The Sixth Sense เล่ห์บ่วงมนตรา (ซ่อนกลิ่น)

The Sixth Sense เล่ห์บ่วงมนตรา (ซ่อนกลิ่น)

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165000505
ผู้แต่ง: ซ่อนกลิ่น
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

สุคนธรสก้าวลงจากรถทัวร์ที่มีป้ายชื่อคณะจิตรกรรมฯ ของ มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเกลียวคลื่นม้วนตัวเป็นฟองขาว พราวพร่างอยู่เต็มหาดทรายเบื้องหน้า

เธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาน้องใหม่ของคณะจิตรกรรมฯ ที่ถูกรุ่นพี่เกณฑ์ มาร่วมในพิธีรับน้องที่หาดทุ่งวัวแล่น ชายทะเลในจังหวัดชุมพร

แม้สุคนธรสจะเป็นผู้หญิง แต่มีความแปลกแยกกับเหล่าสาวๆ ร่วมรุ่นไม่น้อย ทั้งนี้เพราะเธอมีรูปร่างสูงโย่ง ออกจะเก้งก้างเสียด้วยซ้ำ ตัดผมซอยสั้น เหมือนพวกทอมบอย และสะพายย่ามที่ถักทอด้วยด้ายหลากสี

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม รูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแตก ต่างจากคนอื่นๆ ได้มากเท่ากับความสามารถพิเศษของเธอซึ่งกำลังจะสร้างปัญหา ให้ และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปจากเดิมนับตั้งแต่ที่เธอเหยียบย่างลงบน หาดทรายสีทองแห่งนี้

หญิงสาวล้วงมือลงไปหยิบขวดเซียงเพียวอิ๊วขึ้นมาจากย่าม มองดูมันแล้วยิ้ม ก่อนจะเปิดฝาแล้วหยดยาหม่องนํ้าลงบนนิ้วชี้ จากนั้นจึงป้ายที่จมูกหนึ่งครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกยาว

“อ้า...” เธออ้าปากกว้าง “กลิ่นทะเลนี่มันสดชื่นได้ใจจริงๆ”

“เซียงเพียวอิ๊วลงอาคมนี่มันก็ได้ผลดีพอๆ กับหน้ากากอนามัยลงยันต์ เหมือนกันนะ แถมยังไม่ต้องเป็นจุดเด่นให้คนมองอีก” สุคนธรสพึมพำอย่างมี ความสุขแล้วหย่อนขวดยาหม่องนํ้าลงในย่าม ก่อนจะหันไปสนใจรุ่นพี่ซึ้งกำลัง แบ่งแยกรุ่นน้องออกเป็นกลุ่มๆ โดยให้นักศึกษาหญิงน้องใหม่พักอยู่บนบ้าน หลังใหญ่ริมหาดสองหลัง ส่วนพวกผู้ชายก็ให้กางเต็นท์นอนกันในป่าสนจนลามมาถึงลานกว้างซึ่งจะใช้จัดกิจกรรม

แต่แล้วความสุขที่ได้ดื่มดํ่ากับกลิ่นอายทะเลเพียวๆ ก็มีอันต้องสะดุดกึก เมื่อมีกลิ่นฉุนประหลาดๆ ลอยมาเข้าจมูกของเธอขณะกำลังจะเดินไปทางบ้านพัก

“ปัดโธ่เว้ย ลืมท่องคาถาอะไรหรือเปล่าวะ” สุคนธรสงึมงำเมื่อพลังของ เซียงเพียวอิ๊วลงอาคมไม่สำแดงฤทธิ์อย่างที่หวัง

เธอกวาดตามองไปรอบๆ เพี่อหาที่มาของกลิ่นฉุนนั้น พื้นที่บริเวณนี้อยู่ สุดหาดและถูกแยกตัวออกมาค่อนข้างไกลจากบ้านหลังอี่นๆ ในหมู่บ้าน ถัดไป เป็นป่ารกครึ้มและสวนสนที่หนาตาดูแล้ววังเวงชอบกล ทว่าสิ่งที่สะดุดตาเธอ มากที่สุดกลับเป็นต้นไทรใหญ่ที่อยู่ข้างโขดหินตรงหัวมุม

ศาลเพียงตาที่ทำจากไม้ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของต้นไทร ประกอบกับผ้าแพร เจ็ดสีที่โอบล้อมรอบลำต้นหนาของมันก็ทำให้เธอมาถึงบางอ้อ ที่แท้กลิ่นฉุน ประหลาดๆ นั่นก็เป็นกลิ่นของเจ้าที่นั่นเอง

