A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เสน่หาอินคา (เพียงฤทัย)

A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เสน่หาอินคา (เพียงฤทัย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160009503
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

จดหมายจากแดนไกล

ทองคำ...เปรียบได้ดั่งหยาดเหงื่อจากพระอาทิตย์ เงิน...เปรียบได้ดั่งหยาดนํ้าตาจากดวงจันทร์

ยาบารีปิดหนังสือประวัติศาสตร์อินคาลงด้วยความอิ่มเอม ปก หนังสือเริ่มเปี่อยยุ่ย หน้ากระดาษพองจากการเปีดอ่านซํ้าๆ เป็นเวลาหลาย ปี เธออ่านมันเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ได้ รู้แต่ว่าหากมีเวลาว่างเธอจะต้องหยิบ มันขึ้นมาเปิดอ่านทุกครั้งไป

เรื่องราวความน่ามหัศจรรย์ของอาณาจักรอินคาช่างน่าค้นหา พื้นที่ ส่วนใหญ่ของอาณาจักรตั้งอยู่บนพื้นที่สูง มีอากาศร้อนจัด กระนั้นกลับ เจริญรุ่งเรือง และอุดมไปด้วยทองคำมากมายมหาศาล ยิ่งได้เรียนรู้... หญิงสาวก็ยิ่งเกิดความสงสัย ผลงานทางด้านประติมากรรม สถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งการสร้างถนนหลายแห่งโดยการขุดเจาะภูเขาเพื่อ เชื่อมโยงไปยังสถานที่ต่างๆ ผู้คนในสมัยนั้นทำได้อย่างไร แล้วเหตุใด อารยธรรมของชนเผ่าอินคาจึงคล้ายคลึงกับอารยธรรมไอยคุปต์ ทั้งที่อยู่ไกลกันคนละทวีปเช่นนี้...

ความสงสัยเหล่านี้ ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ในหนังสือประวัติ- ศาสตร์อินคาเล่มที่เธอถืออยู่ และคงไม่มีหนังสือเล่มไหน หรือนักโบราณคดี คนใดสามารถให้คำตอบได้ หญิงสาวหมายมั่นว่าจะศึกษาอารยธรรมอินคา ไปจนกว่าเธอจะแก่ชราจนหยิบจับตำราขึ้นมาอ่านไม่ไหว ด้วยความรู้สึกรัก และผูกพันที่มีต่ออินคา เธอเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากบิดาของเธอนั่นเอง...

“พ่อจ๋า หนูอยากไปยังดินแดนที่เป็นบ้านเกิดของพ่อ สถานที่ซึ่ง ทำให้พ่อและแม่พบรักกัน”

ยาบารีถอดสร้อยจากลำคอออกมาดู เป็นสร้อยโลหะรูปพระอาทิตย์ ที่บิดาเป็นคนสวมให้เธอ ก่อนที่ท่านจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธอ อายุได้เพียงห้าปี นับจากนั้นเธอกับมารดาก็ไม่ได้ติดต่อกับย่าที่อยู่เปรู อีกเลย ย่าไม่ใช่คนมีฐานะนัก ส่วนเธอกับมารดาเป็ดร้านขายของชำเล็กๆ พออยู่ได้ ฉะนั้นการเดินทางออกนอกประเทศจึงเป็นเรื่องไกลตัว

ยาบารี...

ทุกครั้งที่มีคนเรียกชื่อเธอ หญิงสาวจะหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่ มารดาเคยเล่าให้เธอฟัง ท่านทั้งสองพบกันที่เปรู มารดาเป็นสาวใช้ติดตาม เจ้านายไปที่นั่น เมื่อทั้งสองพบรักกัน บิดาบอกรักและขอมารดาของเธอ แต่งงานที่แม่นํ้ายาบารี และเมื่อทั้งสองมีพยานรักตัวน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น เธอจึงได้ชื่อว่า ยาบารี พันธ์วิรา เมื่อรวมกับหน้าตาคมขำ ดวงตากลมโต และผิวสีนํ้าผึ้ง จึงทำให้ใครๆ มักคิดว่าเธอเป็นมุสลิม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ยาบารีตื่นจากภวังค์ “คะแม่” เธอรีบเดิน ไปเปิดประตูยิ้มกว้างเมื่อเห็นมารดา แต่แล้วเธอก็ต้องหุบยิ้มเมื่อมารดามี สีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบประคองมารดาเข้ามาในห้อง

