หนึ่งจันทร์พันราตรี (หัสบรรณ)

หนึ่งจันทร์พันราตรี (หัสบรรณ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165010078
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

มารีญากระชับสายสะพายกระเป๋าบนไหล่ ก่อนเดินข้ามถนนหน้าร้านกาแฟ

แห่งเดียวในเขตการปกครองสำคัญของเมืองบารัต ฝั่งตรงข้ามที่เธอกำลังจะไปนั้น สุดทางคือมัสยิดที่เหลือจากสามแห่งของเมืองเล็กๆ นี้ หลังจากสองแห่งถูกระเบิด เมื่อหกเดือนก่อน หญิงสาวสำรวจผ้าคลุมศีรษะและผ้าคลุมหน้าก่อนผลักประตูไม้ บานใหญ่เข้าไป

เมื่อประตูปิดแทนที่เธอจะเดินเข้าไปข้างในดังเช่นบุคคลที่เข้าไปขอพร เธอกลับเดินเลี่ยงไปยังทางเล็กๆ ด้านข้างแทน น้อยคนนักจะรู้ว่าทางแคบนี้เชื่อมต่อ กับอะไร แต่เธอรู้ดีว่ามันสิ้นสุดตรงไหน

จากทางเดินเป็นเส้นตรงเปลี่ยนเป็นคดเคี้ยวและตํ่าลงเรื่อยๆ ลึกลงสู่ใต้มัสยิด พื้นแผ่นหินเป็นมันเงาเมื่อต้องแสงไฟโคมสีส้มที่มีตะแกรงห่อทุ้มไว้ กังไม้เก่าที่วาง ข้างทางยิ่งทำให้ทางนั้นแคบลงถนัดตา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกระชับผ้าคลุม ศีรษะ ผู้หญิงในประเทศที่มีเชื้อสายอาหรับมีสิ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอันเป็น ธรรมเนียมติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด นั่นคือการแต่งกายให้มิดชิด ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่สามารถโผล่พ้นผ้าให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้พบเห็นคือดวงตาและปลายนิ้ว เท่านั้น

มารีญานึกสงสัยและคิดอยากต่อต้านวัฒนธรรมนี้ขึ้นมาตงิดๆ หากแต่ผู้นำ ทางได้กระซิบเตือน

‘ผู้หญิงที่เปิดเผยหน้าตามีเพียงผู้หญิงสาธารณะ...แม้ว่าใครคนนั้นจะเป็น นักท่องเที่ยวก็เถอะ จะเดินปล่อยผม หรือใส่เสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังมังสาก็อาจจะถูก ไล่ออกนอกประเทศ ดีไม่ดีอาจถูกจับไปอบรมในคุกสักสองสามวัน'

ดังนั้นมีรืญาจึงยอมท่าตามขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัดศาสนาอย่างว่าง่าย แต่เหนืออื่นใดคือไม่ต้องการให้ใครเห็นใบหน้าของเธอ ยิ่งมีผู้จดจำได้น้อยเท่าไร ยิ่ง เป็นผลดีต่อ ‘ภารกิจ' ครั้งนี้

เมื่อจำต้องท่าตาม เธอจึงค้นพบข้อดีของการนุ่งห่มมิดชิด ตอนกลางวัน อากาศในดินแดนติดกับทะเลทรายอบอ้าว หลายครั้งลมมักหอบเอาทรายเข้ามาด้วย ผ้าคลุมหน้าที่เว้นเฉพาะดวงตาจึงช่วยกรองฝุ่นได้มาก ส่วนตอนกลางคืนยิ่งดึก ยิ่งหนาว หากเธอต้องผจญในดินแดนทะเลทรายจริงๆ นุ่งห่มแบบนี้จะช่วยป้องกัน ความหนาวเย็นได้ แต่ระหว่างที่ยังไม่ได้ผจญความแห้งแล้งนั้น เธอรู้สึกถึงความ

อึดอัดกับเหงื่อที่ซึมอยู่ตลอดเวลา

ยิ่งลึกยิ่งมืด หญิงสาวล้วงกระเป๋าหยิบไฟฉายขึ้นมา ลำพังแสงไฟจากตะเกียง ดวงเล็กคงไม่ท่าให้เห็นเส้นทางอันคดเคี้ยว เมื่อเปิดไฟฉายเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเดิน มาสุดผนัง และสิ่งที่ต้องท่าต่อจากนี้คือหมุนตัวไปทางขวาและออกแรงผลักผนัง

