เล่ห์รักยาใจ (เก้าแต้ม)

เล่ห์รักยาใจ (เก้าแต้ม)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019366
ผู้แต่ง: เก้าแต้ม
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 380.00 บาท 95.00 บาท
ประหยัด: 285.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

มนุษย์ทุกคนต้องการยา...รักษาใจ

 

“ขอบคุณหมอมากนะครับที่ช่วยชีวิตเมียผม”

ชายตรงหน้ายกมือประนมค้อมศีรษะลงจนสุด หลังจากแพทย์ได้

ช่วยหญิงคนรักให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราช

สำหรับภารุจแล้ว สิ่งที่ทำให้ชื่นใจไม่ใช่คำชม แต่เป็นความรู้สึกยินดี

ยามมีโอกาสได้ช่วยชีวิตของแม่ลูกพร้อมกันต่างหาก แม้ว่าเมื่อสามชั่วโมงก่อน

เขารู้สึกเครียดและกังวลอย่างมากเมื่อคนป่วยหญิงอายุยี่สิบห้าถูก

เข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉิน

หล่อนมีภาวะรกเกาะต่ำและตกเลือด ความดันลดต่ำถึงเกณฑ์ที่

เรียกว่าช็อก แม้ขณะนี้ทารกในครรภ์จะอายุเพียงแค่แปดเดือนเศษ แต่

เพื่อช่วยชีวิตจึงต้องได้รับการผ่าตัดด่วน

ทีมแพทย์อยู่ในภาวะตึงเครียด หลังทำคลอดและส่งเด็กให้กุมาร-

แพทย์ดูแล ปัญหาต่อมาก็คือมดลูกหดรัดตัวไม่ดี ตำแหน่งที่รกเกาะมี

เลือดออกมาก ภารุจเย็บห้ามเลือดจุดต่างๆ ทุกครั้งที่เครื่องจับสัญญาณชีพ

ตรงหัวเตียงร้องเตือน นายแพทย์หนุ่มก็ยิ่งร้อนใจ แต่ด้วยสำนึกของคน

 

เป็นแพทย์ เขารู้ว่าตนจะเสียสมาธิไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคือใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา

ดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด

ภารุจเป็นสูตินรีแพทย์ เรียนจบเฉพาะทางเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เขาเลือก

เป็นอาจารย์เพื่อใช้ความรู้ดูแลคนป่วยควบคู่กับการเป็นครูของนักศึกษาแพทย์

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

“ถึงยังไงผมก็ขอบคุณครับ ตอนอยู่บ้านเมียผมเลือดออกเยอะมาก

ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด”

สภาพคนเจ็บมีเลือดเปรอะเต็มผ้าถุง เช่นเดียวกับเสื้อผ้าของสามี

ที่เลอะไปด้วย แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว

“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่คงต้องอยู่ดูอาการในไอซียูคืนนี้ก่อน

แต่คุณธงชัยไม่ต้องกังวลนะครับ กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน ไว้ถ้าให้เยี่ยมได้

เมื่อไหร่ ผมจะรีบให้พยาบาลโทร. ไปแจ้ง”

ภารุจเจรจากับญาติคนไข้อีกสองสามประโยค จากนั้นก็เดินปลีกตัว

ออกมา เขายังคงอยู่ในชุดผ่าตัดสีเขียวคอวีสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาว ใบหน้า

คมสันแฝงความอิดโรย แต่มองออกว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง

ดึกมากแล้ว นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเที่ยงคืน ภายในโรงพยาบาล

ค่อนข้างเงียบ เขาอ่อนล้า ปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากอาบน้ำและทิ้งตัวบน

เตียงนอนนุ่มๆ แต่ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลเพราะต้องอยู่เวรทั้งคืน ชายหนุ่ม

ก้าวเท้าไปตามทางเดิน อดไม่ได้ที่จะหยุดยืนตรงมุมประจำ

พระบรมรูปของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรม-

ราชชนก ประดิษฐานอยู่ตรงนั้นตั้งแต่หกสิบปีก่อน ทุกวันจะมีชาวบ้าน

และบรรดาญาติคนไข้แวะมาสักการะพระบิดาแห่งการแพทย์ไทยเป็น

จำนวนมาก แต่สำหรับภารุจ การได้หยุดยืนดู หวนรำลึกถึงคำสอนของ

พระองค์ท่าน กลับเป็นพลังใจช่วยขับไล่ความเหนื่อยล้าให้หมดสิ้นไป

นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษาที่นี่ รุ่นพี่ก็มักจะถ่ายทอดคำสอน

ของพระองค์ท่านให้ฟังอยู่เสมอ

‘ผมไม่ต้องการให้คุณเป็นแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้เป็นมนุษย์ด้วย’

