รักเล่ห์บุพเพลวง (พวงพริก)

รักเล่ห์บุพเพลวง (พวงพริก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160003464
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 340.00 บาท 85.00 บาท
ประหยัด: 255.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

สิบแปดมงกุฎสะดุดโจทก์

 

ร่างสูงในชุดทักซิโดสีขาวก้าวเร็วๆ ออกจากลิฟต์เข้าไปในส่วน

ของล็อบบี นัยน์ตาเรียวคมกวาดมองไปจนทั่วเพื่อสแกนหาแม่สาวชุดดำ

ที่เขาจะจดจำวีรกรรมของเธอไปจนตาย เมื่อไม่พบเป้าหมายก็ก้าวพรวดๆ

ออกไปด้านหน้าของโรงแรมเพื่อตรวจจับรถยนต์ส่วนตัวทุกคันที่ผ่านออกไปอย่างถ้วนถี่

เตชิตเชื่อว่าหญิงสาวต้องเอารถมาเอง อาจจะขับมาหรือมีคนขับให้

ก็ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าเจ้าหล่อนเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อทำลายงานแต่งงาน

ของเขาในคืนนี้ ถนนด้านข้างฝั่งทิศตะวันตกคือเป้าหมายแรกของเขา

ชายหนุ่มไปดักรอฝั่งตรงข้ามกับป้อมยามเพราะจุดนั้นจะสามารถ

มองเห็นคนขับรถแต่ละคันได้ชัดเจนที่สุด นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงและเพ่งมอง

เข้าไปในคัมรีสีขาวซึ่งกำลังจอดแลกบัตร แม้บริเวณนั้นจะไม่สว่างมากนักแต่

ก็พอจะมองเห็นคนที่นั่งหลังพวงมาลัยได้บ้าง เมื่อพบว่าเป็นผู้ชายรูปร่าง

อวบท้วมเขาจึงเลื่อนสายตาไปยังรถยนต์อีกสามคันที่แล่นตามกันมาต่อท้าย

คัมรี แต่ก็มองไม่เห็นหน้าคนขับรถเลยจึงได้แต่ยืนกอดอกรอคอยด้วยใจ

จดจ่อ

เมื่อคัมรีผ่านไปซีวิกก็แล่นมาแทนที่ คนขับรถคันนี้เป็นผู้ชายอีกตามเคย

รูปร่างผอมกะหร่องเกินไป ดูไม่ใกล้เคียงกับแม่สาวชุดดำนั่น เขาจึงปล่อย

ผ่านไปอีกคัน แต่ยังตั้งอกตั้งใจว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องจับตัวแม่สาวปริศนาแล้ว

ลากคอไปสารภาพความจริงกับมนสิการ์ให้ได้ ต่อให้เห็นว่าเป็นผู้ชายขับรถ

เขาก็ต้องดูให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ปลอมตัวเพื่อหลบหนี

 

ร่างเพรียวระหงในชุดดำก้าวฉับๆ เข้าไปในลานจอดรถของโรงแรม

มณีดินด้วยท่วงท่างามสง่ามาดมั่น เมื่อหย่อนก้นลงนั่งประจำตำแหน่งคนขับ

แล้วเธอก็ถอดแว่นดำโยนทิ้งไว้ที่เบาะข้างตัวอย่างไม่แยแส รอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจ

ระบายทั่วใบหน้างามขณะนึกถึงรายได้ก้อนโตจากภารกิจในคืนนี้

พอคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วฮอนด้าแจซสีเหลืองคันเล็ก

กะทัดรัดก็แล่นฉิวไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึงป้อมยามซึ่งเป็นจุด

แลกบัตรคืนเธอก็ควานหาบัตรสติกเกอร์ แต่พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็พบ

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดทักซิโดสีขาวเต็มยศยืนกอดอกเพ่งมองมาเหมือน

กำลังตามหาใครบางคน หญิงสาวตัวแข็งทื่อ

“ซวยแล้ว!”

