โรม ณ ที่นี้มีรัก (ลัลล์ลิล)

โรม ณ ที่นี้มีรัก (ลัลล์ลิล)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165002196
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

ป้ายขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าพื้นที่ปิดล้อม  บนนั้นมีคําเตือน  ‘ห้ามเข้า’  ทั้งภาษาอิตาลีและภาษาอังกฤษตัวสีแดงเด่นชัดจนกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของนักข่าวหัวเห็ดอย่างเปโดรขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

มีการค้นพบอะไรในพื้นที่นั้น?...

ทําไมทางราชการจึงต้องทําลับๆ  ล่อๆ  ลงพื้นที่สํารวจขุดค้นมาตั้งหลายวันแล้ว  แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดออกมาให้สัมภาษณ์หรือปริปากเล่าความคืบหน้าของโครงการขุดค้นทางโบราณคดีอันเป็นที่จับตามองของประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงประชาคมโลก...

พอนักข่าวเข้าไปถาม กลับพยายามบ่ายเบี่ยงตอบเพียงว่าการขุดค้นอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังไม่พบสิ่งใดน่าสนใจ...

เปโดรไม่เชื่อหรอก  เขามั่นใจว่าใต้ผืนดินของเมืองโบราณแห่งนี้...ทุกตารางนิ้วต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา!

ขุดกันมาตั้งหลายวันแล้วคงต้องเจออะไรดีๆ บ้างสิ...และเขาก็จะต้องเป็นนักข่าวที่ได้ภาพเด็ดๆ ของ ‘อะไรดีๆ’ ที่ว่านั่นเป็นรายแรกให้ได้

ด้วยความตั้งมั่น  นักข่าววัยย่างสี่สิบแต่ยังลุยงานเหมือนเด็กหนุ่มไฟแรง  แอบเดินเลาะเลียบขนานแนวรั้วกั้นพื้นที่หวงห้าม  สอดส่ายสายตาดูลู่ทางเพื่อลัดเลาะเข้าไปด้านใน  ซุ่มรอจนกระทั่งทางสะดวกปลอดจาก

การ์ดซึ่งเดินไปตรวจตราทางทิศอื่น  ร่างสันทัดสะพายกล้องถ่ายรูปคู่ใจจึงรีบกระโดดข้ามรั้วกั้นเข้าไปยังพื้นที่ขุดค้นทันที

เต็นท์ที่พักของพวกทีมงานตั้งอยู่ถัดไปทางด้านทิศเหนือของพื้นที่ ห่างจากจุดนี้พอสมควร  เปโดรคิดว่าเขาน่าจะมีโอกาสสํารวจบริเวณนี้ได้โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

บรรยากาศในคืนเดือนมืด  ช่วงเวลาพ้นเที่ยงคืนมาแล้วเช่นนี้เป็นใจให้เขาดีนักแหละ  อาศัยแสงไฟริบหรี่สาดส่องมาจากทางเต็นท์ที่พักของพวกนักโบราณคดีซึ่งเห็นเป็นเงารางๆ ห่างออกไป เปโดรสังเกตพบว่าพื้นที่

การขุดค้นถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ  ร่องรอยการขุดเป็นไปอย่างมีแบบแผนแสดงว่ามีการวางแผนการทํางานมาอย่างเป็นระบบระเบียบ

เขาย่อตัวลงดูหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลุมหนึ่งที่ดูเหมือนขุดค้างไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกนักโบราณคดีไม่ได้โกหก  การขุดค้นยังไปไม่ถึงไหนจริงๆ  ทั้งที่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว  ผิวดินกลับถูกขุดลงไปแค่เพียงตื้นๆ  น่าสงสัยว่าพวกนักโบราณคดีคงจะขุดกันวันละไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่ๆ

เวรกรรม! แล้วเมื่อไหร่จะได้พบอะไรที่มันน่าอัศจรรย์กันล่ะ?

เขาส่ายหัวอย่างเซ็งๆ  คิดว่าวันนี้คงมาเสียเที่ยว  แต่อย่างน้อยก็คงจะต้องขอเก็บรูปความคืบหน้าของโครงการขุดค้นไว้เสียหน่อย  ถึงรู้ว่าจะนําไปใช้ตีพิมพ์ไม่ได้เพราะเป็นภาพที่ได้มาโดยวิธีการไม่ถูกต้อง  แต่ถ่ายเก็บไว้ก็คงไม่เสียหาย เผื่อวันหน้ามีประเด็นร้อนแรงขึ้นมา เช่นมีการทุจริตเงินงบประมาณในการขุดค้น  เขาอาจมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายเหล่านี้ในการตีข่าวให้เข้มข้นขึ้นหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วเปโดรก็กระหยิ่มยิ้มย่อง  คว้ากล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่ขึ้นมาปรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน  แล้วเดินย่องเก็บภาพตามมุมต่างๆ อย่างตั้งใจ