‘มนุษย์’ หมายถึง คนธรรมดาที่ไม่มีอัตตาเพราะถือว่าตัวเองเรียนเก่ง

และเป็นชนชั้นหัวกะทิ แต่ต้องเข้าถึงจิตใจผู้ป่วย ดูแลพวกเขาประดุจญาติ

ไม่เพียงแต่รักษาโรค ยังต้องดูแลสภาพจิตใจและครอบครัวผู้ป่วยด้วย

แม้จะมาจากต่างฐานะและอาชีพ แต่หน้าที่ของแพทย์ก็คือผู้ให้

โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นสถาบันอบรมแพทย์ชั้นนำของประเทศ

นอกจากวิชาการยังสอนคุณธรรมอีกด้วย เขายังจำความรู้สึกในงานรับน้อง

ข้ามฟากได้ ผู้ที่เอื้อมมือไปรับภารุจขึ้นจากเรือคือศาสตราจารย์เกียรติคุณ

หรือผู้บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม เขาเคยฝันว่าสักวันจะเป็นหมอที่ดี

เป็นอาจารย์ที่ดี แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเพียงอาจารย์ตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่ม

บทบาทของตนเองก็ตาม

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่น ภารุจหยิบขึ้นมาดู เบอร์โชว์ตรงหน้าจอ

ไม่คุ้นเคย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับสาย เขานิ่งอยู่นานตอนที่ปลายสายละล่ำละลัก

“ใจเย็นๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

 

ภารุจควรจะผล็อยหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แต่ตอนนี้กลับนั่งตาค้าง

เพราะคิดไม่ตก หลังจากได้โทรศัพท์ด่วน เขาก็ต้องขอร้องอาจารย์รุ่นน้อง

ให้อยู่เวรแทนจนกระทั่งเช้า เขาขับรถด้วยความเร็วสูงไปยังจุดหมายเพื่อ

ทำคลอด แม้จะเป็นงานที่ทำประจำ แต่เขากลับรู้สึกเคร่งเครียดกว่าเดิมเกือบเท่าตัว

ภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือคือภาพเด็กทารกวัยแบเบาะ หน้าตา

ประพิมพ์ประพายคล้ายใครคนหนึ่ง เขาเคยดีใจที่ทำคลอดเด็ก แต่ไม่มี

ครั้งไหนที่ลำบากใจถึงเพียงนี้ เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าบิดาจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แค่ไหน

บิดาของภารุจคือ ศาสตราจารย์ภาคภูมิ ถวัลวงศ์ เป็นศัลยแพทย์

รับราชการในโรงเรียนแพทย์มานานแล้ว พออายุมากขึ้นก็เริ่มสนใจ

งานบริหาร ข่าวล่าสุดแว่วมาว่า ท่านอาจได้รับการโหวตให้เป็นคณบดีของ

คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้

ภารุจยังมีพี่สาวอีกคนชื่อปารีณา อายุมากกว่าชายหนุ่มสิบปี ในอดีต

เคยทำผิดพลาดเพราะตั้งครรภ์ในวัยเรียนกับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ

สองพ่อลูกจึงบาดหมางกัน

ภาคภูมิพูดเสมอว่า ลูกชายเป็นความหวังที่จะสืบทอดทุกอย่าง

ทั้งหน้าที่การงานและตำแหน่งบริหาร แม้ภารุจจะปฏิเสธหัวชนฝาก็ตาม

แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังก่อปัญหามากกว่าเก่า

ชายหนุ่มโทร. หา ‘ต้นเหตุของเรื่อง’ หลายครั้งแต่ไม่มีสัญญาณ

อีกฝ่ายคงปิดโทรศัพท์หนีเพราะรู้สึกผิด ทิ้งภาระใหญ่คับอกให้ภารุจเผชิญ

ตามลำพัง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาจะทำให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะทำให้เกิดการ

เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตก็ตาม

 

ห้องรับประทานอาหารวันนี้มีสมาชิกในบ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

เป็นปกติที่ภาคภูมิมักจะนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ส่วนประไพนั่งข้างๆ ปารีณา

ก็ถูกบังคับให้มานั่งร่วมโต๊ะ แม้ระหว่างนั้นจะถูกเหน็บแนมอยู่บ่อยครั้ง

จนเป็นเรื่องเคยชินไปแล้ว

“เมื่อคืนอยู่เวรได้นอนมั่งไหมรุจ ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ประไพถามบุตรชาย

“ไม่ได้นอนหรอกครับ พอดีมีเคสหนักเพิ่งผ่าตัดเสร็จตอนตีสาม

แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ คืนนี้ผมจะนอนแต่หัวค่ำ”

บ้านของชายหนุ่มอยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียงห้าร้อยเมตร เขา

มักกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วเดินกลับไปสอนข้างเตียงให้นักศึกษาแพทย์

