จอมนางเจ้าแผ่นดิน (อุมารตี)

จอมนางเจ้าแผ่นดิน (อุมารตี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160008384
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

วันนี้โรงพยาบาลกลางของกินรินปุระเนืองแน่นไปด้วยผู้เฝ้ารอชาวกินรินนับพันมานั่งรอนอนรออยู่ที่บริเวณสนามตั้งแต่เช้ามืด ข้าราชการใหญ่น้อยนั่งๆ เดินๆ อยู่แถวระเบียง ส่วนขุนพล จอมพล พระเชษฐาขององค์รานี และภรรยาชาวอังกฤษนั่งรออยู่หน้าห้องคลอด ทุกคนมีสีหน้าห่วงใยระคนปีติ ด้วยอีกไม่นานอุมารตีเทวี รานีแห่งกินรินปุระจะทรงให้กำเนิดพระธิดาองค์แรก ซึ่งจะได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทและขึ้นครองราชย์เป็นรานีองค์ต่อไป

บรรยากาศในห้องคลอดก็ไม่ต่างกันนัก สตีฟ แมคเคนซี่ อภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้เป็นพระสวามียืนข้างเตียงไม่ยอมห่าง คอยให้กำลังใจ และช่วยเหลือเท่าที่หมออนุญาตให้ทำได้ เห็นใบหน้าของปารวตีบิดเบี้ยว เหงื่อเม็ดเป้งผุดพราวบนหน้าผากเพราะความเจ็บปวดทีไร เฃาก็แทบสั่งให้ หมอฝืนความจำนงที่จะคลอดตามธรรมชาติของหล่อน แล้วผ่าออกให้รู้แล้ว รู้รอดไป อยากให้คนแม่หลุดพันจากความเจ็บปวด และอยากเห็นหน้าลูกซึ่งลุ้นมาสามปีกว่าจะได้สมใจ

นอกจากหมอ พยาบาล และพระสวามีแล้ว อีกสองคนที่ขอเข้ามาช่วยกันทั้งลุ้นทั้งเบ่งคือสองท้าวนางแห่งตำหนักหลวง...คุณวรรณี พระอภิบาลชาวไทย กับท่านหญิงกมลา พระอภิบาลเชื้อสายภารตะ ทั้งสองเคยเลี้ยงดูองค์แม่มาตั้งแต่ประสูติ บัดนี้จึงเข้ามารอรับหน้าที่อภิบาลของพระธิดาตั้งแต่อยู่ในท้องคลอดเลยทีเดียว แม้หมอจะกีดกันไม่ให้เข้ามาเกะกะและได้แต่คอยมองด้วยความรักความห่วงใยอยู่ห่างๆ แต่ทั้งสอง ก็ไม่ย่อท้อ คอยปลอบและเอาใจช่วยองค์รานีตลอดเวลา นับเป็นท้องคลอดที่ครึกครื้นราวกับสนามแข่งบอลโลกรอบชิงชนะเลิศก็ไม่ปาน

เจ็บพระครรภ์อยู่สามชั่วโมง ในที่สุดอุมารตีเทวีก็ทรงคลอดพระธิดา อย่างปลอดภัย ทรงมองสูติแพทย์ควักก้อนเลือดออกจากปากทารก แล้วตบก้นเบาๆ ให้ร้องไห้จ้าเพื่อกระตุ้นการทำงานของปอด เสียงอุแว้เหมือนเสียงสวรรค์สำหรับทุกคน สตีฟบีบมืออ่อนแรงของภรรยา น้ำตาคลอกันทั้งคู่ด้วยความปีติลึกล้ำ

“ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการพ่ะย่ะค่ะ” หมอยืนยันหนักแน่น

หลังจากพยาบาลคนหนึ่งออกไปแจ้งข่าวให้พระเชษฐาและชาวกินริน ทราบข่าว เสียงไชโยและทรงพระเจริญดังก้องเป็นระลอก รานีแย้ม,พระสรวล เปลี้ยๆ ตื้นตันในความจงรักภักดี คืนนี้ชาวกินรินคงเฉลิมฉลองกันทั้งปุระ

