อัสดรพิโรธ (ชุดเลือดทระนง) (ณารา)

อัสดรพิโรธ (ชุดเลือดทระนง) (ณารา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160022311
ผู้แต่ง: ณารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 340.00 บาท 85.00 บาท
ประหยัด: 255.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หลวงนราภิบาลเดินทางมาถึงบางกอกตอนเช้าตรู่ ระหว่างนั่ง

กินอาหารกับมารดา เขาก็ได้รับฟังข่าวที่เกิดขึ้น

“แล้วคุณแม่จะทำยังไงกับเขาต่อไปครับ”

“ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน อยากให้เขารักษาตัวให้หายก่อน แล้วค่อยไป

ตามหาแม่ของเขาต่อไป”

“แต่ผมคิดว่า...แม่ของเขา...”

“นั่นแหละ” คุณหญิงบัวถอนใจเบาๆ “น่าสงสารนะ คิดว่าน่าจะถูก

ฆ่าตายแล้วเอาศพโยนลงน้ำ เพราะตาบูรณ์บอกว่ามีรอยเลือดอยู่ ตำรวจ

ก็สันนิษฐานเหมือนกัน คงต้องให้เวลาสักพักให้เขาลองไปตามหาแม่ดูก่อน

แล้วเขาคงจะค่อยๆ รับรู้ความจริง”

“แล้วตำรวจจับคนร้ายได้ไหมครับ”

“ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เห็นบอกว่าคงเป็นพวกกุ๊ยแถวบ่อนหรือ

แถวโรงฝิ่นนั่นแหละ คงจะเล่นไพ่หมดตัวเลยหน้ามืด...เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ”

บุตรชายพยักหน้า เรื่องราวของเด็กชายฟังแล้วน่าเห็นใจ

 

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ผมขอไปดูเขาหน่อยนะครับ”

“เอาสิ ไปดูกันหน่อย ดูซิว่าอาการดีขึ้นหรือยัง แต่คุณหมอให้ยากิน

แล้ว คงจะค่อยยังชั่วขึ้นแล้วละ” คุณหญิงบัวคาดหวัง หลังจากกินอาหาร

กันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็เดินมาที่เรือนเล็ก โดยมีแหวนเดินตามมาติดๆ

พอสมบูรณ์เห็นเจ้านายทั้งสองมาบนเรือนก็รีบจัดเก้าอี้ ยกมาวาง

ข้างเตียงคนไข้ แล้วนั่งพับเพียบรอต้อนรับ ขณะที่คนบนเตียงรีบขยับตัว

ลุกขึ้น ก่อนจะยกมือไหว้

“ไหว้พระเถอะพ่อคู้น” คุณหญิงบัวกับหลวงนราภิบาลรับไหว้ ก่อน

ที่ฝ่ายหลังจะถาม

“เช้านี้อาการเป็นยังไงบ้างล่ะตาบูรณ์”

“กินอาหารได้เยอะแล้วครับ”

“ดี กินเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ” คุณหญิงบัวนั่งลงเคียงข้างบุตรชาย

ที่มองเด็กชายตัวเก้งก้างบนเตียงด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนถามขึ้น

“พ่อของพ่อหนุ่มยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า จะส่งคนไปบอกข่าวไหม”

เด็กชายหลุบตา ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

“พ่อของผมเสียชีวิตแล้วครับ”

“แล้วญาติพี่น้องคนอื่นล่ะ” คุณหญิงถาม

“ผมกับแม่มาตามหาเจ็กเฮงที่เคยอยู่แถวนี้ แต่เขาย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด

แล้ว พวกเราตั้งใจจะมาขออาศัยลูกของแก แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป...”

“เจ็กเฮง...” สมบูรณ์พึมพำก่อนร้องบอก “อ๋อ จำได้แล้ว เขาย้ายไป

นานแล้ว ลูกหลานก็ย้ายไปหมด กระท่อมที่พ่ออัสจะไปหาน่ะ ตอนนี้เป็น

ของคนเช่าคนอื่นแล้วละ”

อัสดรกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะบอกอย่างสิ้นหวัง

“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้วครับ นอกจากแม่”

“รักษาตัวให้หายดีก่อนนะพ่อหนุ่ม” หลวงนราภิบาลบอก “หายดีแล้ว

ค่อยออกไปตามหาแม่ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่อยู่หรืออาหารการกินหรอกนะ

พวกเราจะดูแลพ่อหนุ่มเอง”

