มฤษาสาง (พิมพ์คำ) (ลิซ)

มฤษาสาง (พิมพ์คำ) (ลิซ)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160012268
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 230.00 บาท 57.50 บาท
ประหยัด: 172.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“คุณผู้ชมคงยังจำข่าวสะเทือนขวัญข่าวนี้ได้นะคะ เมื่อสองปีก่อน

ตำรวจพบศพสองศพในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ศพแรกเป็นชายนอนอยู่บนฟูก

มีแผลถูกกระหน่ำแทงหลายสิบแผล ส่วนศพที่สองเป็นหญิง ถูกยิงและ

ตัดศีรษะอย่างสยดสยอง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้แล้วค่ะ

“นายมี อดีตคนงานก่อสร้างเป็นพี่ชายของผู้ตาย เมื่อสังหารน้องชาย

และภรรยาน้องแล้วก็หนีไปจากที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามหามานาน

หลายปี จนในที่สุดเมื่อวานนี้เองก็จับได้ในป่าข้างทางแถวจังหวัดลพบุรี

สภาพผอมโซ พูดจาไม่ได้ศัพท์...”

ภาพข่าวการจับตัวฆาตกรสุดสยองขวัญถูกปิดลง เมื่อแขกซึ่งเหมา

ทั้งร้านเอาไว้จัดงานฉลองเรียนจบกลุ่มแรกตบเท้าเดินเข้ามาภายในร้าน

บัณฑิตจบใหม่แต่ละคนหน้าตาสดใส สีหน้ายิ้มแย้ม เสียงพูดคุย

หัวเราะให้กัน สร้างชีวิตชีวาให้แก่คาเฟ่เล็กๆ ใกล้สถานศึกษาซึ่งบรรดา

บัณฑิตจบใหม่เหล่านี้ใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์กันอยู่เสมอตั้งแต่สมัยยัง

เรียนปีหนึ่ง จนกระทั่งวันเรียนจบก็ยังมาใช้บริการคาเฟ่ลุงอ้วนเป็นสถานที่เลี้ยงอำลากัน

คาเฟ่ลุงอ้วนเป็นร้านอาหารซึ่งอยู่ในตึกแถวสองคูหา ห่างออกมา

จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งประมาณสองป้ายรถเมล์ เพราะการเดินทาง

สะดวก และลุงอ้วนเองก็เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย รุ่นน้องๆ หลานๆ

จึงมักจะแวะเวียนมาใช้บริการอยู่เป็นประจำ

เห็นลูกค้าตนเองเรียนจบไปอีกรุ่นแล้ว ลุงอ้วนเจ้าของร้านวัยสี่สิบ

ปลายๆ ก็รู้สึกว่าตนเองแก่มากขึ้นทุกที ชายรูปร่างท้วมสมชื่อเดินอ้อม

เคาน์เตอร์ชงเครื่องดื่มไปต้อนรับเด็กๆ ถึงที่โต๊ะอย่างคุ้นเคย

“คาเฟ่ลุงอ้วนยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคนจ้า เนื่องจากวันนี้เป็นวัน

ฉลองจบการศึกษา ลุงอ้วนขอแสดงความยินดีกับน้องๆ ด้วยพันช์สูตรพิเศษ”

กลุ่มบัณฑิตซึ่งมีจำนวนสิบกว่าคนปรบมือ กู่ร้องแสดงความดีใจจนเสียงดังลั่นร้าน

“ทุกคนดีใจกันหมด ยกเว้นยายนิด เพราะแม่เด็กอนามัยนี่ดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็น”

กุลนิษฐ์ค้อนเมธาวีเพื่อนสนิทที่ชอบล้อเธอเป็นว่าเด็กดี เด็กอนามัย

อยู่เรื่อย แต่แม้จะค้อนคล้ายกับไม่ยอมรับฉายาที่เพื่อนตั้งให้ ทว่าภายในใจ

ของหญิงสาวกลับยอมรับแต่โดยดีว่าเธอนั้นไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

ความที่เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน และแม่เคยแท้งมาถึงสองครั้ง

