เจ้าสาวสิบแปดมงกุฎ (baiboau)

เจ้าสาวสิบแปดมงกุฎ (baiboau)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160010745
ผู้แต่ง: baiboua /ญาณกวี
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 360.00 บาท 90.00 บาท
ประหยัด: 270.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ระยำ!”

ถ้อยคำผรุสวาทเดือดดาลถูกเค้นลอดไรฟันขาวสะอาดของหนุ่มหล่อ

ลากไส้นามว่า ลุคคา ซามายาส ซาโนลี่ ดังลั่น ทุกพยางค์อัดแน่นด้วยความ

เกรี้ยวกราดที่แทบจะทำให้คู่สนทนาตรงหน้าไหม้เกรียมปานถูกแผดเผาด้วย

ไฟประลัยกัลป์

“ทำงานประสาอะไร! แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวก็ปล่อยให้รอดไปได้”

“ผม...ผมขอโทษจริงๆ ครับ...คุณลุคคา...”

นักสืบเอกชนที่จัดว่าฝีมือดีที่สุดก้มหน้ายอมรับผิดโดยไร้ข้อแก้ตัว

ลุคคากัดฟันแน่น พยายามข่มโทสะร้ายไว้ในอก

เขาต้องใจเย็น...ใจเย็นมากกว่านี้...ถึงอย่างไรยายหัวขโมยนั่นก็ไม่มี

ทางหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้ ต้องควานหาตัวเจออย่างแน่นอน

“คุณทำงานแย่มากนะ ฟิลิป ผมจะหักค่าจ้างของคุณไว้ครึ่งหนึ่ง

จนกว่าคุณจะสามารถตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเจออีกครั้ง”

“ครับ...ขอบคุณมากๆ ครับที่ยังกรุณาผม”

ฟิลิปก้มหน้าบอกด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะรู้กิตติศัพท์ของหนุ่มกรีก

หล่อลากไส้คนนี้ดีว่าร้ายกาจแค่ไหน ถ้าเปรียบกับมัจจุราชละก็ เขาก็คงได้

ตำแหน่งพญามัจจุราชมาครองแน่นอน เพราะความเด็ดขาด โหดเหี้ยม และ

ไม่เคยรู้จักกับคำว่าผิดพลาดของลุคคานั้นไม่มีใครเทียบได้

ลุคคา ซามายาส ซาโนลี่ คือผู้ชายที่กระหายชัยชนะในทุกรูปแบบ

ทั้งในโลกธุรกิจและโลกส่วนตัว ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นผู้ชายที่ได้รับการจัด

อันดับจากนิตยสารชื่อดังว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เข้าถึงยากที่สุด ไม่มี

ใครสามารถพบเขาได้เลยหากเขาไม่เต็มใจ

“ไปได้แล้ว และในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ผมต้องได้ข่าวของเด็กคนนั้น”

น้ำเสียงราบเรียบ แต่คู่สนทนารู้ดีว่าเด็ดขาดแค่ไหน หากครั้งนี้เขา

ทำพลาดอีก แน่นอนว่าจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก

“ครับ ผมมั่นใจว่าจะต้องได้ข่าวเด็กคนนั้นในอีกไม่กี่วันจากนี้ครับ”

ไม่มีรอยยิ้มจากริมฝีปากเร้าใจที่เหล่าสตรีต่างยืนยันว่าเซ็กซี่และ

น่าจูบที่สุดในโลกแม้แต่น้อย ลุคคาหยิบแว่นกันแดดสีดำสวมปิดใบหน้าไว้

เช่นเดิม ก้าวยาวๆ เดินออกจากล็อบบีโรงแรมตรงไปยังรถสปอร์ตคันงาม

ด้วยท่าทางดุจราชสีห์ จากนั้นยานพาหนะราคาแพงระยับก็ทะยานออกไป

อย่างรวดเร็ว

ดวงฤดีในชุดแม่บ้านโรงแรมที่เพิ่งขโมยมาจากห้องเก็บของภายใน

โรงแรมเป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งอกอยู่หลังมุมเสาที่ไกลออกไป

ไม่มากนัก หลังจากหนีพ้นการควบคุมตัวของผู้ชายผมทองที่เดินหายเข้าไป

ในลิฟต์แก้วได้อย่างหวุดหวิด

ในที่สุดผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้นก็ตามหาหล่อนจริงๆ เขาคงต้องการ

ของของเขาคืน...หญิงสาวก้มมองแหวนทองคำขาวในมือที่ด้านบนสลักคำว่า

‘ซามายาส’ เอาไว้ชัดเจนด้วยความละอายใจ กระแสความรู้สึกผิดถาโถม

เข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรง

หล่อนจะต้องคืนเขาแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้...