“ขอบคุณมากครับ” เด็กชายยกมือขึ้นไหว้อีกหน “เอาไว้หายดีเมื่อไหร่

ผมจะรีบหาเงินมาใช้คุณหญิงให้เร็วที่สุด”

“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก เอาเถอะ พักผ่อนเถอะนะ เย็นนี้

หมอจะแวะมาดูอาการอีกครั้ง” หลวงนราภิบาลบอก รู้สึกถูกชะตาและ

สงสารเด็กชายอย่างประหลาด อายุยังไม่เท่าไรก็ต้องมาสูญเสียทั้งพ่อและ

แม่ ญาติพี่น้องที่ไหนก็ไม่มี หากปล่อยให้ออกไปหางานทำก็คงไม่พ้นไปเป็น

จับกังที่ท่าเรือ แล้วดูรูปร่างสิ ผอมกะหร่องเสียขนาดนี้ จะยกกระสอบข้าว

ได้สักกี่รอบกัน

“แล้วนี่พ่อหนุ่มได้เรียนหนังสือหรือเปล่า” เขาอดถามไม่ได้

“เรียนครับ ผมกำลังเรียนชั้นม.๖”

“งั้นรึ” สายตาที่มองเด็กชายเปลี่ยนไป หลวงนราภิบาลมองเด็กชาย

อย่างพินิจพิเคราะห์ยิ่งขึ้น “อีกสองปีก็เข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วสิ”

เด็กชายกลืนน้ำลาย ก่อนจะพยักหน้ารับเศร้าๆ

“แต่ผมคงไม่ได้เรียนแล้วละครับ”

หลวงนราภิบาลสบตามารดาด้วยความเห็นใจ

“เอาเถอะ รักษาตัวให้หายดีก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่มีที่ไป จะให้อยู่

ทำงานกับแม่ ช่วยตาบูรณ์ทำสวน ปลูกผัก แม่จะให้ค่าขนมไปโรงเรียนก็แล้วกัน”

เด็กชายไม่ตอบ เขาไม่คิดจะรบกวนเจ้าของบ้านนานนัก เพราะไม่ใช่

ญาติพี่น้อง ที่รับเขาเข้ามารักษาตัว ชาตินี้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ก็ยังไม่รู้เลย

สองแม่ลูกผู้ใจดีจากไป สินธพก็ขยับตัวลงนอนก่อนจะปิดตาลง เพื่อ

สะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน เขาบอกตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ เตี่ยบอกเสมอ

ว่าลูกผู้ชายต้องอดทน เขาจะต้องทำให้ได้ แต่เขาสาบาน...ใครทำกับเขาและ

ครอบครัวของเขา เขาจะต้องตอบแทนพวกมันให้สาสม!

 

ตำรวจไม่สนใจที่จะตามหาอันธพาลสองคนที่ปล้นทรัพย์ของสินธพ

กับแม่อย่างจริงจังนัก เมื่อข่าวเล่ากันว่าชายทั้งสองหายหน้าหายตาไปจาก

บางกอกน้อยตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ ตำรวจก็ขี้เกียจตาม ปล่อยให้เรื่องค่อยๆ

เงียบไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

ส่วนการหายตัวไปของมุ่ยแช ตำรวจสรุปง่ายๆ ว่าตกน้ำตาย เพราะ

เรือลำน้อยของสินธพและมารดายังผูกอยู่ที่เดิม หลังจากมาดูสถานที่เกิด

เหตุสองหนก็สรุปจากที่เห็นเลือดจำนวนมากว่าเป็นเลือดของหล่อน คงถูก

ฆ่าปิดปาก แล้วจัดการโยนศพลงน้ำเพื่อกำจัดหลักฐาน ก่อนที่ฆาตกรทั้งสอง

จะหนีไป คดียุติเพียงแค่นั้น

สินธพพยายามเรียกร้องให้ตำรวจตามหาคนร้าย เพื่อจะได้จับตัวมา

รับโทษตามกฎหมาย แม้ตำรวจจะตอบรับ แต่ก็ไม่มีข่าวคืบหน้าใดๆ อีกหลังจากนั้น

เวลาผ่านไปบาดแผลของสินธพก็หายดี หลังจากลงไปช่วยงาน

สมบูรณ์ได้สองสามวัน เขาก็ตัดสินใจจะขอลาเจ้าของบ้าน หลังจากให้ที่

พักพิงมานานเกือบสองสัปดาห์

หลวงนราภิบาลก็กำลังจะเดินทางกลับเพชรบุรี หลังเสร็จธุระที่

บางกอก เขากำลังนั่งคุยกับมารดาเมื่อสินธพเดินขึ้นบันไดเรือนใหญ่ แล้ว

คลานเข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าทั้งสอง ก่อนจะก้มกราบ

