ม่านเมฆา (อุณากรรณ)

ม่านเมฆา (อุณากรรณ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160023660
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ชายหนุ่มในเครื่องแบบสีกรมท่ายืนมองใบพัดทั้งสี่หมุนวนก่อนที่

เครื่องบินลำโตจะเชิดหน้าสู่ท้องนภา ลำแรกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว อีกไม่

กี่นาทีลำที่สองจะตามขึ้นไป

หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะน้อยเกินไปสำหรับภารกิจ

อันมากมายของฝูงบินลำเลียงที่เขาสังกัดอยู่ ภารกิจซึ่งไม่เลือกวัน เวลา และ

สถานที่ ไม่ว่าเช้า สาย บ่าย เย็น ดึกดื่นเที่ยงคืน หรือในถิ่นใกล้ไกล

ทุกคนในฝูงบินก็ทำงานกันอย่างแข็งขัน

ไม่เพียงแต่นักบิน ต้นหนหรือ Navigator ช่างอากาศหรือ Flight

Engineer เจ้าหน้าที่ขนส่งทางอากาศหรือ Load Master และเจ้าหน้าที่ใน

ส่วนต่างๆ ของฝูงบินที่มีงานล้นมือ อากาศยานประจำฝูงบินอย่าง C-130

เองก็รับบทหนักไม่แพ้กัน

‘ไอ้หมู’ จำนวนหลายลำผลัดกันบินขึ้นบินลงปฏิบัติภารกิจลำเลียงและ

สนับสนุนทางอากาศมาเกือบสามสิบปีแล้ว ไม่เพียงแต่รับใช้ประชาชนชาวไทย

ทว่ายังครอบคลุมไปถึงผู้คนในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ

ไอ้หมู Hercules เครื่องบินลำเลียงแบบ ๘ หรือ C-130 ไม่ว่าจะ

เรียกขานด้วยชื่อใดเครื่องบินลำใหญ่ก็เป็นดังเพื่อนที่ซื่อสัตย์ แม้บางครั้ง

จะเกเรไม่ยอมทำงานบ้างจนนักบินและช่างเครื่องเกิดอาการเซ็ง

อย่างไรก็ตาม ‘ไอ้หมู’ ก็เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินทางไม่ว่าใกล้หรือ

ไกล จากเหนือไปสุดแดนใต้ ตะวันออกจดตะวันตก ไปทั่วทุกแห่งหนบน

แผ่นดินขวานทอง หรือจะให้บินข้ามน้ำข้ามทะเล ผ่านเส้นแบ่งเขตแดน

ไปสู่ประเทศอื่นทวีปอื่น เขากับไอ้หมูก็ไปด้วยกันเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับ

มอบหมายให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์

ปฐมบทแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ‘ไอ้หมู’ เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่

เขาจบจากโรงเรียนการบินกำแพงแสน ติดอาร์มสีขาวที่ต้นแขนข้างซ้ายบน

ชุดหมีสีเขียวหม่นเริ่มต้นชีวิตนักบินใหม่ ก่อนจะกลายมาเป็นอาร์มสีฟ้าเป็น

นักบินพร้อมรบประจำฝูงอย่างเต็มภาคภูมิ ทำหน้าที่นักบินที่สอง

จนกระทั่งบัดนี้อาร์มที่ติดต้นแขนข้างซ้ายเปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นนักบิน

ที่หนึ่งหรือกัปตันดูแลลูกเรือ อีกไม่นานก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง...ครูการบิน

เป็นครูพี่ธันว์ของน้องๆ ภาระและหน้าที่บนบ่าทั้งสองข้างย่อมหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นักบินหนุ่มตระหนักดีว่าแถบสีทองแต่ละแถบที่ประดับอยู่บนบ่าใต้

ดาวสีทองห้าแฉก๑ คือความรับผิดชอบที่มากขึ้น รับผิดชอบต่อลูกเรือที่ขึ้น

บินพร้อมกันเมื่อเขาเป็นกัปตัน รับผิดชอบต่อฝูงบิน กองบิน และกองทัพ

ซึ่งความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดคือผืนแผ่นดินเกิด โดยเฉพาะเมื่อยาม