สองคราก่อนที่จะให้กำเนิดเธอ หญิงสาวจึงได้รับการประคบประหงมมา

ตั้งแต่อยู่ในท้อง และเมื่อคลอด ความน่ารักน่าเอ็นดูตั้งแต่ยังเด็กก็พาให้

พ่อ แม่ และพี่ชาย ช่วยกันทะนุถนอมเธอจนไม่ต่างอะไรกับไข่ในหิน

ตอนเริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น หญิงสาวไม่เคยได้ไปไหนมาไหนตามลำพัง

เลย เนื่องจากพ่อกับแม่เป็นห่วง หากจะไปไหนพี่ชายก็จะตามติดคล้ายเงา

ตามตัวจนเพื่อนๆ หากไม่เบื่อหน่ายก็คุ้นชิน พอพี่ชายไปเรียนโรงเรียน

เตรียมทหาร แม่ก็หาเด็กรับใช้มาคอยตามเธอทำให้เพื่อนๆ พากันเรียกขาน

เธอว่า ‘คุณหนูนิด’ จนติดปาก

เมื่อก้าวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนที่กรุงเทพฯ เธอก็มาอยู่

ในบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อเอาไว้ให้ โดยมีพี่ชายซึ่งตอนนั้นเรียนจบโรงเรียน

นายร้อยตำรวจและได้ทำงานอยู่ในสถานีตำรวจใกล้บ้านตามมาคุม และ

แม่ยังไม่ลืมพ่วงสายหยุดซึ่งเป็นแม่บ้าน กับแสงดาวหลานสาวของคุณแม่บ้าน

ให้ติดสอยห้อยตามเธอมากรุงเทพฯ ด้วยเนื่องจากความเป็นห่วง

กุลนิษฐ์ถูกล้อว่าเป็นคุณหนูตั้งแต่สัปดาห์แรกของการเข้าเรียน

เนื่องจากเธอมีแสงดาวคอยตามเป็นเงา

คุณนิดขับรถ แสงดาวนั่ง คุณนิดลงจากรถ แสงดาวถือของให้ คุณนิด

ขึ้นเรียน แสงดาวนั่งรออยู่ด้านล่าง คุณนิดจะกินข้าว แสงดาวต่อคิวซื้อให้

เกิดมาเพื่อนๆ ต่างไม่เคยเจอคุณหนูแบบเต็มร้อยขนาดนี้มาก่อน

จึงล้อเลียนเธอยกใหญ่ ทว่ากุลนิษฐ์ไม่เคยถือสา ไม่เคยรำคาญ ทั้งคำล้อ

จากเพื่อนๆ และคำประชดประชันจากคนที่ไม่ใคร่ชอบเธอ

สำหรับเธอ การที่ต้องพาแสงดาวไปไหนมาไหนด้วยไม่ได้สร้างความ

รำคาญให้เธอเลย ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกอุ่นใจเสียอีกที่ไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่

คนเดียว โลกนี้มันน่ากลัวแค่ไหน พี่ชายซึ่งเป็นตำรวจคอยพูดกรอกหูเธอ

อยู่ตลอดเวลา กุลนิษฐ์จึงเป็นหญิงสาวที่ออกจะขยาดโลกนิดๆ กลัวการ

ไปในสถานที่ที่ไม่เคยไปอยู่หน่อยๆ

สรุปแล้ว...เธอก็เป็นคุณหนูจริงอย่างที่เพื่อนๆ ว่าไว้นั่นแหละ

“ล้อกันจริง” ชินาธิปซึ่งในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัย

ได้กลายร่างมาเป็นเงาตามตัวแฟนสาวแทนคนรับใช้เถียงแทน ก่อนหันไป

ยิ้มหวานให้กุลนิษฐ์จนสาวโสดทุกคนบนโต๊ะตาแทบลุกเป็นไฟด้วยความ

อิจฉาคู่รักคู่หวานคู่นี้ “วันนี้นิดจะลองดื่มก็ได้นะ หน่องเขาอนุญาตพี่

มาแล้ว แต่ต้องไม่เกินสามแก้วนะ”

กุลนิษฐ์หัวเราะเบาๆ ให้แฟนหนุ่มที่เธอเพิ่งกล้าเรียกเขาว่าเป็นแฟน

เต็มตัวก็เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

ชินาธิปกับเธอเรียกได้ว่าเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกัน

มาตลอด พ่อแม่ก็รู้จักกันดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความใกล้ชิดตั้งแต่เด็ก

จะพัฒนาจนกลายมาเป็น...ความรัก

รอยยิ้มของกุลนิษฐ์จืดจางลงไปเมื่อสำรวจลึกถึงจิตใจตนเอง...