หญิงสาวสลัดความโศกเศร้าออกจากหัวใจกำลังจะมุ่งหน้าไปห้องน้ำ

เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดเดิมของตัวเอง แต่เสียงแหลมๆ ของสตรี

ที่อยู่ด้านหลังขัดขึ้นเสียก่อน

“มาหลบอู้อะไรตรงนี้ ไปช่วยสมจิตที่ชั้นสิบเอ็ด เร็วเข้า...”

ดวงฤดีไม่ได้หันไปมองเพราะกลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะจับได้ว่าหล่อน

ไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดของโรงแรมซามายาส แกรนด์ โฮเต็ล จึงก้ม

หน้า เอ่ยรับคำ

“ค่ะ”

“ก็รีบไปสิ ขึ้นลิฟต์ไปเลยจะได้เร็วๆ”

ดวงฤดีจำใจเดินเข้าไปในลิฟต์ตามคำสั่ง ไม่นานลิฟต์ก็พาหล่อนขึ้น

มายังชั้นสิบเอ็ดที่เต็มไปด้วยห้องสวีตราคาแพง หล่อนก้าวออกมามองหา

ห้องน้ำเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่พนักงานทำความสะอาดที่ยืนรออยู่รีบลาก

ตัวหล่อนไปช่วย

“จะยืนเก้ๆ กังๆ ทำไมล่ะ ไปทำความสะอาดห้องโน้นเลย เอาให้เอี่ยม

นะ เดี๋ยวจะมีแขกวีไอพีเข้ามาใช้ห้อง”

ร่างของดวงฤดีถูกดันเข้าไปในห้องกว้างโอ่อ่าซึ่งมีอุปกรณ์ทำความ

สะอาดวางอยู่ หญิงสาวถอนใจเบาๆ มองงานตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือก

เอาวะ ทำงานตรงนี้ก่อนแล้วค่อยไปเยี่ยมลุงทองดีก็ได้ ดวงฤดีจึงเริ่มต้น

ทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงห้องก็สะอาดเอี่ยม

หล่อนหยิบเครื่องมือทำความสะอาดออกไปวางบนรถเข็น จากนั้นก็เดินกลับ

เข้ามาในห้องอีกครั้งเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ทุกอย่างคงผ่านไปได้

ด้วยดีหากหล่อนไม่ได้ยินเสียงผู้ชายสองคนแทรกเข้ามาในห้องน้ำ

ทำให้ หล่อนต้องหยุดยืนนิ่งอยู่ในนั้น ภาวนาขออย่าให้พวกเขาต้องการเข้าห้องน้ำ

ตอนนี้เลย

“ไหนคุณบอกว่านัดคนที่คิดว่าคือหลานสาวผมไว้ที่นี่ยังไงล่ะ”

เสียงโวยวายด้วยความผิดหวังของหม่อมเจ้าอติเทพ อัครโยธการ กังวานขึ้น

เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องรับรองสุดหรูแล้วไม่พบคนที่ตัวเองรอคอยมา

หลายปี

“ผม...ผมนัดไว้แล้วจริงๆ นะครับ” ทนายความวัยกลางคนเอ่ยด้วย

น้ำเสียงสำนึกผิด ขณะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง

“บางที...เราอาจมาเร็วไปก็ได้ครับท่านชายใหญ่”

ชายชราวัยหกสิบห้าปีกวาดตามองไปรอบๆ ห้องอย่างผิดหวัง

จากนั้นทรุดตัวนั่งบนโซฟานุ่ม พลางจ้องหน้าทนายความด้วยสายตาเปี่ยมด้วย

ความหวัง

“จริงสินะ ฉันใจร้อนเลยมาก่อนเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมง ยายหนูอาจกำลัง

เดินทางมาก็ได้”

ริมฝีปากที่ถูกความผิดหวังครอบงำมานานถึงสิบสองปีค่อยๆ คลี่ยิ้ม

หวังเหลือเกินว่าการพบเด็กสาวคนนี้จะทำให้สิ่งที่เขาคิดที่เขาหวังเป็นจริงขึ้นมา

ยายหนู...แม้นสรวงหลานปู่ หนูจะต้องกลับมาหาปู่นะ หม่อมเจ้าอติเทพ

คาดหวัง ก่อนจะหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อสิบสองปีก่อนที่ทำให้คนรวยล้นฟ้า

อย่างเขาไม่สามารถนอนหลับตาไปพร้อมๆ กับความสุขได้อีกเลย

 

“ท่านปู่ขา แล้วหญิงจะรีบกลับมานะคะ”

เสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังจะเดินทางตามบิดา

หม่อมราชวงศ์อดิศักดิ์และคุณหญิงแม้นมาศผู้เป็นมารดาไปพักผ่อนยังเกาะ

ส่วนตัวที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทยดังขึ้นพร้อมกับร่างน้อยๆ ที่วิ่ง

