พรายผยอง (หงส์หยก)

พรายผยอง (หงส์หยก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001113
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ลึกเข้าไปบริเวณเชิงเขาห่างไกลสายตาผู้คน ตามทางเดินแนวยาว

ที่ค่อนข้างแคบและรกครึ้ม ไม่มีผู้ดูผ่านเข้าออกบ่อยนัก หากไม่สังเกตคงมอง

ไม่รู้ว่ามีผู้ใช้เส้นทางนี้สัญจร สุดทางคือกระท่อมหลังเล็กช่อนตัวอยู่ท่ามกลาง

หมู่ไม้'ที่ขึ้น,ปกคลุม ในความมีดมีดปรากฏลำแสงสีแดงเปล่งประกายออกมาจาก กระท่อมหลังดังกล่าว

บางครั้งค่อยเลือนรางลง บางครั้งกลับมีประกายเจิดจ้าขึ้น มา สร้างความกังขาให้แก่เจ้าของดวงตาคู่หนึ่ง ที่ยืนนึ่งสังเกตความเป็นไปอยู่

ไกลออกมาจากบริเวณนั้นพอสมควร

‘เมียงยา’ หญิงสาววัยสิบแปดปี ในชุดโจงกระเบน ผ้าแถบคาดอก ขยับ ผ้าคลุมไหล่ให้เข้าที่ ผุดลุกผุดนึ่ง

จับจ้องไปยังล่าแสงจากกระท่อมตาไม่กะพริบ สองเท้าค่อยย่างขยับเข้าไปใกล้ ประกายของแสงที่วับวาบ เมื่อต้องใบหน้ารูปไข่

ได้ลัดส่วน เผยให้เห็นดวงตากลมโต ที่พยายามสอดส่ายหาที่มาข้อข้องใจ

ขยับเรื่อยเข้ามาไม่นานจึงถึงจุดหมาย หญิงสาวใช้ไม้ที่พอหาได้ใกล้ตัว

เจาะผ่านใบแฝกด้านข้างกระท่อม จนเป็นรูเล็กๆ พอให้สายตามองผ่านเข้าไป

ด้านในได้ ล่าแสงที่มองเห็นหายไปแล้ว แต่ยังมีแสงจากตะเกียงที่ตั้งอยู่

กระจาย รัศมีท่าให้พอมองเห็นความเป็นไปจากด้านในได้เป็นอย่างดี แต่แล้วดวงตาของ

เมียงยามีอันต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ

คุณพระช่วย!...ภาพที่เห็นคือร่างชายวัยกลางคน นุ่งเพียงผ้าเตี่ยวปกปิด ร่างกายส่วนล่าง

กำลังนอนดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกค้างทรมานราวจะขาดใจ

บริเวณแผ่นหลังและหน้าอกเปลือยเปล่า มองเห็นรอยลักเป็นปีนซึ่งกำลังมีเลือด ซึมออกมา

เท้าสองข้างจิกพื้นจนเกร็งไปทั้งร่าง บางครั้งบิดตัวคุดคู้เข้าหากัน ลักพักดูผ่อนคลาย

ทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยเสียงร้องโอดโอย แสดงความทุกข์ ทรมาน เจ้าของร่างกำมือทั้งสองข้างแน่น

เหมือนกำลังพยายามต่อต้านกับสิ่งที่ เกิดขึ้นภายใน

ภาพตรงหน้าทำเอาหญิงสาวพึมพำเสียงแผ่วเบาออกมา “พ่อ!...”

ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริด เธอก็ถูกมือหนึ่งปิดปากเอาไว้แน่น

ก่อน จะลากออกมาจากกระท่อมหลังนั้นอย่างรวดเร็ว

เมียงยาถูกพากลับมาที่บ้านไม้หลังเล็กชั้นเดียว สภาพทรุดโทรมไม่ได้

รับการบำรุงรักษา อยู่ห่างออกมาจากเชิงเขา ทำมกลางบรรยากาศตึงเครียดที่

กำลังเกิดขึ้น แคร่ไม้หน้าบ้านเป็นสถานที่สนทนาระหว่างสองแม่ลูกยามนี้

‘สีมา’ หญิงวัยกลางคนในชุดโจงกระเบน มีผ้าคาดอกแบบชาวบ้าน

เรียบง่าย จ้องหน้าเมียงยาบุตรสาวด้วยความขัดเคือง ที่แอบล่วงละเมิดคำสิ่ง

ของหล่อนจนได้ น้ำเสียงดุด้นต่อว่าอย่างไม่พอใจ

“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เอ็งไปที่นั่นอีก”

“สิ่งที่แม่ปิดบังข้ามาตลอด มันคือสิ่งนี้หรือ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อหรือจ๊ะแม่

...พ่อกำลังจะตาย ทำไมแม่ไม่ช่วยพ่อ” เมียงยาร้องไห้ไปพูดไป

“ใครก็ช่วยพ่อเอ็งไม่ได้หรอก” นางตอบลูกเสียงเครือ

น้ำตาเจ้ากรรมพานไหลออกมาแทนคำพูดทั้งหมด ความลับที่พยายาม

ปกปิดบุตรสาวมานานหลายปี กำลังจะถูกเปิดเผย เมียงยานึ่งมองมารดา เห็น

ถึงความอัดอั้นภายในที่ทะลักทลายออกมาผ่านทางน้ำตา

“พ่อเป็นอะไรจ๊ะแม่...”

“อาคมต่างๆ ที่พ่อของเอ็งรับสีบทอดมา กำลังเล่นงานพ่อของเอ็ง”

เมียงยาหันมามองมารดาเชิงถาม ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ สีมาค่อยระงับอาการ

เศร้าโศกลงเพียงเล็กน้อย คิดว่าคงปิดบังลูกสาวอีกต่อไปไม่ได้เสียแล้ว จึง

จำต้องอธิบายให้ฟังโดยละเอียด

“เมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่เอ็งยังไม่เกิด พ่อของเอ็งสิบทอดวิชามาจาก อาจารย์ที่เขมร

ผู้ที่นับว่าขมังเวทวิชาอาคมแก่กล้า แต่เมื่อใช้มันไม่ถูกทาง คุณไสย เลยเข้าตัว

ทำให้ทุกข์ทรมานอย่างมาก เรียกอีกนัยหนึ่งก็คือของเข้าตัว”

“อย่างที่พ่อกำลังเป็นอยู่” เมียงยาพูดต่อจากคำของมารดา

“ถูกแล้ว มันทรมานมาก...และมันจะเป็นอย่างนี้หากไม่มีผู้สิบทอดรับวิชา ต่างๆ

ไปจากเจ้าของร่าง อาจารย์ของพ่อเอ็งมีบุญคุณชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก

พ่อของเอ็งสงสารจึงตัดใจรับวิชาต่างๆ มา เพี่อให้อาจารย์จากไปอย่างสงบ พ่อ

เอ็งไม่ได้รักในวิชาที่ก่ายทอดมา เพราะเห็นว่ามันเป็นโทษ และเพี่อหนีจากผู้คน

ที่มักตามมาให้ปลุกเสกของศักดิ์สิทธิ์อยู่ปอยครั้งพ่อเอ็งจึงหนีออกมาจากหมู่บ้าน

ข้ามเขตชายแดนเขมรเข้ามาที่นี่ จนเจอกับแม่”

“ข้าจำได้ว่าเราย้ายบ้านมาอยู่เชิงเขาตั้งแต่ช้ายังเล็กๆ”

“พ่อของเอ็งไม่ต้องการสานต่อวิชา เนื่องจากเห็นว่าคุณไสยเป็นสิ่งเหนือ ความเป็นจริง

ที่ทำให้เสียหายไปถึงผู้รับและผู้ให้ ทุกคืนเดือนเพ็ญพ่อเอ็งจึงต้อง ทุกข์ทรมานมาตลอด