ปฏิบัติหน้าที่ในต่างแดนแบกประเทศชาติไว้บนบ่า มีธงชาติไทยผืนเล็กติด

ที่ต้นแขนคอยเตือนใจ เตือนการกระทำอันจะออกนอกลู่นอกรอยของตน

“เฮ้ย! ยากว่ะ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น

ธันว์เอี้ยวตัวไปทางด้านหลังก็เห็นรุ่นน้องสองคนที่เพิ่งจบจาก

โรงเรียนการบินกำแพงแสน และเข้ามาเป็นนักบินใหม่ของฝูงบิน

“เออดิ...ข้าก็จำตรงนี้ไม่ได้สักที ยากฉิบ”

ธันว์อมยิ้มเมื่อได้ยินทั้งสองโต้ตอบกัน เขายังจำวันที่เป็นนักบินใหม่

ได้ แม้จะจบจากโรงเรียนการบินเข้าไปสังกัดในฝูงบินแล้วก็ยังต้องเรียนรู้

ทฤษฎีการบินอีกมากมาย ต้องฝึกบินเปลี่ยนแบบซึ่งหมายถึงการเปลี่ยน

ประเภทของเครื่องบินมาเป็นอากาศยานประจำฝูงบินนั้นๆ ที่นี่...เขาต้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับ C-130 ต้องรู้ระบบทางเทคนิคต่างๆ ฝึกบินขึ้นและลงสนาม

เขาจำได้ว่าช่วงเวลานั้นได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง เวลาแต่ละนาทีดูเหมือน

จะใช้ไปกับการอ่านตำราการบิน และคอยแหงนหน้ามองรุ่นพี่พาเจ้านกยักษ์

ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับวาดฝันไว้ว่า สักวันเขาจะเป็นคนพา ‘ไอ้หมู’

เหินเวหาด้วยตนเอง

เสียงเครื่องบินคำรามลั่น และไม่นานมันก็เชิดหัวขึ้นสู่ท้องนภาตาม

เพื่อนๆ ไปอีกลำ

“เมื่อไหร่จะได้ไปแบบนั้นบ้างวะ ท่องแต่ตำรา เบื่อ” หนึ่งในสองหนุ่ม

โอดครวญ

คราวนี้ธันว์ไม่ได้ยิ้มอย่างนึกขำแต่อย่างใด มันมีความขุ่นมัวอยู่นิดๆ

แม้จะเข้าใจว่าเมื่อเลือกเป็นนักบินทุกคนก็เฝ้าฝันว่าจะได้บิน ไม่มีใครอยาก

นั่งท่องจำแต่ตำรา

“อืม เบื่อเหมือนกัน”

เสียงเออออดังมาเข้าหูอีกครั้ง ทำให้เขาคิดว่าต้องข่มขวัญนักบินใหม่

สักหน่อย ธันว์ก้าวไปหาสองหนุ่มที่ยังสุมหัวปรับทุกข์กันอยู่

“ได้ยินว่าเบื่อนักหนา เบื่อท่องตำรา”

สองหนุ่มหันขวับมาแทบจะพร้อมกันแล้วทำหน้าเหลอ คนหนึ่งถึงกับ

อ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าจะมีใครมาได้ยินคำบ่น

“ถ้าไม่แม่นทฤษฎีแล้วจะเอาอะไรไปปฏิบัติ” เขาพยายามทำเสียงเข้ม

เหมือนครูการบินทุกคนที่เคยสอนตัวเอง และมันก็ได้ผลเพราะหน้าตาของ

นักบินใหม่ไฟแรงจ๋อยลง

“จริงไหม” ธันว์แกล้งสำทับพร้อมกับตีหน้าเคร่ง

“ครับ” ทั้งสองคนรับคำพึมพำอยู่ในคอ

ธันว์เอามือไขว้หลังเอียงคอพลางหรี่ตามอง วางท่าข่มอย่างเต็มที่

“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”

