ระบำเงา (กุลธิดา)

ระบำเงา (กุลธิดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001687
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ร่างโปร่งบางในชุดกางเกงผ้าฝ้ายหลวมๆ สีเข้มเกือบดำ เสื้อแขนยาว

คอปกบัว ผ่าหน้าตลอด เนื้อผ้านุ่มสีเทาอ่อน มีกระเป๋าหนังสะพายอยู่กับ

ไหล่ แขนข้างเดียวกันหอบเสื้อกันหนาวตัวหนา อีกมือลากกระเป๋าเดินทาง

ใบใหญ่ ร่างนั้นดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มก่อนอื่นใดหมด

ร่างสูงหนาซึ่งเอนพิงราวโลหะเตี้ยๆ อย่างสบายอารมณ์อยู่เมื่อครู่

ขยับยืนตรงทันที สองมือยังคงซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เพ่งพิจารณาหญิงสาว ซึ่งดูซูบลงกว่าครั้งหลังสุดที่เห็น

เพียงไม่นานฝ่ายถูกมองเหลือบมาเห็น ใบหน้าหมดจดยิ้มพราย คน ยืนมองรู้ดีว่าไม่ใช่ยิ้มสำหรับตน แต่สำหรับหญิงวัยกลางคนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มากกว่า

พอเห็นว่าคนที่มายืนคอยรับเป็นใคร เธอแทบถลาเข้าหา กระเป๋าเสื้อผ้า มีล้อลากถูกปล่อยทิ้งลงกลางทางนั่นเอง

“แม่”

สองคนแม่ลูก...คนหนึ่งเพิ่งมาถึง...อีกคนมาคอยรับอยู่นานแล้ว...

ต่างโผเข้าหากัน

“แม่เป็นยังไงบ้างคะ เป็นหวัดหายหรือยัง แล้วนี่...”

นัยน์ตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตาหนาเป็นแผงตวัดไปทางร่างสูง ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม สงสัยว่าเขามาสนามบินด้วยทำไม แต่ปากพูดต่อไป อีกอย่าง

“แม่ให้จำนงมารับพราวก็ได้ ไม่น่าจะต้องมาเอง”

มืออวบอูมของคนเป็นแม่ลูบไล้แก้มนวลเนียนอย่างตื่นเต้นยินดี แต่

ไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อเห็นว่าสายตาของลูกเหลือบมองไปข้างหลังแวบหนึ่งจึงกระซิบบอก

“คุณรองอดหลับอดนอนมารับหนู ทักเขาเสียหน่อยสิลูก”

ได้ยินคำสั่งกึ่งแนะนำอย่างนั้น มือเรียวบางจึงพนมขึ้นหว่างอกอย่าง พอเป็นพิธี แม้จะนับพี่นับน้องกันมากว่าสิบปีแล้ว แต่พราวไหมถูกสอนมา ตลอดว่าต้องเคารพนับถือ ‘คุณรอง’ ในทุกกรณี และทุกสถานการณ์ ความ นับถือนั้นฝังรากลึกจนการแสดงออกต่อกันมีเพียงอากัปกิริยามากกว่าคำพูด แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่เลี่ยงต่อปากต่อคำกับเขาได้ก็จะเลี่ยง

คนถูกเรียกว่า ‘คุณรอง’ เพียงผงกศีรษะรับไหว้ แล้วก้าวยาวๆ เพียง สองสามก้าวเข้าฉวยหูกระเป๋าเดินทางมากระซับไว้ในมือเสียเอง ไม่สนใจ แม้เมื่อเจ้าของทำท่าจะขอกลับคืนมา

ความคุ้นเคยกับการสื่อสารกันนานปีด้วยการกระทำและอากัปกิริยา

...ไม่ใช่คำพูด เมื่อฝ่ายหนึ่งหมุนล้อกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปทางประตู ฝ่าย เจ้าของกระเป๋าจึงจำต้องถอยห่างออกมา เหลือบไปสบตาผู้เป็นแม่ ก่อนสอด

แขนเรียวบางเข้าคล้องกับแขนอวบ แล้วเดินเคียงกันตามหลังร่างสูงซึ่งลาก กระเป๋านำไปที่ประตูทางเข้าตัวอาคาร