หลายครั้งที่พ่อของเอ็งนอนดิ้นทุรนทุรายเพราะความร้อน จากวิชา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพ่อของเอ็งก็พยายามแข็งขืนมันอย่างเต็มความสามารถ

เราสองคนย้ายมาอยู่กันตามลำพังที่เชิงเขานี้ เมื่อเอ็งโตขึ้นพ่อเอ็งจึงต้องแยกออก

ไปอยู่กระท่อมนั้นในคืนเดือนเพ็ญ ไม่อยากให้เอ็งเห็นภาพอันน่าเวทนา”

เมียงยาเริ่มครุ่นคิดตาม จำได้ว่าหลายครั้งที่พ่อของเธอหายออกไปจาก บ้าน แล้วกลับเข้ามาในรุ่งเช้า

เสียงผู้เป็นแม่อธิบายต่ออีกว่า “อาคมที่รุ่มร้อนเหนือการควบคุม มัน

สามารถทำอะไรก็ได้กับผู้ที่พบเห็น เพียงเพี่อต้องการให้คนคนนั้นเข้าไปรับ

สืบทอดวิชาต่อ พ่อเอ็งจึงต้องแยกตัวออกไป” ผู้เล่าเริ่มร้องไห้กระซิก “พ่อเอ็ง

เคยพูดว่าอยากให้อาคมต่างๆ ตายไปพร้อมกับตัว ไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้

ความเจ็บปวดอย่างที่เป็นอยู่อีก เพราะมันทรมานมาก”

“ข้าสงสารพ่อจ้ะแม่”

คำพูดของลูกสะกิดให้ความรู้สึกของผู้เป็นแม่รันทดใจมากขึ้นไปอีก สำหรับสีมา

ความรักระหว่างเธอกับ ‘มะลอ’ สามี ดำเนินมาท่ามกลางความสุข

ตั้งแต่เธอตัดสินใจแยกจากครอบครัวมา มะลอก็ท่าหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดี

แม้จะติดขัดอยู่ที่ในคํ่าคืนเดือนเพ็ญก็ตาม

“เดี๋ยวรุ่งเช้า พอพ่อเอ็งกลับมาก็คงดีขึ้น”

“พ่อจะเป็นอย่างนี้อีกนานมั้ยแม่” น้ำเสียงสั่นเครือ ฟังแล้วรู้ชัดว่าความ กังวลยังมีมากมาย

“ตราบจนสิ้นลมหายใจ”

สองแม่ลูกร้องไห้กอดกันแน่น ท่ามกลางแสงจันทร์สุกสว่าง ความ ยาวนานที่ต้องรอคอยการกลับมาของบิดา กลายเป็นค่ำคืนอันแสนทรมาน แม้

สองแม่ลูกจะเข้าไปนอนในบ้านแล้ว แต่ไม่อาจหลับตาลงได้ ความรู้สึกหลาก หลายที่เกิดขึ้น แม้ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยออกมาก็สามารถเข้าใจ

ซึ่งกันและกันได้เป็น อย่างดี สองแม่ลูกเกาะกุมมือกันแน่น สัมผัสถึงเส้นชีพจรที่เต้นตุบๆ คล้ายเสียง ท่องมนตร์อยู่ภายในใจ เพื่อขอให้ผู้เป็นพ่อกลับมาถึงบ้านด้วยความปลอดภัย

สายหมอกยามเช้าเริ่มจางลงช้าๆ เมื่อรัศมีสีทองแผ่เข้ามาโอบล้อม

ทั่วอาณาบริเวณ ตรงช่องระหว่างแนวเขามีสำแสงลอดผ่านพอมองเห็นเป็น

ทางยาว เมื่อตกกระทบลงบนแมกไม้สีเชียวกลายเป็นมนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขา

ที่ ยัง คงความเป็นธรรมชาติไวได้อย่างลงตัว

ธารน้ำตกจากแนวเขาไหลเป็นทางยาวเรื่อยลงมาเล่นระดับ บริเวณโขดหิน ไม่ไกลจากบริเวณนั้น เมียงยานั่งเหม่อลอย ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังติดตา

“เมียงยา” เสียงเรียกแผ่วเบาและอบอุ่นดังขึ้นทางด้านหลัง

เสียงคุ้นเคยท่าให้หญิงสาวหันไปมองด้วยท่าทีเบิกบานขึ้นมา

“พ่อ” หล่อนวิ่งเข้าไปกอดเขาไว้แน่น คล้ายหวั่นว่าจะมีผู้พรากพ่อไปเช่นนั้น

มะลอกอดตอบบุตรสาวนั่งเงียบ แววตาหมองเศร้าลงกว่าเดิม เมื่อทราบ จากสีมาก่อนหน้าแล้วว่าบุตรสาวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

“แม่บอกว่าเอ็งยังไม่ได้กินข้าว พ่อเลยมาตาม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พ่อกลับมาตอนไหนจ๊ะ”

“หลังจากเอ็งออกมาไม่นาน”

“พ่อจ๋า...ข้าสงสารพ่อ” หล่อนร้องไห้ออกมาอีก

ผู้เป็นพ่อยกมือเช็ดน้ำตาให้บุตรสาวแผ่วเบาพร้อมบอก “หากเอ็งสงสาร พ่อจริง จงอย่าเศร้าหมองให้พ่อเห็น ชีวิตพ่อมีเพียงเอ็งกับแม่เท่านั้น ที่จะเป็น กำลังใจให้พ่อได้ พ่อจะพยายามเข้มแข็งต่อสู้กับมันให้ถึงที่สุด”

“พ่อจะต้องทรมานแบบนี้อีกนานแค่ไหนจ๊ะ”

“ตราบที่ร่างกายจะทานทนมันได้นั่นแหละ...เมียงยา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงอย่าเข้าไปอยู่ในอาณาเขตวังวนของสิ่งที่เห็นเป็นอันขาด มันจะท่าให้เอ็งเดือดร้อน

...เหมือนอย่างที่มันกำลังเกิดขึ้นกับพ่อ”

หญิงสาวสบตาบิดา เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เสียงผู้เป็นพ่อไขข้อข้องใจบอกว่า

“มนตร์ด้านมีดเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนร้าย เพียงเพี่อต้องการให้รับทอด

บางสิ่งจากมัน มันท่าได้ทุกอย่าง...” มะสอเริ่มนึกถึงเหตุการณในอดีต

มะลอเดินเข้าไปในบ้านพักของอาจารย์ผู้ชุบเลี้ยง ภายในห้องพิธีเต็มไป ด้วยของขลังมากมาย ธูปที่จุดกำใหญ่ล่งกลิ่นคลุ้งทั่วบริเวณ เทียนบางเล่ม

เปลวไฟดับลงแล้ว บางเล่มยังวูบไหวไปตามแรงลมเฉื่อย ทั่วทั้งห้องอับทึบ

มะลอมองเห็นอาจารย์รัยชราของตน กำลังนอนดิ้นทุรนทุรายทุกข์ทรมาน ประกายสีเหลืองนวลปรากฏตามร่างกาย จึงวิ่งเข้าไปตะโกนร้องเรียกเป็นภาษา เขมรด้วยความตกใจ

“อาจารย์...อาจารย์...อาจารย์เป็นอะไรไป”

“ออกไป...ไอ้มะสอ...อย่าเข้ามา” เสียงอาจารย์ร้องบอกเป็นภาษาเขมร ตอบมา แววตาที่ล่งมาแสดงถึงความปรารถนาดีจากใจ แต่ลักครู่ดวงตาของ อาจารย์เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาราวกับคนละคน รวมไปถึงน้ำเสียงที่เร่าร้อน เร่งรัดขึ้นมา “ไอ้มะลอ...เอ็งต้องช่วยข้า...ข้าเจ็บ...ข้าปวดเหลือเกิน”