ในตอนเช้า แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ชายหนุ่มต้องฝากภารกิจนั้นไว้กับคนอื่น

เพราะร่างกายเหนื่อยล้า

กิจวัตรประจำถ้าไม่อยู่เวรคือรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน คุยเรื่อง

สัพเพเหระ บ่อยครั้งที่บิดาเป็นฝ่ายผูกขาดการสนทนาโดยมีสมาชิกคนอื่นนั่งฟัง

“เมื่อไหร่แกจะเลิกอยู่เวรปรึกษาเสียที เหนื่อยก็เหนื่อย มาเป็น

ผู้บริหารอย่างพ่อดีกว่า”

บิดาเคยเกลี้ยกล่อมภารุจหลายครั้งให้เลิกทำเวชปฏิบัติ ยิ่งปัจจุบัน

การฟ้องร้องแพทย์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาสูตินรีเวช

ซึ่งต้องดูแลแม่และลูกพร้อมกัน

“แต่ผมชอบตรวจคนไข้ ให้นั่งในห้องประชุมทั้งวันคงไม่ไหวหรอกครับพ่อ”

ชายหนุ่มเคยถามตัวเองว่า เพราะอะไรถึงอยากทำคลอด ในขณะที่

แพทย์สาขาเดียวกันหลายคนพากันเลิกทำงาน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินทารก

แผดเสียงจ้า ก็ได้คำตอบในวินาทีนั้น เขามีความสุขยามได้เห็นใบหน้าของ

เด็กแรกเกิด ร่างที่สดใสและทรงพลัง แม้สิ่งที่แฝงมาด้วยคือความเสี่ยง

“แกมันดื้อ พ่อพูดอะไรก็ชอบเถียงอยู่เรื่อย”

“โธ่ พ่อครับ คนเราไม่เหมือนกัน พ่ออาจจะมีความสุขที่ได้บริหารงาน

ได้ดูแลคนเยอะๆ แต่ผมชอบตรวจคนไข้ นานาจิตตังเถอะครับ”

“แม้ว่ามันจะทำให้แกเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องงั้นหรือ เรียนอะไรไม่เรียน

อุตริอะไรไปเรียนสูติ แกก็รู้ว่าสมัยนี้ฟ้องร้องกันทีสามสิบสี่สิบล้าน

แล้วแกมีปัญญาจ่ายหรือไง”

ประไพซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ลูบหลังมือสามี พร้อมตักอาหารให้อย่างเอาใจ

“โธ่ คุณคะ อย่าบ่นตารุจเลย ไหนๆ ก็เรียนจบมาแล้ว ในเมื่อมัน

เป็นสาขาที่ตารุจชอบก็ตามใจลูกเถอะนะคะ”

“ก็มีอย่างที่ไหน แทนที่จะเรียนศัลยกรรมเหมือนผม จะได้ฝากงาน

ให้ได้ ไม่ต้องทำคลอดอดหลับอดนอน ไม่รู้มันเพี้ยนหรือเปล่า” ภาคภูมิตำหนิ

ครั้งแรกที่รู้ว่าภารุจตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางในแผนกสูตินรีเวช

ภาคภูมิถึงกับไม่ยอมพูดด้วย เพราะตั้งความหวังมาตลอดว่าบุตรชายจะ

เจริญรอยตามด้วยการเป็นศัลยแพทย์ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายสนใจไปเรียนต่อ

ซับบอร์ด๑ ต่างประเทศ ผู้เป็นพ่อจึงมีท่าทีอ่อนลง

“แต่รุจอาจจะชอบทำคลอดก็ได้นะคะ ปาไม่เห็นน้องเหนื่อยเลย

มีแต่ยิ้มด้วยความภูมิใจ จริงไหมรุจ” ปารีณาเสริม

“ไม่ใช่หน้าที่แกยายปา ที่จะออกความเห็น คนอย่างแกคิดอะไรเป็น

ที่ไหน พระอาทิตย์ขึ้นถึงรู้จักหาทางกลับบ้าน ถ้าไม่เพราะแกเป็นเด็กใจแตก

ป่านนี้ก็ได้เป็นหมอแล้ว”

ปารีณาหน้าซีด ภารุจเหลือบมองอย่างให้กำลังใจ ภาคภูมิคอยหาเรื่อง

ว่าบุตรสาวอยู่เรื่อย ยิ่งปารีณาประชดด้วยการออกเที่ยวเตร่ ผู้เป็นพ่อก็ยิ่งโกรธ

“ทำไมคุณพ่อต้องว่าปาอยู่เรื่อย”

“จะไม่ให้ฉันว่าได้ยังไง ในเมื่อแกทำให้ฉันขายหน้า”

“คุณพ่อคะ...” ปารีณาน้ำตาซึม แต่แทนที่บิดาจะยอมหยุด กลับผรุสวาทยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา อยากไปไหนก็ไป แต่จำเอาไว้นะว่า อย่าเอานิสัย