เธอเบี่ยงตัวผ่านช่องเล็กๆ อากาศที่เริ่มน้อยลงทุกทีท่าให้เธอรู้สึกเหนื่อย ก่อนจะหยุด พักตรงหน้าเธอคือทางตัน หญิงสาวเลื่อนสายตาไปทางด้านซ้ายพร้อมทั้งล้วงกุญแจ ดอกหนึ่งออกมา แสงไฟฉายสาดทั่วผนังอีกครั้ง เมื่อพบสิ่งที่ต้องการเธอจึงสอด

ลูกกุญแจเข้าไป

ผู้เข้ามาใหม่ไม่ได้ท่าให้ชายสี่คนที่นั่งล้อมโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้ากลางห้องสนใจนัก การพูดคุยอย่างเคร่งเครียดยังคงดำเนินต่อไป มีเพียงชายตาสีฟ้าน้ำทะเลเท่านั้นที่ ล่งยิ้มให้เมื่อหญิงสาวนั่งลง

“คุณแน่ใจหรือว่าคนนำทางจะไม่ใช่พวกมัน'' ผู้ถามคือชายผิวขาว ดวงตา สีเชียว ผมสีทอง สวมสูทสีชาวเฉกเช่นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักที่เดินทางมาชื่นชม สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เร่ชายเกลื่อนในตลาดมืดหลังจากที่ผู้นำคนเก่าถูก โค่นล้มอำนาจ ห้องเก็บสมบัติชั้นใต้ดินอันเป็นที่เปิดเผยจากปฏิบัติการถล่มชอง ประเทศ

มหาอำนาจ ผู้คนมากมายซึ่งก็คือบรรดาทหารได้เข้าไปเสือกหยิบฉวยสิ่งของ มีค่าที่ยังไม่ได้ถูกท่าลายออกมาราวกับปล้นสะดม สมบัติเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสมบัติ

ของชาติที่ผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่าเก็บไว้เป็นชองสะสมชองตน แต่กาลเวลาได้พิสูจน์

แล้วว่าความตายไม่อาจทำให้พวกเขานำสมบัติเหล่านั้นไปในโลกหน้าได้ มันจึงถูก เปลี่ยนเจ้าของมาหลายทศวรรษ

ดังนั้นบรรดาชาวยุโรปและอเมริกาที่ได้กลิ่นของลํ้าค่าที่ยังหาเจ้าของที่คู่ควร ไม่ได้จึงต่างมุ่งหน้าเดินทางเข้ามายังประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ซึ่งพวกเขาได้ รับการต้อนรับอย่างดีจากรัฐบาลชั่วคราว

“เราสืบหามานานจนได้คนที่ไว้ใจได้ เขาเคยไปที่นั่นหลายครั้ง คนของเราที่ ชายแดนล่งข่าวมาว่าพบเขาเข้าออกเป็นประจำ'' จามาล ปาซา ชายชาวอาหรับสูงวัย ซึ่งเป็นคนพื้นถิ่นเพียงคนเดียวในที่นี้ตอบข้อสงสัย

คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้ชายอีกสามคนสบายใจนัก หลังจากผู้นำประเทศคนเก่า ถูกโค่นล้ม ความหวาดกลัวอันเนื่องมาจากแรงระเบิดเกือบหายเป็นปกติ แต่ความ ขัดแย้งยังดำเนินต่อไป ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ ถึงการแฝงตัวเข้ามาของบรรดาฝ่าย ตรงข้ามเพื่อสืบข่าวและจุดอ่อนในการโค่นล้มรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อพวกเขาจะได้รับ ขัยชนะจากสงครามภายในที่ยืดเยื้อมานานกว่าห้าปี

ดังนั้นความไว้วางใจจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากพอๆ กับการหาแหล่งนํ้าใน ทะเลทราย เพียงขยับปากหรือยื่นมือขอรับความช่วยเหลือจากใคร พวกเขาจะได้รับ ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย บทเรียนนี้พวกเขารู้ดี

“ไม่รอดูทำทีเขาไปอีกลักพักหรือ...เพื่อความ...แน่ใจ'' ชายหน้าตอบเสี้ยม ผมและดวงตาสีดำ ผิวเหลือง บ่งบอกความเป็นเอเชียเอ่ยขึ้น เขากลืนค่าว่า