“อาจารย์...ข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร”

“จงรับทอดอาคมต่อจากข้า เจ้าจงเป็นผู้สีบทอดมันต่อจากข้า มันจะท่าให้

ข้าหายเจ็บ...หายปวด...โอ๊ย...” สิ้นคำก็นอนลงดิ้นทุรนทุรายอีกครั้ง “รับสิ

ไอ้มะลอ เอ็งจงรับปากข้า”

“เพี่ออาจารย์ ข้ายินดีทำทุกอย่าง ข้ายินดีเป็นผู้สืบทอด” มะลอรับคำ

ด้วยคิดช่วยเหลือผู้มีพระคุณให้รอดพ้นความเจ็บปวด

อาจารย์ที่มีท่าทีและนํ้าเสียงอ่อนแรงบอกขึ้นมา “ไอ้มะลอ อย่าไปเชื่อ

มัน...มันกำลังหลอกเอ็ง...อย่าไปเชื่อมัน ออกไปเสีย”

มะลอที่ดูเหมือนงุนงงกับเหตุการณ์ เริ่มลังเล ร่างอาจารย์เริ่มดิ้นทุรนทุรายหนัก

“ไอ้มะลอ เอ็งต้องช่วยข้า...ช่วยข้า เอ็งรับปากข้าแล้ว...เอ็งยินดีช่วยข้า

ใช่ไหม”'น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้

มะลอเข้าไปจับตามเนื้อตัวอาจารย์ พบว่าเขาร้อนผ่าวไปทั้งร่าง จึงขยับ ถอยออกมาด้วยความตกใจ

“หากเอ็งจะรับทอดมันจากข้า จงนั่งคุกเช่าลงต่อหน้าข้า...เร็วเข้า”

ทำมกลางความตกใจและอยากช่วยเหลืออาจารย์ มะลอคลานเช่าเข้าไป ตรงหน้าตามที่อีกฝ่ายร้องบอก ลักครู่ร่างอาจารย์ที่นอนดิ้นทุรนทุราย ค่อยๆ

ลุกขึ้นมานั่งคุกเช่าตรงข้ามกัน พลางเอื้อมมือจับศีรษะของมะลอกดลงเล็กน้อย ท่องมนตร์พึมพำ

ฉับพลันร่างมะลอมีอันกระตุกวูบ ร้อนรุ่มไปทั่วร่างเหมือนมีพลังบาง อย่างแล่นเข้าสู่ภายใน ลักพักหนึ่งจึงค่อยๆ คลายจากอาการลง เพียงเท่านั้นร่าง

อาจารย์ก็ทรุดลงกระอักเลือดออกเป็นลิ่มๆ ลงนอนหมดแรง มะลอคลายจาก อาการเกร็งร่างกาย ก่อนวิ่งเข้ามาประคองอาจารย์ร้องเรียกเสียงด้งลั่น “อาจารย์...อาจารย์...ไหนบอกว่าข้าจะช่วยอาจารย์ได้...อาจารย์”

“ไอ้มะลอเอ๋ย...สุดที่ข้าจะช่วยเอ็งได้...ข้า...ช่วยเอ็ง...ไม่ได้จริงๆ” เสียง อาจารย์ขาดหายเป็นช่วงๆ “มนตร์กีรตา...อาคมเขมร มันต้องการ...

