โรม ณ ที่นี้มีรัก (ลัลล์ลิล)
ประหยัด: 94.50 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 135.00 บาท - 160.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ป้ายขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าพื้นที่ปิดล้อม บนนั้นมีคําเตือน ‘ห้ามเข้า’ ทั้งภาษาอิตาลีและภาษาอังกฤษตัวสีแดงเด่นชัดจนกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของนักข่าวหัวเห็ดอย่างเปโดรขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
มีการค้นพบอะไรในพื้นที่นั้น?...
ทําไมทางราชการจึงต้องทําลับๆ ล่อๆ ลงพื้นที่สํารวจขุดค้นมาตั้งหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดออกมาให้สัมภาษณ์หรือปริปากเล่าความคืบหน้าของโครงการขุดค้นทางโบราณคดีอันเป็นที่จับตามองของประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงประชาคมโลก...
พอนักข่าวเข้าไปถาม กลับพยายามบ่ายเบี่ยงตอบเพียงว่าการขุดค้นอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังไม่พบสิ่งใดน่าสนใจ...
เปโดรไม่เชื่อหรอก เขามั่นใจว่าใต้ผืนดินของเมืองโบราณแห่งนี้...ทุกตารางนิ้วต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา!
ขุดกันมาตั้งหลายวันแล้วคงต้องเจออะไรดีๆ บ้างสิ...และเขาก็จะต้องเป็นนักข่าวที่ได้ภาพเด็ดๆ ของ ‘อะไรดีๆ’ ที่ว่านั่นเป็นรายแรกให้ได้
ด้วยความตั้งมั่น นักข่าววัยย่างสี่สิบแต่ยังลุยงานเหมือนเด็กหนุ่มไฟแรง แอบเดินเลาะเลียบขนานแนวรั้วกั้นพื้นที่หวงห้าม สอดส่ายสายตาดูลู่ทางเพื่อลัดเลาะเข้าไปด้านใน ซุ่มรอจนกระทั่งทางสะดวกปลอดจาก
การ์ดซึ่งเดินไปตรวจตราทางทิศอื่น ร่างสันทัดสะพายกล้องถ่ายรูปคู่ใจจึงรีบกระโดดข้ามรั้วกั้นเข้าไปยังพื้นที่ขุดค้นทันที
เต็นท์ที่พักของพวกทีมงานตั้งอยู่ถัดไปทางด้านทิศเหนือของพื้นที่ ห่างจากจุดนี้พอสมควร เปโดรคิดว่าเขาน่าจะมีโอกาสสํารวจบริเวณนี้ได้โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
บรรยากาศในคืนเดือนมืด ช่วงเวลาพ้นเที่ยงคืนมาแล้วเช่นนี้เป็นใจให้เขาดีนักแหละ อาศัยแสงไฟริบหรี่สาดส่องมาจากทางเต็นท์ที่พักของพวกนักโบราณคดีซึ่งเห็นเป็นเงารางๆ ห่างออกไป เปโดรสังเกตพบว่าพื้นที่
การขุดค้นถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ ร่องรอยการขุดเป็นไปอย่างมีแบบแผนแสดงว่ามีการวางแผนการทํางานมาอย่างเป็นระบบระเบียบ
เขาย่อตัวลงดูหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลุมหนึ่งที่ดูเหมือนขุดค้างไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกนักโบราณคดีไม่ได้โกหก การขุดค้นยังไปไม่ถึงไหนจริงๆ ทั้งที่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ผิวดินกลับถูกขุดลงไปแค่เพียงตื้นๆ น่าสงสัยว่าพวกนักโบราณคดีคงจะขุดกันวันละไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่ๆ
เวรกรรม! แล้วเมื่อไหร่จะได้พบอะไรที่มันน่าอัศจรรย์กันล่ะ?
