บุพเพราชัน (อุมาริการ์)

บุพเพราชัน (อุมาริการ์)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165002172
ผู้แต่ง: อุมาริการ์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

รถยนต์เมอร์เซเดสสีดำเงางามคันหรูขับมาจอดเทียบ

ด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าหรูหราติดอันดับต้นๆ ของฮ่องกง

พนักงานโรงแรมรีบวิ่งมาเปิดประตู หากถูกคนขับสวมสูทสีเดียวกับรถ

สวมแว่นตาดำ เข้าขวางไว้ จนต้องถอยฉากออกมา เฝ้ามองคนขับเปิด

ประตูด้านหลังของรถคันงามด้วยตัวเอง

ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบกริบ มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีราคาไม่น้อย

ก้าวออกจากรถ เสี้ยวหน้าของเขาคมเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันตรงและ

แนวกรามเด่นชัดแสดงออกถึงความจริงจัง เรือนผมดำสนิทเสยไปข้างหลัง

ตัดกับผิวขาวสะอาดเปล่งปลั่งอย่างคนสุขภาพดีที่หมั่นออกกำลังกาย

อยู่เป็นนิตย์ ดวงตาเรียวรีทรงอำนาจมองตรงไปข้างหน้า ไม่แสดงอารมณ์

ความรู้สึกใดๆ

“พวกนั้นมาถึงเรียบร้อยหรือยัง ชาร์ลส์” เสียงถามเคร่งขรึม เป็นการเป็นงาน

“เรียบร้อยครับ ตอนนี้อยู่ในห้องอาหาร”

ชายในชุดสูทอีกคนเป็นคนตอบ เขามาในรถคันเดียวกันแต่นั่งอยู่

ด้านหน้า ท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้คนเป็นนายหากดูจริงจังน้อยกว่า ดวงตา

สีน้ำตาลแกมเขียวชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกอุ่นใจ ทั้งรอยยิ้มที่ผุดอยู่ที่มุมปาก

เสมอๆ ยังทำให้ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย

ทั้งสองเดินเคียงกันเข้าไปภายในโถงที่ออกแบบตกแต่งอย่างมี

ระดับ ทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป แขกในโรงแรมต่างหันมามองโดยไม่ได้

นัดหมาย พนักงานในสูทสีเลือดหมูอันเป็นเครื่องแบบของโรงแรมรีบผละ

จากเคาน์เตอร์มาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางพินอบพิเทา เห็นได้ชัด

ว่าทั้งสองเป็นคนสำคัญ

“ยินดีต้อนรับครับ คุณเอริค คุณชาร์ลส์”

“แขกของเราไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ชาร์ลส์เอ่ยถาม

“ไม่มีครับ แต่...เอ่อ...ผู้จัดการห้องอาหารรายงานว่าแขกถามถึง

ท่านครับ”

“พวกนั้นคงมารอนานแล้วสินะ”

“ร่วมชั่วโมงแล้วครับ” ผู้จัดการตอบ “ให้ผมโทร. แจ้งดีไหมครับ

ว่าท่านมาถึงแล้ว”

ชาร์ลส์โบกมือเป็นเชิงไม่ใส่ใจ ก่อนเดินตามคนเป็นนายที่ล่วงหน้าไป

ก่อนแล้ว ระหว่างขึ้นลิฟต์ที่จัดไว้เป็นพิเศษ เขาก็พูดขึ้น

“ปล่อยให้พวกนั้นรอ...ตามเคยนะเอริค”

ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าเอริคไม่ตอบ หันหน้ามองผ่านกระจกลิฟต์

แก้วออกไปด้านนอก ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เห็นเพียงแสงไฟระยิบระยับจากตึก

ระฟ้าจำนวนมากมายในผืนดินฮ่องกง กว่าครึ่งเป็นทรัพย์สินของตระกูล

เขา รวมทั้งโรงแรมแห่งนี้ด้วย เขาจึงเลือกเจรจาธุรกิจที่นี่

อาณาเขตของตัวเอง ย่อมง่ายต่อการควบคุม

เขาเรียนรู้กลยุทธ์ในการทำธุรกิจทั้งหมดจากประสบการณ์ หาก

เมื่อพิจารณาจากความสำเร็จที่ได้รับอาจเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ ธุรกิจ

