แผนร้ายพ่ายรัก (ปิ่นปินัทธ์)

แผนร้ายพ่ายรัก (ปิ่นปินัทธ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001007
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

 

 

 

 

รัก...หากไร้บิน รักก็เมิน ไม่เห็นแม้เงา

 

เขมมิกยกมือขยี้ตา กะพริบตาปริบๆ ท่าทางสะลึมสะลืออยู่บน

เตียงนุ่มของตัวเอง สมองค่อยๆ ปรับจูนโดยอัตโนมัติเหมือนเคยหลังตื่นนอน ใหม่ๆ ทุกเช้า ว่าวันนี้เป็นรันอะไรและเธอต้องไปทำงานหรือเปล่า เมื่อสมอง ประมวลผลเรียบร้อยจึงค่อยๆ หันไปมองนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อ คืนเธอไม่ได้ตั้งปลุกไว้เพราะเช้านี้ไม่มีคิวบิน หญิงสาวหยัดสองแขนด้นตัวขึ้นนั่ง พิงหมอนใบโตตรงพนักหัวเตียง พลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจและอ้าปากหาว

เสียงดังโดยไม่ต้องรักษากิริยา

การตื่นสายในเช้านี้มีผลมาจากเหตุการณ์เมื่อคืน เขมมิกยังจำได้ราวกับ มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมา เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีครั้งไหนหัวใจเต้น แรงรัวด้วยความกลัวเท่าเมื่อคืนนี้มาก่อนเลย ยังรู้สึกได้ถึงกระไอร้อนที่ค่อยๆ ไหลวาบทั่วร่าง เธอไม่น่าจะซุ่มซ่ามได้ขนาดนั้น เสียประวัติอันงดงามที่สั่งสมมา

หลายปีหมด

ณ ตอนนั้นเธอคิดว่าคงต้องโดน รปก.หิ้วปีกไปโยนทิ้งหน้าโรงแรม

หรือไม่ก็ถูกจับในข้อหาจงใจป่วนงานแต่งงานเริ่ดหรูของคนใหญ่คนโตเป็น

แน่แล้ว เนื้อตัวแข็งชา ได้แต่นั่งกลอกตามองรอบๆ กายอย่างไม่รู้ว่าควรจะแก้

ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดี หูอื้อไปพักใหญ่ มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หนักๆ ของคนหลายคนที่เดินตรงเข้ามา และเสียงชุบซิบของผู้คนรอบข้าง

...ควรจะทำยังไงดีถึงจะหลุดพันจากสถานการณ์นี้ได้?

แวบเดียวจริงๆ ที่ในยามคับขันนั้น สมองก็หวนนึกไปถึงนิยายรักที่เพิ่ง อ่านวันก่อน นางเอกหลีกเลี่ยงการถูกบีบคั้นจากพระเอกด้วยการแกล้งเป็นลม

 เพียงเท่านั้น เธอก็แกล้งทำเป็นโงนเงนก่อนทิ้งตัวหงายหลังลงพื้นอย่าง เจนเวทีทันที ใช่...ทางออกเพียงอย่างเดียวที่คิดได้คือ เธอต้องแกล้งช็อก เป็น

ลมหมดสติไป

ขณะหลับตานอนแน่นิ่ง เธอได้ยินเสียงคนถามไถ่กันวุ่นวายไปหมดว่า เกิดอะไรขึ้น บ้างถามหายาดม บ้างก็เสนอให้พาเธอไปห้องอื่นและกักตัวเธอไว้ ในที่สุดเธอก็ถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกไป หูยังอุตส่าห์ได้ยินพิธีกรในงานประกาศ

ต่อแขกผู้มีเกียรติว่า...