‘ไม่ปลอดภัย' ลงล่าคอไป เพื่อไม่ให้ชายอีกสามคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่เพิ่งมาถึง มองเขาด้วยความไม่พอใจ สำหรับค่าพูดที่แสดงออกถึงความหวาดกลัว สวนทางกับ อาชีพนักข่าวสงครามอย่างสิ้นเชิง

“รอไม่ได้แล้วคิม ทีมเอบอกให้เรารีบจัดการ ก่อนคนที่เหลือจะเป็นอันตราย ทางรัฐบาลยื่นค่าขาดให้พวกเขาออกนอกประเทศภายในเดือนนี้'' ชายผู้มีนัยน์ตา

สีมรกตเอ่ย ไม่ใช่ว่าเขาจะกล้าแกร่งอะไรนักหนา แต่ภาระที่ได้รับมาสำคัญเหนือความ กลัว การเปิดเผยให้ทั่วโลกได้เห็นความเลวร้ายอันเกิดมาจากสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อกัน นั้นจะทำให้ดินแดนนี้ถูกพิพากษา จนหลายฝ่ายต้องยื่นมือเข้ามาเพื่อยุติความขัดแย้ง โดยเร็ว

“ทำไมถึงมาข้าล่ะมารี'' เจ้าของดวงตาสีฟ้าเข้ม ผมสีออกน้ำตาลแดงที่นั่งติด กับหญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา แตกเรียกความสนใจจากคนอื่นได้ วงสนทนาจึงใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายความเครียด

มารีญาใคร่ครวญคำตอบ เพื่อให้สิ่งที่กำลังจะพูดออกไปไม่ได้เป็นเพียงแค่ จินตนาการของตัวเอง

“ฉันรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตาม” ไม่ผิดคาด สายตาทุกคู่เกลื่อนด้วยความ สงสัย จะมีก็แต่ดวงตาขีดเดียวของคนเอเชียที่เห็นได้ชัดว่าเยาะเย้ยความหวาดระแวง ของผู้หญิง

“ที่ไหน”

“ตั้งแต่หน้าโรงแรม ฉันเดินวนไปวนมาจนแน่ใจว่าถูกตาม จึงแกล้งแวะดูของ ตลอดทาง ทำให้เสียเวลา” จนแน่ใจว่าสามารถสลัดสายตาคู่นั้นได้แล้วเธอจึงรีบหลบ เข้ามาในมัสยิด

“เป็นปกติ ผู้หญิงที่นี่ไม่มีใครเดินคนเดียว ถ้าเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วมักจะ เดินกับสามีหรือบุตรชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นธรรมดาที่จะมีใครให้ความสนใจผู้หญิง ที่ เดินเล่นคนเดียวในดินแดนที่ เคร่งศาสนา”

“ไม่รู้สึกคะเฮนรี่ บางทีฉันอาจคิดมากไปเอง” เธอถอนหายใจ ไม่ชอบแววตา ดูถูกอย่างเปิดเผยของคิม แต่ยังดิกว่าทนเห็นความหวาดระแวงจากอีกสามคน

“ระวังตัวไว้แหละดี ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา” พีทบีบมือให้กำลังใจ เธอ มารีญาเงยหน้าสบตาสีฟ้าอย่างขอบคุณ

“สองวันต่อจากนี้เราจะออกเดินทาง พรุ่งนี้ตอนเที่ยงตรงเรานัดเจอคนนำทาง เฉพาะผมกับพีทเท่านั้น ส่วนเฮนรี่ไปงานประมูลของเก่าตามปกติ เพื่อไม่ให้ใคร ก็ตามที่อาจจะสะกดรอยตามคนแปลกหน้าได้กลิ่นผิดปกติ ส่วนคิมกับมารีญาอยู่ ในที่ของตัวเอง อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านให้เป็นที่สังเกต รอจนกว่าพวกเราจะ ติดต่อไป”

ถ้าได้ยินไม่ผิด สิ้นเสียง จามาส ปาซา นักข่าวอาวุโสชาวอาหรับ เสียง ถอนหายใจยาวๆ ดังขึ้นมาจากชาวเกาหลีเพียงหนึ่งเดียว สีหน้าของเขาผ่อนคลาย สวนทางกับความกระเหี้ยนกระหือรืออยากแสดงความกล้าหาญตลอดเวลา

