แก้วกุมภัณฑ์ (กวิน)

แก้วกุมภัณฑ์ (กวิน)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160012206
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

     ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

 

“แยม ต้องไปทำบุญนะลูก”

แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่จากประโยคที่มีคำว่า ‘ต้อง’ นั้น

เยาวมาลย์ตีความหมายออกว่าเป็นการบังคับ

“โอ้โฮ ป้ามิ่งคะ แยมแค่ยังไม่ได้งาน ไม่ได้หมายความว่าซวยถึงขั้น

ต้องไปสะเดาะเคราะห์เสียหน่อย” หลานสาวคนดีพูดพลางทำตาวิบวับอย่าง

ประจบ พร้อมทั้งบีบนวดแขนอันนุ่มนิ่มไปด้วยไขมันของคุณป้าวัยหกสิบสี่

ก่อนจะยกแขนโอบแล้วซบพร้อมกับซุกใบหน้าลงไปเพื่อซ่อนสีหน้าหนักใจ

เอาไว้

เธอรู้ว่าคุณป้ามิ่งขวัญเป็นห่วงขนาดไหนที่หลานสาวที่เลี้ยงมากับมือ

ยังไม่เป็นโล้เป็นพายทั้งที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ผ่านงานรับปริญญาไป

ก็แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าทำงานที่ใดเป็นหลักแหล่งอย่างเพื่อนคนอื่นๆ

“ก่อนหน้านี้ก็ทำงานดีๆ อยู่แล้ว ไม่รู้จะลาออกมานั่งเป็นยายเพิ้ง

อยู่บ้านทำไม”

ประโยคถัดมาทำให้คนฟังสะอึก นี่ละคุณป้าของเธอตรงยิ่งกว่าขวาน

ผ่าซาก ยังไม่นับรวมกรณีก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจลาออกจากงานทั้งที่ทำ

ไปได้แค่สองเดือน ครั้งนั้นเธอถูกอบรมไปเสียยกใหญ่ว่าควรจะต้องมีความ

อดทนในการทำงานมากกว่านี้ และต้องมีความพยายามมุมานะที่จะฝ่าฟัน

อุปสรรคไปให้ได้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อให้ถูกว่าถึงสถาบัน

การศึกษา รวมถึงที่บ้านด้วย

“ก็มันไม่ใช่แนวนี่คะป้า แยมไม่ชอบงานออฟฟิซ แยมอยากทำงานที่

เป็นอิสระมากกว่า” และนี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกับตอนนั้นที่ทำให้ผู้สูงวัยกว่ายอมรับฟัง

เหตุผลได้ มิ่งขวัญเลี้ยงหลานสาวคนนี้มาแต่เล็กตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ของแก

เสียไป ทำไมจะไม่รู้ว่าแม่คนนี้มีนิสัยแบบไหน จะว่าหัวดื้อแบบพ่อก็ไม่ใช่

จะว่าอ่อนหวานเหมือนแม่ก็ไม่เชิง เพราะเยาวมาลย์เป็นเด็กหัวดี ออกจะเป็น

แนวฉลาดแกมโกงกว่าหลานคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน พอรู้ตัวว่าผิดก็จะ

ยอมรับแล้วขุดเหตุผลที่คนฟังยังต้องยอมรับมาได้ แต่ถ้าไม่ผิดแล้วก็จะค้าน

จนหัวชนฝา อย่างนี้แล้วจะเรียกว่าเหมือนใครดี หรือว่าเหมือนนางที่เป็น

คนเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนยังเท่าฝาหอย

คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของคนเป็นป้าก็ผุดยิ้มขึ้นมา เมื่อสมัยเด็กของ

เยาวมาลย์นั้นเป็นตัวแสบระดับพระกาฬทีเดียว นางยังคงจำได้แม่นว่าแม่

หลานสาวเคยมาฟ้องว่าถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าชื่อเชย จึงได้ทำการอบรม

เพื่อนๆ ไปด้วยวาจาเกินเด็กอายุเท่านั้น แถมยังนำมาเล่าอย่างภูมิใจเสียอีก

‘ชื่อนี้พ่อกับแม่ตั้งให้แยม เยา-วะ-มาล หมายถึง ดอกไม้อ่อน คือ

ผู้หญิงสาวและสวย ถ้าใครมาล้ออีกละก็แสดงว่าขี้อิจฉา อยากจะได้ชื่อ

เพราะๆ เพราะตัวเองไม่สวย’