พยาบาลอุ้มพระธิดาให้ทรงชื่นชมก่อนพาไปชำระล้างและห่อด้วยผ้าให้ความอบอุ่น

“ดูสิ น่าเกลียดน่าชังอย่างกับเทวดามาจุติ” คุณวรรณีหันไปพยักพเยิด กับท่านหญิงกมลา ปลาบปลื้มน้ำตาคลอ ความรักซึ่งไม่รู้มาจากไหนปรี่ล้นใจของทั้งคู่

จริงอย่างที่คุณวรรณีบอก วรองค์น้อยๆ นั้นมิได้เหี่ยวย่นเช่นทารก แรกเกิดทั่วไป พระฉวีเต่งตึง ผุดผ่องเรืองรอง เนตรกลมโตสดใสทอดมอง พระมารดาและพระบิดา แล้วจึงมองไปรอบๆ เหมือนเด็กโต ไม่พรั่นต่อแสงจ้าของไฟห้องคลอด โอษฐ์จิ๋วแย้มน้อยๆ ส่งเสียงอ้อแอ้ดุจทักทายโลกและคนรอบตัว

ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าสะท้านสะเทือนอย่างไม่มีปี่มีมีขลุ่ย ดังเข้ามาถึงใน ห้องคลอด พื้นใต้ฝ่าเท้าของทุกคนสั่นไหวด้วยแรงฟาดของอสุนีบาต ราวกับ ฟ้าดินแซ่ซ้องถวายพระพรต้อนรับ

แรงสะเทือนจากครั้งแรกยังไม่ยุติ ฟ้าก็ผ่าอีกครั้ง ไฟกะพริบวูบ เหมือนจะดับแล้วกลับสว่างขึ้นใหม่ ทุกคนผวาด้วยความเป็นห่วงทารกน้อย ทว่าภาพที่วาบให้เห็นแล้วเลือนหายทำให้ตกตะลึงครั่นคร้ามกันถ้วนหน้า สรรพรังสีพลันเจิดจ้ารอบวรกายน้อย ในหัตถ์จ้อยซึ่งแผ่ออกประดุจพัดปรากฏศัสตราวุธทั้งแปดแห่งพระแม่ทุรคา อันได้แก่พระแสงดาบ ตรีศูล จักร สังข์ คทา ดอกบัว พวงมาลา และหัตถ์หนึ่งอยู่ในทำประทานพร

“โอม อึง ฮรึง กลึง จามันดาเย วิชเช โอม”

ทุกคนขนลุกซู่ หันไปมองท่านหญิงกมลาเป็นตาเดียว เมื่อเสียงสวด สรรเสริญหลุดจากปากของนางอย่างไม่รู้ตัว ท่านหญิงเห็นด้วยตาและรู้ด้วย ญาณว่าบัดนี้ พระแม่ทุรคาพร้อมเทพศัสตราทั้งแปดซึ่งเป็นปางปราบอสูร ของพระแม่อุมาเทวีอวตารลงมาจุติบนพิภพอีกครั้งหนึ่งแล้ว!

นางตัวสั่นพรั่นพรึงด้วยเข้าใจความหมายของปรากฏการณ์เทพ อวตาร...ฤๅหลังจากอยู่รอดปลอดภัยมาหลายศตวรรษ กินรินปุระที่เพิ่งเปิด ประเทศเพียงสี่ปีจะต้องเผชิญกับมหาภัยยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์จะต้านทาน ไหว พระแม่จึงอวตารมาเพื่อปราบมารด้วยพระองค์เอง!

“คุณจ๊ะ ทายสิคะ ที่ไหนเอ่ย...ภูผาเพี้ยงวิญญา ยมุนาดุจหทัย

พฤกษาพนาไพร เปรียบปานได้ดั่งลมปราณ...”