“ครับ”

ไม่เพียงแต่เสียงที่ดังหนักแน่น แต่ท่าทางยืนตรงแน่วทำให้นักบิน

หนุ่มลอบยิ้มอยู่ในใจ เออ...มันกลัวด้วยแฮะ

“เครื่องบินสี่เครื่องยนต์ สี่ใบพัด แถมยังลำใหญ่โตบรรทุกรถฮัมวี

ได้สองสามคัน ไม่ง่ายหรอกที่จะทำความเข้าใจและบังคับมัน แต่มันก็ไม่ยาก

เกินไปนี่ นู่น! ยังทำได้ แล้วคนนั้นอีก”

ธันว์ชี้ไปยังนักบินรุ่นน้องคนหนึ่งที่เพิ่งผ่านหลักสูตรพร้อมรบ

และก้าวเข้ามาเป็นนักบินของฝูงบินอย่างเต็มตัว ส่วนอีกคนเป็นนักบินที่สอง

ซึ่งทำการบินกับเขาบ่อยที่สุด

“เราก้าวขาข้างหนึ่งมาอยู่บน Lucky way๒ แล้ว อย่าให้อะไรมารั้ง

ขาอีกข้างไว้” เขายื่นมือไปตบต้นแขนข้างซ้ายซึ่งมีอาร์มสีขาวติดอยู่ของหนึ่ง

หนุ่มเบาๆ “เปลี่ยนมันให้ได้ หาความลับของ C-130 ให้เจอ แล้วเราจะได้

เป็นทีมเดียวกัน...Lucky Team”

ธันว์เดินจากมา รู้ดีว่าสองหนุ่มจะทำตามที่เขาบอก เพราะมันเป็น

สูตรสำเร็จของฝูงบินซึ่งเขาผ่านมันมาแล้ว การเข้ามาเป็นหนึ่งใน Lucky Team

ใครว่าง่าย มันต้องใช้เวลา ความอดทน และความมุ่งมั่น ดูอย่างเขาจนป่านนี้

ก็ยังคิดว่ารู้ความลับของ C-130 ไม่หมด และคงไม่มีวันหมด

ตราบใดที่นักบินหยุดทำความเข้าใจ หยุดค้นหา หยุดเรียนรู้เกี่ยวกับ

อากาศยานที่ตนเองขับ มันก็เหมือนนักบินคนนั้นหยุดพัฒนาการด้านการบิน

ของตน แต่ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน! เขาไม่มีวันหยุดจนกว่าจะถึงปลายทาง

ที่มุ่งหวังไว้ มีเวลาเหลืออีกกี่ปีกันที่จะบินขึ้น-ลงพร้อม ‘ไอ้หมู’ การเป็น

นักบินทหารมีเวลาจำกัดเหมือนกับอาชีพอื่นๆ ที่จำต้องใช้ประสาทสัมผัส

ดีเยี่ยมและร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

เขารักษาสมอง ดวงตา และหัวใจอย่างเข้มงวด ด้วยว่าเป็นอวัยวะที่

สำคัญยิ่งในการบิน เพราะรู้ดีและเห็นตัวอย่างมาแล้วว่าการสูญเสียสิ่งใด

สิ่งหนึ่งจะนำไปสู่จุดจบของชีวิตนักบิน เป็นการยุติชีวิตเหินเวหาที่เลวร้าย

ยิ่งนักในความคิดเขา

การใส่ใจสุขภาพร่างกายนี่เองทำให้เพื่อนฝูงเคยค่อนว่าเขาเลือก

แว่นตากันแดดสักอันเหมือนเลือกเมีย และธันว์ก็เถียงไม่ออกด้วยเป็นความ

จริง ร่างกายคือสิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพ การบินคือสิ่งที่เขารัก การ