‘ไม่ต้องตกอกตกใจนะครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เป็นเพียงอุบัติเหตุ เล็กน้อยเท่านั้น’

...ก็แหงละสิ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ นั่นแหละ ใครจะบ้าไปแกล้งคู่บ่าว สาวถึงขนาดทำเค้กพังกันได้เล่า ใจหนึ่งก็อยากจะรู้เหลือเกินว่าเขาจะดำเนินงาน แต่งงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ยังไง ก็คู่บ่าวสาวยังไม่ได้ตัดเค้กฉลองมงคล และ

ณ ขณะนั้น เค้กก้อนที่ว่าก็กลายสภาพเป็นกองครีมเละเขละ เนื้อเค้กกระจัด กระจายเป็นขึ้นเล็กขึ้นน้อยอยู่กลางห้องโดยไม่ต้องใช้มีดจากมือคู่สมรส

ถึงอย่างไรความอยากรู้อยากเห็นคงต้องหลีกทางให้ความปลอดภัยของชีวิต เวลานั้นไม่มีอะไรดียิ่งไปกว่าการหาทางพาตัวเองออกจากโรงแรมโดยเร็วที่สุด

เขมมิกหลับตาปี ก้มหน้างุด ขณะถูกหิ้วปีกกึ่งลากมานิ่งเอนๆ บนโซฟา ได้ยินเสียงห้าวสลับเสียงแหลมทุ่มเถียงกัน เมื่อเธอไม่สามารถลืมตาได้ จึงได้แต่ เงี่ยหูฟ้ง

‘เสียบรรยากาศหมดเลย โอย...แม่ละอายเขาจริงๆ’

‘ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้า สติสตังไม่ปกติหรือเปล่า ถึงมาทำแบบนี้’ เสียงของ ผู้หญิงสูงวัยอีกคนแหลมออกมาซึ่งเขมมิกเดาว่าต้องเป็นเสียงญาติของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแน่

 

‘แม่นี่เป็นแฟนเก่าตาพีทค่ะ คงกะมาป่วนงาน ก็ดูมันแต่งตัวสิคะคุณพี่’

แต่เสียงนี้เธอจำได้ไม่มีวันลืม เสียงน้าสะใภ้จอมยุของเจ้าบ่าวนั่นเอง

ยายนี่แหละที่ยุให้พิทยาเลิกกับเธอ พิงจากเสียง น้าสะใภ้ตัวแสบคงจะยืนอยู่ขวา มือเธอ แหม...ถ้าไม่ห่วงว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในโหมดเป็นลม ก็อยากจะยกขา พร้อมรองเท้าส้นสูงแหลมยันไปลักโครม

‘นี่ตาพีทก็บอกเลิกเด็ดขาดไปตั้งนานแล้ว สงสัยจะอิจฉา ไม่ก็ยังตัดอก ตัดใจไม่ได้แน่เลยค่ะ’

แม้ได้ยินแต่เสียง ทว่าเขมมิกก็เดา'ได้'ทันที'ว่า เจ้าหล่อนจะทำท่าจีบปาก จีบคอพูดยังไง

‘คิดว่าเป็นอุบัติเหตุมากกว่าครับ เดี๋ยวพอฟืนเราค่อยสอบถามเธอดีกว่า’

เสียงทุ้มหนักซึ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองของผู้ชายคนหนึ่งกระทบเข้าหู เสียงเหมือนเคยได้ยิน แต่นึกไม่ออก รู้สึกคุ้นๆ ตงิดๆ จนเธออยากหรี่ตาเหลือบ มองเหลือเกินว่าเจ้าของเสียงทุ้มนั้นเป็นใคร

‘เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยค่ะ เขม...เอ่อ...เขมมิกเขาไม่สบาย เพิ่งกลับจาก ไฟลต์อเมริกาเมื่อบ่าย สงสัยเจ็ตแล็กค่ะ คืนนี้ยืนนานไปหน่อยเลยวูบเป็นลมไป เขมไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกค่ะ หนูยืนยันได้ นี่งานของท่านประธานนะคะ ไม่มี

ใครกล้าป่วนหรอกค่ะ’

ไม่ทันได้ท่าตามใจคิด ก็ได้ยินเสียงใสๆ ที่เธอจำได้ว่าเป็นเสียงของเนตร- นิภาเพื่อนรัก ตามด้วยมือเย็นเฉียบสัมผัสแขนเธอ ท่วงท่าการสัมผัสและมือไม้