สุคนธรสยกมือไหว้โดยพลัน และตั้งใจว่าหลังจากเก็บข้าวเก็บของแล้ว เธอจะออกมาจุดธูปจุดเทียนขอขมาลาโทษท่านสักหน่อย แต่เมื่อหันกลับไปเพี่อ จะเดินขึ้นไปบนบ้านพัก หญิงสาวก็พบว่าเพี่อนร่วมรุ่นของเธออีกสี่คนก็กำลังทำเช่นเดียวกันอยู่ คนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าสุดหันมายิ้มให้ เธอจึงยิ้มตอบกลับไปอย่างมีไมตรี

หญิงสาวทรุดตัวนั่งขัดสมาธิบนเบาะที่วางเรียงรายกันอยู่นับสิบภายใน ห้องพัก เธอโยนกระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ที่หัวนอน ก่อนจะเปิดย่ามเพี่อตรวจสอบว่า ไม่ได้หลงลืมธูปเทียนที่พกติดตัวเอาไว้เสมอ เพี่อจะนำออกไปขอขมาลาโทษ ต่อเจ้าที่

เมื่อทุกอย่างพร้อมเธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบกับเพี่อนร่วมรุ่นคนที่ยิ้มให้

เธอเมื่อสักครู่กำลังยืนเกาะขอบหน้าต่างมองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่น้อย สุคนธรสจำได้ดีว่าเธอชื่อญาณิน

หญิงสาวถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่หน้าต่างบานนั้น “เธอเป็นอะไร เห็นถอนหายใจออกมาเฮือกๆ”

ญาณินหันมาหาเธอด้วยสีหน้าเครียด สุคนธรสหันไปมองตรงช่องหน้าต่าง ก็พบว่ามันเป็นจุดที่มองเห็นต้นไทรใหญ่กับศาลเพียงตาได้อย่างพอดิบพอดี จึงหันมาเอ่ยถามเพี่อนร่วมรุ่นอีก “ไม่สบายใจเรื่องเจ้าที่เหรอ เห็นเธอมองอยู่”

“อือ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่มีใครจุดธูปบอกกล่าวเลยสักคน”

“ฉันมีอุปกรณ์ เตรียมมาเพียบ” สุคนธรสตบที่ย่ามของตัวเอง “ไปบอก เจ้าที่ก่อน เอาข้าวกล่องของฉันไปไหว้เอง”

“ไปสิ” ญาณินตอบรับ

สุคนธรสจึงออกเดินนำลงจากบ้านพัก ไม่ลืมที่จะแวะหยิบข้าวกล่องที่พวกรุ่นพี่นำมาจัดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะที่ใต้ถุนบ้านไปด้วย

เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นไทร เธอก็นำข้าวกล่องซึ่งเป็นส่วนแบ่งของตัวเองวาง ไว้ที่หน้าศาลเพียงตาคร่ำคร่า ก่อนจะล้วงเอาธูปเทียนและไฟแช็กขึ้นมาจุดปักเอา ไว้ จากนั้นจึงยกมือขึ้นประนมและเอ่ยคำถวายเครื่องสังเวยพระภูมิเจ้าที่งึมงำ ‘นะโม เม พระภูมิเทวานัง ธูปะทีปะ จะ ปุปผัง สักการะ วันทานัง สูปะพะยัญ ชะนะสัมปันนัง โภชะนานัง สาสีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา หิตายะ สุขายะ สันติเทวา มะหิทธิกา เตปิ อัมเห อะนุรัก ขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ’

“เรียบร้อย” สุคนธรสผุดลุกขึ้นแล้วหันไปหาญาณิน แต่กลับพบว่าไม่ได้ มีแต่เพียงเพี่อนสาวที่ตามเธอลงมาจากบ้านพักเท่านั้น “อ้าว พวกเธอ...”