“เขามากับแม่หรือคะ” เสียงใสกระซิบถามแผ่วเบา

“เมื่อเย็นคุณรองแวะไปที่บ้าน พอรู้ว่าเครื่องของพราวมาถึงกี่โมง

ก็เลยอาสาซับรถพาแม่มา คุณภูมิไปพัทยา วันอาทิตย์เย็นๆ ถึงจะกลับ”

พราวไหมถอนใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องกลับไปเผชิญหน้าบิดาเลี้ยงใน ทันที รู้ดีว่าประโยคที่ว่า ‘คุณภูมิไปพัทยา’ นั้นหมายความว่าอย่างไร

เกือบปีแล้วกระมังที่แม่บอกมาทางโทรศัพท์ว่าเขามีผู้หญิงอีกคนแอบ ซ่อนไว้ที่นั่น ที่จริงจะเรียกว่าแอบซ่อนก็คงไม่ได้ เพราะแม่เองก็รู้ คนรอบข้าง รู้กันหมด มีแต่เพื่อนฝูงในวงสังคมเท่านั้นที่รู้ก็เพียงระแคะระคาย จะว่าเขา ปิดเป็นความลับไม่ไหใครล่วงรู้ก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน ในเมื่อชื่อเสียงความเป็น เสือผู้หญิงของชายวัยล่วงหกสิบผู้นั้นเป็นที่เลื่องลือว่ามีผู้หญิงมากคนจน ตามกันไม่ทันว่าเป็นใคร และอยู่ที่ไหนกันบ้าง

และเมื่อคุณภูมิไปต่างจังหวัด คนขับรถประจำบ้านก็ต้องตามติดไปด้วย ปล่อยให้คนอื่นที่บ้านไปไหนมาไหนกันได้ล่าบากแม้จะมีรถราคาแพงจอดอยู่ จนเต็มโรงรถก็ตาม ก็ในเมื่อคนที่ขับรถคล่องมีอยู่เพียงคนสองคน และคน ขับรถก็มีหน้าที่ติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ด้งนั้นเมื่อเจ้าของบ้านไปไหน ไกลๆ คนอื่นซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นก็จำต้องขึ้นรถเมล์หรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กันจนเป็น เรื่องปกติ พรพรรณนั้นพอขับรถได้บ้าง แต่ก็เพียงระยะทางใกล้ๆ และในเวลา ที่การจราจรไม่หนาแน่นนัก รถคันเล็กๆ ที่มีจึงยังคงดูใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งซื้อ ในเมื่อไม่ค่อยได้ใช้ขับไปไหน

“เล่าให้แม่ฟ้งได้หรือยังว่าเรื่องมันเป็นยังไง”

คนสูงวัยกว่าตั้งคำถามซึ่งคาอยู่ในใจทันทีที่มีโอกาส

ใบหน้าหมดจดหลบสายตาพินิจพิเคราะห์คู่นั้น ที่จริงก็ไม่ใช่ไม่รู้ แต่

เรื่องนั้นจะเล่าให้ใครฟังตรงๆ ได้อย่างไร...แม้แต่แม่เองก็เถอะ

“เรื่องอะไรคะแม่”

“เรื่องแก๊สอะไรนั่นไง ตกลงว่าแก๊สมันรั่วหรือว่ายังไง”

แม้สองขาจะยังก้าวตามคนเดินน่าที่เห็นลิ่วๆ พันประตูตัวอาคาร ผู้โดยสารขาเข้าออกไปภายนอกแล้ว แต่สายตาห่วงใยยังไม่ละจากใบหน้าของลูกสาว

“บ้านมันเก่าแล้วน่ะค่ะ” เสียงใสเกริ่นก่อนอย่างลังเล ไม่กล้าสบสายตา

ด้วยรู้ว่ากำลังพูดปด “แก๊สมันก็เลยรั่ว เป็นความผิดของพราวเองด้วย เปิด เตาไว้จะอุ่นกับข้าว เสร็จแล้วลืม”

พรพรรณยังคงพิจารณาใบหน้าด้านข้างของลูกสาว ความสงสัยยังคง คุกรุ่นอยู่ในใจ

เมื่อเห็นแม่เงียบไป พราวไหมจึงหันมาดู

“พราวลืมจริงๆ ค่ะแม่ เย็นวันนั้นใจมันไม่อยู่กับร่องกับรอยด้วย

กำลังจะสอบอยู่อีกไม่กี่วัน กำลังกลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทันน่ะค่ะ”

“แล้วตกลงว่า...”