“อ้าว พ่ออัส ว่ายังไง มีอะไรงั้นรึ ถึงขึ้นมาหาฉัน” คุณหญิงบัวเอ่ยถาม

“ผมจะมากราบลาครับคุณหญิง คุณหลวง”

“ลา? ลาไปไหน?” หลวงนราภิบาลสงสัย เพราะหลังจากได้พบเจอ

เด็กชายมาตลอดหลายวัน ก็รู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ ไหนจะความเฉลียว

ฉลาด ความมีมารยาท กิริยาเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน เขาจึงมีแผน

อยู่ในใจและตั้งใจจะเรียนมารดาในวันนี้ แต่เด็กชายกลับขึ้นมาลาเสียก่อน

“ผมจะไปทำงานรับจ้างปลูกผัก เลี้ยงเป็ดที่สวนข้างๆ ของป้าแจ่ม

ครับ ลุงบูรณ์บอกว่าเขากำลังหาคนช่วย ผมเคยปลูกผัก เลี้ยงเป็ดมาก่อน

เลยตั้งใจจะไปขอทำงานกับป้าครับ”

“อ๋อ ก็ดี รู้จักทำมาหากิน ไม่ต้องไปอยู่ไกลๆ เผื่อตำรวจได้ข่าวคืบหน้า

เรื่องอันธพาลสองคนนั่น” คุณหญิงบัวเอ่ย

“แต่คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องที่จะเรียนให้คุณแม่ทราบครับ” หลวง

นราภิบาลขัดขึ้นก่อน

“อะไรรึ? เกี่ยวกับพ่ออัสหรือเปล่า” คุณหญิงสงสัย เพราะถ้าเป็น

เรื่องส่วนตัว บุตรชายคงไม่ขัดขึ้นมา

“ครับคุณแม่ ผมตั้งใจว่าจะพาเขาไปชะอำกับผมครับ”

“อ้าว...งั้นรึ”

“ครับ ที่บ้านของผมมีแต่ผู้หญิง ถ้าได้เด็กผู้ชายไปช่วยมะลิดูแลบ้าน

อีกสักคน ก็คงจะช่วยเธอได้มากเลยครับ”

“อืม...” คุณหญิงทำหน้าครุ่นคิด

“ผมตั้งใจจะส่งเขาเรียนจนจบครับคุณแม่ ไหนๆ ก็เรียนมาถึงขนาดนี้

แล้ว ไม่อยากให้หยุดกลางคัน อีกอย่าง เขาไปอยู่ที่โน่น ห่างไกลจากสภาพ

แวดล้อมแถวนี้ ผมคิดว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นกว่าอยู่ที่นี่ครับ”

“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ” หญิงชราพึมพำ ก่อนจะหันมาถามเจ้าตัว

“ว่าไงล่ะพ่ออัส อยากไปอยู่ชะอำกับคุณหลวงไหม ไปรับใช้คุณมะลิกับบุษบา

ที่โน่น จะได้เรียนหนังสือหนังหาด้วย”

“ผม...” ใจหนึ่งอัสดรยังห่วงมารดา หากท่านยังไม่ตาย ท่านจะต้องออกตามหาเขา

“เรื่องทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าตำรวจได้ข่าวอะไร ฉันจะรีบ

โทรเลขบอกคุณหลวง ห่วงอนาคตเราก่อนดีกว่า” หล่อนบอกราวกับอ่านใจของเขาออก

“ฉันจะออกเดินทางพรุ่งนี้ เลือกเอานะพ่ออัส ว่าอยากจะมีอนาคต

ได้เป็นเจ้าคนนายคน หรือว่าจะเป็นคนเลี้ยงเป็ดไปตลอดชีวิต”

สินธพก้มหน้างุด คงไม่มีใครโง่พอที่จะเลือกอย่างหลัง เมื่อได้รับ

ความเมตตาถึงเพียงนี้แล้ว เขาก็ก้มกราบแทบเท้าหลวงนราภิบาล

“ขอบคุณที่เมตตาผมครับ ผมจะตั้งใจรับใช้คุณหลวง จะไม่ทำให้

คุณหลวงเสียใจที่ได้เมตตาผมในวันนี้”

