คำให้การของหัวใจ (รินท์ลภัส เพียงฤทัย)
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 9 รายการราคา 80.00 บาท - 120.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
เอี๊ยด!
เสียงเบรกแบบกะทันหันดังทำลายความเงียบสงัดก่อนที่ล้อรถจะครูด ถนนไปจนกระทั่งรถหยุดชิดริมบาทวิถีได้อย่างฉิวเฉียด กลางดึกในสวน สาธารณะติดถนนสายนี้ มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมหลังฝนตก แต่ดู เหมือนว่าฝนที่เพิ่งขาดเม็ดไปไม่กี่อึดใจกำลังตั้งท่าจะเทลงมาอีกเป็นคำรบสอง
ร่างสูงเปิดประตูรถมาเซราตีสัญชาติอิตาลีสีดำมันวาวก้าวลงมาจากรถ อย่างทุลักทุเล เดินเซไปทางซ้ายสองก้าว ถอยหลังกลับไปที่รถอีกสองก้าว จากนั้นจึงเดินเซไปทางขวาอีกสี่ก้าว แล้วหยุดยืนโงนเงนคล้ายจะล้มลงหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังทรงตัวอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แม้จะยืนไม่ใคร่ตรงนักก็ตามที ดวงตาแดงก่ำจากการร่ำสุราติดต่อกันหลายคืนมองขวางอย่างคนผิดหวังในชีวิต
มีบางสิ่งบางอย่างที่เขาอยากลืม...แต่ไม่อาจลืม
ภาคินจึงอาศัยเจ้าน้ำสีอำพันเป็นตัวเยียวยา แต่ดูเหมือนว่ามันกลับยิ่งทำให้เขาจารจำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น จนแทบฝังแน่นลงไปในหัวใจ
“โธ่โว้ย! เฮงซวย” เขาตะโกนด้วยความโมโห ยกเท้าขึ้นหมายจะเตะพุ่มไม้แต่กลับหงายหลังล้มลงอย่างไม่เป็นท่า ก้นกระแทกพื้น โคลนเฉอะแฉะ เปื้อนเสื้อและกางเกง เนื้อตัวมอมแมมจนแทบดูไม่ได้
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางทุลักทุเล ก่อนจะพยายามยกเท้าขึ้นเตะพุ่มไม้อีกครั้ง คราวนี้เขาเตะมันได้ดังใจหมาย แต่เมื่อทรงตัวยืนได้ไม่นานก็โงนเงนจนหน้าทิ่มลงไปในพุ่มไม้ดังโครม แขนและใบหน้ามีรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้จนไม่น่าดู เสื้อเชิ้ตขาดวิ่นเป็นแนวยาวหลายแห่ง ความเมาทำให้เขาไม่ รู้สึกเจ็บบาดแผลที่เพิ่งได้รับ
“อะไรวะเนี่ย” ภาคินคลานออกมาจากพุ่มไม้ ค่อยๆ หยัดกายยืนอีกครั้ง เขาเดินซวนเซเข้าไปในสวนสาธารณะ แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะพันกันก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มลงอีกครั้ง เนื้อตัวมอมแมมจนแทบจำเค้าเดิมไม่ได้ เสื้อสีครีมแบรนด์หรูกลายเป็นผ้าขี้ริ้วขาดๆ ภายในเวลาไม่กี่นาที
ดูเหมือนความพยายามของคนเมาจะมีมากกว่าตอนมีสติ เขาพยายามจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในสวน แต่แล้วก็ล้มลงอีกจนได้ คราวนี้เขานอนหงายหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน หลับตาลงอย่างยอมแพ้ หลับไปในสภาพเช่นนั้น บนพื้นหญ้าเปียกแฉะที่เต็มไปด้วยโคลนตม
หญิงสาวร่างเพรียวบางในชุดเจ้าสาวเกาะอกกระโปรงยาวลากพื้นวิ่ง ออกมาจากห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมจันทีมันตุ์รีเวอร์ไซด์ โรงแรมระดับห้าดาว ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดวงหน้าหวานซีดเผือด เปรอะเปื้อนด้วยรอยน้ำตา ทั้งที่วันนี้ควรเป็นวันแห่งความสุขสมหวัง
“หนึ่ง รอพี่ก่อน หนึ่งกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ” ชายร่างสูงในชุดทักซิโดสีขาววิ่งตามมาด้านหลังหญิงสาว
“ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ” ใบหน้าเรียวสวยหันกลับมาจ้องเจ้าบ่าวเขม็ง
“พี่กรก็รู้ว่าหนึ่งเกลียดมัน แต่พี่กรก็ยังไปยุ่งกับมัน ไปมั่วกับมัน”
ไม่ทันขาดคำ หญิงสาวก็ก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงแล้วขว้างใส่ชายหนุ่ม
ระบายความแค้นใจ
วรากร จันทิมันตุ์ เอียงหน้าหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่เมื่อหันหน้าไปมองอีกครั้งก็ต้องก้มหลบรองเท้าอีกข้างที่คราวนี้ลอยผ่านศีรษะของเขาไปเพียงนิดเดียว
“หนึ่ง! หนึ่ง!”