“ยาบารี ปีนี้หนูก็อายุลิบแปดแล้วสินะ” พรพรรณทอดสายตาอ่อนโยนมองบุตรสาว ยาบารีมีรูปร่างหน้าตาเหมือนบิดา เธอรูปร่างสูงโปร่ง

ท่าทางปราดเปรียว ผิดแผกจากเด็กสาววัยรุ่นในประเทศไทยที่นิยมผิวขาว ตัวเล็กกะทัดรัด ทว่าใบหน้าสวยเฉี่ยวทำให้แมวมองจากมอเดลลิงต่างมา ทาบทามอยู่เนืองๆ ทว่ายาบารีก็ไม่ยอมปลงใจ บุตรสาวของเธอรักที่จะ เรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์ และขลุกอยู่กับหนังสือเล่มหนาได้เป็นวันๆ

                “ค่ะ อีกไม่กี่เดือนรีก็จะอายุครบสิบเก้าปีแล้วค่ะ” เธอกอดเอว มารดา ก่อนจะอิงศีรษะได้รูปลงบนไหล่มารดาอย่างออดอ้อน พรพรรณ ยีผมบุตรสาวอย่างเอ็นดู กระนั้นในแววตาก็ยังฉายชัดว่ากำลังกังวล และ ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“หนูอยากไปเยี่ยมคุณย่าหรือเปล่าลูก”

หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ มันเป็นความใฝ่ฝันของเธอมาตลอด ว่าสักวันเธอจะไปกราบย่า และได้ไปยังดินแดนบ้านเกิดของบิดา

"รีคิดเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบ ทำงานเก็บเงินสักพัก รีอยากไปหาคุณย่าค่ะ รีจำหน้าท่านแทบไม่ได้หากไม่ดูรูปถ่าย แต่รีเข้าใจนะคะว่าฐานะอย่างเรา การจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปเยี่ยมท่านมันเป็นเรื่องยาก แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วง อีก ไม่กี่ปีรีก็เรียนจบแล้วค่ะ ถึงตอนนั้นรีจะพาแม่กลับไปเปรูให้ได้ เราจะได้ เอากระดูกส่วนหนึ่งของพ่อกลับไปยังบ้านเกิดของท่าน”

พรพรรณยิ้มเศร้า มองดูใบหน้าของบุตรสาวด้วยสายตาที่เปียมไป ด้วยความรัก ไม่เคยมีสักวันที่เธอไม่คิดถึงสามีที่มาด่วนจากไปก่อนวัย อันควร แต่เพราะมียาบารี ตัวแทนของความรักที่สามีทิ้งเอาไว้ให้ เธอจึง ยีนหยัดเลี้ยงบุตรสาวมาด้วยตัวเอง

“แม่ว่าถึงตอนนั้นอาจไม่ทัน คุณย่าคงอยากพบหนูให้เร็วที่สุด” หญิงวัยกลางคนยื่นจดหมายให้บุตรสาวอ่าน

ถึง ยาบารี

คุณคงแปลกใจทีได้รับจดหมายฉบับนี้ ผมชื่อโซลาโน เขียน จดหมายฉบับนี้เพื่อแจ้งว่าคุณย่าโรมีนาป่วย ท่านชรามากแล้วจึงอยากพบ

หลานซึ่งเกิดจากบุตรชายคนเล็กของท่านสักครั้ง

หากคุณสะดวกกรุณาเดินทางมาตามวันและเวลาที่กำหนดข้างล่างนี้ ผมได้ส่งตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางมาให้คุณแล้ว แล้วพบกันที่สนามบิน...