ยังไม่ทันพูดจบประโยค เห็นคนเดินนำหยุดอยู่ริมบาทวิถีหน้าตัวอาคาร ขยับกระเป๋าเดินทางที่ลากมาข้างหลังให้ตั้งขึ้น แล้วเหลียวมาบอก

“คุณอาคอยอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะไปเอารถ” ละที่จะพูดกับผู้เพิ่งเดิน

ทางมาถึงอีกครั้ง เพียงแค1ใช้สายตาเป็นตัวบอกให้รู้แทน

“เราเดินไปด้วยกันก็ได้ค่ะ เกรงใจถ้าคุณรองต้องไปเอารถคนเดียว

แล้วยังต้องขับขึ้นมารับอากับพราวอีก”

‘คุณอา’ บอกอย่างเกรงอกเกรงใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวเร็วกว่า รถจอดอยู่ไม่ไกล คุณอากับ

พราวคอยอยู่ที่นี่แหละครับ” เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อเล่นของพราวไหมออกมาตรงๆ

และโดยไม่คอยให้สองคนแม่ลูกได้มีโอกาสค้าน เขาออกเดินลิ่วไปที่ บันไดเพื่อลงไปชั้นจอดรถ มีสายตาอ่อนเชื่อมของผู้เพิ่งมาถึงมองตามหลัง

สองปีที่ไม่ได้เห็นกัน ภาษิตยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงปฏิบัติต่อ เธออย่างห่างเหินเหมือนเคย นับแต่เล็กๆ มาแล้วที่เรียนรู้ว่าอยู่ให้ห่างเขาได้ เป็นดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาถือตัว หรือดูถูกฐานะของแม่ แต่ความเงียบเฉยของเขา มันทำให้เกรงอยู่ลึกๆ แม้เมื่อต่างคนต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทุกอย่างก็ยังคง เหมือนเดิม บางครั้งเคยสงสัยว่าจะมีไหมที่วันหนึ่งเขาจะยอมพูดจาด้วยดีๆ พูดกันอย่างพี่น้อง แม้จะไม่ใช่พ่อแม่เดียวกันก็เถอะ

เพราะเหตุที่เครื่องบินเที่ยวนี้มาถึงตีสอง บริเวณหน้าตัวอาคารผู้โดยสาร ขาเข้าจึงดูว่างเปล่า มีคนยืนคอยรถอยู่ไม่มาก รวมทั้งผู้โดยสารต่างชาติ ที่กำลังขนของขึ้นแท็กซี่และรถบัสของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง

“แม่เป็นหวัดหายดีหรือยังคะ” พราวไหมย้อนทวนคำถามเดิมที่เมื่อครู่ ยังไม่ได้คำตอบ

“หายหลายวันแล้วลูก” หล่อนตอบยิ้มๆ กระชับแขนบางของลูกสาว ให้แนบแน่นขึ้นอีก ก็มีกันแค่สองคนแม่ลูกเท่า,นี้นี่นะ

“ตกลงว่าเรียนจบจริงๆ แล้วใช่ไหม ไม่กลับไปเรียนต่ออีกนะ”

คนเป็นลูกหัวเราะเสียงใส แรกๆ ที่เริ่มเรียนปริญญาโท ก็ตั้งใจว่าทำ วิทยานิพนธ์เสร็จแล้วจะต่อปริญญาเอกเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เห็นคำใช้จ่าย ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แถมงานที่ทำในร้านขายหนังสือของมหาวิทยาลัยก็ไม่พอ กับรายจ่าย จ่าต้องพึ่งเงินจากเมืองไทยอยู่เสมอ รู้ด้วยว่าเงินที่แม่ล่งให้เป็น บางครั้ง จริงๆ แล้วมาจากไหน เกรงว่าจะเป็นหนี้บุญคุณของคนคนนั้นเสีย จนท่วมท้น ไม่มีวันใช้คืนได้หมด จึงได้เปลี่ยนใจ ไม่เพียงเท่านั้น แทนที่จะ ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ซึ่งจะใช้เวลานาน ก็เปลี่ยนเป็นสอบหลังเรียนจบ คอร์สเวิร์กแทนอีกด้วย