ผู้เป็นเจ้าสาววิ่งออกไปนอกโรงแรมโดยไม่สนใจเสียงเรียกของคนที่อยู่ เบื้องหลัง ยิ่งเมื่อถอดรองเท้าส้นสูงร่วมสี่นิ้วออกไปแล้ว ร่างเพรียวบางก็สามารถวิ่งได้ถนัดขึ้น
น้ำหนึ่ง ผาคำเมือง วิ่งข้ามถนนในยามรัตติกาลโดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรเลยสักนิด เสียงแตรจากรถหลายคันดังระงม ตามด้วยเสียงเบรกกะทันหันและเสียงด่าทอขณะสาวร่างเพรียวบางในชุดเจ้าสาววิ่งข้ามถนนแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ก่อนจะวิ่งหายไปในสวนสาธารณะร่มรื่นกว้างใหญ่ริมบาทวิถี
“ฉันเกลียดแกนังฟ้า ฉันเกลียดแก” นํ้าหนึ่งตะโกนลั่น ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงช้าๆ อย่างสิ้นหวัง
“ทำไมเรื่องบ้าๆ แบบนี้มันต้องมาเกิดขึ้นกับฉัน ทำไม” เธอยกขวดวิสกี้ที่ฉวยออกมาจากโรงแรมขึ้นดื่มย้อมใจ ราวกับของเหลวในนั้นเป็นเพียงน้ำเปล่า
“แหวะ ขมจะตาย” น้ำหนึ่งยกมือขึ้นถูปากตัวเอง ทำท่าพะอืดพะอมก่อนจะก้มมองขวดวิสกี้ด้วยท่าทางขยะแขยง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยกมันขึ้นดื่มจนหมดไปค่อนขวด
“ขม แต่ก็ดี” หญิงสาวหัวเราะร่วน ฤทธิ์สุราทำให้สมองของเธอค่อยๆ มึนชา มองภาพเบื้องหน้าเป็นภาพซ้อนจนเริ่มตาลาย เธอตัดสินใจหนีบขวดวิสกี้ไว้กับรักแร้ เดินลากชุดเจ้าสาวไปบนโคลนตมภายในสวนสาธารณะที่ค่อนข้างชื้นแฉะ เสียงหัวเราะเมื่อสักครู่เริ่มขาดหาย กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้โฮราวกับเด็กเล็ก
“ทำไม! ทำไมต้องเป็นน้ำหนึ่ง คนที่เป็นที่หนึ่งมาตลอด ทำไม!”
น้ำหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น มาสคาร่าเปรอะเปื้อนบริเวณดวงตาจนกลายเป็นหมีแพนด้า ยิ่งเมื่อยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ขนตาปลอมก็หลุดออกมารุ่งริ่ง
ริมฝีปากสวยแบะออกอย่างขัดใจ น้ำหนึ่งร้องไห้จนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
มงกุฎขนาดเล็กที่ประดับอยู่บนศีรษะค่อยๆ ร่วงหล่นตามจังหวะการก้าวเดิน ผมยุ่งเหยิงตกระไหล่เปลือยเปล่า หญิงสาวพยายามดึงเกาะอกขึ้นเพราะชายกระโปรงยาวที่มีโคลนตมเกาะติดจนชุดสวยเริ่มหนักขึ้นทำท่าจะรั้ง เกาะอกให้ร่วงหลุดอยู่ร่ำไป
“แล้วช้านจะเอาหน้าไปไว้ที่หนาย พรุ่งนี้นักข่าวต้องแห่กานมาแน่ๆ” หญิงสาวพึมพำแทบไม่เป็นภาษา ลิ้นเริ่มพันกันจนพูดไม่ชัด น้ำหนึ่งหยุดยืนนิ่งก่อนจะยกขวดวิสกี้ขึ้นกระดกอีกหลายอึก เงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างขัดใจเมื่อฝนเริ่มโปรยปรายลงมา
“ตกลงมาทำมาย ช้านไม่ได้อยากทำเอ็มวีนะโว้ย!” หญิงสาวตะโกนลั่น
เปรี้ยง!