สิ้นเสียงอุทานอย่างตื่นตระหนก ใจของเธอก็เต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง

ขณะควานมือสั่นๆ หาแว่นดำมาสวมอย่างลนลานเพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริง

เอาไว้ แม้ว่าเธอจะบรรจงแต่งหน้ามาชนิดอย่างหนาตราช้างถึงขั้นล้าง

เครื่องสำอางออกเมื่อไหร่อาจจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกันก็ตาม แต่เพื่อความ

ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเธอต้องป้องกันไว้ก่อน

ฮอนด้าแจซสีเหลืองซึ่งรอคิวอยู่เป็นคันสุดท้ายทำให้ม่านตาของเตชิต

ขยายกว้างขึ้น เขาเดินเข้าไปหารถยนต์คันนั้นช้าๆ ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง

และทันทีที่เห็นว่าคนนั่งหลังพวงมาลัยเป็นผู้หญิง ใส่แว่นตาสีดำ แถมยัง

แต่งชุดดำอีกต่างหาก เลือดลมในร่างกายเขาก็ฉีดพล่าน

“ยายตัวแสบ เราเจอกันแน่!” เขาคำรามเสียงต่ำขณะที่ก้าวพรวดๆ

เข้าไปหาเป้าหมายราวกับพายุ

‘ภาวิกา’ กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอขณะมองหาทางหนีทีไล่ด้วย

ใจเต้นระทึก เธอรู้สึกเหมือนถูกสวรรค์ลงโทษ คิดจะเลี้ยวกลับเข้าไปใน

ลานจอดรถอีกครั้งแล้วค่อยวนลงมาใหม่ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะตรงนี้

ไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อ ผ่านป้อมยามไปเพียงห้าเมตรก็ถึงถนนใหญ่ ตอนนี้

จะหลบไปทางไหนก็ไม่ได้แล้ว

“จอดรถแล้วลงมาเดี๋ยวนี้นะยายตัวแสบ! อย่าคิดหนีเป็นอันขาด!”

ชายหนุ่มสั่งอย่างดุดันพลางทุบกระจกปังๆ เหมือนอยากให้มันแตกละเอียด

คามือ อีกมือพยายามงัดประตูรถคันงามให้เปิดออกด้วยความโมโห

ผู้หญิงคนนี้จะต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสาสม!

คนที่นั่งอยู่ในรถถึงกับสะดุ้งตกใจ ยิ่งเห็นใบหน้าถมึงทึงของคน

ด้านนอกกอปรกับดวงตากร้าวกระด้างส่องแสงวาวโรจน์คู่นั้นชัดเจนเธอก็ยิ่ง

ผวา มองหาตัวช่วยก็ไม่มีรถขับตามมาสักคันพอให้ใครเห็นว่าเธอกำลังถูก

คุกคาม รถคันหน้าก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อแลกบัตรออกสู่ถนนใหญ่ ครั้นจะ

บีบแตรขอความช่วยเหลือก็เกรงเรื่องราวจะบานปลาย เขาไม่ปล่อยเธอแน่

หากเรื่องไปถึงตำรวจคนที่ซวยสุดย่อมเป็นเธอ ดังนั้นเธอต้องหนีแบบเงียบสุดชีวิต

“ลงมาเดี๋ยวนี้นะ ลงมา!” เขาตะโกนสั่ง สีหน้าท่าทางบอกชัดว่าโกรธ

ชนิดไม่เผาผี และอาจถึงขั้นลงมือฆ่าคนได้อย่างเหี้ยมโหด

“ลงก็โง่น่ะสิ อีตาบ้าเอ๊ย...ตามฉันมาทำไมเนี่ย ทำไมไม่ตามเจ้าสาวตัวเองไปเล่า”

