไม่อยากคิดถึง เขาเอนหลังพิงพนัก วางหลังคอ

ลงบนนั้นขณะที่ดวงตาพริ้มหลับ จมจ่อมลงสู่ห้วงแห่งอดีต

เสียงหัวเราะใสกังวานราวระฆังดังขึ้นในโสตประสาท ดวงตายิบหยี

ของคนที่กำลังหัวเราะเริงร่ามาทางเขาช่างสดใสยิ่งนัก ราวกับดอกไม้บาน

ราวแสงสว่างของดวงอาทิตย์

“คุณคะ…คุณอชิระ”

ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง แม่บ้านสาวใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้ม

แห้งๆ และเรียกเขาอย่างไม่สบายใจนัก “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ต้องการให้

ดิฉันไปเอายามาให้หรือเปล่า”

“ไม่ต้อง ฉันแค่พักสายตา”

“แต่ว่า”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” อชิระบอกปัด ทั้งที่ในสมองเต้นตุบๆ อย่างกับ

จะระเบิด เขายกสองมือวางทาบลงบนใบหน้า ขยี้เบาๆ ราวจะเรียกความ

สดชื่นให้กลับมา แต่ก็ไร้ผลอันใด

เป็นจังหวะเดียวกับที่สุราสีอำพันถูกนำมาเสิร์ฟ กวินรินเครื่องดื่มให้

คนแก่กว่าที่นั่งรอโดยไม่ปริปากพูดอะไร ในขณะที่ปัทมาได้แต่แอบส่ายหน้า

ทั้งเป็นห่วง กังวล และเห็นใจ

อชิระรับแก้วไปถือ เพียงรวดเดียวเขาก็ดื่มจนหมดแก้ว ราวกับสาด

น้ำเปล่าเข้าปาก แล้วส่งแก้วคืนให้กวินทำหน้าที่ ขณะที่เจ้าตัวไม่รอช้า

รีบจัดการให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“รินแค่นิดหน่อยก็พอนะ อย่าให้เมามาก” ปัทมาทำปากขมุบขมิบบอก

กวินพยักหน้ารับอย่างเป็นอันเข้าใจกันดีว่าควรให้ลิมิตเจ้านายได้

แค่ไหน

แม้จะไร้เสียงสรวลเสเฮฮา แต่เหมือนว่ารสสุราจะนำพาอชิระไปสู่

ความสุขสมใจบางอย่าง ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมเริ่มก่ำ แดง ดวงตาหยาดเยิ้ม

เขาค่อยๆกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงเสียงเรียกอันแสนหวานจาก

‘มธุริน’

 

‘อชิ คุณเมาแล้วนะคะ อย่าดื่มมากเลย เดี๋ยวลุกไปทำงานไม่ไหว

หรอก’ ใบหน้าสวยหวานบึ้งตึงเล็กน้อยเมื่อคนถูกห้ามไม่ยอมหยุดฟัง ซ้ำยัง

หันมายิ้มกริ่มใส่

‘ผมไม่เมาสักหน่อย’

‘คุณนั่นแหละเมา หากขับรถกลับไม่ไหว รินจะทิ้งคุณไว้ที่นี่นะคะ’

‘คุณไม่ทิ้งผมหรอก’ เขาบอกพลางสวมกอดหลวมๆ ที่เอวหญิงสาว

ข้างกาย ‘คุณรักผมจะตาย ใช่มั้ยริน คุณรักผมใช่มั้ย’

‘ไม่รักจะยอมแต่งงานด้วยหรือคะ คุณนี่ถามอะไรก็ไม่รู้’ หญิงสาว

ตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนตีแปะลงไปบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรัดรอบ

ตัวเธอ

                ‘ผมรักคุณนะ’ เขายังคงพร่ำบอก แม้จะเมาจนตาปรือ แต่ก็ยัง

ประคองตัวเองไหว ‘คุณคือลมหายใจ คือชีวิตของผม ขาดคุณไปผมคงอยู่

ไม่ได้ ผมต้องตายแน่ๆ ’