“ฉันอยากมาไหว้ด้วยน่ะ” เนตรสิตางศุ์ หญิงสาวตัวเล็กท่าทางนุ่มนิ่ม บอกแล้วส่งยิ้มให้เธอ

“ฉันก็เหมือนกัน” กรรัมภาล่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้อีกคน ทั้งคู่เป็นคุณหนู ไฮโชที่ค่อนข้างแตกต่างกันไม่น้อย เนตรสิตางศุ์เรียบร้อย เรียบง่าย ท่าทางน่า ทะนุถนอม ผิดกับกรรัมภาที่ประทินโฉมด้วยสินค้าแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะ จดปลายเท้าเลยทีเดียว

เธอเมื่อสักครู่กำลังยืนเกาะขอบหน้าต่างมองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่น้อย สุคนธรสจำได้ดีว่าเธอชื่อญาณิน

หญิงสาวถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่หน้าต่างบานนั้น “เธอเป็นอะไร เห็นถอนหายใจออกมาเฮือกๆ”

ญาณินหันมาหาเธอด้วยสีหน้าเครียด สุคนธรสหันไปมองตรงช่องหน้าต่าง ก็พบว่ามันเป็นจุดที่มองเห็นต้นไทรใหญ่กับศาลเพียงตาได้อย่างพอดิบพอดี จึงหันมาเอ่ยถามเพี่อนร่วมรุ่นอีก “ไม่สบายใจเรื่องเจ้าที่เหรอ เห็นเธอมองอยู่”

“อือ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่มีใครจุดธูปบอกกล่าวเลยสักคน”

“ฉันมีอุปกรณ์ เตรียมมาเพียบ” สุคนธรสตบที่ย่ามของตัวเอง “ไปบอก เจ้าที่ก่อน เอาข้าวกล่องของฉันไปไหว้เอง”

“ไปสิ” ญาณินตอบรับ

สุคนธรสจึงออกเดินนำลงจากบ้านพัก ไม่ลืมที่จะแวะหยิบข้าวกล่องที่พวกรุ่นพี่นำมาจัดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะที่ใต้ถุนบ้านไปด้วย

เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นไทร เธอก็นำข้าวกล่องซึ่งเป็นส่วนแบ่งของตัวเองวาง ไว้ที่หน้าศาลเพียงตาคร่ำคร่า ก่อนจะล้วงเอาธูปเทียนและไฟแช็กขึ้นมาจุดปักเอา ไว้ จากนั้นจึงยกมือขึ้นประนมและเอ่ยคำถวายเครื่องสังเวยพระภูมิเจ้าที่งึมงำ ‘นะโม เม พระภูมิเทวานัง ธูปะทีปะ จะ ปุปผัง สักการะ วันทานัง สูปะพะยัญ ชะนะสัมปันนัง โภชะนานัง สาสีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา หิตายะ สุขายะ สันติเทวา มะหิทธิกา เตปิ อัมเห อะนุรัก ขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ’

“เรียบร้อย” สุคนธรสผุดลุกขึ้นแล้วหันไปหาญาณิน แต่กลับพบว่าไม่ได้ มีแต่เพียงเพี่อนสาวที่ตามเธอลงมาจากบ้านพักเท่านั้น “อ้าว พวกเธอ...”

“ฉันอยากมาไหว้ด้วยน่ะ” เนตรสิตางศุ์ หญิงสาวตัวเล็กท่าทางนุ่มนิ่ม บอกแล้วส่งยิ้มให้เธอ

“ฉันก็เหมือนกัน” กรรัมภาล่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้อีกคน ทั้งคู่เป็นคุณหนู ไฮโชที่ค่อนข้างแตกต่างกันไม่น้อย เนตรสิตางศุ์เรียบร้อย เรียบง่าย ท่าทางน่า ทะนุถนอม ผิดกับกรรัมภาที่ประทินโฉมด้วยสินค้าแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะ จดปลายเท้าเลยทีเดียว

อะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

การได้กลิ่นประหลาดๆ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสุคนธรสเสียทีเดียว เพราะเธอมักจะได้กลิ่นแปลกๆ ต่างๆ นานาอยู่เสมอ โดยเฉพาะในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง กลิ่นต่างๆ เหล่านั้นจะรุนแรงกว่าทุกๆ วัน เป็นเช่นนี้มานาน นับตั้งแต่เธอจำความได้...หรืออาจจะนานกว่านั้น

หลวงปู่บุญที่วัดพุทธาวนาราม จังหวัดอยุธยา หรือที่เธอเรียกจนติดปาก ว่าพระอาจารย์ปู่ ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของเธอเคยเล่าให้เธอฟังว่า เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว ท่านยังมิได้บวชเป็นพระ เป็นแต่เพียงมัคนายกอยู่ที่วัด สมัยนั้นหลวงปู่อินยัง เป็นเจ้าอาวาสอยู่ แต่ได้มรณภาพลงก่อนที่สุคนธรสจะเกิดได้ไม่นาน