เข้ามาสู่อ้อมกอดเขา

“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะหลานปู่”

“ค่ะ ท่านปู่” เด็กหญิงยื่นหน้าเข้ามาจูบแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะวิ่งไป

หาบิดามารดาที่ยืนรออยู่ที่รถ

                เขาจำได้ว่ายืนโบกมือให้ลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานสาวสุดที่รักอยู่ที่

ลานหน้าตึกจนรถคันงามลับตาไปจึงเดินเข้ามาในบ้าน โดยไม่มีลางร้ายเตือน

ล่วงหน้าสักนิดว่าเขาจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีทาง

หวนคืน

มือเหี่ยวย่นของหม่อมเจ้าอติเทพกำเข้าหากัน ความเจ็บปวดอัดแน่น

อยู่ในอก ดวงตาที่มีฝ้าขาวๆ มีน้ำตาคลอ เมื่อหวนนึกถึงวันที่ได้รับโทรศัพท์

จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อรู้ว่าทั้งลูกชาย

ลูกสะใภ้และหลานสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจประสบอุบัติเหตุทางนำ เสียชีวิต

หมด

เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่า เรื่องเลวร้ายพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว

เขา ครอบครัวที่เคยมีแต่ความสุข เสียงหัวเราะ และไม่มีทางที่หลานสาว

ตัวน้อยๆจะอายุสั้นเพียงนี้ ถึงแม้จะบอกตัวเองแบบนั้น แต่คำยืนยันจาก

ตำรวจและร่างไร้วิญญาณที่ถูกนำกลับมายังกรุงเทพฯ ก็ทำให้เขาต้องยอมรับ

ความจริงที่มันแสนโหดร้ายนัก

ลูกชายเขาเสียชีวิตแล้ว ลูกสะใภ้อย่างแม้นมาศก็เช่นกัน ร่างไร้

วิญญาณของทั้งสองนอนนิ่งไม่ไหวติง เขาร่ำไห้ปานจะขาดใจ เป็นลมแล้ว

เป็นลมอีก ไม่มีใครจะทนยอมรับได้หรอกกับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่นี้

“ศพหลานสาวของท่านชาย...พวกเรายังหาไม่พบครับ แต่จะช่วยกัน

งมหาอีกรอบ ขอให้ท่านชายวางใจได้ครับ” คำพูดของนายตำรวจผู้รับชอบ

คดีเอ่ยกับเขาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเห็นใจสุดซึ้ง แต่เขา...ไม่มีทาง

รู้สึกดีขึ้นได้หรอก หากต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปทั้งสามคนแบบนี้

“เป็น...ไปได้ไหมว่าหลานสาวผม...” หม่อมเจ้าอติเทพเค้นเสียงแผ่วเบา

ความรู้สึกภายในทำให้อดคาดหวังไม่ได้

“อาจจะ...ยังไม่ตาย...”

“ผม...ก็อยากคิดอย่างท่านชายครับ แต่ว่า...น้ำตรงนั้นทั้งลึกและเชี่ยว

มาก ผม...เกรงว่าคุณหนูแม้นสรวงจะ...”

                “ไม่ต้องพูดแล้ว ตราบใดที่ยังไม่พบศพยายหนู ผมก็ไม่มีทางเชื่อ

ว่ายายหนูตายแล้ว”

เขาเน้นเสียงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นก้าวออกจากโรงพักมุ่งหน้าไป

ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปยังเกาะส่วนตัวของครอบครัวทางตอนใต้ของประเทศไทย

อย่างรวดเร็ว เขาจะต้องหาแม้นสรวงให้พบ เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่า

หลานสาวเขาจะอายุสั้นแบบนี้ ไม่มีทาง...

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงบัดนี้ผ่านมาสิบสองปีเต็มๆ แต่ทางตำรวจก็ยัง

ไม่สามารถค้นหาร่างไร้วิญญาณของหลานสาวเขาพบ ทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจ

ว่า แม้นสรวงยังไม่ตาย หลานสาวเขาจะต้องยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่าง

แน่นอน นี่คือจุดเริ่มต้นของการตามหาตัวหลานสาวเขานั่นเอง

“ท่านชายครับ...มาแล้วครับ”

เสียงทนายความเก่าแก่ประจำตระกูลดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทำให้

หม่อมเจ้าอติเทพหลุดออกจากภวังค์ ชายชราหันไปมองตามสายตาของ

ทนายความ เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา

“นั่นหรือ หลานสาวฉัน”

“เท่าที่ผมสืบประวัติมาน่าจะใช่ครับ เดี๋ยวท่านชายลองคุยกับเธอก่อน

นะครับ” เกริกเกียรติทนายความประจำตระกูลอัครโยธการเอ่ยเบาๆ รีบ

ลุกขึ้นเมื่อเด็กสาวที่เขานัดไว้เดินทางมาถึง

“เชิญนั่งครับคุณอัจฉรา”