เธอรักชินาธิปหรือ

 

หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป บรรยากาศภายในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้น

ก็เริ่มคึกคักขึ้น เสียงพูดคุย เสียงร้องคาราโอเกะที่เพราะบ้างไม่เพราะบ้าง

ดังสลับกันไป เสียงกริ๊งๆ ของแก้วพันช์ชนกันดังไม่ขาด ทว่าเสียงแห่ง

ความวุ่นวายเหล่านั้นค่อยๆ เบาลงไป เมื่อชินาธิปดึงแฟนสาวให้แยกตัว

ออกมายังสวนด้านนอก

ภายในสวนเล็กๆ ข้างร้านมีโต๊ะเล็กให้แขกได้นั่งกินบรรยากาศกัน

แต่เป็นเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว แขกซึ่งเป็นหนุ่มสาวสมัยใหม่รัก

สบายจึงเลือกที่จะนั่งอยู่แต่ภายในตัวร้าน ไม่คิดจะออกมาด้านนอกกันเลย

กุลนิษฐ์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเหมือนทุกครั้งที่เธอต้องอยู่ตามลำพัง

กับแฟนหนุ่ม ความอึดอัดนี้เธอคิดว่ามันคงเกิดขึ้นเพราะความไม่คุ้นเคย

ผนวกกับความเขินอายของหญิงสาวที่ไม่เคยชิดใกล้กับชายหนุ่มคนใด

มาก่อน ดังนั้นเธอจึงทน...ฝืนทน เมื่อชินกับชินาธิปแล้ว วันหนึ่ง...ความรู้สึก

แบบนี้คงจางหายไปเอง

แต่นี่มันก็หนึ่งปีเต็มๆ แล้วนะที่เธอพยายามอดทน ยิ่งทนก็ยิ่งรู้สึกแย่

เพราะอะไรกันนะเธอจึงไม่ยอมคุ้นเคยกับเขา หรือสัมผัสในเชิงชู้สาวของเขาสักที

ชินาธิปเลื่อนเก้าอี้ให้แฟนสาวนั่งอย่างสุภาพ และมองคนที่เขาพาไป

ไหนมาไหนเพื่อนหรือคนรู้จักก็จะมองเขาอย่างริษยาด้วยความภูมิใจ

กุลนิษฐ์ไม่ใช่ผู้หญิงสวยระดับนางงามหรือดารา แต่เธอเป็นผู้หญิง

หน้าตาหมดจด ปากนิด จมูกหน่อย น่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตา อีกทั้งเธอ

ยังมีรูปร่างตรงตามแบบที่ชายไทยกำลังนิยม ตัวเล็ก ผิวขาว ผมยาวสลวย

เอวเล็ก อกโต แถมพกด้วยการมีกิริยามารยาทแช่มช้อย ฐานะทางบ้านก็ดีเลิศ

การศึกษาก็เชิดชูวงศ์ตระกูลได้ไม่อายใคร ผู้หญิงแบบนี้ใช่ว่าจะหากันได้

ง่ายๆ ดังนั้นทั้งพ่อและแม่ของเขาจึงผลักดันให้เขาจีบกุลนิษฐ์เป็นแฟน

ทีแรกเขาก็ไม่คิดอะไรมาก ทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็เหมาะเจาะ

ลงตัวดี แต่พอเรื่องเดินมาถึงตรงนี้ เขาเริ่มหวง เริ่มกังวลว่าอาจจะมีผู้ชาย

คนอื่นมาแย่งชิงเธอไป เพราะเกิดกังวลขึ้นมาอย่างนี้นี่เอง ชายหนุ่มจึง

วางแผนที่จะรวบรัดให้แม่สาวสมบูรณ์แบบคนนี้ตกล่องปล่องชิ้นกับเขาเสียที

ชินาธิปทรุดตัวลงคุกเข่า เขาเอื้อมมือไปจับมือนุ่มนิ่มทั้งสองของเธอ

เอาไว้ มองวงหน้าที่เริ่มก้มต่ำลงอย่างเขินอาย

“นิดก็รู้ใช่ไหมว่าพี่รอนิดมาตั้งหลายปีแล้ว” เขาเริ่มต้นเรื่องราวที่

ตระเตรียมมาแบบเข้าเป้า ไม่อยากให้เสียเวลาอีกต่อไป “ตอนนี้นิดเรียนจบ

แล้ว คงถึงเวลาของเราสักที”