ตอนที่สุคนธรสเกิดนั้นนับได้ว่าเป็นที่โจษจันของเหล่าพยาบาลในโรงพยาบาลมาก เพราะเธอเอาแต่ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด ไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ไม่ สามารถทำให้เด็กน้อยหยุดร้องได้ แม้แต่หมอเองก็จนปัญญาเพราะหาสาเหตุไม่พบ

ปู่บุญเลยไปปรึกษากับท่านเจ้าอาวาสวัดพุทธาวนารามคนใหม่ ท่านลองดูดวงให้แล้วบอกว่าเด็กคนนี้มีบุญ และเล่าให้ปู่บุญฟังว่า ในคํ่าคืนหลังจากงาน พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่อินผ่านไปได้เจ็ดวัน หลวงปู่อินได้มาเข้าฝัน บอกว่าท่านได้มอบญาณของท่านให้แก่เด็กในครรภ์ของหญิงสาวห้าคนเอาไว้เนื่องจากเกรงว่าหากมอบญานทั้งหมดให้คนใดคนหนึ่งแล้วคนคนนั้นบุญบารมีไม่ถึง ก็จะทำให้เกิดเป็นภาระและเกิดทุกข์กับเด็กคนนั้นเสียเปล่าๆ บางทีอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ เพราะท่านสั่งสมบุญบารมีเอาไว้เยอะมาก ประจวบกับมีหญิงสาวที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ มาในงานพระราชทานเพลิงศพของท่านนับได้ห้าคนพอดิบพอดี จึงได้แบ่งญาณออกเป็นห้าส่วนตามที่ได้บอกเอาไว้

และแม่ของสุคนธรสก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอจึงได้รับญาณจากหลวงปู่อินที่ เรียกว่าฆานสัมผัสไป จึงทำให้จมูกของเธอมีประสาทสัมผัสพิเศษ ทำให้สามารถ ได้กลิ่นของเทพเทวดาหรือแม้กระทั่งภูตผีปีศาจได้

ท่านเจ้าอาวาสจึงมอบยันต์ให้ปู่บุญนำไปวางไว้ใต้หมอนของเธอ แต่มันก็มีผลทำให้สุคนธรสหยุดร้องไห้ได้แค่ไม่นาน เธอก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกคือร้องไห้ไม่หยุด ปู่บุญกับพ่อและแม่จึงเป็นทุกข์ใจมาก ปู่บุญจึงไปเรียนปรึกษา

กับท่านเจ้าอาวาสอีกครั้ง ท่านเจ้าอาวาสคิดว่าบารมีของหลวงปู่อินคงจะแรงมาก จึงแนะนำให้บุพการีบวชเพี่อเสริมบุญให้เด็กสาว ปู่บุญจึงอาสาบวชเสียเอง เพราะตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งหลวงปู่อินมรณภาพแล้ว

หลังงานบวชของปู่บุญ อาการร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผลของสุคนธรสจึง หายเป็นปลิดทิ้ง ปู่บุญจึงตั้งใจศึกษาสรรพตำรับตำราที่หลวงปู่อินทิ้งเอาไว้ให้ท่านตั้งใจว่าเมื่อสุคนธรสโตพอที่จะร่ำเรียนวิชาพวกนี้แล้ว ท่านจะถ่ายทอดให้เพี่อที่ว่าเวลาที่ท่านมรณภาพลง เธอจะได้มีสิ่งหนึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแทน

‘วันนี้คงได้ใช้อีกแล้ว’ สุคนธรสนึกอยู่ในใจก่อนจะเหลียวมองดูเหล่า เพื่อนใหม่ทั้งสี่คนจนพบว่าแต่ละคนมีท่าทางกระสับกระส่ายราวกับพวกเธอรับรู้ ถึงความรู้สึกนึกคิดของเธอได้

“พวกเธอเป็นอะไรกัน นั่งเหลียวหน้าเหลียวหลังมานานแล้วนะ” สุคนธรส ตัดสินใจเอ่ยถามเมื่อนั่งมองเพี่อนๆ อยู่อีกพักใหญ่ อาการลุกลี้ลุกลนแหงนหน้า มองฟ้าแล้วมองรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวังก็ไม่หมดไปเสียที

“ฉันบอกไม่ถูก” เนตรลิตางศุ์บอกเสียงอ่อยก่อนจะค่อยๆ ขยับไปหลบ อยู่ข้างหลังญาณินแล้วซุกหน้ากับหัวไหล่ของเพื่อนสาวเหมือนกับจะไม่อยากมอง อะไรบางอย่าง

“หรือเธอกลัวผี” สุคนธรสเดาะนิ้วใส่อย่างคาดคั้น “ไม่ต้องกลัวหรอกฉันมียันต์ เอ้านี่...”