ฟ้าคำรามสั่นราวกับผ่าลงมาที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาว กรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะนั่งคุ้ดคู้ ยกมือขึ้นปิดหูปิดตาแน่น
“หนูขอโทษค่ะ จะตกก็ตกไปเลย ไม่ต้องร้องเสียงดังก็ได้ค่ะ หนูกลัว” ร่างบางสั่นระริก ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นตะเบ็งเสียงร้องไห้แข่งกับสายฝน สองเท้าถีบไปมาบนพื้นหญ้าด้วยความขัดใจ ไม่ยี่หระต่อเนื้อตัวที่เปียกปอนราวกับลูกสุนัขตกน้ำเลยสักนิดเดียว
น้ำหนึ่งลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า หวังจะไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ ทว่ากลับสะดุด อะไรบางอย่างจนล้มหน้าคะมำ
“โอ๊ย! เจ็บ” หญิงสาวร้องโอดโอย ก่อนจะเหลียวไปมองจึงเห็นมนุษย์ ผู้ชายนอนแผ่หลาอยู่ข้างกาย
“เฮ้ย! นี่แกหาเรื่องช้านเหรอ แกมานอนขวางช้านทามมาย” น้ำหนึ่งโผเข้าหาชายเคราะห์ร้าย สองมือขยุ้มคอเสื้อของเขาแล้วออกแรงเขย่าจนเขาได้สติ
“เฮ้ย! ใครวะเนี่ย แต่งตัวอย่างกับนางเอกลิเก” คนเมาไม่ต่างกันปรือตามองหญิงสาวท่าทางเสียสติอย่างไม่ไว้ใจ
“แกตายแน่ ไอ้บ้าเอ๊ย บังอาจมานอนขวางช้านเหรอ” พูดจบก็โดดคร่อมร่างสูง สองมือทุบตีเป็นระวิงก่อนจะบีบคออีกฝ่ายแน่น ในเวลาที่หัวใจเต็มไปด้วยความผิดหวังและพ่ายแพ้ การลงไม้ลงมือตบตีใครสักคนช่วยทำให้นํ้าหนึ่งรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่ากระสอบทรายจำเป็นกลับไม่คิดเช่นนั้น ภาคินเหลือกตาขึ้นเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ พยายามแกะมือหญิงสาวออก ก่อนจะผลักอีกฝ่ายกระเด็น
“คุณ...เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เขาอึกอักระหว่างตั้งสติ กระถดตัวถอยหลังจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ทั้งสองต่างสบตาซึ่งกันและกันอย่างหยั่งเชิง
“เออ ฉันมันบ้า ฉันบ้า บ้าๆๆ” หญิงสาวตะโกนลั่นแล้วร้องไห้ฟูมพ่ายอีกครั้ง ยื่นมือควานหาขวดวิสกี้ ก่อนจะหนีบมันไว้ที่รักแร้ตามเดิม
ภาคินสะดุ้งเฮือก เมื่ออยู่ๆ หญิงสาวก็หันกลับมาจ้องหน้าเขาตาเขม็ง บางสิ่งบางอย่างร้องเตือนว่าเขาควรอยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้ ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนหมายจะวิ่งหนี
“เดี๋ยว นายไม่สิทธิหนีช้านนะ” น้ำหนึ่งกระโจนเข้าจับขาชายหนุ่มไว้ส่งผลให้ร่างสูงล้มลงหน้าทิ่มบนพื้นสนามหญ้า หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเอาเรี่ยวแรง มหาศาลมาจากไหน เธอจับข้อเท้าเขาก่อนจะลากกลับมาที่เดิม ทั้งยังนั่งทับอกของเขาเอาไว้ พลางจ้องมองหน้าของภาคินแทบไม่กะพริบตา
ภาคินหายใจหอบเหนื่อย จ้องมองผู้หญิงตาเหมือนหมีแพนด้า ขนตางอนเช้งห้อยต่องแต่งลงมาอย่างจะหลุดไม่หลุดแหล่ ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ใจหนึ่งเธอทำให้เขารู้สึกกลัว ทว่าอีกใจกลับอยากระเบิดหัวเราะให้ดังสนั่น แต่ภาคินรู้ดีว่าถ้าเขาเผลอหัวเราะออกมา เขาอาจโดนฆาตกรรมฝังโหดในสวนสาธารณะแห่งนี้ ที่สุดจึงได้แต่นั่งนิ่ง จับจ้องเธอพร้อมกับตั้งคำถามในใจ
‘เธอหลุดมาจากโรงพยาบาลไหนกัน’
“นายสนใจทำงานกับฉันไหม”
น้ำหนึ่งเอ่ยถามพลางเชยคางชายหนุ่มขึ้นมองอย่างสำรวจ การออกแรงไปเมื่อครู่ทำให้อาการมึนเมาเริ่มจางหาย จนเธอคิดแผนการแก้แค้นศัตรูหมายเลขหนึ่งขึ้นมาได้