หญิงสาวบ่นอุบทั้งร้อนใจ เห็นท่าทางคลั่งจัดของชายหนุ่มก็ยิ่ง

หวาดหวั่นและลนลานไปกันใหญ่ เหลือบมองรถคันหน้าและเหยียบคันเร่ง

เบาๆ ตามไปเป็นระยะ เมื่อคนข้างนอกยังตามติดไม่ลดละก็อดจะหลุบตา

มองมือใหญ่ที่คอยงัดประตูรถและทุบกระจกปังๆ ไม่ได้ น่ากลัวจะพังคามือจริงๆ

“จะทุบทำไมเนี่ย เดี๋ยวรถก็พังหรอก โธ่เอ๊ย...เมื่อไหร่จะเสร็จซะทีวะ”

เธอบ่นพึม หลุดปากพูดคำไม่สุภาพออกไป พอนึกได้ก็เอามืออุดปากตัวเอง

“ไม่ได้ๆ พูดคำหยาบไม่ได้นะวิกกี้จ๋า เธอต้องเป็นผู้ดี...ผู้ดี ท่องไว้

จ้ะท่องไว้” หญิงสาวปลอบตัวเองพลางมองป้อมยามด้วยท่าทางร้อนรน

แต่แล้วก็ตัวแข็งทื่อ ใจหายวาบเมื่อนึกอะไรได้

“บรรลัยละ! ใบขับขี่มันมีทั้งชื่อและนามสกุลจริงของเรานี่หว่า ถ้า

อีตาบ้านี่เห็นเข้าก็จบกันเท่านั้น งานนี้ถึงกับหมดอนาคตเชียวนะเว้ย” เธอ

ครางอย่างร้อนรน ไม่สนแล้วว่าจะสบถคำไม่สุภาพออกมาอีกกี่คำ

“ผมบอกให้ลงมาเดี๋ยวนี้ ลงมาคุยกันดีๆ หรือจะให้ผมจับคุณส่งตำรวจฮะ”

เสียงข่มขู่ดังขึ้นอีกระลอก ทำให้นางละครมืออาชีพรู้สึกร้อนรน

ปนวิตกจริตอย่างหนัก ตั้งแต่ทำงานแบบนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่โจทก์จะตามล่า

ตัวเธอก่อนเคลียร์กับคนของตัวเองได้ ถ้าเขาไม่ผิดปกติก็อาจแปลว่าถึงคราวเคราะห์ของเธอจริงๆ

เขาเห็นหญิงสาวทำคอยืดคอยาวไปข้างหน้าอย่างลุกลี้ลุกลนจึงมอง

ตาม เมื่อสังเกตเห็นว่ารถคันข้างหน้าของเธอกำลังแลกบัตร ชายหนุ่มก็นึก

อะไรออก รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนใบหน้าเมื่อเขาหันกลับมาจ้องหน้า

สาวชุดดำอย่างอาฆาตมาดร้าย แล้วเขาก็วางมือจากการประทุษร้ายยานพาหนะ

ของเธอ เดินลิ่วไปที่ป้อมยามอย่างรวดเร็ว

สาวสวยเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเขาพูดอะไรบางอย่างกับ รปภ. พร้อม

ยื่นมือไปข้างหน้า ไม่มีเวลาให้เธอคิดมากอีกแล้ว

“เอาวะ ตายเป็นตาย!”

เมื่อรถคันหน้าแลกบัตรเสร็จและเคลื่อนตัวออกไปแล้ว หญิงสาว

ก็เหยียบคันเร่งไปจอดข้างป้อมยาม รีบควานหาบัตรสติกเกอร์ของโรงแรม

ในกระเป๋าถือปราด้าใบโปรดแล้วผลักประตูรถออกไปโดยเร็วเพื่อแย่งชิง

หลักฐานชิ้นสำคัญกลับมาให้ได้พลางตะโกนเสียงดังลั่น “เอาใบขับขี่มาให้ฉันนี่ค่ะ บัตรสติกเกอร์”

“คือว่า...เราทะเลาะกันนิดหน่อยครับ ถ้าเธอได้ใบขับขี่ก็อาจขับรถหนี

ผมไปอีก เธอกำลังโกรธ ผมกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ขอใบขับขี่ของเธอให้ผม

เถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ดวงตาหรี่ลง จ้องหน้าหญิงสาว

ที่ก้าวฉับๆ เข้ามาใกล้ทุกขณะอย่างมาดหมาย

“ไม่ใช่นะคะ เราไม่รู้จักกัน อย่าให้เขานะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งจับคุณด้วย

อีกคน ผู้ชายบ้าคนนี้พยายามจะทุบรถฉัน เขาเป็นผู้ร้าย อย่าไปเชื่อเขานะ”

หญิงสาวตะโกนบอกอย่างร้อนรนพลางวิ่งหน้าตั้งทั้งที่สวมรองเท้าส้นสูง

ปราด้าแสนรักที่กัดฟันซื้อมาในราคาหลายหมื่นด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

ปราดเปรียวอย่างเหลือเชื่อ

เตชิตแค่นหัวเราะแล้วบอกหน้าตาเฉย “เธอกำลังโกรธเลยพูดแบบนี้

พี่น่าจะรู้ดีนะครับ ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่พวกเธออยากจะทำ”

“กรี๊ด! ไม่จริงนะ เขาโกหก” หญิงสาวกัดฟันกรอด ถลึงตาจ้อง

คนโกหกหน้าด้านๆ อย่างโมโห

ชายหนุ่มยักไหล่พลางทำสีหน้าเพลียใจสุดฤทธิ์โดยไม่พูดอะไร

รปภ.ที่ประจำอยู่ในป้อมมีสีหน้าลำบากใจ มองหนุ่มสาวทั้งสองคน

สลับกันไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมพร้อมยื่นมือไปรับบัตรสติกเกอร์

จากหญิงสาว “เชิญคุณผู้หญิงขับรถไปจอดชิดกำแพงด้านซ้ายก่อนนะครับ

ผมขอตรวจสอบอะไรเล็กน้อย เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณทั้งสองคน”

“ไม่! เอาใบขับขี่ของฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวแทบกรี๊ดลั่น

เมื่อบัตรสติกเกอร์หลุดจากมือไปแล้ว ได้แต่ยืนกำหมัด เกาะป้อมยามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างคนดีมากกว่า บัตรสติกเกอร์ของคนผิด

หล่นลงบนพื้น รปภ. หนุ่มจึงก้มลงเก็บ เตชิตอมยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ

อาศัยจังหวะนั้นคว้าข้อมือเล็กไว้อย่างเหนียวแน่น “คุณเสร็จผมแน่!”

หญิงสาวหันขวับ ใจหายวาบ ก่อนจะอ้าปากโวยวาย แต่ถูกมือใหญ่

อีกข้างตะปบไว้โดยเร็วทำให้เสียงที่เล็ดลอดออกมาฟังอู้อี้ไม่ได้ศัพท์

“ปล่อยให้โง่ มานี่เลยยายตัวแสบ บอกมาว่าคุณเป็นใคร ทำไมต้อง

มาก่อกวนงานแต่งของผมด้วย บอกมาให้หมดนะ โทษหนักจะได้เบา”

ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอคิดจะพูดอะไรจึงกัดฟันข่มขู่น้ำเสียงเย็นเยียบพร้อม

ทั้งลากร่างระหงให้ตามเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมเพื่อจะได้

พูดคุยกันถนัดขึ้น โชคดีของเขาที่ตอนนั้นไม่มีรถคันอื่นแล่นตามรถของหญิงสาวมา

 

เสียงบีบแตรจากรถคันหนึ่งดังถี่ๆ รปภ.หนุ่มเจอบัตรที่หล่นพอดี

จึงเงยหน้าขึ้น แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาวกับชายหนุ่มที่เหมือนว่ากำลัง

มีปัญหากันอยู่ มีเพียงรถยนต์ของเธอยังติดเครื่องและจอดอยู่ที่เดิมอย่างน่าสงสัย

“หายไปไหนแล้ววะ?”