เด็กสาวแต่งตัวน่ารักยกมือไหว้หม่อมเจ้าอติเทพอย่างนอบน้อม ก่อน

จะทรุดกายลงนั่ง จากนั้นก็รีบจีบปากจีบคอพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

“สวัสดีค่ะท่านปู่ หนูคือแม้นสรวงหลานสาวของท่านปู่ยังไงล่ะคะ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

“เอ่อ ทำไมหนูถึงคิดว่าตัวเองเป็นหลานสาวของฉันล่ะ”

เด็กสาวระบายยิ้มกว้าง เริ่มพูดเป็นฉากๆ

“คือ...หนูอ่านเจอข้อความประกาศหาหลานสาวของท่านปู่ทาง

หนังสือพิมพ์ และเรื่องราวทั้งหมดก็ตรงกับชีวิตหนูเลยค่ะ”

“มันตรงยังไงหรือหนูอัจฉรา” หม่อมเจ้าอติเทพถามอย่างสนใจฟัง

แต่จากความรู้สึกแล้วเด็กสาวคนนี้ไม่มีทางเป็นยายหนูของเขาได้ เพราะไม่มี

กระแสความผูกพันสะท้อนออกมาให้เขารู้สึกได้เลย

“คือหนู...กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่สิบสองปีก่อนค่ะ พ่อกับแม่ของหนู

จมน้ำตาย ส่วนหนูก็มีคนเมตตารับอุปการะเลี้ยงดูมาจนโตค่ะ”

“ตอนที่พ่อกับแม่ของหนูจมน้ำ...หนูไม่ได้อยู่กับพวกท่านหรือ”

คำถามของหม่อมเจ้าอติเทพทำให้เด็กสาวอึกอักอยู่นานก่อนตอบ

“คือหนู...หนูจำไม่ค่อยได้ค่ะ แต่ป้าที่เลี้ยงหนูมาบอกว่าไม่ได้อยู่ค่ะ

หนูนั่งอยู่ที่ชายหาด”

“อย่างนั้นหรือ”

“ค่ะ ท่านปู่”

จบคำของเด็กสาว หม่อมเจ้าอติเทพก็ลุกขึ้นยืน หันไปจ้องหน้า

ทนายความด้วยสายตาไม่พอใจ

“คุณเกริก...ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะชุ่ยแบบนี้ ข้อมูลจากเด็กสาวคนนี้

เป็นข้อมูลทั่วๆ ไปที่ทุกคนตอบได้ และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางใช่ยายหนูของ

ผม”

“ท่านชายครับ ผม...” ทนายความรีบผุดลุกขึ้นยืน เอ่ยคำละล่ำละลัก

“ผม...ผมขอโทษครับ”

“ไม่ต้องมาขอโทษ ผมให้โอกาสคุณอีกครั้งเดียว ถ้ายังพลาดอีก

ละก็ ผมจะไล่คุณออก” หม่อมเจ้าอติเทพก้าวยาวๆ ออกไปอย่างหัวเสีย

ทิ้งให้เกริกเกียรติถอนใจด้วยความหนักใจ

“ทำไมถึงได้หายากหาเย็นนักนะ”

“คุณลุงคะ ตกลง...หนูจะได้เป็นหลานสาวของผู้ชายคนเมื่อกี้ไหมคะ”

เสียงหวานๆ ของเด็กสาวทำให้เกริกเกียรติหันไปมอง เขากระแทกลมหายใจ

ออกมาก่อนจะพูดอย่างรำคาญ

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรื่องราวของ "ดวงฤดี" เด็กสาวยากจน ผู้พยายามหาเงินทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะต้องเป็นขโมย หรือ 18 มงกุฎ..เพื่อให้ได้เงินมารักษาผู้มีพระคุณที่ช่วยให้เธอรอดพ้นการจากถูกข่มขืน แต่แล้วโจทย์เก่าของเธอ "ลุคคา" มหาเศรษฐีสุดหล่อผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลก กลับขอเธอแต่งงานขณะที่เธอสวมรอยเป็น "หม่อมหลวงแม้นมาศ" หลานสาวของ "ท่านชายอติเทพ" ที่หายตัวไปเพราะอุบัติเหตุทางน้ำเมื่อ 12 ปีก่อน ซึ่งดวงฤดีไม่แน่ใจเลยว่า ลุคคาต้องการจะแต่งงานกับเธอจริงๆ หรือต้องการแก้แค้นเธออย่างแนบเนียนกันแน่! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยายโรแมนติก "เจ้าสาวสิบแปดมงกุฎ" เล่มนี้

เขียนโดย "Baiboau" (ใบบัว)

 

584 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024