เป็นนักบินคือความฝันที่ต้องฝ่าฟันมาเนิ่นนาน และสานความฝันนั้นด้วย

ความมุ่งมั่นตั้งใจ เขาจะไม่ยอมให้ใครหรือสิ่งใดมาหยุดยั้งมัน

แม้การเป็นนักบินทหารจะมีเวลาจำกัด เพราะต้องใช้ทักษะและ

ประสาทสัมผัสที่ดีในการบินปฏิบัติภารกิจต่างๆ นักบินคนหนึ่งจะขึ้นทำการ

บินได้แค่สิบกว่าปีเท่านั้นนับตั้งแต่จบจากโรงเรียนการบิน เมื่อถึงเวลาต้อง

หลีกทางให้นักบินรุ่นใหม่ไฟแรง ฟิตกว่าหนุ่มกว่าเข้ามาทำหน้าที่แทน เขา

ไม่อาจยึดติดกับฝูงบินไปได้ตลอด แต่สิ่งที่ทำได้และวาดหวังไว้สุดหัวใจก็

คือ เกษียณอาชีพนักบินทหารด้วยความสง่างามดุจดังนักมวยฝีมือจัดจ้าน

ผู้ก้าวลงจากเวทีพร้อมชัยชนะเต็มสองมือ รวมทั้งสั่งสมมันไว้เป็นต้นทุนเพื่อ

ก้าวสู่ตำแหน่งหน้าที่ใหม่ เช่นเครื่องบินไต่ระดับหาเพดานบินที่เหมาะสม

เขาคิดว่าคนทำงานทุกคนย่อมมีจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องเป็นจุดที่

สูงสุดในองค์กร แต่เป็นจุดที่ประกาศถึงความสำเร็จในอาชีพ จุดที่ตนเองพอใจ

ส่วนเรื่องเมีย...ผู้หญิง เขาต้องเลือกอยู่แล้ว คงไม่มีผู้ชายคนไหน

ไม่เลือกคนที่จะมาเป็นเมียและแม่ของลูก เคยมีคำถามเล่นๆ เมื่อยามนัด

สังสรรค์กันระหว่างเพื่อนฝูง

‘ผู้หญิงกับเครื่องบินรักอะไรมากกว่ากัน’

เขาไม่คิดว่าจะมีใครตอบแต่ก็มี และแปลกเพราะคนที่แต่งงานแล้ว

กลับบอกว่าขอเลือกเครื่องบิน ส่วนหนุ่มโสดแต่ไม่สดทั้งหลายกลับตอบเป็น

เสียงเดียวกันว่าผู้หญิงพร้อมยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง มีแค่เขาคนเดียว

ที่ไม่ตอบ ด้วยไม่คิดว่าจะเปรียบเทียบกันได้ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง เครื่องบิน

ก็คือเครื่องบิน

‘แล้วการบินกับผู้หญิงที่รักล่ะวะ’

มักมีคำถามแปลกๆ แบบนี้ในวงเหล้า และเพื่อนฝูงก็คาดคั้นให้เขา

ตอบเป็นคนแรกโทษฐานที่ไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้ เขานั่งเงียบเพราะ

กะจะกวนประสาทพวกมันนั่นแหละ

‘เฮ้ย! เอ็งก็แค่เลือกอะไรสักอย่างที่เอ็งขาดไม่ได้น่ะ’ เพื่อนบางคน

อุตส่าห์ช่วย เมื่อพวกมันอยากรู้นักเขาก็เลยสนอง

‘ไม่รู้ว่ะ ที่ผ่านมาข้าไม่เคยขาดทั้งสองอย่าง ไม่ว่าการบินหรือผู้หญิง’

เท่านั้นเองเสียงสรรเสริญก็ดังขรม ใครว่าผู้ชายด่าไม่เป็นลองมาเจอ

เพื่อนเขาแต่ละคนด่ากันไฟแลบ ทุกคำล้วนแสบสัน แต่เขาไม่ใส่ใจ พวกมัน

ก็บ้าถามมาได้ เขาไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่แล้วเพราะสามารถมีทั้งสองสิ่งได้