เขาส่ายหัวอย่างเซ็งๆ คิดว่าวันนี้คงมาเสียเที่ยว แต่อย่างน้อยก็คงจะต้องขอเก็บรูปความคืบหน้าของโครงการขุดค้นไว้เสียหน่อย ถึงรู้ว่าจะนําไปใช้ตีพิมพ์ไม่ได้เพราะเป็นภาพที่ได้มาโดยวิธีการไม่ถูกต้อง แต่ถ่ายเก็บไว้ก็คงไม่เสียหาย เผื่อวันหน้ามีประเด็นร้อนแรงขึ้นมา เช่นมีการทุจริตเงินงบประมาณในการขุดค้น เขาอาจมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายเหล่านี้ในการตีข่าวให้เข้มข้นขึ้นหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วเปโดรก็กระหยิ่มยิ้มย่อง คว้ากล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่ขึ้นมาปรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน แล้วเดินย่องเก็บภาพตามมุมต่างๆ อย่างตั้งใจ
อุปสรรคทั้งเรื่องแสงสว่างซึ่งมีน้อยนิด ประกอบกับความไม่คุ้นชินพื้นที่เนื่องจากไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาเหยียบย่างบริเวณนี้เลยตั้งแต่เริ่มมีการขึงรั้วกั้นล้อมพื้นที่ขุดค้น สภาพพื้นดินไม่ราบเรียบทําให้เขาก้าว
พลาดอยู่หลายหน ต้องประคองทั้งตัวและกล้องอย่างทุลักทุเล ไหนจะต้องคอยระวังไม่ให้การ์ดเห็นเข้าอีก การถ่ายภาพซึ่งปกติเป็นงาน ‘หมูๆ’ จึงกลายเป็นงาน ‘ช้าง’ ขึ้นมาทันที
ครืน...ครืน...
เอ๊ะ! ฟ้าร้องได้อย่างไรกัน?
นักข่าวหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าซึ่งแต่เดิมมืดสนิทอยู่แล้ว บัดนี้
มีกลุ่มเมฆดําทะมึนลอยอยู่ทั่ว ไม่รู้ว่าอุปาทานไปหรือไม่ เปโดรรู้สึก
ราวว่าพื้นดินที่เขายืนอยู่ไหวสะเทือนน้อยๆ ขณะท้องฟ้าส่งเสียงร้องครืนใหญ่อีกครั้ง
นี่มันหน้าร้อนมิใช่หรือ...ที่สําคัญเมื่อเช้าเขาดูพยากรณ์อากาศก็ไม่เห็นสถานีไหนเอ่ยถึงเรื่องฝนตกฟ้าร้องในเมืองปอมเปอีเลย เปโดรสบถด้วยความหงุดหงิด การหาทางลอบเข้ามาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นอกจากสถานการณ์จะส่อเค้าว่าคืนนี้เขาคงต้องคว้า ‘น้ำเหลว’ แล้ว เขายังจะได้ ‘น้ำฝน’ เปียกโชกติดตัวกลับที่พักไปด้วย
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
ยืนหัวเสียได้ไม่นานเปโดรก็รีบเก็บกล้องราคาแพงลิ่วซุกเข้าในคอเสื้อยืด พอดีกับจังหวะที่ฝนเม็ดแรกโปรยลงกระทบหน้าผากและไม่ทิ้งช่วงให้ตั้งตัวเลย เม็ดฝนกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าเป็นม่านหนาทึบในเวลาอันรวดเร็ว ...จะเรียกว่าฝนตกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็คงได้
เปโดรไม่อยู่รอท้าทายเทพเจ้าแห่งสายฝนผู้ไม่เป็นใจให้เขาในวันนี้ พยายามจะวิ่งย้อนกลับไปยังทางเดิม แต่อาการวิ่งก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นการเดิน และเกือบจะกลายเป็นการคลานในตอนหลัง เพราะนอกจากความมืดกับเส้นทางไม่คุ้นชินแล้วขณะนี้ยังเพิ่มม่านฝนเป็นตัวบดบังทัศนวิสัยเบื้องหน้าอีกด้วย
เปรี้ยง! สายฟ้าแลบแปลบปลาบทําให้ชายผู้ยืนอยู่กลางสายฝนต้องก้มตัวลงต่ำโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้เขาแทบมองอะไรไม่เห็นแล้ว อย่าว่าแต่ทางออก มีอะไรอยู่รอบตัวในรัศมีหนึ่งเมตรเปโดรก็ไม่อาจรู้ได้เลย ถ้าหากเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปเจอการ์ดคุมพื้นที่ เห็นทีจะยุ่ง
“มาตกอะไรตอนนี้วะ!” เขาสบถลั่นแข่งกับเสียงคํารามจากเบื้องบน
ฟ้าคํารามขึ้นอีกครืนใหญ่คล้ายจะร้อง ‘สมน้ำหน้า’ เขาโดยเฉพาะ เปโดรกอดกล้องในเสื้อยืดเปียกซกของเขา พยายามเพ่งมองหาทางออกอย่างเต็มที่ และเมื่อพอจะคลําทางได้เขาก็ตัดสินใจออกวิ่ง แต่เพียงแค่
สองสามก้าวแรกก็ต้องชะงัก เมื่อปรากฏสายฟ้าฟาดผ่าขวางทางตรงหน้าพอดี ใจร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หากเมื่อครู่เขาวิ่งเร็วกว่านี้ก็คงจะอยู่ตรงจุดที่ฟ้าผ่าพอดิบพอดี
ยังไม่ทันจะเรียกสติกลับคืนมาได้ เปโดรก็ได้ยินเสียงอื้ออึงเหนือศีรษะอย่างน่าขนลุก เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด! อะไรบางอย่างหมุนวนอยู่เหนือศีรษะ หมุน
ด้วยความเร็วสูงมาก และมันก็กําลังเคลื่อนต่ำลงมาครอบตัวเขา
วิ่ง! สมองสั่งการเช่นนั้นแต่ร่างกายปฏิบัติตามไม่ทันแล้ว เพราะเพียงขยับตัวนิดเดียวร่างก็ลอยหมุนเคว้งไปกับกลุ่มพายุหมุนกําลังแรงมหาศาล แม้แต่เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ถูกกลืนหายไปด้วย
ไม่มีใคร...ไม่มีแม้สักคนเดียวที่ได้ยินเสียงร้องของเขา
ทันทีที่ร่างเปโดรหายลับไป มีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้า ร่วงลงตรงตําแหน่งที่เปโดรยืนอยู่เมื่อครู่... ‘มัน’ ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ส่งเสียง ไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แต่การปรากฏตัวของ ‘มัน’ กําลัง
จะทําให้โลกของใครบางคนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!
เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?
เปโดรมีโอกาสได้ตั้งคําถามกับตัวเองเป็นครั้งแรก หลังจากอาการปวดร้าวทั่วร่างกายค่อยทุเลาลง แม้ยังรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งราวกับมีใครยัดหินหนักถ่วงเข้าไปในสมองของเขา
ร่างของเขานอนราบอยู่บนพื้นผิวสาก สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากใต้ผืนดิน เสียงอื้ออึงดังทั่วบริเวณ และเสียงตูมตามคล้ายระเบิดดังก้องอยู่เป็นระยะ... ที่นี่คือที่ไหนกัน มันไม่เหมือนกับเขตขุดค้นที่เขาลักลอบเข้าไปเลย
เปโดรกะพริบตาถี่ๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น แต่เพียงแค่ผงกศีรษะขึ้นก็ถูกของแข็งหล่นทับลงตรงกลางกระหม่อม ต้องนอนราบกับพื้นไปอีกครั้ง
เสียงครางฮือลอดริมฝีปากออกมา เลือดไหลเป็นทางจากกระหม่อมอาบซีกหน้าด้านซ้าย เปโดรค่อยๆ ยกมือขึ้นคลําบาดแผลแล้วนิ่วหน้า เจ็บเหลือเกิน ปวดร้าวไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ได้
เขาเหลือกตามองสิ่งของที่หล่นลงมาทับหัวเมื่อครู่ มันคือเศษวัสดุบางอย่าง อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของหลังคาบ้าน และยังมีก้อนหินหลายก้อนกลิ้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน เป็นก้อนหินที่มีรูพรุนคล้ายฟองน้ำแต่แข็งเป็นหินขนาดสองถึงสามกําปั้น... มันหล่นมาจากที่ไหนกัน?
เมื่อค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมอง ดวงตาก็ต้องเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก ก้อนหินที่หล่นลงมาไม่ได้มีแค่ก้อนเดียว แต่มีจํานวนมหาศาลและมันกําลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวห่าฝน!
หัวใจเขาแทบหยุดเต้น เดินทางตะลอนไปรอบโลกไม่เคยเจอ ‘ฝนก้อนหิน’ ห่าใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าในลักษณะนี้เลย...มันคือปรากฏการณ์อะไรกันแน่?
ต้องหนี!... เปโดรคิดได้แค่นั้น ขืนนอนอยู่ตรงพื้นที่โล่งแจ้งแบบนี้คงถูกก้อนหินเหล่านั้นทับตาย
เขาพยายามลุกขึ้น ครั้งนี้ประสบความสําเร็จเพราะมุ่งมั่นที่จะหาทางเอาชีวิตรอด เมื่อทรงตัวได้ก็รีบเดินให้พ้นรัศมีฝนก้อนหินห่าใหญ่ เปโดรกวาดตามองโดยรอบแล้วก็ต้องงุนงงอย่างมาก เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตขุดค้นที่เขาลักลอบเข้าไปเก็บภาพ ทุกอย่างแปลกตาไปหมด มันเป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาเดินวนอย่างคนหลงทางจนสะดุดอะไรบางอย่างล้มลง เปโดรร้องครางด้วยความเจ็บปวด เมื่อเงยหน้ามองสิ่งที่ขวางทางเดินอยู่เขาก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะใต้เศษซากวัสดุล้มระเนระนาดซึ่งน่าจะเป็นหลังคา
และเสาบ้านถล่มลงมาเพราะรับน้ำหนักก้อนหินที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งไม่ไหว มีร่างชายค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งถูกทับอยู่
เปโดรขยับเข้าไปโกยกองหินบางส่วนให้พ้นทาง เมื่ออยู่ในระยะเอื้อมมือถึงเขาจึงลองอังจมูกชายผู้นั้น แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันเป็นสัญญาณของการมีชีวิต
ผู้ชายคนนี้ตายแล้ว! ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นักข่าวหนุ่มพิจารณาผู้ตายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เท่าที่เห็นจากช่องว่างระหว่างเศษซากปรักหักพัง ชายผู้นี้แต่งกายแปลกตา...แลดูเหมือน...เครื่องแต่งกายของชาวโรมันในสมัยโบราณ!