ช่างเป็นเหตุผลที่ทำให้มิ่งขวัญหัวเราะทุกครั้งที่นึกถึง เพราะตั้งแต่นั้น

มาแม่ดอกไม้อ่อนก็ไม่ถูกล้อเรื่องชื่อเชยอีก แต่กลับถูกเรียกว่า ‘เยาวมาร’

แทน เพราะเจ้าตัวน่ะทั้งดุทั้งแสบจนเพื่อนๆ ต่างเกรงใจ แต่ก็ยังไม่วายแกล้ง

เรียกผิดๆ อีก

                แต่ก็นั่นแหละ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ถือสาเท่าไหร่เมื่อโตขึ้นมาแล้ว

รู้ความมากขึ้น แม้จะคงนิสัยประจำตัวอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่กับนางหลานคนดี

ก็ยังเป็นแค่ดอกไม้อ่อนน้อยๆ อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ

“ป้าก็รู้อยู่นะว่าแยมอยากจะทำอะไร แต่ว่าก็อย่านิ่งนอนใจไปเสียล่ะ

ความนิ่งนอนใจแบบนี้นานไปจะกลายเป็นความขี้เกียจ แล้วก็เฉื่อยชา

สุดท้ายจะกลายเป็นความเคยชินจนติดเป็นนิสัยแก้ไม่หายรู้ไหม” ผู้เป็นป้า

ไม่วายเตือน

“ค่ะ” เยาวมาลย์ตอบรับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลงก่อนจะกระชับ

อ้อมกอดแน่นขึ้น

“แต่ว่าวันพรุ่งนี้ต้องไปทำบุญกับป้านะ อย่างน้อยก็ให้เป็นสิริมงคล

เสียหน่อย อยู่บ้านมาเป็นเดือนแล้วนี่” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ดีใจ คุณ

ป้าก็เหน็บแนมมาตามประสาอย่างที่คนฟังได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ แล้วตอบตกลง

อย่างเสียไม่ได้

 

ความจริงเยาวมาลย์ไม่ได้กลัววัดหรือร้อนเวลาเข้าไปใกล้เขต

อุโบสถ แต่เพราะเจ้าความขี้เกียจต่างหาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลแบบนี้ละก็

เธอยิ่งหน่าย เพราะคนก็เยอะ วัดที่ป้าของเธอมักจะไปทำบุญเสมอๆ ก็มีอยู่

ไม่กี่วัด

หลังจากกราบขอพรพระพุทธรูปเรียบร้อย เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพบกับ

แผ่นหลังของชายสูงวัยที่นั่งอยู่ด้านหน้าในระยะประชิด กลิ่นควันธูปรวมทั้ง

กระไอของมันทำให้อากาศภายในนั้นมีแต่ควันสีเทาจนแสบตาไปหมด

 “ป้ามิ่งคะ แยมขอไปรอข้างนอกก่อนนะ” เธอกระซิบบอก ขณะที่

มิ่งขวัญวันนี้มาพร้อมกับมนตรีผู้เป็นสามีซึ่งยังนั่งประนมมืออยู่พยักหน้ารับ

ก่อนจะหลับตาสวดมนต์ต่อ

หญิงสาวเดินเลี่ยงออกมาข้างนอกอุโบสถแล้ว แต่ก็ยังไม่วายนึกเบื่อ

คนจำนวนมากๆ ในช่วงเทศกาลอย่างนี้ และตอนนั้นเองที่เธอเห็นว่าหญิง

วัยกลางคนนุ่งขาวห่มขาวคนหนึ่งทำของหล่น มันเป็นโลหะสีทองแดง กลมๆ

แบนๆ คล้ายกับเหรียญขึ้นสนิมสีเขียวอย่างที่เธอนึกชั่งใจว่าควรจะต้องเอา

ไปคืนเจ้าของหรือว่าโยนทิ้งไว้ที่พื้นเหมือนเดิมดี

แต่อะไรบางอย่างดลใจให้เธอเลือกที่จะเดินตามเจ้าของเหรียญที่ดู

ไม่มีราคานั้นไป

“เดี๋ยวค่ะคุณน้า”