ในเวลาเดียวกัน พวกนี้มันบ้า ชอบถามและทำอะไรแผลงๆ เวลาเหล้าเข้าปากเสมอ

ธันว์อดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงวันเก่าๆ คงเป็นรอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้า

ละมั้งที่ทำให้ช่างอากาศซึ่งเขาเคยไปขอความรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน C-130

อยู่บ่อยครั้งเอ่ยปากแซว แล้วเขาก็ตอบโต้กลับไป ฝ่ายนั้นหัวเราะพร้อมกับ

ส่ายหน้าอย่างจนด้วยคำตอบ ก็แหงอยู่แล้ว ฝีปากเขาใช่ย่อยที่ไหน

“โอย อย่าไปสู้กับมัน...บินดี ปากดี เสน่ห์ดี” รุ่นพี่นักบินคนหนึ่งเดิน

เลี้ยวมุมตึกมาได้ยินพอดีจึงเอ่ยเตือนช่างอากาศ ธันว์หันไปยิ้มกว้าง

“นั่นละครับ นิยามของชายชื่อธันว์” สิ้นคำพูดของเขา รุ่นพี่ทั้งสอง

แต่ต่างหน้าที่พากันหัวเราะ ช่างอากาศส่ายหน้าแล้วยกมือลา ส่วนรุ่นพี่นักบินถามต่อยิ้มๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะมีเมียดี”

“ผู้หญิงดีต้องใช้เวลาเสาะหา ก็เหมือนกับการเป็นนักบินที่ดีต้องใช้

เวลาสั่งสมประสบการณ์”

“เออ” เสียงตอบกระแทกกระทั้น “พี่ยอมเอ็ง มานี่ มาช่วยทำงานหน่อย”

แล้วเขาก็ถูกล็อกคอลากเข้าไปยังห้องพักผ่อนของนักบิน

 

ธันว์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดแขนขึ้นและบิดตัวเพื่อคลายความ

เมื่อยหลังจากนั่งทำงานมานาน ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดเพราะเลยเวลาเลิก

งานไปนานแล้วแต่งานที่เขาต้องรับผิดชอบเพิ่งจะเสร็จ ทุกวันมักจะจบลง

แบบนี้ กลับบ้านหลังพระอาทิตย์ตก ไม่เว้นแม้แต่วันที่ไม่ต้องขึ้นบินอย่างวันนี้

ไม่ได้ขึ้นทำการบินก็ใช่ว่านักบินจะว่างงาน ต่างกันที่นั่งทำงานบนฟ้า

กับนั่งทำงานบนพื้นดิน นั่งทำงานบนฟ้ามีความสุขกว่าทั้งที่เสี่ยงและอันตราย

มากกว่า เขาลุกขึ้นเก็บข้าวของ เหลือบมองนักบินใหม่สองคนก็เห็นว่ายัง

ก้มหน้าก้มตากับตำราการบินเล่มโต

“พี่กลับนะ ขยันๆ ล่ะ” เขาบอก

ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมองและยกมือไหว้ เห็นท่าทางเคร่งเครียดของ

ทั้งคู่แล้วก็รู้สึกเข้าใจและเห็นใจด้วยว่าเคยผ่านช่วงเวลานี้มาก่อน

“มีอะไรให้ช่วยก็บอก คนที่รู้วิธีปราบพยศ C-130 มากที่สุดคือนักบิน

คนที่รู้ความลับ C-130 มากกว่าใครคือช่าง แต่ภารกิจทุกภารกิจสำเร็จได้

เพราะทุกคนในฝูงบิน” ธันว์เดินไปหา พลิกหนังสือที่ทั้งสองกำลังอ่านค้าง

อยู่ “ความรู้ไม่ได้มีอยู่ในนี้อย่างเดียว แต่อยู่ทุกที่ ทุกคนที่มีประสบการณ์

ถ้าเบื่อก็ออกไปคุยกับคนนั้นคนนี้ ลองเอาสิ่งที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้เจอมา