ของตระกูลหลงมีมากมายทั่วทั้งเกาะฮ่องกง และกำลังจะขยายไปยัง

ประเทศต่างๆ ทั่วโลกผ่านการร่วมทุนกับนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ

การเจรจาในคืนนี้เป็นอีกครั้งที่สำคัญมาก

ถ้าเป็นนักธุรกิจทั่วไปอาจเลือกเอาใจฝ่ายผู้ร่วมทุน ทว่าเขาไม่คิด

เช่นนั้น การยอมถอยหรืออ่อนข้อให้เท่ากับบอกอีกฝ่ายว่าเรายอมตก

เป็นรอง เมื่อนั้นการเจรจาจะนำไปสู่ความเสียเปรียบ

คนอย่าง เอริค หลง ไม่เคยเสียเปรียบใคร!

คืนนี้ เขาสั่งให้ลูกน้องปิดห้องอาหารเพื่อเลี้ยงต้อนรับนักธุรกิจ

จากอิตาลีโดยเฉพาะ ห้องอาหารนี้ถือว่าดีที่สุดในโรงแรม และติดอันดับ

หนึ่งในห้าของฮ่องกง คนเหล่านั้นจะได้รับความพึงพอใจทุกอย่างจาก

บริการระดับสุดยอด อาหารเลิศรส ไวน์ชั้นดี เครื่องดื่มทุกชนิดเท่าที่จะ

หาได้ หากสิ่งที่ขาดไปคือ...คู่เจรจาอย่างเขานั่นเอง

ปล่อยให้พวกนั้นรอไปก่อน กระทั่งได้เวลาอันเหมาะสม เขาจึงค่อยปรากฏตัว

“แล้วเรื่องนั้น...มีเบาะแสบ้างหรือยัง” เขาถามคนสนิท

“ยังไม่มี ท่านประธานก็กลุ้มใจมาก สั่งเรียกประชุมด่วนวันพรุ่งนี้

ใจจริงฉันอยากจะขอเลื่อน เพราะเจรจากับพวกอิตาลีก็สำคัญไม่ใช่น้อย

เหมือนกัน แต่เป็นคำสั่งด่วน เรื่องสำคัญเสียด้วย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก การเจรจาจะจบวันนี้แหละ” ชายหนุ่มตัดบท

เรียบๆ ก่อนก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ต้องการ

 

ภายในห้องอาหารเป็นไปตามที่เอริคคาดการณ์ไว้ ชายผมทอง

ร่างใหญ่อ้วนท้วนหน้าแดงก่ำกำลังกินดื่มอย่างสำราญใจ ซดไวน์ราคา

แพงต่างน้ำราวไม่รู้รสใดๆ ท่าทางเอาเรื่องเหมือนพวกนักเลงที่ชอบวาง

โต ส่วนชายอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันนั้นลักษณะท่าทางต่างกันราวขาวกับ

ดำ เพราะรูปร่างผอมแห้ง ผิวขาวซีด จนดูเหมือนซากศพเดินได้ มีเพียง

ดวงตาเรียวเล็กเท่านั้นที่บ่งบอกความเจนจัด เขานั่งจิบไวน์แดงด้วยท่าทางสุขุม

“พวกหลงนี่เลี้ยงต้อนรับดีจริงๆ อาหารการกินไม่อั้น มีแต่ของดีๆ

ทั้งนั้น” พูดจบชายร่างอ้วนก็หัวเราะเสียงดังก่อนสวาปามอาหารจานใหญ่

ต่ออย่างชอบอกชอบใจ “ทุ่มอย่างนี้ท่าจะอยากทำสัญญากับพวกเรามาก

งานนี้มีแต่ได้กับได้...จริงไหมคาโล”

“อย่ามั่นใจให้มากนัก โรแบร์โต้” อีกฝ่ายปราม “ได้ข่าวว่าตระกูล

หลงยิ่งใหญ่มากในฮ่องกง ธุรกิจส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นของตระกูลนี้โดยตรง