“งานนี้นอกจากความเชื่อใจตัวเองและพวกเราแล้ว หวังใจว่าจะสามารถ ฝากความหวังไว้กับคนนำทางได้”

คำพูดของชายตาสีเขียวมรกตยํ้าเตือนถึงความรอบคอบในการพบปะกับ

บุคคลซึ่งเขาจะไม่มีโอกาสพบจนกว่าจะถึงวันออกเดินทาง หากนั่นแปลความหมายได้ว่าเขายังจะมีโอกาสใช้ดวงตาสัมผัสแสงแห่งเช้าวันใหม่ เมื่อเวลานั้นมาเยือนเขา ทั้งหมดคงได้เดินทางร่วมกัน และทำภารกิจให้ลุล่วงในสภาพที่ยังมีลมหายใจ

มารีญากับชายอาหรับที่เปรียบเสมือนผู้นำกลุ่มเดินออกทางหน้าประตูใหญ่

ของมัสยิด ส่วนคนที่เหลือจะค่อยๆ ทยอยออกมาภายหลัง

นักข่าวสาวค่อนช้างอุ่นใจที่มี จามาส ปาซา เดินตามหลัง จึงไม่เร่งรีบดังเช่น ตอนขามา สุดปลายทางแยกช้างหน้าเธอจะพบกับความเดียวดายและหวาดกลัว เพราะปาซาจะเดินแยกไป เธอจึงรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตาอีกครั้ง บางทีอาจเป็นอย่าง เช่นคิมบอกไว้ ความหวาดระแวงทำให้จินตนาการของเธอเพริด เวลานี้เมื่ออยู่บน

ถนนในประเทศที่เคร่งจารีตและคุกรุ่นสงครามทำให้เธอระแวงทุกย่างก้าว ในประเทศ อาหรับที่เคร่งครัด ผู้หญิงเป็นเพียงพลเมืองชั้นสอง การเดินเล่นคนเดียวไม่ใช่เรื่อง

ปกติอย่างที่นักข่าวอาวุโสบอก

มารีญาเดินเข้าสู่โรงแรมซึ่งเป็นอาคารสีขาวขนาดสองชั้นด้านหน้าแคบ ภายในสึกเข้าไปเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นล่างเปิดโล่งสำหรับเป็นห้องอาหาร ล็อบบีหรือ สถานที่พักผ่อนต่างๆ ชั้นสองเป็นห้องพักแขกซึ่งสามารถมองจากประตูห้องลงมา ยังห้องโถงล่างได้ทุกห้อง เมื่อประตูห้องปิดสนิท เธอถอนหายใจทันที ความคิดแรก ที่ได้รับค่าสั่งให้มายังดินแดนแห่งนี้พรั่งพรูออกมาเหม่อนทุกครั้งที่มีเวลาส่วนตัว

เธอได้รับค่าสั่งจากสำนักงานใหญ่เพียงสามวันก่อนออกเดินทาง ‘เอ็นบีเอส' สำนักข่าวต่างประเทศที่มีเครือข่ายทั่วโลกกำลังเป็นที่สนใจ เบียดคู่แข่งด้วยข่าว

สงครามทั่วทุกมุมโลกแบบเจาะสึก และนำเสนออย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นจุดขาย ของสำนักข่าว

มารีญา หญิงสาวเลือดผสมประสบการณ์น้อยประจำอยู่ทีมข่าวสำรอง หลังจากเรียนจบด้านสื่อสารมวลชน เธอได้เข้ามาฝึกงานในสำนักข่าวแห่งนี้ ความ คุ้นชินและแรงบันดาลใจจากนักข่าวรุ่นพี่ทำให้เธอมุมานะจนทำคะแนนได้ดีเยี่ยม

ในการสอบคัดเลือกนักข่าว และเดินสู่อ้อมกอดของอาชีพนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ความเก่งกาจที่ปรากฏบนกระดาษทดสอบนั้นไม่ได้ช่วยส่งเสริมอาชีพเลย ตรงกันข้ามกลับถูกละเลย ด้วยความที่เป็นเลือดผสมอาหรับ ตะวันตก และเอเชีย เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนต่างมองข้ามความสามารถของเธอ แม้กระทั่งคนเอเชียแท้ๆ อย่างช่างภาพคิมอึนจู และคนอื่นๆ ยังทำราวกับเธอเป็นพลเมืองชั้นสอง ทั้งที่สำนักข่าวมีภาพลักษณ์ที่ดีในการเปิดโอกาสให้คนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาทำงาน

ในปีแรกเธอแทบไม่มีโอกาลสัมผัสกับหน้าที่ความเป็นนักข่าวเสย ถ้าไม่ชื้อ กาแฟก็ถ่ายเอกสาร ไม่ก็รับงานพิมพ์ต่างๆ จนแทบไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ คอมพิวเตอร์ และงานอื่นใดตามแต่ที่ใครจะเรียกใช้ มารีญาเกือบจะหมดความอดทน หากในปีที่สองเธอกลับถูกเรียกให้เข้าร่วมงานกับทีมสำรองของทีมข่าวที่ประจำอยู่ ในเอเชียตะวันออก เธอดีใจจนพูดไม่ถูก แม้ว่าจะเป็นเพียงการทำหน้าที่แทนบางคนซึ่งป่วยกะทันหัน

ก้าวแรกของเธอในทิเบตเป็นไปด้วยดี ความขัดแย้งในดินแดนนั้นส่งผลให้ อาชีพการงานของเธอรุดหน้าไปอีกขั้น แต่พอเอาเข้าจริงสำนักงานใหญ่กลับมอบหมาย งานนั้นเป็นชื้นสุดท้าย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ยี่หระนัก เพราะการเห็นภาพความขัดแย้ง พบเห็น ผู้ถูกกดขี่มากมายโดยไม่มีโอกาสได้เข้าไปช่วยเหลือจะมีประโยชน์อะไร ก็แค่ภาพข่าว ที่น้าเสนอกระตุ้นความสนใจขององค์กรสิทธิมนุษยชนและเพิ่มเรตติงให้แก่รายการ ก่อนจะเงียบหายไปราวกับดินแดนนั้นคือสวนอีเดน

ช่วงแห่งความท้อแท้ เป็นเวลาเดียวกับที่คอร์สฝึกอบรมนักข่าวสงคราม เปิดรับสมัคร หญิงสาวจึงละทิ้งหน้าที่โดยปราศจากค่าคัดด้านของใคร กระโจนเข้าสู่ บทเรียนอันหนักหน่วงท่ามกลางสายตาดูแคลนจากเพื่อนร่วมงานตามเคย

เหม่อนทุกครั้ง มารีญาเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจน ครูฝึกเอ่ยปากชม เมื่อครบหลักสูตรเธอยังได้ประกาศนียบัตรที่ระบุถึงความสามารถ เป็นพิเศษหลายประการ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอข้ามขั้นได้เป็นส่วนหนึ่งในสายงาน เมื่อเริ่มปีที่สาม มารีญาถึงได้มีโอกาสเรียนรู้การเขียนข่าว ด้วยการศึกษา คัดกรอง วิเคราะห์ และวิพากษ์วิจารณ์ มีหลายครั้งที่สคริปต์ไม่เรียบร้อย และเธอก็จัดการมัน ให้ในนาทีสุดท้าย ส่วนค่าชื่นชมตกไปอยู่กับบรรณาธิการเช่นเคย เธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจ เพราะส่วนสึกแล้วแสดงให้เห็นว่าใครบางคนกำลังมองเห็นความสามารถของเธอ เพียงเขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ควรชื่นชมออกหน้าก็เท่านั้น

ช่วงเวลาหนึ่งในปีที่สามของอาชีพนักข่าว มารีญาถูกส่งกลับไปยังดินแดน ที่เธอถือกำเนิด เพื่อทำข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สุดปลายด้ามขวาน หญิง สาวรู้สึกดีใจที่ได้เหยียบแผ่นดินแม่พร้อมกับเริ่มงานในสายอาชีพแบบเต็มตัวครั้งแรก แม้จะกินเวลาเพียงสองวันแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ เพียงห้าชั่วโมง หลังจากเข้าไปในพื้นที่ เธอก็ถูกเรียกตัวกลับสำนักงานใหญ่ในยุโรป เธอจำต้องทิ้งงานไว้กับเพื่อนร่วมสายอาชีพที่เป็นผู้ชายอีกสองคน นึกทดท้อใจในโชคชะตาของตน