หัวใจหญิงสาวเต้นแรงขึ้น มือไม้เย็นเฉียบด้วยรู้ดีว่าชินาธิปกำลัง

จะเอ่ยอะไรออกมา นี่เป็นความฝันของหญิงสาวทุกคนมิใช่หรือ ได้แต่งงาน

กับชายที่ตนรัก ทว่า...นอกเหนือจากความตื่นกลัวแล้ว หัวใจเธอกลับไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีกเลย

“แต่งงานกับพี่นะ”

อากาศซึ่งร้อนอบอ้าว พันช์ที่จิบไปสองสามจิบทำให้พวงแก้มกุลนิษฐ์

แดงระเรื่อ และการที่เธอก้มหน้าลง ซ่อนแววตาว่างเปล่าของตนเองเอาไว้

ยิ่งหลอกให้คนมองคิดว่าเธอกำลังเขินอาย

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้...นิดคงรับปากพี่แมนทันทีไม่ได้หรอกค่ะ นิด

ต้องขอปรึกษากับทางบ้านก่อน”

แฟนสาวของเขาไม่เคยตัดสินใจอะไรเองได้ เรื่องนี้ชินาธิปทราบดี

อยู่แล้ว กุลนิษฐ์เป็นคนน่ารัก หัวอ่อน เป็นช้างเท้าหลังที่สมบูรณ์แบบ เพราะ

เธอเป็นแบบนี้นี่เองเขาจึงชอบเธอ...ผู้หญิงแค่สวยก็พอ ไม่ต้องมีสมอง

ให้มากนักหรอก มันจะยากแก่การควบคุม

ชินาธิปยิ้ม ยกมือที่กุมไว้ขึ้นมาจุมพิตแรงๆ จนได้ยินเสียงอุทาน

ของสาวไร้เดียงสา เขารู้สึกว่าหลังมือที่เขาเพิ่งฝากจุมพิตเอาไว้นั้นกระตุก

คล้ายอยากจะดึงออก แต่เขายังดึงดัน รั้งไว้ ไม่ยินยอม

“พี่...พี่แมนคะ...”

สาวน้อยของเขาดูตื่นตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นกิริยาเอาแต่ใจของเขา

ทว่าชินาธิปปลอบเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง และเสียงหัวเราะแผ่วเบา

“พี่ไม่เอาเปรียบนิดมากไปกว่านี้หรอกจ้ะ พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนิดก็น่าจะ

รู้ แต่ที่พี่ทำลงไปก็เพราะพี่อยากจะบอกให้นิดรู้ด้วยการกระทำว่า พี่รักนิด

รักนิดจริงๆ นะ รักจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว” พูดจบเขาก็ปล่อยมือทั้งสองข้าง

ของเธอวางลงบนตัก เพื่อจะได้ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตซึ่งสวม

ทับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเอาไว้

กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มกล่องนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะใส่แหวนเอาไว้

พอเห็นดังนั้นกุลนิษฐ์ก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“พี่รู้อยู่แล้วว่านิดจะต้องตอบแบบนี้ วันนี้ของขวัญวันเรียนจบที่

พี่จะให้นิดจึงไม่ใช่แหวนหมั้น แต่เป็น...” มือใหญ่เปิดกล่องกำมะหยี่ออก

เผยให้เห็นหวีสับสีขาวซึ่งตัวหวีวาดเส้นสีแดงเกี่ยวพันซ้อนกันเป็นรูปดอกไม้

ที่เกสรของดอกไม้แต่ละดอกประดับด้วยอัญมณีหลากสี งดงามเป็นที่สุด

ความจริงแล้วเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ กระจุ๋มกระจิ๋ม หรือแบบ