อุปสรรคทั้งเรื่องแสงสว่างซึ่งมีน้อยนิด  ประกอบกับความไม่คุ้นชินพื้นที่เนื่องจากไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาเหยียบย่างบริเวณนี้เลยตั้งแต่เริ่มมีการขึงรั้วกั้นล้อมพื้นที่ขุดค้น  สภาพพื้นดินไม่ราบเรียบทําให้เขาก้าว

พลาดอยู่หลายหน ต้องประคองทั้งตัวและกล้องอย่างทุลักทุเล ไหนจะต้องคอยระวังไม่ให้การ์ดเห็นเข้าอีก  การถ่ายภาพซึ่งปกติเป็นงาน  ‘หมูๆ’  จึงกลายเป็นงาน ‘ช้าง’ ขึ้นมาทันที

ครืน...ครืน...

เอ๊ะ! ฟ้าร้องได้อย่างไรกัน?

นักข่าวหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าซึ่งแต่เดิมมืดสนิทอยู่แล้ว  บัดนี้

มีกลุ่มเมฆดําทะมึนลอยอยู่ทั่ว  ไม่รู้ว่าอุปาทานไปหรือไม่  เปโดรรู้สึก

ราวว่าพื้นดินที่เขายืนอยู่ไหวสะเทือนน้อยๆ ขณะท้องฟ้าส่งเสียงร้องครืนใหญ่อีกครั้ง

นี่มันหน้าร้อนมิใช่หรือ...ที่สําคัญเมื่อเช้าเขาดูพยากรณ์อากาศก็ไม่เห็นสถานีไหนเอ่ยถึงเรื่องฝนตกฟ้าร้องในเมืองปอมเปอีเลย เปโดรสบถด้วยความหงุดหงิด  การหาทางลอบเข้ามาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่นอกจากสถานการณ์จะส่อเค้าว่าคืนนี้เขาคงต้องคว้า  ‘น้ำเหลว’ แล้ว เขายังจะได้ ‘น้ำฝน’ เปียกโชกติดตัวกลับที่พักไปด้วย

ให้มันได้อย่างนี้สิ!

ยืนหัวเสียได้ไม่นานเปโดรก็รีบเก็บกล้องราคาแพงลิ่วซุกเข้าในคอเสื้อยืด  พอดีกับจังหวะที่ฝนเม็ดแรกโปรยลงกระทบหน้าผากและไม่ทิ้งช่วงให้ตั้งตัวเลย  เม็ดฝนกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าเป็นม่านหนาทึบในเวลาอันรวดเร็ว ...จะเรียกว่าฝนตกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็คงได้

เปโดรไม่อยู่รอท้าทายเทพเจ้าแห่งสายฝนผู้ไม่เป็นใจให้เขาในวันนี้ พยายามจะวิ่งย้อนกลับไปยังทางเดิม  แต่อาการวิ่งก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นการเดิน  และเกือบจะกลายเป็นการคลานในตอนหลัง  เพราะนอกจากความมืดกับเส้นทางไม่คุ้นชินแล้วขณะนี้ยังเพิ่มม่านฝนเป็นตัวบดบังทัศนวิสัยเบื้องหน้าอีกด้วย

เปรี้ยง!  สายฟ้าแลบแปลบปลาบทําให้ชายผู้ยืนอยู่กลางสายฝนต้องก้มตัวลงต่ำโดยสัญชาตญาณ  ตอนนี้เขาแทบมองอะไรไม่เห็นแล้ว อย่าว่าแต่ทางออก  มีอะไรอยู่รอบตัวในรัศมีหนึ่งเมตรเปโดรก็ไม่อาจรู้ได้เลย ถ้าหากเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปเจอการ์ดคุมพื้นที่ เห็นทีจะยุ่ง

“มาตกอะไรตอนนี้วะ!” เขาสบถลั่นแข่งกับเสียงคํารามจากเบื้องบน

ฟ้าคํารามขึ้นอีกครืนใหญ่คล้ายจะร้อง  ‘สมน้ำหน้า’  เขาโดยเฉพาะ เปโดรกอดกล้องในเสื้อยืดเปียกซกของเขา  พยายามเพ่งมองหาทางออกอย่างเต็มที่  และเมื่อพอจะคลําทางได้เขาก็ตัดสินใจออกวิ่ง  แต่เพียงแค่

สองสามก้าวแรกก็ต้องชะงัก  เมื่อปรากฏสายฟ้าฟาดผ่าขวางทางตรงหน้าพอดี  ใจร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม  หากเมื่อครู่เขาวิ่งเร็วกว่านี้ก็คงจะอยู่ตรงจุดที่ฟ้าผ่าพอดิบพอดี