ที่เย็นเฉียบเวลาตื่นเต้นแบบนี้ไม่มีใครนอกจากเนตรนิภาคนเดียว ไม่มีเสียง

เอื้อนเอ่ยจากใครนอกจากเสียงเนื้อผ้าเสียดสียามขยับตัวและเสียงส้นรองเท้า กระทบพื้น

‘เอ่อ...หนะ...หนูขอพาเพี่อนกสับก่อนนะคะ พี่ รปก. ขา หนูไหว้ละ

ช่วยหนูหิ้วปีกเพื่อนพาไปที่รถหน่อยเถอะค่ะ’ ในที่สุดเนตรนิภาก็ตัดบท และคง มัดมือรปก.ให้ช่วยเหลือทันที

เขมมิกยังจำความรู้สึกขณะถูกลากถูลู่ถูกังและถูกจับยัดเข้ารถคันย่อม

ได้ ก็ไอ้กระโปรงราตรีบานฟูฟ่องนั้นแหละที่กว่าเพื่อนสาวจะเก็บโกยเข้าในรถ

ได้หมดก็ใช้เวลานานทีเดียว ตามด้วยเสียงเปิดปิดประตูรถหลายครั้ง

‘ไอ้บ้าเขมเอ๊ย...ทำไมแกเลือกใส่ชุดนี้วะ โคตรผ้าเยอะเลย...มันฟูซะจน เล่นเอาเหงื่อหยด นี่ฉันไม่สนแล้วนะ ปล่อยให้ชายกระโปรงแกโดนหนีบโผล่

ออกนอกรถยังงั้นแหละ ตอนนี้รีบๆ เผ่นก่อนเป็นดีที่สุด’

เสียงคนพูดถอนหายใจยาวพลางบ่นงึมงำเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้ว เขมมิกได้ยินเสียงปิดประตูรถด้านคนขับ และเสียงติดเครื่องยนต์ให้พร้อมทำงาน

‘หยุด! แกอย่าเพิ่งลืมตาเชียวนะยายเขม เดี๋ยวกล้องวงจรปิดตรงทางเข้า ออกจะจับภาพแกได้’ เพื่อนรักพูดเหมือนคนไม่มีลิ้น คาดว่าคงกำลังกัดฟันพูด ‘แม้แต่หรี่ตาข้างเดียวก็อย่าคิดเชียวนะแก ยายตัวยุ่ง’ เนตรนิภาคำรามในล่าคอ เมื่อรถเคลื่อนตัวไปราวสองสามนาที คงกลัวกล้องจับอีกนั่นแหละถึงได้ไม่กล้า

อ้าปากกว้างพูดคนเดียว

เมื่อถูกเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตสั่งอย่างรู้นิสัยกันดี เขมมิกจึงได้แต่ร้อง

‘อือ’ เบาๆ ในล่าคอแล้วทำตาม

ยังจำได้ถึงประโยคแรกของเพื่อนแสนดีที่ถามเธอหลังจากขับรถออกมา จนถึงถนนใหญ่แล้ว

‘ลืมตาได้แล้วนังตัวป่วน แล้วสารภาพมาชะดีๆ แกตั้งใจทำงานเขาเละ หรือเปล่ายะ ยายเขม’

เขมมิกลืมตา หันไปทางคนขับแล้วส่ายหัวดิก ‘จะบ้าเหรอ ฉันจะหาเรื่อง ให้ตัวเองหน้าแตกขนาดนี้ไปทำไม ตายๆๆ แล้วฉันจะมองหน้าคนทั้งบริษัท

ได้ไงนี่ โอย...พรุ่งนี้ฉันตายแน่’

“โอ๊ยยย...!”

เขมมิกเอามือขยี้หัวร้องระบายอารมณ์ออกมาดังๆ เมื่อหวนนึกถึง เหตุการณ์เมื่อคืน ถ้าให้เธออยู่เฉยๆ อาจจะฟังซ่านได้ คิดได้ดังนั้นหญิงสาว

ก็เอามือตวัดผ้าห่ม วาดเท้าลงจากเตียงแล้วเดินออกนอกห้อง รีบทำธุระใน ห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงเดินออกไปเพื่อหาใครสักคนมาพูดคุยระบายความอึดอัด

ภายในใจ และเหยื่อคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...