ส่วนแผนที่จะเรียนต่อปริญญาเอกนั้นเป็นอันว่าพับไปโดยปริยาย

ที่จริงคำเล่าเรียนทั้งหมดของพราวไหมมาจากเงินประกันชีวิตของพ่อ

แต่ถึงกระนั้น แม่ก็ย้ำอยู่เสมอว่าถ้าไม่ได้คุณภูมิช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง คำใช้จ่ายในชีวิตประจ่าวัน สองคนแม่ลูกก็คงล่าบากกว่านี้มาก

‘ถ้าไม่ได้คุณภูมิ พราวก็คงไม่ได้ไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนาหรอก

นะลูก แม้ว่าคำเรียนจะเป็นเงินที่พ่อทั้งไว้ แต่คำใช้จ่ายอื่นๆ บาง,ทีก็'ได้'จาก

คุณภูมิ’ นั่นคือสิ่งที่แม่บอกมาทางโทรศัพท์ครั้งหนึ่งที่คุยกัน

พราวไหมยิ้มกับคำถามของแม่

“จริงสิคะแม่ อย่างที่บอกแม่นั่นแหละค่ะ พอรู้ว่าสอบผ่าน ทำเรื่อง

ขอจบเสร็จเรียบร้อย พราวก็กลับเลย นี่ยังไม่รู้เลยว่ายังค้างเงินอะไรเขาอยู่

อีกหรือเปล่า เห็นพี่ที่รู้จักบอกว่าให้ตามเซ็กดู บางทีมีค่าปรับยืมหนังสือจาก ห้องสมุด อะไรพวกนั้น พราวก็เซ็กดูหมดแล้ว ไม่เห็นมีติดค้างอะไรอยู่อีก

ก็เลยจองตั๋วเครื่องบินกลับค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจนะคะ พราวเป็นยังไงแม่ก็รู้ คอยแต่จะวิตกกังวลไปเสียหมด”

“แล้วถ้ายังติดเงินเขาอยู่ล่ะลูก เขาจะทำยังไงเรา”

“เขามีสิทธิ์ไม่ให้เราจบค่ะ ไม่ให้ปริญญา ไม่ให้ทรานสคริป แต่คนรู้จัก บอกว่าถ้าเขาจะทำอย่างนั้น ก็จะบอกให้เรารู้ก่อน พราวก็เลยฝากเพื่อน คนนั้นไว้ ไปเปลี่ยนที่อยู่ที่ไปรษณีย์แล้วด้วย ถ้ามีจดหมายถึงพราว เขาก็จะ ล่งไปที่ที่อยู่ของเพื่อนคนนั้นแทนค่ะ แล้วเพื่อนจะบอกมาให้พราวรู้”

“งั้น'ก็แล้ว’ไป ยังไงแมกดีใจละที่พราวกลับมาเร็วกว่าที่บอกไว้ตอนแรก”

“ค่ะแม่ พราวก็ดีใจที่ตัดสินใจเรียนแค่นี้ ตอนแรกอยากเรียนต่ออีก

แต่...คิดแล้ว...ไม่เรียนดีกว่า”

หญิงสาวพูดถึงความตั้งใจเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญแต่อย่างใด ก็

จะสำคัญอะไรกับใครกันเล่า ในเมื่อมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่จะร่วมยินดี

กับความสำเร็จของตน ส่วนคนอื่น แม้จะยอมรับเป็นครอบครัวเดียวกัน

มานาน แตกคงไม่มีใครอีกที่สนใจ ไม่เพียงเท่านั้น บางคนอาจกำลังคอย ผลตอบแทนจากการ ‘ลงทุน ในครั้งนี้อยู่ก็เป็นได้

รีบสลัดความคิดชวนพะอืดพะอมที่ยังคุกรุ่นเหมือนกองไฟไม่ยอมมอดทันทีที่รู้สึกตัว

ผู้เป็นแม่ยิ้มพราย โอบร่างบอบบางมาแนบตัว “แม่ดีใจที่พราวกลับมาอยู่กับแม่ ไปเสียตั้งสองปี แม่คิดถึงแย่ สมัย ที่พราวเรียนอยู่เชียงใหม่ ถึงจะอยู่ไกล แต่ก็ยังรู้สึกว่าอยู่ประเทศเดียวกัน ไปมาหาสู่กันไม่ลำบาก แต่อยู่กันคนละประเทศนี่ไม่ไหวเลย แล้วนี่จะหางาน ทำใช่ไหม อย่างที่บอกแม่มา”

“ค่ะ”