ภาคินพยายามปัดมือหญิงสาวออก ทว่าเจ้าหล่อนกลับยิ่งบีบแน่น
“หน้าตาดีนี่ พักอยู่ที่ไหนล่ะ” ยังคงเอ่ยถามต่อไปโดยไม่ได้สนใจท่าทางฮึดฮัดอึดอัดของชายหนุ่ม
“ไม่มีบ้านสินะ ถ้ามีก็คงไม่มานอนข้างถนนแบบนี้” ตอบคำถามเองเสร็จสรรพ ดวงตาเป็นประกายวาววับ ก่อนจะเผยยิ้มที่มุมปาก
ในสายตาของภาคินมันช่างเป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกชั่วร้ายเหลือเกิน
“เอาอย่างนี้ นายไปทำงานกับฉัน” เธอกอดอก มองชายหนุ่มด้วยหางตา
ภาคินส่ายหน้าแล้วพยายามผลักหญิงสาวออก ทว่าเธอกลับกดมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของเขาไว้ ความจริงหากเขาจะออกแรงตอบโต้คงไม่ใช่เรื่องยาก ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายอะไร แต่ความบ้าบิ่นของเธอต่างหากล่ะที่ทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรเธอ
“เงินหนึ่งล้านแลกกับการทำตามที่ฉันต้องการ” น้ำหนึ่งยื่นข้อเสนอมั่นใจว่าจะเห็นตาลุกวาวด้วยความตกใจกับจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทที่ตนเองหยิบยื่นให้ ทว่าเปล่าเลย ชายหนุ่มยังคงนอนนิ่งมองหญิงสาวราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ผมไม่ขายตัว ความจริงแล้วคุณก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ น่าจะหาผู้ชายนอนด้วยได้ไม่ยาก”
“กรี๊ด! อีตาบ้า” น้ำหนึ่งกรีดร้อง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห คำพูดของเขาทำให้ผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือเช่นน้ำหนึ่งเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉันจะจ้างนายเป็นแฟนปลอมๆ ของฉันต่างหากล่ะ แลกกับเงินหนึ่งล้าน ไม่อยากได้ก็ตามใจ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ลุกออกจากอกของชายหนุ่ม เดินเซซ้ายเซขวาก่อนจะหยิบขวดวิสกี้ซึ่งตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาดื่มราวกับกระหายน้ำ
ภาคินนั่งนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ไหนๆ ชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าลองทำงานกับผู้หญิงท่าทางบ้าบอสติไม่เต็มบาทแบบเธออาจทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างคิดถึงเรื่องที่อยากลืมก็เป็นได้
“เดี๋ยวสิ ผมตกลง จะให้ผมเริ่มงานได้เมื่อไหร่” ตะโกนถามออกไปอย่างไม่อยากเสียเวลาลังเลให้นานกว่านี้
น้ำหนึ่งเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะสาวเท้ากลับมาหาชายหนุ่ม ยื่นขวดวิสกี้ให้เขา ความเมาทำให้หญิงสาวไม่คิดตรึกตรองอะไรมากนัก ริมผีปากอิ่มขยับยิ้มอย่างพึงพอใจในคำตอบของชายแปลกหน้า
“ดื่มสิ เพื่อมิตรภาพในการทำงานของเราสองคน เดี๋ยวคืนนี้ไปดื่มต่อกับฉันที่ห้อง”
ภาคินรับวิสกี้มาดื่มย้อมใจอึกใหญ่ ทั้งสองผลัดกันดื่มจนขวดวิสกี้ว่างเปล่าโปรดิดตามต่อในฉบับ
รายละเอียด
ในคืนฝนพรำ ชายหญิงคู่หนึ่งโคจรมาพบกัน น้ำหนึ่ง ดีไซเนอร์สาวช้ำรักที่ถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น กับ นายป๊อด ชายข้างถนน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า น้ำหนึ่งว่าจ้างนายป๊อดเป็นคู่รักกำมะลอเพื่อกู้หน้า... ความใกล้ชิดผูกพันก่อตัวเป็นความรู้สึกลึกล้ำยากจะต้านทาน ทว่า เธอซึ่งดีพร้อมและแสนทะนง กับคนจรไร้รังอย่างเขา จะดำเนินชีวิตในสังคมที่ยึดความเหมาะสมทางฐานะเป็นหลักได้อย่างไร