หลวงนราภิบาลลูบศีรษะที่ยังมีผ้าพันแผลเบาๆ ด้วยความเมตตา

และพยักหน้าด้วยความพอใจ

“อย่าลืมคำพูดของเราในวันนี้ล่ะพ่ออัส ขอให้รับใช้คุณหลวงด้วย

ความซื่อสัตย์ ท่านจะได้รักเอ็นดู วันหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน”

“ครับคุณหญิง” เขาก้มกราบหญิงชราผู้ใจดีอีกหน ก่อนจะลาลงจาก

เรือนเพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น

 

ก่อนเดินทางสินธพได้ฝากฝังสมบูรณ์ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา หากได้ข่าว

มารดาของเขาหรืออันธพาลทั้งสองเมื่อไร ขอให้รีบส่งข่าวไปถึงเขาที่ชะอำ

ทันที จากนั้นเขาก็เดินทางไปชะอำกับหลวงนราภิบาล

บ้านพักของนายอำเภอเป็นเรือนไม้ยกสูง ทาสีขาวสะอาดตา อยู่ติด

ชายหาด มีต้นมะพร้าวร่มรื่นเป็นแนวยาวไปตลอดถนนที่ติดหาดทราย

ละเอียด ลมเย็นสดชื่นพัดมาต้องใบหน้า เด็กหนุ่มสูดเอาอากาศบริสุทธิ์

เข้าไปเต็มปอด และตื่นตาตื่นใจกับภาพชายหาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

“คุณพ่อกลับมาแล้ว” เสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กหญิงถักผมเปียสองข้าง

พุ่งเข้ามากอดชายตรงหน้า ที่ย่อตัวรับเธอเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะหอมแก้ม

เด็กน้อยติดๆ กันหลายครั้ง

“บุษลูกพ่อ ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงจังเลย”

“บุษก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ คุณพ่อไปนาน ที่บ้านเง้าเหงา” เด็กหญิง

ประจบ พอบิดาคลายอ้อมกอด เธอก็มองคนแปลกหน้าตาโต เด็กชายยิ้ม

ให้เด็กหญิง มองผิวขาวที่คล้ำลงเพราะแดดด้วยความเอ็นดู ท่าทางเธอจะ

ซนใช่เล่น เพราะใบหน้ามอมแมมตั้งแต่เช้าเชียว

“คนนี้ใครเหรอคะคุณพ่อขา” เด็กหญิงเอียงคอถาม

“พี่อัสดรจ้ะ ต่อไปพี่อัสเขาจะมาอยู่กับเรา” หลวงนราภิบาลแนะนำ

หลังจากที่พูดคุยกันแล้วว่า นับจากนี้เป็นต้นไปจะให้เขาใช้ชื่อใหม่ที่คุณหญิง

บัวตั้งให้แทนชื่อจีน และไม่เคยมีใครทราบชื่อไทยของเขา เมื่อเขากำลังหนี

คดีของพี่ชาย เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะใช้ชื่อใหม่ทันที

“พี่อัส” เด็กหญิงยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าโดยไม่ต้องให้บิดาเตือน

“สวัสดีค่ะ” ก่อนจะมองเขาด้วยความสงสัย “คุณพ่อคะ พี่อัสซนมากเลย

ใช่ไหมคะ ถึงได้มีแผลเต็มตัวเลย”

หลวงนราภิบาลหัวเราะในความใสซื่อของบุตรสาว ก่อนจะโยกหัวเธอไปมา

“ถ้าไม่อยากเจ็บเหมือนพี่อัส ก็ซนให้น้อยๆ ลงหน่อยก็ดีนะลูกพ่อ”

เด็กหญิงกอดแขนบิดาอย่างออดอ้อน พอเห็นมารดาเดินลงจากเรือนก็รีบวิ่งไปรายงาน

“คุณแม่คะ คุณพ่อพาพี่อัสมาอยู่กับเราค่ะ พี่เขาซนมาก มีแผลเต็มตัวเลย”

หลวงนราภิบาลยิ้มให้ภรรยาก่อนแนะนำ

“นี่คุณมะลิ เมียของฉันเอง”

เขารีบยกมือไหว้ฝากเนื้อฝากตัว แอบโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยที่มอง

เขาอ่อนโยน ซึ่งคงทำให้บ้านหลังใหม่ของเขาน่าอยู่มากขึ้นเมื่อมีเจ้านายใจดี

“เรื่องมันยาว เอาไว้พี่จะเล่าให้ฟัง ตอนนี้พาพ่ออัสไปพักผ่อนก่อน

                            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024