เลวๆ ของแกไปให้มาร์คหลานฉันเด็ดขาด”

แฟนของปารีณารับเด็กไปเลี้ยงที่อเมริกา แต่เดิมภาคภูมิรังเกียจ

หลานหัวแดงอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ จนกระทั่งกลางปีที่แล้วหลานมาเที่ยว

เมืองไทย เมื่อเห็นท่าทางเฉลียวฉลาดช่างออดอ้อน แถมมาร์คยังสนใจ

อยากเรียนแพทย์ ทิฐิของภาคภูมิก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“โธ่ คุณคะ วันนี้เป็นอะไรนะ หรือว่าอาหารไม่อร่อยถูกปาก ถึงได้

หาเรื่องด่าลูกๆ” ประไพติง

“คุณเอะอะก็เข้าข้าง ผมกำลังสั่งสอนลูกให้รู้จักสิ่งที่ถูกที่ควร นี่ยัง

ดีนะที่รุจอยากไปเมืองนอก ถ้าสอบสัมภาษณ์ผ่านได้ทุนของคณะไปเรียน

ภาษาดี โอกาสที่จะก้าวหน้าในอนาคตก็มีมาก”

“ผมบอกพ่อแล้วไงครับว่าผมไม่ชอบงานบริหาร”

“ไม่ชอบไม่ได้ แกขัดใจฉันมาทีหนึ่งแล้วเรื่องเรียนต่อ นับจากนี้

ต้องทำตามที่ฉันสั่ง” ภาคภูมิตะคอก

“พ่ออย่าบังคับผมได้ไหมครับ”

“ไม่ได้...ใครใช้ให้พี่สาวแกมันไม่ได้เรื่อง ดีแต่แบมือขอเงินพ่อแม่กิน

ไปวันๆ ดังนั้นแกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง มะรืนนี้มีสัมภาษณ์ แกต้องตั้งใจ

ตอบให้ดีที่สุด”

“แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมยังไม่อยากไปเมืองนอกตอนนี้”

“ว่าอะไรนะ!” ภาคภูมิผุดลุกขึ้น สีหน้าโกรธจัด เขาจ้องมองบุตรชาย

ด้วยความโมโห “รู้บ้างไหมว่ามันยากแค่ไหน ฉันต้องใช้ความพยายามมาก

แค่ไหนให้แกได้สอบสัมภาษณ์”

ภารุจเพิ่งเรียนจบแพทย์เฉพาะทางได้ไม่นาน ปกติแล้วผู้ที่ต้องการ

ไปเรียนต่อจะต้องทำงานหมุนเวียนในแผนกต่างๆ จนครบสองปีก่อน

ถึงจะได้สิทธิ์เรียนต่อ

“ขอโทษครับพ่อ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปสอบสัมภาษณ์”

“มีปัญหาอะไรหรือรุจ ไหนคราวที่แล้วรุจบอกว่าอยากเรียนต่อ

ต่างประเทศ ทำไมถึงเปลี่ยนใจ” ประไพแทรกขึ้น

“ผมคิดว่ายังไม่พร้อมจะไปเมืองนอกตอนนี้ รอสักสี่ห้าปีก่อน”

“แกจะเปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ได้ รู้บ้างไหมว่าฉันต้องขอร้องคนอื่น

ขนาดไหน กว่าคณะกรรมการจะยอมให้ชื่อแกเข้าไปอยู่ในคิวสัมภาษณ์”

                       (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ภารุจ ถวัลวงศ์ นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล ผู้เป็นความหวังของครอบครัว 
กลับต้องมีชีวิตพลิกผัน เมื่อเขากลับบ้านมาพร้อมกับทารกคนหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นลูกชาย 
โชคชะตาพัดพาให้ชายหนุ่มไปทำงานในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง 
ขณะเดียวกัน นีรณัฐ วิชุกร ดาราสาวดาวรุ่ง ซึ่งเป็นพยานในคดีฆาตกรรม ก็ถูกตามล่าเอาชีวิต 
จนต้องปลอมตัวไปเป็นสาวชาวบ้านหน้าตาขี้เหร่ชื่อ ‘มดแดง’ 
 
ณ จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ได้มาเจอกัน 
ความแปลกของหญิงสาวทำให้ภารุจสนใจหล่อนโดยไม่รู้ตัว 
ขณะที่ความอบอุ่นของคุณหมอหนุ่มก็หลอมละลายหัวใจของดาราสาวทีละนิด 
ฆาตกรกำลังตามล่าพยานปากสำคัญ 
ขณะที่เส้นทางรักระหว่างเขากับหล่อนก็เต็มไปด้วยขวากหนาม 
มีเพียงความรักที่จะช่วยเยียวยาหัวใจสองดวงให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024