ยังไม่ทันจะเรียกสติกลับคืนมาได้  เปโดรก็ได้ยินเสียงอื้ออึงเหนือศีรษะอย่างน่าขนลุก  เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า  ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด!  อะไรบางอย่างหมุนวนอยู่เหนือศีรษะ  หมุน

ด้วยความเร็วสูงมาก และมันก็กําลังเคลื่อนต่ำลงมาครอบตัวเขา

วิ่ง!  สมองสั่งการเช่นนั้นแต่ร่างกายปฏิบัติตามไม่ทันแล้ว  เพราะเพียงขยับตัวนิดเดียวร่างก็ลอยหมุนเคว้งไปกับกลุ่มพายุหมุนกําลังแรงมหาศาล แม้แต่เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ถูกกลืนหายไปด้วย

ไม่มีใคร...ไม่มีแม้สักคนเดียวที่ได้ยินเสียงร้องของเขา

ทันทีที่ร่างเปโดรหายลับไป  มีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้า ร่วงลงตรงตําแหน่งที่เปโดรยืนอยู่เมื่อครู่... ‘มัน’ ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ส่งเสียง ไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แต่การปรากฏตัวของ ‘มัน’ กําลัง

จะทําให้โลกของใครบางคนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!

 

เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?

เปโดรมีโอกาสได้ตั้งคําถามกับตัวเองเป็นครั้งแรก  หลังจากอาการปวดร้าวทั่วร่างกายค่อยทุเลาลง  แม้ยังรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งราวกับมีใครยัดหินหนักถ่วงเข้าไปในสมองของเขา

ร่างของเขานอนราบอยู่บนพื้นผิวสาก  สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากใต้ผืนดิน เสียงอื้ออึงดังทั่วบริเวณ และเสียงตูมตามคล้ายระเบิดดังก้องอยู่เป็นระยะ...  ที่นี่คือที่ไหนกัน  มันไม่เหมือนกับเขตขุดค้นที่เขาลักลอบเข้าไปเลย

เปโดรกะพริบตาถี่ๆ  แล้วค่อยๆ  ลุกขึ้น  แต่เพียงแค่ผงกศีรษะขึ้นก็ถูกของแข็งหล่นทับลงตรงกลางกระหม่อม ต้องนอนราบกับพื้นไปอีกครั้ง

เสียงครางฮือลอดริมฝีปากออกมา  เลือดไหลเป็นทางจากกระหม่อมอาบซีกหน้าด้านซ้าย เปโดรค่อยๆ ยกมือขึ้นคลําบาดแผลแล้วนิ่วหน้า เจ็บเหลือเกิน ปวดร้าวไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ได้

เขาเหลือกตามองสิ่งของที่หล่นลงมาทับหัวเมื่อครู่  มันคือเศษวัสดุบางอย่าง  อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของหลังคาบ้าน  และยังมีก้อนหินหลายก้อนกลิ้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน เป็นก้อนหินที่มีรูพรุนคล้ายฟองน้ำแต่แข็งเป็นหินขนาดสองถึงสามกําปั้น... มันหล่นมาจากที่ไหนกัน?

เมื่อค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมอง  ดวงตาก็ต้องเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก  ก้อนหินที่หล่นลงมาไม่ได้มีแค่ก้อนเดียว  แต่มีจํานวนมหาศาลและมันกําลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวห่าฝน!

หัวใจเขาแทบหยุดเต้น  เดินทางตะลอนไปรอบโลกไม่เคยเจอ  ‘ฝนก้อนหิน’  ห่าใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าในลักษณะนี้เลย...มันคือปรากฏการณ์อะไรกันแน่?

ต้องหนี!...  เปโดรคิดได้แค่นั้น  ขืนนอนอยู่ตรงพื้นที่โล่งแจ้งแบบนี้คงถูกก้อนหินเหล่านั้นทับตาย

เขาพยายามลุกขึ้น  ครั้งนี้ประสบความสําเร็จเพราะมุ่งมั่นที่จะหาทางเอาชีวิตรอด  เมื่อทรงตัวได้ก็รีบเดินให้พ้นรัศมีฝนก้อนหินห่าใหญ่ เปโดรกวาดตามองโดยรอบแล้วก็ต้องงุนงงอย่างมาก  เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตขุดค้นที่เขาลักลอบเข้าไปเก็บภาพ  ทุกอย่างแปลกตาไปหมด  มันเป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เขาเดินวนอย่างคนหลงทางจนสะดุดอะไรบางอย่างล้มลง  เปโดรร้องครางด้วยความเจ็บปวด  เมื่อเงยหน้ามองสิ่งที่ขวางทางเดินอยู่เขาก็ต้องอ้าปากค้าง  เพราะใต้เศษซากวัสดุล้มระเนระนาดซึ่งน่าจะเป็นหลังคา