 

“คุณอชิ… คุณอชิระ” เสียงเรียกนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มงัวเงียลืมตาตื่น

ขึ้นมา เขามองออกไปยังด้านนอกที่เย็นย่ำ แสงสีส้มหม่นฉาบไล้ไปทั่วแผ่นฟ้า

บอกว่าเวลาล่วงเลยไปมากแค่ไหน

เขาดื่มตั้งแต่บ่าย แล้วก็ฟุบหลับไปเจอกับฝันหวาน ยิ่งตอกย้ำให้ภาพ

ในอดีตฉายชัด แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ราวกับเรื่องทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น

ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

อชิระทำได้เพียงซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวไว้ในใจที่ไหวระริก ภายใต้

ดวงหน้าเข้มที่สงบนิ่ง เขาจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้แม่นยำ ทุกการกระทำ

ทุกขั้นตอน

“หากคุณไม่ไหว ผมจะโทร. ไปยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้ คุณพักผ่อน

เถอะนะครับ”

กวินบอกพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา วางนิ้วมือลงบนนั้น

แต่อชิระยกมือขึ้นห้าม ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธ

“ฉันจะขึ้นไปเตรียมตัว แกเองก็รีบไปจัดแจงตัวเองให้พร้อมเถอะ

อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เขาบอกแล้วค่อยขยับลุกขึ้น ทั้งที่ระดับแอลกอฮอล์

ยังมีอยู่ในร่างกายพอสมควร และนั่นส่งผลให้เขาเซเบาๆ

แม้จะเป็นห่วงเจ้านายมากแค่ไหน แต่กวินรู้ดีว่าพูดไปก็คงเปล่า

ประโยชน์ คนดื้อรั้นอย่างอชิระนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังจะอาละวาดใส่

เสียด้วย ดังนั้นเขาจึงแค่เบี่ยงตัวหลบให้อชิระเดินข้ามห้อง โซซัดโซเซไปที่

เชิงบันได ก่อนเดินตามพร้อมคอยระแวดระวังหลังให้

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ปริศนาการตาย แผนล่อลวงคนร้าย และหัวใจที่ไหวเอน
 
กว่าสามปีที่อชิระจมอยู่กับความสูญเสียทุกข์ตรม 
 
มธุริน ว่าที่เจ้าสาวของเขาปลิดชีพตัวเองพร้อมลูกในครรภ์ไปในคืนก่อนวันวิวาห์เพียงคืนเดียว และนั่นทำให้เขาได้รู้ว่าเธอกับชยพล เพื่อนรักของเขาลักลอบมีสัมพันธ์กันมานาน กระทั่งวราลี หญิงสาวผู้มีใบหน้าละม้ายมธุรินเข้ามาในชีวิตเขาด้วยเงื่อนไขแสนประหลาด อชิระจึงได้เห็นเงื่อนงำบางอย่างที่ถูกปกปิดไว้ มธุรินอาจไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย...ทว่ามีใครบางคนพรากลมหายใจของเธอไป และชยพลคือผู้ที่น่าสงสัยที่สุด
 
 
อชิระว่าจ้างให้วราลีปั่นหัวชยพล เพื่อแก้แค้นอดีตเพื่อนรักที่แทงข้างหลังเขา หญิงสาวก็ยินดี เพราะเธอจะได้มีโอกาสล้วงลึกเรื่องราวของมธุรินจากชยพลด้วย งานของวราลีคืบหน้าไปมาก แต่อชิระร้อนรุ่มทุกครั้งที่เธอใกล้ชิดชยพล 
 
แม้จะเข้าใกล้ความจริงไปทุกที...แต่กลับมีบางอย่างเหนือความคาดหมาย ดูเหมือนจะมีใครอีกคนอยู่เบื้องหลังคดีนี้...ใครคนนั้นที่รู้ความเคลื่อนไหวของทุกคน สองหนุ่มสาวจึงต้องสืบต่อไปพร้อมๆ กับการค้นหาคำตอบให้คำถามในหัวใจ

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024