หลังจากที่เดินตามมาจนใกล้พอที่จะได้ยิน หญิงสาวก็เรียกออกไป

นั่นทำให้คนถูกเรียกหยุดเดินแล้วหันมาช้าๆ หญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดี

คล้ายจะเอ่ยถามว่าเรียกนางเอาไว้ทำไม

“คุณน้าทำของหล่นค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ยื่นมือออกไปให้หญิงคนนั้นดู

เหรียญในมือ ซึ่งเห็นมากับตาว่าอีกฝ่ายทำหล่นเอาไว้ แต่คู่สนทนากลับส่าย

หน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

“ดูดวงไหมคะหนู”

เมื่อได้รับคำถามกลับมาแทนคำตอบ เยาวมาลย์ก็อึ้งไป หรือว่านี่จะ

เป็นการเรียกลูกค้าดูดวงแบบใหม่กันแน่ เธอหันมองซ้ายขวาอย่างนึกระแวง

ว่าสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะสถานที่ที่เธอยืนอยู่นี้มีต้นไม้ใหญ่

ร่มรื่นทว่าไร้ผู้คนจอแจอย่างก่อนหน้านี้

บางทีเธออาจจะเดินออกมาไกลจากอุโบสถมากแล้ว

“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่” หญิงสาวตอบเลี่ยงๆ แล้วยังคง

ยืนกรานยื่นเหรียญไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับแค่มองดูก่อนจะช้อนสายตากลับ

มองมาที่เธอ

“เอ้า ฉันให้”

‘อ๊ะๆ หรือว่าจริงๆ แล้วนี่จะเป็นหนึ่งในกระบวนการของมิจฉาชีพ

แบบใหม่’ เยาวมาลย์นึกในใจ

“ฉันไม่ได้มาร้ายหรอกนะ” หญิงในชุดขาวหัวเราะร่วนราวกับอ่าน

ความคิดของเธอได้ นั่นยิ่งทำให้เยาวมาลย์พูดไม่ออก แล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา

ทั้งที่คนตรงหน้านั้นดูเหมือนไม่น่าจะมีอันตรายอะไรเลย

“ของนี้ฉันให้หนู ฝากให้หนูดูแลเอาไว้ก่อน แล้วครบกำหนดเมื่อไหร่

จะมารับคืน”

“ไม่เอาค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะเหลือบตามองเหรียญ

สีทองแดงแกมเขียวในมือ เพิ่งจะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วมันมีลายบางอย่างอยู่

บนนั้น ใบหน้าของยักษ์เขี้ยวโค้งดวงตาถมึงทึงสลักเสลาเอาไว้อย่างน่าเกรง

ขาม

“ต่อจากนี้ไป จะมีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนผัน โชคชะตาหมุนเวียนให้พบกัน

ระหว่างเจ้ากุมภัณฑ์และกันยา”

หญิงในชุดขาวเอ่ยช้าๆ คล้ายกับเป็นการทำนาย แล้วอยู่ๆ หมอกอัน

ไม่มีที่มาก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาปกคลุมจนมองไม่เห็นใคร แต่กระนั้นยัง

ได้ยินเสียงพูดของอีกฝ่ายอยู่แม้ว่าเปลือกตาของเยาวมาลย์จะค่อยๆ หนัก

อึ้งแล้วปิดลงอย่างไม่มีเหตุผล

“หากว่าครบทศมาสจึงจบสิ้น ครั้นได้ยินเสียงเพรียกให้ตอบขาน ฉัน

จะรับของฝากจากเยาวมาลย์ กลับคืนกาลถิ่นเดิมที่จำจร”

 

กลิ่นแอมโมเนียทำให้คนที่กำลังเป็นลมขมวดคิ้วก่อนจะลืมตา

ขึ้นมา เยาวมาลย์พบว่าตัวเองกำลังนอนหนุนตักผู้เป็นป้าโดยมีลมเย็นพัด

ไม่หยุดจนผมสีดำขลับพลิ้วตามแรงลม เสียงของมิ่งขวัญกำลังบ่นไม่หยุด

ถึงสาเหตุที่หลานสาวตัวดีเป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าเพราะร้อนแดดและคน