เนตรนิภาเพื่อนสาวของเธอนั่งกินคุกกี้อยู่ที่โต๊ะเล็กกลางครัวคอนโดฯ สำหรับคนรัยทำงานย่านอ่อนนุช เขมมิกเป็นเพื่อนกับเนตรนิภามาตั้งแต่สมัย เรียนมัธยมต้น พอขึ้นมัธยมปลาย เขมมิกได้ทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอยู่ สวิตเชอร์แลนด์หนึ่งปีจึงสนใจการท่องเที่ยวและโรงแรมตั้งแต่นั้นมา หลังจาก กลับมาเรียนในเมืองไทยด้วยกันอีกครั้ง ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม ก่อน

จะแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ตัวเองสอบติด

เนตรนิภาเรียนในเมืองไทย แต่เพราะเรียนจบสามปีครึ่ง จึงตัดสินใจตาม พี่ชายซึ่งถูกส่งไปเรียนวิศวกรรมที่เยอรมนี ไปเรียนด้านภาษาเพิ่มเติม ส่วน เขมมิกไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย เธอสอบเข้าเรียนต่อในคอลเลจการ ท่องเที่ยวและโรงแรมชื่อดังของสวิตเชอร์แลนด์ได้อย่างที่ตั้งใจ ด้วยเหตุนี้เมื่อ เนตรนิภาชวนมาเที่ยวฮัมบูร์กช่วงวันหยุดคริสต์มาสปีนั้น เขมมิกจึงไม่ลังเลที่จะ จับรถไฟมาเจอเพื่อนสาวที่ประเทศเยอรมนี

ทว่าเพียงแค่คืนที่สามในเยอรมนี เขมมิกก็ต้องรีบเผ่นกลับสวิตเชอร์- แลนด์ หญิงสาวไม่นึกเลยว่าการไปเยี่ยมเพื่อนรักที่ฮัมบูร์กครั้งนั้นจะสร้าง ประสบการณ์ที่เธอไม่มีวันลืม...แม้เวลาจะผ่านมาถึงห้าปีแล้วก็ตาม และหลังจาก เกิดเหตุครั้งนั้น ปัญหาครอบครัว การระหองระแหงระหว่างบิดากับมารดา

ของเธอ ก็ท่าให้เขมมิกเรียนไม่จบ ต้องกลับมาประเทศไทยกลางคัน

ระหว่างเผชิญมรสุมชีวิตช่วงนั้น เธอขอโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อที่ เมืองไทย เรียนไปด้วยท่างานไปด้วย เข็นส่งตัวเองจนจบปริญญาตรี และได้งาน เป็นเลขานุการีณีบริษัทข้ามชาติ จวบจนเนตรนิภาเรียนจบกลับมาจึงชักชวนคัน ไปสมัครงานเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินบริษัทต่างชาติซึ่งเพิ่งร่วมลงทุน กับบริษัทสายการบินบูติกของไทยเพี่อขยายฐานลูกค้า

“ไง...ตื่นแล้วเหรอยะ แม่ตัวป่วนพังเค้ก” คนทักเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ใบหน้า

อมยิ้ม มือยกถ้วยกาแฟจดรีมฝีปาก

อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อครู่เพื่อนสาวเรียกเธอว่า ‘แพนเค้ก’ หรือ ‘ฟังเค้ก’

กันแน่ “อือ...แกท่าแพนเค้กให้ฉันกินเหรอ ขอบใจนะ ว่าแต่...นี่แกจัดของเสร็จ แล้วเหรอ ให้ฉันขับไปส่งไหม”

เขมมิกเอ่ยถึงการไปสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเพี่อไปส่งเนตรนิภา