สิ้นกังวานเสียง เล็กรื่นหูประหนึ่งวิหคขับขาน ทารกหญิงอวบอ้วน ผุดผ่องวัยใกล้สองขวบผู้เป็นเจ้าของเสียงก็ผุดลุกจากท่านอนเขลงดูดนมเป็นนั่งขัดสมาธิเอ้เต ผ้านวมผืนหนาหล่นลงไปกองรอบเอวกลมๆ ผมดำ ขลับจนออกน้ำเงินอย่างที่เรียกว่าดำเหมือนขนกาน้ำทิ้งตัวเป็นคลื่นระกลางหลัง ลูกผมขอดเป็นวงรอบใบหน้ากลมและแก้มป่อง ระแนวคิ้วโค้งละมุน เหนือดวงตาสีน้ำเงินเข้มดั่งท้องสมุทรลึกลํ้าที่แวววาวบ่งบอกถึงความฉลาด เกินวัย

ครั้นไม่ได้รับคำตอบจากหญิงวัยกลางคนที่ห่มส่าหรีสีเขียวมรกตซึ่ง กำลังจับตาดูผู้ช่วยพยาบาลเตรียมนมขวดใหม่โดยไม่มีทีท่าแปลกใจกับการ ขับโศลกด้วยภาษาและน้ำเสียงเกินเด็ก ปากแดงฉ่ำของทารกก็ยื่น บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเริ่มงอนแล้ว

“คุณจ๊ะไม่ตอบ เดี๋ยวหญิงไปถามคุณจ๋าก็ได้”

'คุณจ๊ะ’ หันไปมอง ส่งยิ้มอ่อนหวานงอนง้อ ตาคมโตบอกเชื้อชาติ ภารตะฉายแววเอ็นดูบูชา “ทูนหัว อย่าทรงงอนเลยเพคะ คุณจ๊ะไม่ตอบเพราะไม่รู้คำตอบ ทรงเฉลยอีกหน่อยสิเพคะ”

ขณะที่พูด ท่านหญิงกมลหรือ 'คุณจ๊ะ’ ก็ถือขวดนมอุ่นกำลังดีมา

ถวาย

เจ้าหญิงพระองค์น้อยยิ้มร่าจนเนตรพราว เห็นฟันที่มีเพียงซี่เล็กสองซี่บนล่าง ถูกใจทั้งคำตอบเอาใจและนมผสมน้ำผึ้ง รับมาดูดหมับๆ อย่างกระหายทั้งๆ ที่เพิ่งหมดไปชวดหนึ่งหยกๆ ครั้นหมดไปอีกครึ่งขวด ก็นึกได้ถึงเรื่องที่ยังค้างอยู่ จึงลดขวดนมลง แต่ไม่ปล่อยหัตถ์

“ฟังนะคะ หญิงจะเฉลยต่อ....”

ท่านหญิงกมลาไม่ทัดทาน เพราะรู้ว่าเสวยจนอิ่มแล้วก็ถึงเวลาบรรทม อีกไม่นานก็คงผืนพระเนตรไม่อยู่ มืออูมหากเหี่ยวย่นชองนางลูบไล้พระเกศา หยิกยุ่ง ปะเหลาะประโลมให้หลับโดยเร็ว ให้ทรงฤทธิ์เรืองเดชสักเพียงใดก็ยังเป็นทารกวัยสองขวบ อะไรจะสำคัญไปกว่ากิน นอน เล่น ไม่มีอีกแล้ว

พระองค์น้อยดูดนมอีกอึกใหญ่ เนตรปรือ อ้าโอษฐ์จิ้มลิ้มหาวหวอดๆ แต่ไม่วายขับขานต่อ...