โซลาโน

หญิงสาวกำจดหมายไว้แน่น ใบหน้าคมขำซีดเผือดกับข่าวที่ได้รับ

“คุณย่าป่วย” เธอยกมือขึ้นปีดหน้า นึกเสียใจที่ไม่เคยไปหาท่านเลย สักครั้ง มีเพียงแค่จดหมายปีละหนึ่งถึงสองฉบับพร้อมรูปถ่ายของเธอ ส่งไปให้ท่าน แต่ท่านไม่เคยตอบกลับมา หญิงสาวจึงไม่สามารถเดาได้ว่า ท่านยังจำหลานสาวที่ชื่อยาบารีได้หรือไม่

แต่เดี๋ยว...คนที่เขียนจดหมายมา นายโซลาโนอะไรนั่น ดูวางก้าม และเผด็จการที่สุด เขาเป็นใครนะ หรือว่าเป็นหลานคนใดคนหนึ่งของย่า เธอ ยาบารืนึกไม่ชอบใจเจ้าของลายมือสวยในจดหมาย เพราะเนื้อความ มีแต่คำสั่งและดูคล้ายตำหนิเธอกลายๆ

“แม่คะ หนูจะไปเปรูค่ะ”

เธอบอกความจำนงแก่มารดา โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดี ไม่เช่นนั้นแล้วเธออาจเสียการเรียน เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปอยู่ที่เปรูสักกี่วัน

“ไปเถอะลูก ช่วยดูแลคุณย่าแทนแม่กับพ่อด้วย”

“ความจริงแม่ซื้อตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกใบ แล้วไปกับรีก็ได้นี่คะ เราน่า จะพอมี...” หญิงสาวเสนอ เธอเชื่อมาตลอดว่ามารดาอยากกลับไปที่นั่น อีกครั้ง เพราะที่เปรูเต็มไปด้วยสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างมารดากับ บิดา ทว่ามารดากลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“แม่ทิ้งร้านไปไม่ได้หรอก อีกอย่างแม่ไม่อยากเอาเงินเก็บออกมาใช้ เกินความจำเป็น เผื่อมีอะไรฉุกเฉินต้องใช้ ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน หรอกนะลูก” พรพรรณถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยายามผืนยิ้มให้บุตรสาว

“หนูไปเถอะ คุณย่าคงคิดถึงหนูมาก ท่านจะว่ายังไงบ้างนะ ถ้าเห็น ว่าหนูมีหน้าตาคล้ายพ่อขนาดนี้” มารดาเอ่ยเสียงเครืออย่างไม่สามารถ กักเก็บความสะเทือนใจเอาไว้ได้ ก่อนที่หยาดนํ้าใสจะไหลออกจากหางตา ช้าๆ

“แม่...”

ยาบารีกอดมารดาเอาไว้แน่น ด้วยรู้ดีว่า... เวลาไม่เคยทำให้ความรัก ของมารดาที่มีต่อบิดานั้นลดน้อยลงเลย ความรักที่ท่านทั้งสองมอบให้แก่กันเป็นรักแท้ที่หายากเหลือเกินในยุคปัจจุบัน

 

 

 

 

มาตุภูมิ

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

ในที่สุดการเดินทางกว่าสามสิบชั่วโมงก็สิ้นสุดลงเสียที ยาบารีบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า ยืนหันรีหันขวางอยู่พักใหญ่ แล้วชะเง้อมองหาป้ายชื่อของ เธอแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบ หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ถ้าหากนายโซลาโนอะไรนั่นไม่มารับเธอ เธอจะทำอย่างไร ในเมื่อเธอไม่รู้จัก ที่นื่เลย...

“คุณ”

เสียงทุ้มจากด้านหลังปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ เธอหันไปตาม เสียงเรียก เบิกตากลมโตด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ชายรูปร่างสูงใหญ่หนวด เครารุงรังก็โน้มตัวเข้าใกล้ ดึงกระเป๋าเดินทางจากมือเธอไป

“เอ้ย!” หญิงสาวร้องเสียงหลง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อตั้ง สติได้เธอก็ปราด เข้าไปผลักเจ้าหัวขโมยทันที แต่ขโมยร่างยักษ์หาได้สะทก สะท้านแต่อย่างใด เพราะคนที่เซถอยหลังจนแทบล้มกลับเป็นเธอเสียเอง “อย่านะ ไอ้หัวขโมย” ยาบารีไม่ยอมแพ้ ออกแรงยื้อยุดฉุดกระเป๋า กลับคืน ก่อนจะบิดข้อมือหัวขโมยด้วยคาราเต้ที่เธอรํ่าเรียนมา