ที่มีคิวบินบ่ายนี้ ทั้งคู่ผลัดคันใช้รถยนต์ญี่ปุนขนาดกลางที่หุ้นกันชื้อ โดยคน

ที่ไม่มีคิวบินจะขับไปส่งอีกฝ่ายที่สนามบินแล้วขับรถกลับบ้าน จะได้มีรถไวใช้

และหากมีคิวบินโดยอีกคนยังไม่กลับก็จะขับรถไปจอดไว้ที่สนามบิน เมื่อ

 

อีกฝ่ายกลับถึงสนามบินก็ใช้กุญแจรถสำรองขับกลับได้เลย

“แน่ใจนะว่าสมาธิและสมองแกกลับมาเป็นปกติ มีความสามารถในการ ขับขี่ปลอดภัย'พอน่ะ”

“ไม่แน่ใจว่ะ แกว่าเรื่องเมื่อคืน ฉันจะโดนวอร์นนิ่ง มั้ย” เขมมิกหันไป

ขอความเห็นแล้วเดินไปเปิดตู้หยิบถ้วยกาแฟวางบนเครื่อง เทเมล็ดกาแฟคั่ว

แล้วกดปุ่มให้เครื่องบดและกลั่นกาแฟอัตโนมัติทำงานของมัน

“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ ไอ้สิ่งที่แกทำไปเมื่อคืนไม่มีระบุไว้ในกฎระเบียบบริษัท

ด้วยซี แต่แกเพิ่งกลับมาบินเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่น่ะชี เพิ่งหลุดจากลีฟวิทเอาต์เปย์ ไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แล้ว

ถ้าเหตุการณ์เมื่อคืนมาเป็นเหตุให้ฉันโดนอีก ฉันตายแน่เลย”

ทั้งคู่กำลังพูดถึงการที่เขมมิกโดนวอร์นนิ่งสองครั้ง ซึ่งมีผล'ทำ'ให้เธอถูก ทำโทษให้พักงานโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างหนึ่งเดือนเต็ม

“แกมันก็ช่วยซวยนะช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นแกมือขึ้นทุกอย่าง บริษัท ให้สอบภาษา แกก็ทำคะแนนทอป ได้เพิ่มทั้งเงิน ทั้งเลื่อนขั้น เล่นเอาฮือฮากัน ทั้งบริษัทว่าตั้งแต่เปิดให้มีแอร์คนไทยร่วมไฟลต์มา ก็มีแกนี่แหละเป็นรายแรก

รายเดียว ทำงานไม่ถึงสามปี ได้ไปทำคอมพาร์ตเอ แล้วดูดิ แกเพิ่งได้ต่อ สัญญาแท้ๆ อยู่ดีๆ ดวงเป็นอะไรวะ เจอวอร์นนิ่งติดๆ กันสองครั้งช้อน”

“ใช่ สงสัยฉันคงต้องไปทำสังฆทาน ทำบุญปล่อยหอยขม ชื้อโลงศพ

รดน้ำมนต์ล้างซวยอย่างที่แกเคยบอกแล้วว่ะ ฉันไม่น่าทำเฉยตั้งแต่ตอนโดน

วอร์นฯ ครั้งแรกเลย” เขมมิกบ่นอุบอย่างเลียดาย

“วอร์นนิ่งคราวนั้นโดนเพราะอะไรนะ...มาสายกับคอลชิกใช่ไหม”

 “วอร์นฯ แรกน่ะคอลซิกหน'นง บวกกับมาสายอีกสองหน แต่ครั้งล่าสุดนี่ ฉันซวยจริงๆ ดันตกไฟลต์ มาไม่ทันดีพาร์ต ที่เชนได ก็ใครจะไปรู้วะ เจอพายุ หิมะตกหนักขนาดนั้น แล้วทางสนามบินก็บอกว่าไฟลต์แคนเซิล ฉันก็ลั้นลาไป

ชอปปิงข้าวของที่พี่ๆ เขาฝากชื้อ ที่ไหนได้อยู่ดีๆ โทร. มาบอกว่า เคลียริ่ง สนามบินแล้ว เครื่องเทกออฟได้ มีฉันกะยายบีสองคนที่ตกไฟลต์ ยายบี