ยังไม่อยากบอกในตอนนี้ว่าพอได้งานแล้วคิดจะแยกไปอยู่ต่างหากด้วยซํ้า นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอให้ได้งานทำเสียก่อนเถอะ

พราวไหมตั้งใจไว้นานแล้วว่าเมื่อเรียนจบ และได้งานแล้ว จะมองหา ที่อยู่ อาจเริ่มจากหอพัก หรือไม่ก็อพาร์ตเมนต์เล็กๆ พอตั้งหลักได้แล้วก็จะ รับแม่ไปอยู่ด้วย แม่อยู่ในสภาพกลืนไม1เข้าคายไม1ออกแบบนี้มานานเหลือเกิน แล้ว ถึงเวลาที่จะเป็นไทแก่ตัวเสียที

“เห็นบอกแม่ว่าคุณหญิงผกาเคยชวนไว้” พรพรรณเอ่ยถามเลื่อนลอย “เคยค่ะ แต่ก็นานแล้ว ไม1รู้ว่าท่านจะยังจำได้หรือเปล่า”

พูดแล้วชายตาไปในทิศทางที่ร่างสูงเดินลับหายไปเมื่อครู่อย่างไม1ตั้งใจ “ก็ลองปรึกษาคุณรองดูสิ อาจช่วยพูดกับท่านให้ได้”

“พราวก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ หรือไม่บางทีจะไปสมัครที่โรงเรียน เองเลย จะได้ไม่ต้องรบกวนท่าน พราว...เอ่อ...เกรงใจท่าน” พราวไหมไม่อยาก

ใช้ค่าว่ากลัวตามที่รู้สึกอยู่ในส่วนลึก

คิดแล้วก็น่าข้น อดรู้สึกอย่างนั้นไม่ได้ คุณหญิงผกา...แม่ของภาษิต... ‘คุณรอง’...ตามที่ถูกสอนให้เรียกมาแต่เล็กๆ...เป็นภรรยาหลวงของคุณภูมิ

เป็นภรรยาแต่ง มีทะเบียนสมรส ถึงจะแยกกันอยู่นานปี แตกไม่เคยหย่าขาด

จากกัน เพราะคุณหญิงผกาคือหน้าตาของคุณภูมิ ในเวลาเดียวกัน คุณภูมิ

ก็คือตัวเสริมสถานภาพทางสังคมของคุณหญิง ด้วยเหตุนั้นแม่พรพรรณของ

พราวไหมจึงเป็นภรรยานอกกฎหมาย ไม่มีทะเบียนสมรส แม้คุณภูมิจะ

ยกย่องแม่บ้างตามสมควร แต่ก็ยังไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องอยู่ดี

ถึงกระนั้น นานเกือบยี่สิบปีทีเดียวที่แม่ยอมอยู่ในฐานะภรรยารอง

อย่างสงบเสงี่ยม ไม่คิดเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ ไม่คิดดิ้นรนที่จะเปลี่ยนแปลงสถานภาพของตัวเอง

พราวไหมเคยเห็นคุณหญิงผกาเพียงครั้งเดียว ในงานแต่งงานคุณใหญ่ ...พี่ชายคุณรอง เธอไปงานนั้นไม่ใช่ในฐานะญาติสนิทของเจ้าบ่าว แต่ไปเพี่อ ช่วยงานต่างหาก

ที่จริงว่าไปแล้วก็ไม่อยากพบอยากเจอด้วยแหละ ความรู้สึกที่ว่าท่าน

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

เมื่อพ่อฆ่าตัวตายหลังจากกิจการล้มเหลวจนหมดตัว แม่ก็จำต้องตกลงรับความช่วยเหลือจากนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ และยอมเป็นเมียน้อยของเขา เขาตกลงจะล้างหนี้สินและอุปการะพราวไหม เธอจึงต้องใช้ชีวิตในฐานะลูกเมียน้อยที่ลูกชายพ่อเลี้ยงพากันเหยียดหยาม เด็กสาวพยายามตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ให้สูงที่สุด เพราะเป็นหนทางเดียวที่เธอจะปลดแอกให้ตนเองได้ แต่โอกาสไม่ได้เวียนมาให้ไขว่คว้าบ่อยนัก และผู้ที่มีอำนาจเหนือชีวิตก็ได้ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในจิตใจ ชีวิตหญิงสาวที่อยู่ภายใต้เงามืดของใครๆ มาตลอดจะได้พบแสงสว่างบ้างหรือไม่

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024