เยอะ

“ถ้าป้ามาเห็นช้ากว่านี้แล้วรับแยมไม่ทัน จะหัวฟาดพื้นไปรึเปล่าก็ไม่รู้”

“เหตุมันสุดวิสัยน่าคุณ อย่าบ่นเลย” มนตรีผู้ทำหน้าที่พัดให้อากาศ

ถ่ายเทพยายามปรามภรรยาที่ดูจะกังวลเกินเหตุ ขณะที่หลานสาวกะพริบตา

ปริบๆ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ พร้อมกับถือยาดมเอาไว้เอง

“แยมอยากอ้วกจังเลยค่ะป้ามิ่ง” เธอบอกออกมาเป็นสิ่งแรกพร้อม

ทำท่าพะอืดพะอม รู้สึกเหมือนถูกจับไปในเครื่องเล่นอะไรสักอย่างแล้วเขย่า

ไม่มีผิด “เห็นผู้หญิงคนนั้นมั้ยคะ ที่ใส่ชุดขาวดูใจดีแต่น่ากลัวหน่อยๆ”

“ผู้หญิงไหน ไม่มีนะแยม ป้าออกมาก็เห็นเราเดินเหม่อๆ อยู่แล้วก็ \

ล้มลงไปเฉยเลย”

เห็นได้ชัดว่าคำบรรยายของผู้เป็นป้าทำให้คนฟังขมวดคิ้ว และเมื่อ

ได้รับคำตอบเยาวมาลย์ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบแล้วไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะ

หากจะว่าไปไม่มีหลักฐานอะไรเลย ที่สำคัญเรื่องนี้ก็ดูออกจะประหลาดเกิน

ไป ผู้หญิงในชุดขาวพูดอะไรแปลกๆ ที่ตอนนี้เธอเริ่มจะนึกไม่ออก รู้แต่ว่า

มันไม่ใช่คำพูดที่ใช้พูดคุยกันตามปกติในสมัยนี้

สุดท้ายเธอเลือกที่จะลืมมันไปแล้วก็นอนหลับยาวในรถที่มนตรีขับ

มาส่งที่บ้าน เธอพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ตามลำพังในบ้านหลังเล็กๆ ที่พ่อ

กับแม่ทิ้งไว้ให้มาสักพักแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาทั้ง

ลุงและป้าก็จะหมั่นมาเยี่ยมอยู่เสมอ มิหนำซ้ำยังเสนอทางเลือกให้โดยการ

กลับไปอยู่ที่นนทบุรีเหมือนอย่างแต่ก่อนอีก เพียงแต่เธอปฏิเสธ เพราะรู้สึก

ว่าโตเกินไปที่จะต้องอาศัยอยู่กับญาติ แม้ว่าป้ามิ่งขวัญจะเป็นเหมือนแม่

แต่จริงๆ แล้วนางก็มีลูกสาวของตัวเองซึ่งอายุมากกว่าเธอราวห้าปี

เนย หรือ นงพะงา เป็นพี่สาวที่เธอนับถือ แม้จะด้วยนิสัยที่ถือตัว

หน่อยๆ จนทำให้เคยทะเลาะกันบ่อยในตอนเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นทั้งคู่ก็รู้ว่าไม่มี

ประโยชน์อะไรที่จะมานั่งเถียงกันไร้สาระอย่างเรื่องแย่งของเล่นหรือเสื้อผ้า

อีก เพราะต่างคนก็ต่างอยู่ แต่หากจะให้พูดแล้วเยาวมาลย์คิดว่าอยู่ห่างๆ

นงพะงาจะดีที่สุด

หลังจากถึงบ้านแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา เผลอหลับไป

ได้สักพักก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เธองัวเงีย

คว้าขึ้นมารับโดยที่ไม่ได้มองชื่อของผู้โทร. เข้ามา

“ป้าถึงบ้านแล้วนะแยม” เสียงจากปลายสายบอกมา

“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วคุยอีกนิดหน่อยก่อนจะตัดสาย ลุกขึ้นยืน

ขยี้ตามองออกไปนอกประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับชานบ้าน มองเห็นได้ชัดว่า