“หนึ่งหมื่นปีสี่ล้านวันถือกำเนิด เหตุเพราะเกิดเทวัญบั่นอสูร ครั้นยืด ยื้อนานวันพลันอาดูร กลายเป็นมูลเทวาสุรสงคราม ครืนครั่นเสียงลั่นสามโลก หิมพานต์สระโบกสะท้านฟ้า เทวานาคครุฑเข้ายุทธา เทพศัสตราทิพยา เกรียงไกร...”

เสียงใสลากช้าแล้วเงียบลง ตามด้วยเสียงดูดนมจั๊บๆ ตาพริ้มหลับแต่ครู่ต่อมาก็ขับกลอนต่อ เสียงละเมอประดุจเล่าภาพจากความฝัน

“อินทราชให้กินนรโยกย้ายถิ่น ปิ่นนรินทร์ส่งขุนพลออกค้นหา ดินแดนใหม่ห่างไกลการรบรา อุดมผลาอีกพฤกษ์ไพรสายนที...”

คราวนี้เงียบไปนาน ตาปรือแล้วปิดสนิท ปากเผยอเล็กน้อย ลมหายใจสมํ่าเสมอ

ท่านหญิงกมลาถอนหายใจเมื่อเห็นลูกตาใต้เปลือกตาเคลื่อนไปมา รู้จากประสบการณ์หลายครั้งว่าพระองค์น้อยกำลังดำดิ่งสู่อดีตกาล นางนั่ง ลงข้างเตียง ไม่ยอมไปไหนหรือให้ใครอื่นนอกจากคุณวรรณีทำหน้าที่แทน ด้วยครั้งหนึ่งเมื่ออายุได้ขวบเศษ เจ้าหญิงน้อยเคยตื่นขึ้นมาพร้อมกับเล่า ความฝัน

'ท่านทวดพาลูกบินปร๋อ กระพือปีกพึ่บๆ คนอื่นก็บินเหมือนกัน เล่นน้ำตก ร้องเพลง กินแต่น้ำผึ้งกับน้ำเกสรดอกไม้ ว้านหวาน’

จากวันนั้นไม่ว่าดื่มนมจากขวดหรือแก้วต้องร้องขอน้ำผึ้งมาผสมเสมอ อาหารอื่นก็รับประทานแต่ผลไม้หรือพืชผักจนพระชนกชนนีเป็นห่วง แต่พอ เห็นวาสุฃภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โตเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกันทั้งร่างกายและ สมอง คนรอบข้างจึงเบาใจ

คุณวรรณีเคยแกล้งถาม 'ท่านทวดไหนเพคะ’

พระองค์น้อยตอบชัดถ้อยชัดคำ 'ก็ท่านทวดสินธพ-ยมุนาไง เทพผู้พิทักษ์กินรินปุระไงล่ะคะ คุณจ๋าไม่เคยเห็นเหรอ ท่านเฝ้าหน้าห้องบรรทม ท่านแม่ไงล่ะคะ’

คุณวรรณีถอนใจโล่งอก...เด็กก็อย่างนี้แหละ เห็นอะไรก็เก็บไปฝืน เป็นตุเป็นตะ

'บินไปถึงไหนมาเพคะ’ ท่านหญิงกมลาถามต่อ เพราะสังหรณ์ใจ

บางอย่าง พระธิดาไม่ธรรมดามาตั้งแต่วันประสูติแล้ว

คำตอบเล่นเอาสองพระอภิบาลอ้าปากค้าง พระธิดาตอบเสียงแจ๋ว แถมมีชวนยิก ๆ ตอนท้าย 'หิมพานต์ค่ะวันหลังลูกจะขอท่านทวดพาคุณจ๊ะคุ๊จ๋าไปด้วยนะ ไปนะ...นะ'

พอหายตะลึงแล้ว คุณวรรณีแกล้งแหย่ต่อเพราะความอยากรู้ 'งั้นไป วันนี้เลยได้ไหมเพคะ คุณจ๋าอยากไปเที่ยวแล้ว’