มีสคริปต์กองโตบนโต๊ะทำงานรอให้เธอกลับไปสะสางแน่นอน

แต่พอเอาเข้าจริง งานที่ถูกมอบหมายสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่หญิงสาว เลือดผสมที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด ไม่ใช่งานที่จมอยู่กับเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะ ในมุมอับ แต่เป็นการร่วมทีมข่าวสงครามชุดบีต่างหาก คราวนี้ไม้ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด การถูกส่งมายังดินแดนที่คุกรุ่นไปด้วยความชัดแย้งทุกอณูเม็ดทรายและระเบิดพลีชีพ ถือเป็นบททดสอบแรก และอาจเป็นครั้งสุดท้ายในสายอาชีพชองเธอ

นึกถึงตรงนี้คำถามที่ผุดขึ้นนับลืบข้อยังไม่อาจหาบทสรุปได้ มีครั้งหนึ่งเธอ จำได้ว่าเคยถาม จามาส ปาซา ถึงเหตุผลที่ถูกส่งเข้าร่วมทีม

‘คุณพูดภาษาอารบิกได้ และหน้าตาชองคุณก็กลมกลืนกับคนที่นี่'

คำตอบแสนธรรมดาแต่ชัดแจ้งในตัวชองมันเองอย่างไม่น่าเชื่อ พนักงาน

ในสำนักข่าวอย่างน้อยหนึ่งในสามก็มีความสามารถด้านภาษาอารบิกหรืออาหรับ หากต้องการใครลักคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เธอไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักอย่าง แน่นอน

มาริญารู้มาว่า พีท ชายหนุ่มชาวอังกฤษผู้ดึงดูดหญิงสาวหลายคนไว้ด้วย ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้นสามารถอ่านและฟังภาษาอารบิกได้ในเกณฑ์ดีทีเดียว หรือแม้ ต้องการความเชี่ยวชาญยิ่งกว่า ปาซาผู้มีชาติกำเนิดในดินแดนอาหรับก็สามารถรับมือ ได้อยู่แล้ว

ส่วนเรื่องหน้าตานั้น แม่ชองเธอเป็นชาวอาหรับก็จริง แต่เธอกลับได้อิทธิพล ความเป็นลูกครึ่งตะวันตกและเอเชียมาจากบิดามากกว่า พันธุกรรมนั้นไม่ได้ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นในทันที แต่ข้ามรุ่นจนมาถึงเธอจึงปรากฏให้เห็นเด่นชัดว่าย่าทวด ชองเธอนั้นเป็นหญิงชาวตะวันตกที่งดงามเพียงใด

แต่ในสายตาชองคนรอบข้างและตัวเธอเอง เวลาส่องกระจกมักจะเห็นความ เป็นลูกครึ่งที่ดูเหม่อนเอเชียมากกว่า ด้วยเหตุนี้หากต้องการหญิงผู้มีหน้าตากลมกลืน กับคนพื้นเมืองในดินแดนที่เคร่งจารีต เธอไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมอีกเช่นเคย อย่างไรก็ตาม มารีญาพบว่าสิ่งที่กังวลนั้นไม่มีผลเลยกับเมืองเล็กๆ เพียงไม่กี่แห่งที่ยัง คงลักษณะเฉพาะชองวัฒนธรรมมุสลิมแบบดั้งเดิม ผู้หญิงในเมืองนี้ยังต้องอำพรางตัว ด้วยผ้าคลุมสีดำตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ไม่เว้นแม้ใบหน้า เธอจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ยัง ไม่หมดความสงสัยเสียทีเดียว

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ มารีญาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อคนที่ไว้ใจทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น แต่แล้วคนที่หวาดระแวงมาตลอดกลับมอบชีวิตใหม่ให้ ทว่าเธอไม่เชื่อใครอีกแล้ว มีหรือที่คนนำทางจอมเจ้าเล่ห์ จะไม่หวังผลตอบแทน ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่หัวใจกลับทรยศ ร่ำร้องหาเขาทุกครั้งที่ตกอยู่ในอันตราย คนนำทางนั้นอาจไม่สำคัญเท่าไร แต่คนนำหัวใจนี่สิ หากขาดไปเธอจะผจญโลกอันโหดร้ายได้อย่างไร


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024