ฟ้ามืดไปเรียบร้อยแล้ว มือเรียวล้วงกระเป๋ากางเกงยีนเพื่อดึงพวกใบเซียมซี

ที่ได้จากการไปทำบุญออกมา จำได้ว่าถามเรื่องเงินทองแต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เธอคลี่มันออกมาอ่านอีกครั้งอย่างปลงๆ เพราะตอนนั้นอ่านถึงแค่เรื่องเงิน

ปุ๊บก็พับเก็บเข้ากระเป๋าปั๊บ

ดวงตากวาดมองไล่เรียงตามแต่ละบรรทัดอย่างรวดเร็วก่อนจะสะดุด

ที่วรรคสุดท้าย

ถามหาคู่ได้ความว่าสมคิด จะพิชิตหัวใจได้ดังหวัง

หากแต่ต้องแลกด้วยชีวาวัน มิเช่นนั้น...

มิเช่นนั้นจะอะไร...เยาวมาลย์ถลึงตามองจนเกือบจะหลุดออกจากเบ้า

เพราะปลายใบเซียมซีนั้นถูกฉีกออกไปเพื่อห่อหมากฝรั่งซึ่งเธอทิ้งลงถังขยะ

สักแห่งแถวนั้น

เวรกรรม

หญิงสาวตัดสินใจโยนใบเซียมซีที่พับแล้วไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วล้วงเอา

ของอื่นๆ ในกระเป๋ากางเกงออกให้หมดก่อนจะอาบน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวและโยน

เสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงตะกร้า

เสียงดังตุ้บของเสื้อผ้าลงในที่หมายเรียบร้อย แต่เสียงแกรกที่เหมือน

กับโลหะกระทบพื้นทำให้เจ้าบ้านสาวผู้กลัวพื้นไม้จะเป็นรอยขมวดคิ้ว แล้ว

หันหลังกลับมาใหม่ทั้งที่ก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำแล้วหนึ่งก้าว

วัตถุคล้ายเหรียญกลิ้งหลุนๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลง แม้จะเห็น

รูปร่างชัดแต่เยาวมาลย์ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก

หากสงสัยอะไร ต้องพิสูจน์! ใครบางคนเคยบอกเธอเอาไว้

เท้าเปล่าของหญิงสาวจึงค่อยๆ ก้าวไปอย่างระแวงระวัง คิ้วขวากระตุก

คล้ายจะบอกเป็นลาง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเชื่อว่าควรจะเห็นด้วยตาตัวเอง

เพราะอาจจะตาฝาดมองเหรียญสิบเป็นอย่างอื่นก็ได้

แต่แล้วหัวใจของเยาวมาลย์ก็คล้ายจะหยุดเต้นไป เมื่อมองเห็นชัดว่า

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

 

 

รายละเอียด

นวนิยายโรแมนติกเรื่อง "แก้วกุมภัณฑ์ (พิมพ์คำ)" นี้ นำเสนอเรื่องราวของ "เยาวมาลย์" สาวน้อยวัยทำงาน ที่ชีวิตของเธอกำลังเริ่มต้น เธอได้เลือกเดินตามความฝันด้วยการทำงานที่ชอบ แต่โชคชะตากลับกำหนดให้เธอเป็นผู้ถูกเลือกให้ต้องเข้าไปพัวพันกับเกมไล่ล่าของยักษ์หนุ่มที่ตกจากสวรรค์และนาคคู่อริ พร้อมกับปริศนาลึกลับ ที่แย่กว่านั้น คือ เธอได้รับรู้ว่ากำลังจะตายภายใน 6 เดือน! แถมได้รู้ถึงความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าบุคคลที่เธอรักเคารพ เบื้องหลังคือคนที่โกงเธออย่างเลือดเย็น ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำวันที่เหลือให้มีคุณค่าและมีความสุขที่สุด ทว่าโชคร้ายชะตาถึงฆาตก่อนกำหนด เธอจะยื้อชีวิตให้หลุดพ้นจากความตายได้หรือไม่ หรือว่าต้องใช้อำนาจของคำว่ารักพลิกโชคชะตา ขอเชิญคุณผู้อ่านมาร่วมติดตามเรื่องราวเหล่านี้ในหนังสือ "แก้วกุมกัณฑ์" เล่มนี้

เขียนโดย "กวิน"

 