ให้มีผู้สืบทอด ...เพี่อใช้อาคมในทางอธรรม แต่เอ็งไม่ใช้ ในวันหนึ่ง...มันก็จะเล่นงานเอ็ง เหมือน ...อย่างที่ข้าเป็นอยู่” ขาดคำอาจารย์ล้มลงแน่นึ่งสิ้นใจอยู่ตรงนั้น

“อาจารย์...อาจารย์...” เสียงร้องเรียกกลายเป็นเสียงร้องไห้ด้งออกมาด้วย ความเสียใจกับการจากไปของอาจารย์

ภาพเหตุการณ์ในอดีตค่อยเลือนหายไปจากความทรงจำของมะลอ

เขาไม่ได้เล่าเรื่องราวของตนให้บุตรสาวฟัง ยกมือโอบกอดกระชับร่างบุตรสาว

เข้ามาแนบอกอย่างแสนรัก

“พ่อจะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นกับเอ็ง...เมียงยา”

“พ่อจ๋า...ทางไหนที่ข้าจะช่วยเหลือพ่อได้ ข้ายินดีทำ ข้าไม่อยากเห็นพ่อ ทรมานแบบนั้นอีก”

“ทางเดียวคืออยู่ห่างพ่อให้มากที่สุดในคืนเดือนเพ็ญ...นั้นเป็นสิ่งที่เอ็งทำได้...เมียงยา”

ไม่มีคำพูดใดต่อจากนั้น สองพ่อลูกจึงพากันกลับไปยังบ้าน

สีมาที่รออยู่ด้วยใจจดจ๋อรีบยกกับข้าวสองสามอย่างออกมาวางบนแคร่ หน้าบ้านเมื่อเห็นสองพ่อลูกกลับมาถึง สีหน้าผู้เป็นมารดา

แม้จะยิ้มแย้มเชื้อเชิญ ให้สามีและลูกลงมือกินอาหาร แต่เป็นรอยยิ้มที่แห้งเหือดอย่างเห็นได้ชัด ด้วย

มันไม่ได้มาจากส่วนลึกภายใน แต่เป็นสิ่งที่ปันแต่งขึ้นมาบดบังความรู้สึก

อาหารเข้าในวันนี้ไม่ได้พร่องลงไปมากนัก สำหรับเมียงยาเหตุการณ์เมื่อ คืนยังผ่านเข้ามาในความทรงจำเป็นระยะ

มันสำปะหลังสองสามเข่งถูกเทลงกองรวมกันไว้ บริเวณลานหน้าเรือน ทรงไทยใต้ถุนสูง หญิงวัยกลางคนดึงเอาผ้าที่คลุมใบหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่

ชุ่มกาย ก่อนจะเข้ามานั่งใต้ร่มไม้ ใกล้กับน้องสาวที่รออยู่ครู่ใหญ่แล้ว

หลังกระดกน้ำจากขันเข้าปากอั้กๆ ‘ดาว’ ผู้พี่สาวจึงเปิดฉากการสนทนาขึ้น

“วันนี้มาคนเดียวรึสีมา”

“จ้ะ...วันนี้ข้ามาคนเดียว ไม่อยากให้เมียงยามันรู้”

“มีลับลมคมในอะไรอีกล่ะ” พี่สาวสอบถามเสียงเรียบ

“ที่ข้ามาวันนี้ ก็จะมาถามพี่ดาวว่าพอรู้จักบ้านเจ้าขุนมูลนายที่ไหนบ้างไหม”

นางดาวหันมองหน้าน้องสาวท่าทางแปลกใจ “เอ็งถามทำไมสีมา”

“ข้าจะให้เมียงยามันไปทำงาน”

                      (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

คงเป็นกรรมที่บันดาลให้เมียงยาต้องพบกับผู้ที่มักมากและไม่รู้จักพอในตัณหาราคะ จนทำให้ต้องพบกับเหตุพลัดพราก สูญเสียทุกอย่างตราบกระทั่งสิ้นลมหายใจ เมื่ออำนาจของอาคมกีรตาที่มีอยู่ในตัวหล่อนพลันสำแดงแรงแค้นออกมา ฤทธานุภาพของวิญญาณจึงรุนแรงจนยากที่จะมีสิ่งใดต้านทาน เพื่อสิ่งเดียวคือ...มันผู้ทำร้ายหล่อนต้องตายตกไปตามกัน...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024