ใหญ่ๆ อย่างกระเป๋าของแบรนด์ดัง ชินาธิปก็เคยซื้อมากำนัลเธอ ราคาของ

บางชิ้นคงจะมีมูลค่ามากกว่าหวีสับอันนี้เสียอีก ทว่า...ไม่รู้ทำไมกุลนิษฐ์จึง

รู้สึกถูกตาต้องใจหวีอันนี้มากกว่าข้าวของมีมูลค่าที่เคยได้รับมา

“บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่รู้จะหาอะไรมาให้นิดดี ต่างหู กำไล เสื้อผ้า

พี่ก็เคยซื้อให้แล้ว พอดีแม่พี่ไปได้หวีอันนี้มา เห็นบอกว่าทำมาจากงาช้าง

แท้ๆ เกสรของดอกไม้เป็นพลอยน้ำดี ลายก็แกะสลักจนละเอียด บ่งบอกว่า

ใช้ช่างมีฝีมือทำ แถมยังแปลกตรงที่วาดสีแดงลงไปที่กลีบดอกไม้แบบนี้อีก

พี่เห็นแล้วสวยดี และคงเป็นเครื่องประดับที่นิดใส่ติดตัวไปไหนต่อไหนได้

ทุกวัน พี่เลยขอแม่เอามาให้นิด นิดคงไม่ดูถูกที่มันไม่ใช่ของแพงใช่ไหม”

กุลนิษฐ์ยิ้มอ่อนหวานพร้อมยื่นมือไปจับหวีขนาดไม่ใหญ่กว่าฝ่ามือขึ้นมาพินิจดู

เป็นหวีสับที่แปลกและสวยจริงดังที่ชินาธิปพูดเอาไว้ทุกอย่าง สมัยนี้

คงไม่มีใครใช้หวีสับกันมากนัก มันจึงมีค่าที่แปลกไม่เหมือนใครมากกว่าจะเป็นของราคาสูงค่า

ดวงตากลมราวตากวางช้อนมองแฟนหนุ่มอย่างอ่อนหวานก่อนตอบ

“นิดไม่ได้สนใจของที่มูลค่าของมันหรอกค่ะ เครื่องประดับแพงๆ พี่แมน

ก็ให้นิดมาหลายชิ้นแล้ว นิดออกจะเกรงใจเสียอีกที่พี่แมนชอบซื้ออะไร

แพงๆ มาให้” เธอยิ้มกว้าง ก่อนเลื่อนหวีสับอันนั้นขึ้นมาแนบหัวใจ “แต่

สำหรับของขวัญชิ้นนี้ นิดชอบค่ะ ไม่ได้ชอบที่มันแพงหรือมันสวย แต่ชอบเพราะพี่แมนให้นิด”

พอเห็นรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์และใสซื่อของแฟนสาว ชินาธิปก็เกือบจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่

กุลนิษฐ์น่ารัก อ่อนหวาน หากจะเปรียบเธอคงเป็นดอกไม้ดอก

เล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์ ทว่ายามลมพัดกลีบดอกไม้พลิ้วไหว ดอกไม้ที่ดูน่ารัก

ดอกนั้นจะส่งกลิ่นหอมหวานและเย้ายวนใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

เธอคงไม่รู้สินะว่าเวลาที่เธอมองและยิ้มให้เขาแบบนี้ หลายครั้งหลาย

คราที่เขาเกือบจะอดใจไม่ไหว อยากกดเธอลงกับพื้นและครอบครองเธอ

เสีย ดีที่ว่าเขากับเธอไม่เคยอยู่ด้วยกันตามลำพังนานๆ ชายหนุ่มจึงทำอย่างที่ใจมุ่งหวังไม่ได้เสียที

แต่อีกไม่นานหรอก ดอกไม้ดอกนี้จะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียว!