ผสมผสานกัน ช่างนี่แหละตัวดีรู้อะไรเยอะ”

ชายหนุ่มยิ้มกว้าง อยู่ไปนานๆ เข้าเดี๋ยวพวกมันก็รู้เองว่าบางครั้ง

นักบินยังต้องปรึกษาปัญหาชีวิตกับช่างอากาศ

“พยายามเข้าล่ะ ทนเอาหน่อย ฝูงบินนี้ต้องการพวกนาย” ธันว์ขยิบ

ตาแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องโดยไม่คิดรอคำขานรับ เขารู้ดีว่าคำพูด

สุดท้ายจะทำให้สองหนุ่มเกิดแรงฮึด ความฝันมันมีพลัง และเขาก็เห็นพลัง

นั้นในดวงตาของทั้งคู่

 

ธันว์คาดการณ์ไว้ไม่ผิด สองหนุ่มก้มหน้าท่องตำราด้วยหัวใจที่พองฟู

กว่าเดิม ความกระปรี้กระเปร่าไม่รู้มาจากไหน รู้แต่ว่ามันเข้ามาแทนที่ความ

ห่อเหี่ยวระทดท้อ นักบินใหม่หนึ่งในสองคนเงยหน้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้

ยกมือกอดอกขณะมองโต๊ะที่นักบินรุ่นพี่เพิ่งเดินจากไปหลังนั่งทำงานอยู่เกือบทั้งวัน

‘เวลาขึ้นบินกับพี่ธันว์เนี่ย มองเพลินเลยนะเว้ย ไม่ว่าจะยื่นมือไปปรับ

ปุ่มไหน บังคับคันเร่งยังไงมันดูพลิ้วไปหมด สงสัยล็อกฮีด๓ สร้างพี่แกมา

พร้อมกับ C-130 ถึงได้ดูกลมกลืนเข้ากันขนาดนั้น’

เขาเคยได้ยินหลายคนที่เคยขึ้นบินกับธันว์คุยกัน กิตติศัพท์เกี่ยวกับ

ฝีมือการบินของรุ่นพี่คนนี้เป็นที่เลื่องลือ แต่เขาก็ยังสงสัย อาจเพราะยังไม่

เคยเห็น ไม่เคยขึ้นบินพร้อมกันก็เป็นได้ เพราะนักบินใหม่จะทำการบินกับ

ครูการบินเท่านั้น เอาเถอะวะ...คงได้บินกับพี่เขาสักวัน

“เขาว่าไม่มีพลาด”

                      (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

หัวใจคือแสงสว่างนำทาง ยามหลงทิศทางอยู่ในม่านเมฆา

ม่านเมฆา พายุฝน และสภาพอากาศเลวร้ายเป็นหนึ่งในบททดสอบฝีมือนักบิน
เช่นเดียวกับอุปสรรคนานัปการที่เป็นเครื่องทดสอบความเข้มแข็งของจิตใจมนุษย์
แม้แต่นักบินหนุ่มอนาคตไกล และนักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จก็ไม่มีข้อยกเว้น
เพียงพริบตาเดียว ความฝันและอนาคตของธันว์ถูกทำลายอย่างง่ายดาย
เพราะช่วยกันเกราจากอุบัติเหตุรถชนจนตัวเองบาดเจ็บสาหัส
กันเกราเองก็ไม่ต่างกัน เธอถูกหมายเอาชีวิตจากใครบางคน
ขณะเดียวกันเรื่องราวในอดีตของครอบครัวก็ทำให้เธอเจ็บปวด
ซ้ำเมื่อรู้ว่า ธันว์คิดจะแก้เผ็ดที่เธอทำให้เขาสูญเสียอาชีพที่รักยิ่งเจ็บช้ำ
ชีวิตของคนทั้งสองหลงทิศทางไม่ต่างจากเครื่องบินหลงฟ้าอยู่ในม่านเมฆา
มีเพียงจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะนำทางไปพบท้องฟ้าสดใสอีกครั้ง

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024