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันนะ และทําไมจึงมานอนตายอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครเหลียวแลเลย
เปโดรสลัดศีรษะ ตั้งสติพยายามนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ตนยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เขาบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของทีมขุดค้นโบราณคดีที่เมืองปอมเปอี ระหว่างเก็บภาพมีพายุฝน เขาพยายามจะหาทางกลับที่พักแต่ก็กลับไม่ได้ จําได้ว่าเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวมาใกล้ คล้ายพายุหมุนลูกใหญ่ ฝุ่นตลบฟุ้งไปหมด มันมีแรงดึงดูดมหาศาลดึงร่างของเขาเข้าไปหามัน แล้วจากนั้นเขาก็มาโผล่ที่นี่
ที่นี่คือที่ไหน?...และกําลังเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีก้อนหินมากมายตกลงมาจากท้องฟ้า และผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทําไมเขาจึงแต่งตัวประหลาด และนอนตายอยู่ตรงนี้โดยไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย
เปโดรมองไปรอบๆ อีกครั้ง ที่นี่เป็นบ้านแน่...บ้านแบบสมัยโรมันโบราณ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในเมืองปอมเปอี สถานที่ที่เขามาทําข่าวการขุดค้นทางโบราณคดีก็เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างยุคโบราณอยู่แล้ว
เปโดรได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านนอกจึงตัดสินใจหาทางออกจากบ้านหลังนี้ พยุงตัวไปจนถึงประตู ก้าวแรกที่เหยียบย่างออกไปยังท้องถนนด้านนอกเขาก็ต้องพบเจอกับสิ่งไม่คาดฝัน
ฝุ่นควันลอยฟุ้งเต็มไปหมด สภาพชุลมุนวุ่นวาย ผู้คนต่างวิ่งไปในทิศทางเดียวกันคล้ายหนีอะไรบางอย่างมาจากอีกทิศทางหนึ่ง เสียงร้องอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ละคนสวมเครื่องแต่งกายชุดโรมันแบบโบราณ
อย่างที่เขาเห็นศพชายในบ้านสวม
คนพวกนี้เป็นใคร หรือจะมีการจําลองบรรยากาศสมัยโรมันขึ้นมาที่นี่!
เปโดรไอโขลกเพราะสําลักฝุ่นลอยฟุ้ง พื้นดินที่ยืนอยู่ไหวโคลงจน
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
เหตุภูเขาไฟครั้งใหญ่กลบฝังเมืองปอมเปอีให้จมอยู่ใต้พิภพ และส่งหญิงสาวชาวโรมันข้ามกาลเวลาไปสู่อนาคตสองพันปีข้างหน้า นักโบราณคดีหนุ่มพาเธอย้อนอดีตกลับบ้าน แล้วความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นที่ โรม ณ ที่นี้มีรัก ดอกเตอร์ปรัชญา หนึ่งในคณะขุดค้นทางโบราณคดีเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลีพบหญิงสาวนิรนามนอนสลบไสลอยู่ในเขตหวงห้ามหลังคืนพายุฝนกระหน่ำ เธอสวมชุดโรมันโบราณ พูดภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก ท่าทางตื่นกลัวราวคนบ้า ดอกเตอร์หนุ่มค้นหาคำตอบจนรู้ว่าเธอมาจากอดีตไกลพ้น โชคชะตาพาเขาเดินทางข้ามกาลเวลาสู่โรมเมื่อสองพันปีก่อนพร้อมเธอ แล้วหญิงสาวก็พบว่าเธอไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้ว จะเลือกจมอยู่กับอดีตหม่นเศร้า หรือเริ่มต้นรักแท้กับเขาในโลกอนาคตที่ไม่คุ้นเคย นั่นคือหนทางที่โรซาเลียต้องเลือกเอง