ก็เป็นโดยอ้อมผ่านการถือหุ้นเกือบครึ่ง เรียกว่ามีสิทธิ์มีเสียงพอจะคุม

ประเทศได้เลยทีเดียว”

“นั่นยิ่งทำให้เราได้เปรียบไม่ใช่เหรอ ถึงใหญ่แค่ไหนก็ยังอยากขยาย

ขอบเขตของตัวเองมาประเทศอื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่นัดเจรจากับเราหรอก

พออยู่ต่อหน้าเราก็ต้องยอมสยบให้อยู่ดี ฮ่าๆ” โรแบร์โต้อ้าปากหัวเราะ

อย่างน่ารังเกียจ

ทันใด เสียงฟ้าร้องคำรามสนั่นหวั่นไหวก็ดังก้องไปทั่ว นักธุรกิจ

ชาวอิตาลีหันมองผ่านผนังกระจกใสออกไปด้านนอก ท้องฟ้าสีเข้มยาม

ราตรีบัดนี้สว่างไสวราวกลางวัน ยินเสียงครืนครั่นประหนึ่งฟ้าพิโรธ พลัน

นั้นเอง สายฟ้าก็ฟาดผ่านม่านเมฆ มองเห็นเป็นรูปสัตว์ชนิดหนึ่ง รูปร่าง

ยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน เห็นชัดเจนกระทั่งส่วนหัวที่มีเขาสองข้างเป็น

เส้นคดโค้ง ภาพตรงหน้าทำให้ชายสองคนถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาวาวจ้า

ของสัตว์ใหญ่จ้องมองพวกเขาอย่างกราดเกรี้ยว

“นั่นอะไรน่ะ!” โรแบร์โต้ร้องเสียงหลง “ตัวอะไร! นายเห็นไหม!

มันทำท่าอย่างกับจะกินเราเข้าไป”

“ตาฝาดมากกว่า แค่ฟ้าผ่าธรรมดา”

คาโลว่า แม้จะเห็นเหมือนกัน แต่ด้วยความสุขุมที่มีมากกว่าจึง

ทำให้ไม่ตื่นตระหนกง่ายอย่างคู่หู คาโลหันมองอีกครั้ง สายฟ้าประหลาด

นั่นก็หายไปแล้ว เหลือเพียงท้องฟ้าใสไร้เมฆบดบัง เห็นดวงจันทร์ลอยเด่น

ได้อย่างชัดเจนเพราะความสูงของตึกถึงสามสิบชั้น

“ว่าแต่...ทำไมพวกหลงยังมาไม่ถึงสักที ปล่อยให้เรามารอนานแล้ว

หรือจะยกเลิกการเจรจา”

ประตูห้องอาหารเปิดออก เอริค หลง เดินเข้ามาโดยมีชาร์ลส์

ผู้ช่วยคนสนิท เดินตามหลัง ดวงตาเฉยเมยของชายหนุ่มกวาดมอง

สองนักธุรกิจชาวอิตาลีแวบหนึ่ง ประกายสีทองฉายวาบอยู่ภายในดวงตา

เรียวคมกล้า ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วจนคนพบเห็นนึกว่าตาฝาด กลับ

เป็นสีน้ำตาลดังเดิม

“สวัสดีตอนค่ำ”

เอริคทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน มุมปากยกยิ้ม หาก

รอยยิ้มนั้นกลับไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาเลยแม้แต่น้อย

“พวกคุณมาช้า” คาโลกล่าวหา “เรากำลังคิดว่าจะกลับกันอยู่แล้ว”

“ไม่หรอก...คุณยังไม่กลับ”

เอริคตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ชาร์ลส์เห็นท่าไม่ดี เลยชิงพูดแนะนำ

“นี่คือมิสเตอร์เอริค หลง ส่วนผมชื่อชาร์ลส์ เป็นผู้ช่วยของคุณ

เอริค พวกคุณคงเป็นมิสเตอร์คาโลและมิสเตอร์โรแบร์โต้”

“ผม...คาโล”

ชายร่างผอมตอบอย่างไว้ตัว ดวงตาเจ้าเล่ห์มองคู่สนทนาคล้าย

จะประเมิน ...ก็แค่คนเอเชียสองคน ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไรมาก

ฉับพลันคาโลก็เกิดอาการขนลุกเกรียว ความอึดอัดครอบคลุมอยู่

รอบกาย เหลียวมองโรแบร์โต้ก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทางผิดปกติแต่อย่างใด

ฝ่ายนั้นยังคงกินดื่มอยู่เช่นเดิมราวกับไม่รับรู้ถึงความเป็นไปรอบตัว

เขาได้แต่ข่มความรู้สึกประหลาดนั้นไว้ จ้องหน้าคู่เจรจาชาวฮ่องกงตรงๆ

แล้วก็ต้องกลืนน้ำลาย

...ผู้ชายคนนี้มันยังไงกัน บุคลิกลักษณะชวนให้สยบแทบเท้า เขา

ทำธุรกิจมาก็มาก แม้แต่คนชาติเดียวกันยังไม่ทำให้หวาดหวั่นได้ขนาดนี้

คาโลพยายามปัดความรู้สึกนั้นออกไป บอกตัวเองว่า ...ก็แค่คนใน

ประเทศเล็กๆ ถึงจะร่ำรวยแค่ไหนก็เถอะ แล้วหันมาสนใจการเจรจา

เป้าหมายมีอย่างเดียว หาช่องทางให้ได้เปรียบมากที่สุด!

“เรามาเริ่มกันเลยดีไหม” เอริคนั่งลงตรงข้ามแล้วเริ่มต้นการเจรจา

“ดีเหมือนกัน อย่าเสียเวลานานเลย เวลาของพวกเราเป็นเงิน

เป็นทอง” โรแบร์โต้พูดอย่างไม่เกรงใจ

ชาร์ลส์ดึงแฟ้มเอกสารหุ้มด้วยหนังสีดำสนิทสองแฟ้มออกจาก

กระเป๋าเอกสาร วางตรงหน้าเอริคแฟ้มหนึ่ง ส่วนอีกหนึ่งยื่นส่งให้คาโล

ซึ่งรับไปเปิดอ่านอย่างละเอียด ขณะชาร์ลส์อธิบาย

“ภายในสัญญาระบุว่าตระกูลหลงจะเข้าถือหุ้นในบริษัทคาโลกรีน

ที่กำลังจะเปิดใหม่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทางคุณเป็นคนบริหาร แต่ต้องให้สิทธิ์

ทางเราในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทตามที่ได้ตกลง

กันก่อนหน้านี้ ถ้าหากพอใจกันทั้งสองฝ่าย ก็เชิญลงนามในสัญญาได้เลย

จากนั้นเราก็จะเป็นหุ้นส่วนกัน”

“เดี๋ยวก่อน” คาโลแย้ง “เราคงให้ถือหุ้นได้แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

“เพราะอะไร”

“ข้อกฎหมายและอะไรอีกหลายอย่าง” ชายชาวอิตาลียักไหล่

เอริคใช้สายตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่าย คาโลหลบตา เสหันมอง

ทางอื่นแทน เพียงครู่เดียว เอริคก็ผุดยิ้มมุมปาก หากคราวนี้เป็นรอยยิ้ม

เยือกเย็น ชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึง

“คุณไม่เห็นบอกเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเจรจาในขั้นแรก”

“บางทีเลขาฯ ผมอาจทำงานไม่รอบคอบ คงต้องโทษทางนั้น” คาโล

ยักไหล่ ทำไม่รู้ไม่ชี้

รอยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มขณะปิดแฟ้มเอกสาร

ตรงหน้า เขาเคาะปากกาด้ามทองคู่โปรดเล่นเป็นจังหวะอยู่เพียงครู่ ก่อน

ยิ้มกว้าง ดวงตาจับจ้องคู่สนทนาชาวอิตาลีไม่วางตา

“คุณคิดหรือว่าจะเอาเปรียบตระกูลหลงได้ คิดง่ายไปแล้ว

มิสเตอร์คาโล”

“ผมไม่ได้เอาเปรียบ ถ้าทางคุณอยากลงทุนกับเรา ในประเทศ

ของเรา” คาโลเน้นเสียง “...ก็ต้องยอมรับข้อตกลงตามที่เราเสนอ”

“ถ้าไม่ตกลงล่ะ”