ไม่เท่าไหร่ ฉันสิซวยกว่า เพราะไฟลต์นั้นฉันต้องทำดิวตี้ฟรีด้วย เจออีกหนึ่ง

วอร์นฯ เต็มๆ”

“ใช่ ถ้าลูกเรือยี่สิบกว่าชีวิตทัน แล้วมีแค่เราเท่านั้นที่ดันพลาดตกไฟลต์ น่ะ เถียงไม่ขึ้นเลย ฉันถึงว่าแกซวยไง นี่ดีนะที่รีพอร์ตซึ่งออกมาดีตลอดของแก

ยังช่วยไว้ได้บ้าง”

เนตรนิภาหมายถึงรายงานที่เขียนโดยชีฟเพอร์เชอร์ บันทึกผลการ ทำงานของลูกเรือในแต่ละไฟลต์ และหากมีจดหมายชื่นชมการท่างานจาก

ผู้โดยสารบวกเข้ามา ก็จะท่าให้รีพอร์ตการท่างานของพนักงานคนนั้นออกมา

ดียิ่งขึ้น

การทำงานในฐานะพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน คนภายนอกอาจมองว่า เป็นงานของนางฟ้า แต่งกายเรียบหรูสวยงามและมีเกียรติ แต่เบื้องหลังแล้วเป็น งานที่หนักมาก พนักงานต้องมาตระเตรียมข้าวของที่ตัวเองรับผิดชอบให้

พร้อมก่อนบิน ระหว่างท่างานก็ต้องมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจบริการ ไม่ว่า ผู้โดยสารจะร้องขออยากได้อะไรด้วยมธุรสวาจาหรือไม่ พนักงานต้อนรับทั้ง หญิงและชายต้องยินดีรับใช้โดยไม่เบื่อหน่าย ไร้เหงื่อไคลหรือรั้วรอยแห่งความ เหน็ดเหนื่อย ใบหน้าต้องผ่องสวยใสน่ามองตลอดเวลา นั่นเป็นพื้นฐาน

แต่สิ่งหนึ่งที่ท่าให้รีพอร์ตของเขมมิกออกมาตีเสมอนอกเหนือจาก

คำชมจากผู้โดยสาร ก็คือการไม่เกี่ยงงาน แม้งานนั้นจะเป็นงานไม่น่าพิสมัยอย่าง งานท่าความสะอาดห้องส้วม เขมมิกก็ไม่เคยรังเกียจรังงอน โดยปกติ การ

ทำความสะอาดห้องสุขาระหว่างไฟลต์ถือเป็นหน้าที่ของพนักงานต้อนรับบน

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

รัก สำหรับใครหลายคนอาจเป็นเรื่องแสนหวาน โรแมนติก ชวนฝัน เป็นชะตาฟ้าลิขิต ขีดให้คนสองคนมาคู่กัน แต่สำหรับเขมมิก แอร์โฮสเตสสาวสวยแสนซ่า ขาวีนตัวแม่ รักแท้...ไม่มีอยู่จริง! รึหากจะมี...ก็แค่ในนิยายเท่านั้น! และผู้ชาย...ไม่ว่าจะหน้าไหน เรื่องคิดวางหัวใจให้...ไม่โง่ บ้า ก็ตาบอด! หลังจากรับจ๊อบกะเทาะเปลือกผู้ชาย พิสูจน์รักแท้ให้เพื่อนสาวมากหน้า เรื่องแบบโชคชะตาฟ้าบันดาลก็ เข้าตัว จนได้ เมื่อ นายใหญ่ มีใบสั่งให้เธอรับ จ๊อบ ครั้งสำคัญ เขมมิกต้องทิ้งปีกนางฟ้า ลงมาคลุกดิน...ปนรำ เพราะ เป้าหมาย ที่รอเธอไปพิสูจน์หัวใจเป็นหนุ่มล่ำหน้าเข้มเจ้าของฟาร์มสุกร...บ้างาน มั่นคง ไม่วอกแวก เรื่องกะเทาะหัวใจเขาไม่ใช่เรื่องเกินมือ แต่เรื่องห้ามใจตัวเองนี่สิ...ที่ต้องคิดหนัก


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024