ทารกน้อยหลับตาพริ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ให้คำตอบที่ทำให้คนฟังสะดุ้ง 'ว้าไปไม่ไค้ค่ะท่านทวดบอกว่าบุญไม่ถึงถ้าอยากไปต้องบำเพ็ญบารมี แล้ว ทิ้งร่างสกปรกเหม็นคาวไว้ที่นึ่ ไปได้แต่จิต ต้องหัดร้องเพลงกับขับกลอน ด้วยนะคะ เพราะชนที่นั่นเขาไม่พูดกันค่ะ มันไม่เสนาะหู’

แค่นี้ยังไม่เท่าไร ที่ท่านหญิงกมลากับคุณวรรณีกังวลนักคือ วันหนึ่ง ทารกน้อยตื่นฃึ้นมานํ้าตาคลอ...เศร้าหมองเกินเด็ก สองพระอภิบาลเฝ้า ปลอบปะเหลาะอยู่นานก็ยังไม่ดีฃึ้น

'ไม่สบายหรือเปล่าเพคะ ปวดหัวไหมเพคะ’ คุณวรรณีสั่งผู้ช่วย พยาบาลวัดไข้

องค์หญิงน้อยส่ายหน้า 'ไม่ปวดหัว แต่ลูกปวดใจ...’

คุณวรรณีโอบร่างอวบเช้ามากอดปลอบ เข้าใจว่าคงหมายถึงรู้สึก ปวดร้าวเพราะภาพที่เห็นในความฝืน 'นั่นแค่ความฝืนเพคะ ทรงเล่นมากเกินไปเลยละเมอ’

แต่พระองค์น้อยยังเศร้าสร้อย น้ำตาไหลรินเป็นสาย สะอื้นน้อยๆ เหมือนผู้ใหญ่

'เรื่องจริงค่ะ สองพันกว่าปีมนุษย์ ท้าสิบปีสวรรค์ที่แล้ว รานี...ราน...’ พูดได้เท่านั้นก็สะอื้นฮัก

ท่านหญิงกมลากับคุณวรรณีผลัดกันกอด ปลอบโยนด้วยประโยค เดิมๆ 'มันเป็นความฝันเพคะไม่ใช่ความจริง ทรงตื่นแล้วไม่เป็นไรแล้วนะ เพคะ’โปรดติดตามต่อในเล่ม

 

รายละเอียด

ขณะเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งกินรินปุระต้องปฏิบัติพระราชกิจแทนรานีอุมารตี นางจะทำอย่างไร เมื่อสองวิญญาณร้ายแต่บรรพกาลใช้น้องชายเป็นสื่อ ก่อวิกฤตการณ์บนแผ่นดิน 
 
นับแต่เทราปตี พระราชธิดาของรานีองค์ปัจจุบัน ถือกำเนิดจวบจนเติบใหญ่ นางเห็นอดีตกาลตั้งแต่เมื่อครั้งสินธพ-ยมุนาสร้างกินรินปุระ เรื่อยมาจนกระทั่งเกิดมหาสงครามกับนเรนทรา...อาณาจักรยิ่งใหญ่ที่มีกำลังทหารเข้มแข็งในชมพูทวีป ภาพอดีตคือบทเรียนที่สอนให้เทราปตีเข้มแข็ง มิไว้ใจผู้ใดโดยง่าย ทว่าความหวาดระแวงเกินไปกลับทำให้เกิดอคติโดยมิรู้ตัว 
เมื่อน้องชายถูกวิญญาณร้ายครอบงำ มุ่งมายังกินรินปุระโดยหมายตาเทพศัสตราอินทรา-อาตมัน เทราปตีต้องกำจัดอคติในใจตนเสียก่อน จึงจะช่วยเหลือเหล่าผู้เป็นที่รักได้ แต่เจ้าหญิงรัชทายาทมิได้ต่อสู้เพียงลำพัง เพราะยังมีสีหเทพคอยช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024