“ก็เป็นอันยกเลิก” ชายชาวอิตาลีพูดง่ายๆ เหมือนไม่สนใจ หาก

แท้จริงแล้วกำลังนึกหวั่นอยู่ไม่น้อย บริษัทของเขาต้องการผลสำเร็จ

จากการเจรจานี้มาก แต่ยังไงเขาก็ต้องเล่นตามเกม ดึงผลประโยชน์เข้า

บริษัทให้มากที่สุด

“ก็ได้”

เอริคตอบในที่สุด ทำเอาคาโลยิ้มกริ่ม แอบปาดเหงื่อที่ไหลย้อย

จากไรผม ส่วนโรแบร์โต้ผิวปากหวือ

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทางคุณแก้เอกสารมาใหม่ ด่วนเลยนะ ผมมีเวลา

ไม่มาก พรุ่งนี้จะกลับอิตาลีแล้ว การเจรจาต้องทำให้เสร็จในคืนนี้” เมื่อเห็น

ว่ากำลังได้เปรียบ คาโลก็เร่งรัด ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป

“ผมไม่ได้บอกว่าจะแก้เอกสาร”

“อ้าว...ก็ไหนคุณตกลงแล้ว” คาโลโวยวาย

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว” เอริคพูดเสียงเย็น “ตระกูลหลงจะไม่แค่เข้าไป

ถือหุ้นในบริษัทใหม่เท่านั้น แต่จะซื้อกิจการของคุณทั้งหมดและเปลี่ยน

ผู้บริหารใหม่ มิสเตอร์คาโล...คุณตกงานแล้ว”

“อะไรนะ!”

คาโลตะโกนก้อง หน้าซีดแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด ความโกรธแผ่เข้า

ครอบงำ เขาปราดเข้ามาหมายจะกระชากคอเสื้อของคนปากดี หากยัง

ไม่ทันเข้าถึงตัว ก็รู้สึกได้ถึงกระแสของอะไรบางอย่างที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย

                                   (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

พายุแห่งการขับเคี่ยวชิงดีระหว่างสัตว์เทพสองตระกูลมังกรสวรรค์กับพยัคฆ์ พัดพาให้หญิงสาวชาวมนุษย์ตกอยู่ในวังวนของการแก้แค้นหากชะตากรรมเล่นตลกกว่านั้น เมื่อคนที่เธอเลือกข้างด้วยหัวใจแท้จริงแล้วคือศัตรูของเผ่าพันธุ์ สุคนธ์ธิดาไม่รู้ว่าเพราะอะไร คนที่เกลียดกลัวงูอย่างเธอ จึงเฝ้าฝันถึงแต่งูใหญ่ที่น่าพรั่นพรึง มังกรดำที่มีเกล็ดสีทองแซมตลอดทั้งตัว ปรากฏกายในความฝันครั้งแล้วครั้งเล่าชัดเจนแม้กระทั่งดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลที่มีวงแหวนสีทองเปล่งประกายอยู่ภายใน กระทั่งเธอได้พบเขา ทายาทตระกูลหลง มหาเศรษฐีจากเกาะฮ่องกงผู้แสนเย็นชาชายผู้มีดวงตาละม้ายดวงตามังกรที่ปรากฏในความฝันของเธอไม่ผิดเพี้ยน ชีวิตเธอปั่นป่วนเมื่ออยู่กับเขา หัวใจสองดวงคล้ายดูดดึงและผลักดันกัน สุขสม และเจ็บปวด ราวพบเผชิญรักต้องห้าม ใครจะบอกได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา คือบุพเพสันนิวาสหรือการลงทัณฑ์จากสวรรค์