376 หน้า


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
16/06/2014

“แก้วกุมภัณฑ์” เป็นเรื่องราวของ “เยาวมาลย์” หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งลาออกจากงาน แล้ววันหนึ่งโชคชะตานำพาให้ได้มาพบกับ “สุรมารา” ยักษ์หนุ่มที่โดนสวรรค์ลงโทษให้ต้องมาอยู่บนโลกมนุษย์จนกว่าจะทำภารกิจลุล่วง ตัวนางเอกของเรานอกจากไม่มีงานทำแล้ว ยังต้องมารับภาระเลี้ยงดูยักษ์หนุ่ม เนื่องจากเขาบอกเธอว่า ทั้งเขาและเธอมีชะตาร่วมกัน แต่เป็นใครจะอยากเลี้ยงดูยักษ์ ก็แหมยักษ์นะไม่ใช่แมวหรือหมา นางเอกของเราเลยพยายามหาทางชิ่ง ส่วนยักษ์หนุ่มของเราก็ไม่ยอมให้เธอชิ่งได้ง่ายๆ หญิงสาวจึงจำใจเห็นแก่ยักษ์ตาดำๆให้อาศัยร่วมบ้านจนกว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จ ซึ่งเล่นเอาชีวิตสงบสุขของเธอวุ่นวายเลยทีเดียวค่ะ เพราะแค่ยักษ์ตนเดียวก็ว่าปวดหัวแล้ว ดั๊นนนนมี “นาค” ศัตรูตัวร้ายของยักษ์หนุ่มโผล่มาอีก เรื่องราวชุลมุนไปใหญ่เมื่อทั้งหนึ่งยักษ์ , หนึ่งนาค , หนึ่งมนุษย์ ต้องมีส่วนเข้าไปพัวพันกับของวิเศษ ที่เธอไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะมีอยู่จริง แต่แล้วเมื่อเธอได้รู้สาเหตุที่ทำให้ยักษ์หนุ่มต้องมาเกี่ยวข้องกับเธอ ก็ทำเอาหญิงสาวเสียสูญช็อคตาตั้งเลยค่ะ ถ้าถามความเห็นส่วนตัวนะคะ ชอบตรงที่นิยายเรื่องนี้มีพลอตที่แปลกค่ะ ชนะเลิศไปเลยกับพระเอกที่มีคาเรกเตอร์เป็นยักษ์ ส่วนที่ชอบมากกว่าพลอตก็คือบทพูดของตัวละครที่ไม่ใช่มนุษย์ จะเป็นกลอนซะส่วนใหญ่ ตอนอ่านเลยละเมียดละไมเป็นพิเศษ ต้องยกนิ้วให้คนเขียนเลยว่ามีความพยายามสูงส่งจริงๆ เพราะบทพูดธรรมดาก็ว่ายากแล้ว แต่เรื่องนี้มาในรูปแบบกลอน ทำให้น่าติดตามเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะอยากรู้ว่าพ่อยักษ์หนุ่มหรือนาคคู้อริจะมีบทพูดอย่างไร ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ยักษ์ “สุรมารา” เริ่มหลงรักนางเอก เริ่มมีการพูดเหมือนจะจีบเธอกลายๆ ก็จะได้เห็นพ่อยักษ์ของเราแสดงลวดลายสมกับคำว่า “เจ้าชู้ยักษ์” ได้ไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น “ถ้าเราร่ายเป่ามนตร์ได้จริง คงให้มิ่งขวัญใจนั้นเคียงคู่” โอ้โหพ่อคุณ เล่นจีบเป็นกลอนแบบนี้ นางเอกไม่ฟินก็บ้าแล้วค่า แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการกระทำของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าให้ความสำคัญกับนางเอกของเรา ทางฝั่งของนางเอกก็เป็นตัวละครที่อ่านแรกๆให้ความรู้สึกเฉยๆนะคะไม่ได้อะไรมากมาย แต่เธอมีลูกฮึดที่จะต่อสู้เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมากำหนดค่ะ ซึ่งจุดนี้ทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถึงตอนนี้คงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบอย่างไร พ่อยักษ์หนุ่มจะกลับขึ้นสวรรค์ได้ไหม พระ-นางของเราจะได้ครองคู่กันหรือไม่ ต้องหามาอ่านค่ะ จะได้เกิดฟีลร่วมลุ้นไปกับตัวละครเหมือนดิฉัน

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024