รปภ.ประจำป้อมเกาหัวแกรกๆ ขณะมองหาเจ้าของรถ เมื่อไม่เห็น

แม้แต่เงาจึงรีบวิ่งออกมาจัดการกับรถเจ้าปัญหาเพื่อเปิดเส้นทางจราจร

ให้แขกรายอื่น พอถนนโล่งก็รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยรักษา

ความปลอดภัยของโรงแรมให้มาช่วยตามหาหนุ่มสาวทั้งสองคนอย่างเร่งด่วน

 

หญิงสาวเบิกตาโพลง เอื้อมมือไขว่คว้าสะเปะสะปะไปในอากาศ

เพื่อขอความช่วยเหลือ พยายามจะส่งเสียงแต่ก็ไม่สามารถอ้าปากได้

จึงมีเพียงเสียงอู้อี้ในลำคอ ร่างบางดิ้นรนฮึดฮัดสุดกำลัง ทั้งถีบ เตะ ต่อย

จิก และข่วน สารพัดวิธีเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่สุดท้ายก็ถูก

ลากลงมาที่ชั้นใต้ดินอันร้างไร้ผู้คนจนได้

ร่างเพรียวบางถูกตรึงไว้ด้วยร่างใหญ่จนแผ่นหลังติดกำแพงปูน

ด้านหน้าเบียดกับแผ่นอกกว้างที่ทั้งแข็งและแน่น ไม่ว่าเธอจะผลักอย่างไร

เขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด แถมใบหน้าคมดุที่ก้มต่ำลงมาอย่างคุกคามนั้น

ยิ่งทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดีเข้าไปใหญ่ ได้แต่หลับตาปี๋นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่

ปกติไม่เคยเฉียดใกล้วัดเลยด้วยซ้ำ แถมยังคิดติดสินบนด้วยอาหารที่วัยรุ่น

เขานิยมกินเพราะนึกอะไรไม่ออกจริงๆ

‘คุณพระคุณเจ้าขา...ถ้ารอดจากไอ้หมอนี่ไปได้ ลูกช้างจะถวายพิซซา

๙ ถาดกับสลัดบาร์ชุดใหญ่ แถมไก่ทอด KFC ให้อีกด้วย โปรดช่วยลูกช้าง

ด้วยนะคะ เจ้าประคู้น...’

เตชิตแค่นยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อค้นพบเขตปลอดคนพอที่จะจัดการ

กับแม่สาวชุดดำได้สะดวกหน่อย เลื่อนมือที่ปิดปากหญิงสาวขึ้นไปแตะ

ขาแว่นกันแดดของเธอพร้อมเอ่ยขึ้น “ไหนขอดูหน้าคนโกหกให้ชัดๆ หน่อยซิ”

ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็เบิกตากว้าง จะให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง

ของเธอไม่ได้เด็ดขาด ถึงตายก็ยอมไม่ได้!

เธอรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายไว้ที่หัวเข่า ยกขาขึ้นกระแทกเป้าศัตรู

สุดแรงเกิด เป็นผลให้มือใหญ่ชะงักค้าง ใบหน้าคมเขียวคล้ำสลับแดง

ตาเหลือกโพลง ทั้งจุกและเจ็บจนพูดไม่ออก ร่างสูงทรุดลงคุกเข่า ตัวงอเป็นกุ้ง

กุมเป้ากางเกงด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะเหลือบตาลุกวาวขึ้นจ้องสาวชุดดำ

อย่างอาฆาตแค้น กว่าจะกัดฟันพูดแต่ละคำออกมาได้แสนยากเย็น

“ยาย-ตัว-แสบ!”