และเสาบ้านถล่มลงมาเพราะรับน้ำหนักก้อนหินที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งไม่ไหว มีร่างชายค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งถูกทับอยู่

เปโดรขยับเข้าไปโกยกองหินบางส่วนให้พ้นทาง  เมื่ออยู่ในระยะเอื้อมมือถึงเขาจึงลองอังจมูกชายผู้นั้น  แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันเป็นสัญญาณของการมีชีวิต

ผู้ชายคนนี้ตายแล้ว! ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นักข่าวหนุ่มพิจารณาผู้ตายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง  เท่าที่เห็นจากช่องว่างระหว่างเศษซากปรักหักพัง  ชายผู้นี้แต่งกายแปลกตา...แลดูเหมือน...เครื่องแต่งกายของชาวโรมันในสมัยโบราณ!

ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันนะ  และทําไมจึงมานอนตายอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครเหลียวแลเลย

เปโดรสลัดศีรษะ  ตั้งสติพยายามนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ตนยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน  เขาบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของทีมขุดค้นโบราณคดีที่เมืองปอมเปอี ระหว่างเก็บภาพมีพายุฝน เขาพยายามจะหาทางกลับที่พักแต่ก็กลับไม่ได้  จําได้ว่าเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวมาใกล้ คล้ายพายุหมุนลูกใหญ่ ฝุ่นตลบฟุ้งไปหมด มันมีแรงดึงดูดมหาศาลดึงร่างของเขาเข้าไปหามัน แล้วจากนั้นเขาก็มาโผล่ที่นี่

ที่นี่คือที่ไหน?...และกําลังเกิดอะไรขึ้น  เหตุใดจึงมีก้อนหินมากมายตกลงมาจากท้องฟ้า  และผู้ชายคนนี้เป็นใคร  ทําไมเขาจึงแต่งตัวประหลาด และนอนตายอยู่ตรงนี้โดยไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย

เปโดรมองไปรอบๆ  อีกครั้ง  ที่นี่เป็นบ้านแน่...บ้านแบบสมัยโรมันโบราณ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในเมืองปอมเปอี สถานที่ที่เขามาทําข่าวการขุดค้นทางโบราณคดีก็เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างยุคโบราณอยู่แล้ว

เปโดรได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านนอกจึงตัดสินใจหาทางออกจากบ้านหลังนี้  พยุงตัวไปจนถึงประตู  ก้าวแรกที่เหยียบย่างออกไปยังท้องถนนด้านนอกเขาก็ต้องพบเจอกับสิ่งไม่คาดฝัน

ฝุ่นควันลอยฟุ้งเต็มไปหมด  สภาพชุลมุนวุ่นวาย  ผู้คนต่างวิ่งไปในทิศทางเดียวกันคล้ายหนีอะไรบางอย่างมาจากอีกทิศทางหนึ่ง  เสียงร้องอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์  แต่ละคนสวมเครื่องแต่งกายชุดโรมันแบบโบราณ

อย่างที่เขาเห็นศพชายในบ้านสวม

คนพวกนี้เป็นใคร  หรือจะมีการจําลองบรรยากาศสมัยโรมันขึ้นมาที่นี่!

เปโดรไอโขลกเพราะสําลักฝุ่นลอยฟุ้ง  พื้นดินที่ยืนอยู่ไหวโคลงจน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เหตุภูเขาไฟครั้งใหญ่กลบฝังเมืองปอมเปอีให้จมอยู่ใต้พิภพ และส่งหญิงสาวชาวโรมันข้ามกาลเวลาไปสู่อนาคตสองพันปีข้างหน้า นักโบราณคดีหนุ่มพาเธอย้อนอดีตกลับบ้าน แล้วความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นที่ โรม ณ ที่นี้มีรัก ดอกเตอร์ปรัชญา หนึ่งในคณะขุดค้นทางโบราณคดีเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลีพบหญิงสาวนิรนามนอนสลบไสลอยู่ในเขตหวงห้ามหลังคืนพายุฝนกระหน่ำ เธอสวมชุดโรมันโบราณ พูดภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก ท่าทางตื่นกลัวราวคนบ้า ดอกเตอร์หนุ่มค้นหาคำตอบจนรู้ว่าเธอมาจากอดีตไกลพ้น โชคชะตาพาเขาเดินทางข้ามกาลเวลาสู่โรมเมื่อสองพันปีก่อนพร้อมเธอ แล้วหญิงสาวก็พบว่าเธอไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้ว จะเลือกจมอยู่กับอดีตหม่นเศร้า หรือเริ่มต้นรักแท้กับเขาในโลกอนาคตที่ไม่คุ้นเคย นั่นคือหนทางที่โรซาเลียต้องเลือกเอง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024