“อ้าก!” หัวขโมยปล่อยกระเป๋าทันที ยาบารีรีบเก็บกระเป๋าใบนั้น แล้วฟาดลงไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายเต็มแรง คราวนี้ได้ผลเมื่อฝ่ายนั้นเสียหลัก ซวนเซจนเกือบจะล้มลง หญิงสาวจึงกระหน่ำฟาดไปที่ศีรษะและไหล่อีก หลายครั้ง

“โอ๊ย! มาตีผมทำไม ผมไม่ใช่ขโมยนะคุณ” ชายหนุ่มยกมือขึ้น ปัดป้องเป็นพัลวันและพยายามอธิบาย แต่ไม่ว่าจะตะโกนบอกอย่างไร หญิงสาวก็ไม่ยอมฟัง เธอยังคงทุ่มแรงทั้งหมดที่มีฟาดเขาไม่ยั้ง

“คุณ ผมไม่ใช่ขโมย ผมเจ็บนะ”

“ไม่ใช่ขโมยได้ยังไง ในเมื่อคุณกระชากกระเป๋าไปจากมือฉัน” ยาบารีเถียงกลับ ใบหน้าแดงกํ่า มองชายตรงหน้าไม่วางตา หากเขาคิดจะวิ่งหนี หรือคิดตุกติกแม้แต่นิดเดียวเธอจะตีไม่ยั้งเลยคอยดู อย่าคิดว่าเห็นเธอ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางมาคนเดียวแล้วจะทำอะไรก็ได้ เห็นอย่างนี้เธอ สู้ไม่ถอยหรอกนะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้จึงยืนนิ่ง ได้แต่ยกสองมือขึ้น เป็นเชิงบอกให้หญิงสาวใจ เย็นๆ

ชายรูปร่างสูงราว ๑๘๕ เซนติเมตร ผมยาวประบ่า ใบหน้าเต็มไป ด้วยหนวดเครา ถ้าไม่ใช่โจรแล้วจะเป็นอะไรไปได้ ยาบารีไม่คิดเลยว่า การมาเหยียบแผ่นดินประเทศเปรูเป็นครั้งแรก เธอจะโชคร้ายอะไรขนาดนี้ นอกจากอีตาโซลาโนจะไม่มารับแล้ว เธอยังโดนโจรพยายามขโมยกระเป๋าอีก

'บ้าชะมัด' หญิงสาวสบถในใจอย่างหัวเสีย

“ใจเย็นๆ นะคุณยาบารี ฟังผมก่อน”

หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไวใจ เขารู้จัก ชื่อเธอได้อย่างไร หรือว่า...เขาจะเป็นพวกโรคจิต

“ผม...ชื่อโซลาโน มารับคุณไปบ้านคุณย่าโรมีนา”

ได้ยินดังนั้นยาบารีก็เข่าอ่อนซวนเซเหมือนจะเป็นลม จะไม่ให้หน้า

ติดตามต่อในเล่ม....

 

 

 

รายละเอียด

"A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เสน่หาอินคา" นำเสนอเรื่องราวของ "ยาบารี" หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ได้รับแจ้งข่าวการป่วยของผู้เป็นย่าทำให้เธอต้องเดินทางมายังประเทศเปรู ดินแดนแห่งอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล ที่แห่งนี้ทำให้เธอได้พบกับ โซลาโน่ อาจารย์หนุ่มที่เธอรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด อีกทั้งเสียงเรียกของใครบางคนที่เธอได้ยินทั้งยามหลับและยามตื่น ราวกับเจ้าของเสียงกำลังรอให้เธอไปหา แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเธอถูกนำพาให้ย้อนกลับไปยังอดีต 400 กว่าปีก่อน ณ อาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำที่แสนรุ่งเรือง ทำให้เธอได้พบกับมิตรภาพ ความรัก และความผูกพันจากชาวอินคา โดยเฉพาะกับชายหนุ่มสูงศักดิ์นาม "เจ้าชายทูปัก วีรา" ผู้รักแผ่นดินเกิดยิ่งชีพ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้ทั้ง 2 คนได้พบกันเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้ง 2 ดวงยังคงเกี่ยวกระหวัดร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน เพื่อปาฏิหาริย์จะนำพาหัวใจทั้ง 2 ดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เสน่หาอินคา" เล่มนี้

เขียนโดย "เพียงฤทัย"

 

350 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024