หญิงสาวยืนหอบหายใจหนักๆ ด้วยความตื่นเต้น พิงกำแพงอยู่

เป็นนานเพราะต้องใช้พลังงานไปมากโข เมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับขาแว่นที่เอียง

กระเท่เร่ให้เข้าที่เข้าทางก่อนมันจะเลื่อนหลุดและเผยให้เห็นใบหน้าของเธอ

ชัดขึ้น ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นดำมองสภาพของชายหนุ่มด้วยความรู้สึก

หวาดๆ ก่อนเธอจะค่อยๆ กระดึ๊บไปตามกำแพงด้วยขาที่สั่นพั่บๆ และพึมพำ

เบาๆ “คุณหาเรื่องเองนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ขอโทษละ อยากกัดไม่ปล่อย

เองนี่ ฉันไปละนะ หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันอีก ลาก่อน”

เธอสูดลมหายใจลึกแล้วหันหลังวิ่งกลับออกไปข้างนอกเพื่อขอใบขับขี่

คืน จะได้จากไปโดยเร็ว แต่เพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็ทรุดฮวบพร้อมกรีดร้อง

ด้วยความตกใจ โชคดีที่เธอมีสติพอจะเอาด้านข้างลงและใช้มือยันตัวไว้

ได้ทันก่อนที่ศีรษะจะฟาดพื้นซีเมนต์จนเลือดสาด แต่แรงกระแทกที่สะโพก

ก็ทำให้เจ็บแปลบและจุกจนขยับไม่ได้ไปชั่วครู่

“จะหนีไปไหน!” เตชิตคำรามเสียงต่ำ ร่างใหญ่นอนราบอยู่กับพื้น

เพราะทุ่มทุนสร้างด้วยการโถมตัวคว้าข้อเท้าของเธอเอาไว้ เสื้อผ้าหน้าผม

ตอนนี้สกปรกมอมแมมจนหมดสง่าราศี แต่จะปล่อยให้ผู้ร้ายหนีไปง่ายๆ

เขาก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เธอทำลายงานแต่งงานของเขา แถมยังทำร้าย

ร่างกายเขาด้วย งานนี้เขาไม่ยอมให้เธอเสียค่าปรับแค่ห้าร้อยบาทแน่

ภาวิกานิ่วหน้า กัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางโอดโอย ยืดแขนออกไปคว้า

แว่นกันแดดที่กระเด็นหลุดมาสวม ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปจ้องคู่กรณีที่

กัดไม่ปล่อยด้วยแววตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

“ฝันไปเถอะ ผมจับคุณส่งตำรวจแน่ถ้าไม่ยอมพูดความจริง” เขากัดฟัน

                             (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เมื่อนางละครตัวแสบอย่าง ‘ภาวิกา’ เกิดสะดุดรักเจ้าชายแสนดีเข้า เธอยอมถอดเขี้ยวเล็บสารพัดพิษเพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับของคุณหมอรูปงามและคนในครอบครัวเขาอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้วสาวร้ายกลับใจ (รึเปล่า?) ก็ต้องคิดหนัก เมื่อสวรรค์ส่งบททดสอบที่แสนจะโหดหินมาให้ และในเมื่อยังตัดกิเลสไม่ขาด...เธอจึงก้าวพลาดอีกครั้ง!
‘เตชิต’ ชายหนุ่มผู้โชคร้ายแห่งปี เมื่อจู่ๆ มียัยบ้าใส่ชุดดำมาอ้างว่าเป็นภรรยาและกำลังอุ้มท้องลูกของเขาในวันแต่งงานของเขาเอง งานแต่งต้องพังครืนและเขากลายเป็นเจ้าบ่าวที่ถูกทิ้ง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา เขาก็จะตามล่าแม่สาวชุดดำมาชดใช้ความผิดให้จงได้!
เมื่อโจทก์หนุ่มจอมโหดออกล่าแบบโยนคำว่าสุภาพบุรุษทิ้งไป จำเลยสาวสุดแสบจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเขี่ยเขาออกไปให้พ้นทางเดินปูพรมโรยกลีบกุหลาบของตัวเอง แต่เกมไล่ล่าแบบโหด ฮา รั่ว ผสมควันปืนกรุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร เมื่อหญิงสาวสลัดเตชิตออกจากชีวิตมนสิการ์ได้ แต่ดันสลัดไอ้ผู้ชายซาดิสม์คนนี้ออกจากหัวใจไม่สำเร็จ!

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024