สี่ทุ่มนิดๆ เท่านั้นชินาธิปก็ขับรถของเขาพาแฟนสาวมาส่งถึงหน้าบ้าน

ไฟภายในบ้านเดี่ยวขนาดหกสิบตารางวาของหมู่บ้านที่มีระบบรักษา

ความปลอดภัยดีเยี่ยมยังคงสว่างไสว บ่งบอกว่าคนในบ้านคงกำลังรอคอย

การกลับมาของกุลนิษฐ์อย่างใจจดใจจ่อ

“พี่แมนจะลงไปไหมคะ”

ชายหนุ่มที่วันนี้ดื่มเข้าไปพอสมควรมั่นใจว่าตอนนี้กลิ่นแอลกอฮอล์

คงติดตัวเขาจนไม่อาจปกปิดได้แล้วส่ายหน้า “อย่าดีกว่าจ้ะ ดึกแล้ว พี่ไม่รบกวนดีกว่า”

ความเป็นสุภาพบุรุษของแฟนหนุ่มสร้างรอยยิ้มหวานๆ ขึ้นบน

ใบหน้ากุลนิษฐ์ได้อีกครา ก่อนเธอจะไหว้ลาเขาและก้าวลงจากรถยนต์สีดำคันนั้น

หญิงสาวกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ไม่ถึงอึดใจประตูกระจกหน้าบ้าน

ก็เปิดออก และเป็นแสงดาวนั่นเองที่โผล่หน้ากลมแป้นออกมาต้อนรับนายสาว

เมื่อคนในบ้านออกมารับเธอแล้ว กุลนิษฐ์ก็หันไปโบกมือให้คนในรถ

และยืนส่งอยู่หน้าบ้านตนเองจนกระทั่งรถสีเข้มลับหายไปจากสายตา

 

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องรับแขก กุลนิษฐ์ก็อมยิ้มเมื่อเห็นพี่ชายนั่ง

สัปหงกอยู่บนโซฟา เธอรู้ดีว่าเพราะเหตุใดคนที่งานรัดตัวจนเกือบหาเวลา

นอนไม่ได้แบบเขาถึงได้มาหลับนกอยู่ตรงนี้ หญิงสาวหันไปมองแสงดาว

ที่เพิ่งปิดบ้านเรียบร้อยและเดินเข้ามาหา

“ไปนอนได้แล้วละดาว ปิดบ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ค่ะคุณนิด” แสงดาวสาววัยสิบแปดซึ่งกลมไปทั้งตัวรับคำ ก่อนยื่น

มือไปหมายจะรับกระเป๋าจากนายสาว ทว่ากุลนิษฐ์ส่ายหน้า บ่งบอกว่าจะ

นำกระเป๋าขึ้นไปเก็บเอง แสงดาวจึงโค้งตัวนิดๆ แล้วเดินผ่านนายสาวเข้าไป

ยังห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว

                            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ด้วยแรงแค้นและยังติดอยู่ในบ่วงรัก วิญญาณหนึ่งดวงจึงไม่ยอมไปผุดไปเกิด รอวันชำระความแค้น รวมทั้งคอยเขาผู้เป็นที่รัก... 
............................................... 
ดวงวิญญาณของเอื้องคำที่สิงอยู่ในหวีสับงาช้าง ตามฆ่าคนที่สังหารเธออย่างโหดเหี้ยมด้วยวิธีการที่เหี้ยมโหดไม่แพ้กัน กระทั่งหวีอันนั้นมาอยู่ในมือของกุลนิษฐ์ ดวงจิตของเอื้องคำจึงสิงสู่เธอได้อย่างง่ายดาย และพาเธอไปพันพัวกับภูวิศ ซึ่งเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าภรรยาตัวเอง ด้วยความกลัว หญิงสาวจึงสัญญาว่าจะช่วยสืบหาคนร้ายที่ทำร้ายเธอมาลงโทษให้ได้ 
ทว่า...นั่นไม่ใช่สิ่งที่เอื้องคำปรารถนา เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็คือ การมีชีวิตอีกครั้งต่างหาก! 

รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
25/06/2014

ช่วงนี้นิยายพวกวิญญาณมาแรงค่ะ ได้มาโดยไม่ตั้งใจอีกเหมือนเคยกับนิยายผีเรื่องนี้ “มฤษาสาง” ที่บอกว่าไม่ตั้งใจคือไม่ใช่ไม่อยากอ่านนะคะ แต่กลัวผีค่ะ แต่ไหนๆก็ได้มาแล้ว จะไม่อ่านก็เสียดาย จุดเริ่มต้นของเรื่อง เกิดจากนางเอก “กุลนิษฐ์” ได้หวีสับงาช้างที่มีวิญญาณของ “เอื้องคำ” สิงอยู่มาครอบครอง ด้วยความที่นางเอกของเราถูกประคบประหงมเลี้ยงดูแบบคุณหนู เลยทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่ดูอ่อนต่อโลก น่าหลอกน่าแกล้ง ทำให้ “เอื้องคำ” ไม่รอช้าที่จะใช้สิงร่างนางเอก เพราะเธอกำลังต้องการแก้แค้นคนที่ฆ่าเธอ ยอมรับว่าอ่านเนื้อเรื่องของหลังตอนแรกนึกว่าจะเป็นนิยายพวกย้อนอดีตอะไรเทือกนั้น แต่เปล่าค่ะนิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงกาลเวลาปัจจุบันทั้งเรื่อง กลับมาต่อกันที่วิญญาณเอื้องคำดีกว่า หลังจากเธอได้สิงนางเอกสมใจเพราะอยากจะแก้แค้น แต่ก็อดคิดว่าสามีและลูกไม่ได้ สามีเธอจะเป็นใครไปได้ละคะ ถ้าไม่ใช่ “ภูวิศ” พระเอก คุณหมอรูปหล่อของเรา ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าภรรยาตัวเอง ไม่บอกก็คงเดาได้ใช่ไหมคะว่าคนฆ่าเอื้องคำต้องไม่ใช่พระเอกแน่ๆ ไม่งั้นเธอคงไม่อาลัยอาวรณ์ คิดถึงขนาดนั้น (วิญญาณรู้แต่คนไม่รู้) จากตอนแรกที่กะจะยืมร่างนางเอกแค่ไปพบพระเอก แต่ด้วยความรักที่เธอมีต่อพระเอก ยิ่งเห็นฝาแฝดตัวเองอยากมาแทนที่ เลยทำให้เอื้องคำอยากยึดร่างนางเอกมาใช้เพื่อจะได้อยู่กับเขาต่อไป นางเอกของเราดูเหมือนใสซื่อแต่เธอไม่ได้โง่ขนาดจะดูไม่ออกนะคะว่าจะโดนหลอกใช้ แต่ด้วยความใจดีมีเมตตา รวมถึงอยากช่วยพี่ช่วยที่เป็นตำรวจรับผิดชอบคดีนี้อยู่สืบหาความจริงด้วยเลยยินยอมให้เอื้องคำสิงร่าง นางเอกเลยยิ่งแน่ใจว่าพระเอกไม่มีทางเป็นคนร้ายได้แน่นอน ถ้าถามดิฉันว่าพระเอกนางเอกรักกันตอนไหน นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่ได้บรรยายชัดเจนมากมายถึงขั้นเจาะลึกความรู้สึกของตัวละครขนาดนั้นนะคะ แต่อ่านแล้วรู้ว่าค่อยๆรักกัน พระเอกกับนางเอกต่างก็สะดุดในรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเมื่อแรกพบ เรื่องนี้พระเอกออกแนวกินหญ้าอ่อนค่ะ เพราะนางเอกยังเด็กอยู่ อิอิ แต่ดิฉันชอบพระเอกเรื่องนี้ตรงที่แมนเป็นสุภาพบุรุษค่ะ ไม่ฉวยโอกาสกับนางเอกตอนโดนเอื้องคำสิง แอบขัดใจเล็กน้อยตรงบทนางเอกดูเด่นน้อยกว่าผีเสียอีก5555เพราะเธอโดนสิงแทบตลอดเวลา แต่ผู้เขียนไม่ได้เขียนให้เธอไม่รู้ตัวนะคะ แม้จะถูกสิงแต่นางเอกก็ยังมีบทนึกคิดอะไรทำนองนีออกมาให้อ่านเรื่อยๆ มาเรื่องเดินทางมาถึงจุดสำคัญนั้นคือเฉลยทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นต้นเรื่อง ดิฉันไม่ได้ตื่นเต้นหรือลุ้นมากมาย คืออาจจะเป็นเพราะเอื้องคำตายตั้งแต่แรกแล้ว เลยไม่ได้ติดใจเท่าไหร่ ลุ้นมากกว่าว่าเมื่อไหร่ผีจะยอมไปเกิดมากกว่า สรุปคือเป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆอีกเรื่อง

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024