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
26/07/2014

“บุพเพราชัน” เป็นนิยายที่มีผู้เขียนสองท่านในเรื่องเดียวค่ะ จากคำโปรยปกหลัง พายุแห่งการขับเคี่ยวชิงดีระหว่างสัตว์เทพสองตระกูลมังกรสวรรค์กับพยัคฆ์ พัดพาให้หญิงสาวชาวมนุษย์ตกอยู่ในวังวนของการแก้แค้นหากชะตากรรมเล่นตลกกว่านั้น เมื่อคนที่เธอเลือกข้างด้วยหัวใจแท้จริงแล้วคือศัตรูของเผ่าพันธุ์ "สุคนธ์ธิดา" ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คนที่เกลียดกลัวงูอย่างเธอ จึงเฝ้าฝันถึงแต่งูใหญ่ที่น่าพรั่นพรึง มังกรดำที่มีเกล็ดสีทองแซมตลอดทั้งตัว ปรากฏกายในความฝันครั้งแล้วครั้งเล่าชัดเจนแม้กระทั่งดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลที่มีวงแหวนสีทองเปล่งประกายอยู่ภายใน กระทั่งเธอได้พบเขา ทายาทตระกูลหลง มหาเศรษฐีจากเกาะฮ่องกงผู้แสนเย็นชาชายผู้มีดวงตาละม้ายดวงตามังกรที่ปรากฏในความฝันของเธอไม่ผิดเพี้ยน ชีวิตเธอปั่นป่วนเมื่ออยู่กับเขา หัวใจสองดวงคล้ายดูดดึงและผลักดันกัน สุขสม และเจ็บปวด ราวพบเผชิญรักต้องห้าม ใครจะบอกได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา คือบุพเพสันนิวาสหรือการลงทัณฑ์จากสวรรค์... สำหรับดิฉันอ่านคำโปรยแล้วชอบนะคะ พอได้มาอ่านเนื้อเรื่องก็โอเคในระดับหนึ่ง พระเอกเป็นมังกร แหมม แค่คาเรกเตอร์ก็เท่แล้วเนอะ มาดนิ่ง ไม่ค่อยสุงสิงกับชาวบ้าน ครั้งแรกที่เจอนางเอก นางเอกก็สามารถแตะตัวพระเอกได้แล้วค่ะ ซึ่งปกติไม่มีใครจะแตะตัวพระเอกได้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าจุดนี้หรือเปล่าที่ทำให้พระเอกเริ่มสนใจนางเอก เลยพาไปอยู่ด้วยกันซะเลย ที่สำคัญนางเอกก็เป็นทายาทนักล่ามังกร ซึ่งในอดีตเผ่าพันธุ์มังกรกับนักล่ามังกรก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว นางเอกเรื่องนี้มีความสามารถพิเศษในการทำนายอนาคตด้วยนะคะ ซึ่งเหมือนจะเป็นข้อดีจุดเดียวของนางเอก เพราะคาเรกเตอร์อื่นดิฉันว่ายังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก และมีความเชื่อกันว่าถ้ามีสัมพันธ์กับทายาทนักล่ามังกรจะเพิ่มพลังให้อีกฝ่าย เอิ่มม ฮ่าๆๆๆ เริ่มออกแนวหนังจีนกำลังภายในแล้วค่ะ อิอิ พ่อนางเอกก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก แอบไปร่วมมือกับศัตรูพระเอก จนทำให้เรื่องราววุ่นวายไปกันใหญ่ แต่จากจุดนี้ก็ทำให้ดิฉันได้กลิ่นอายของความเป็นวายเล็กๆ ระหว่างพี่ชายนางเอกกับศัตรูของพระเอกที่อยากได้พลังวิเศษจากพวกทายาทนักล่ามังกร เพื่อจะได้เหนือกว่าเผ่าของพระเอก ชวนให้จิ้นเล็กๆ เนื้อเรื่องก็แย่งชิง วางแผน หลอกล่อให้ศัตรูเพลี่ยงพล้ำประมาณนี้ค่ะ ไม่ค่อยเห็นความเป็นแฟนตาซีมากนัก แต่ไม่ใช่ไม่มีเลยนะคะ ส่วนมากจะเน้นความรักของพระนางเป็นจุดขายซะส่วนใหญ่ พระเอกก็ไม่บอกหรอกค่ะว่าเขารักนางเอกแต่การกระทำของเขาแสดงให้ทุกคนรู้ว่านางเอกเป็นผู้หญิงของเขา บทสรุปของเรื่องก็ถือว่าจบโอเคนะคะ ไม่ได้ค้างคาอะไร มีฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายและผลลัพธ์ว่าตกลงใครกันแน่เป็นฝ่ายชนะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024