หญิงสาวล้วงมือลงไปในย่าม ก่อนจะดึงเอากระดาษสีเหลืองออกมา สามสี่แผ่นแล้วยกมือขึ้นประนมทำปากขมุบขมิบ ‘อะ สัง วิ สุโล ปุสะ พุระ’

“พ่วง” สุคนธรสเป่าลมใส่กระดาษแล้วยื่นให้เพี่อนๆ “อะไรเนี่ย’’ กรรณาโพล่งขึ้นมา “ยันต์เพาเวอร์พัพหรือไง”

“เออ...ศักดิ์สิทธินะโว้ย ของแบบนี้อยู่ที่เวทมนตร์และคาถาที่ใช้ หลวงปู่ ของฉันสอนมากับมือ รับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ และมันไม่เกี่ยวกับกระดาษฉันชอบเพาเวอร์พัฟ บลอสซัม แล้วจะทำไม ยันต์ฉันเขียนด้วยหมึกล่องหน มันซุกออยู่ข้างในนั่นแหละ แต่ไม่อยากเขียนลบลายสวยๆ ของกระดาษ” เธอสวนกลับเป็นชุด “พับใส่ไว้ในกระเป๋าซะ รับรองคืนนี้ไม่มีใครกล้ามายุ่งแน่”

“โอ้...” กรรัมภาร้องขึ้นมา ก่อนจะดึงกิ๊บยี่ห้อกุชชีออกมาแล้วพับยันต์ของเธอเป็นชิ้นเล็กๆ หนีบกลับเข้าไปในศีรษะ “ไว้ตรงนี้แหละดี มันจะได้ไม่กล้า เข้ามายุ่งกับฉัน”

สุคนธรสพยักหน้าก่อนจะหันไปดูคนอื่นๆ ที่พร้อมใจกันเก็บยันต์ที่เธอ ให้ไปลงในกระเป๋าเสื้อ ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน กรรณาก็ยกมือขึ้นมาปิดหูด้วย ท่าทางเหมือนกับเจ็บปวดอย่างรุนแรง

“เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นอะไรไป” ญาณินร้องถามด้วยสีหน้าตื่น “ไม่สบาย หรือเปล่า จะกลับไปนอนพักไหม”

แล้วอยู่ๆ เนตรสิตางศุ์ก็ยกมือขึ้นมาปิดตาซบกับหัวเข่าด้วยร่างกายที่สั่น เทิ้มราวกับลูกนก กรรัมภาหันไปแตะมือลงบนหลังของคุณหนูผู้อ่อนบาง แต่แทนที่จะเป็นคนปลอบขวัญ เธอกลับสะดุ้งเฮือกแล้วชักมือกลับราวกับร่างกาย ของเนตรสิตางศุ์มีกระแสไฟไหลเวียนอยู่ลักหมื่นโวลต์

ไฮโซ สาวหันไปมองที่กลางลานกิจกรรมอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พาเอาสุคนธรสรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น เธอหันไปมองที่จุดเดียว กับเพี่อนสาวและแน่ใจได้ทันทีว่าเรื่องเลวร้ายอะไรบางอย่างคงสถิตอยู่ที่นั่น เพราะกลิ่นฉุนแรงกล้านั้นลอยมาจากตรงนั้น ตรงที่พงษ์ศักดิ์ นักศึกษารุ่นพี่ของเธอกำลังร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานอยู่

“ว้าย!” มีเสียงร้องดังมาจากเหล่าเพี่อนสาว แต่ละคนต่างมีท่าทางแปลก ขึ้นทุกที เนตรสิตางศุ์ครางฮือ ตัวสั่นงันงกอยู่ข้างหลังญาณินที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมา ด้วยสีหน้าซีดเผือด ส่วนกรรณาก็ปิดหูตัวเองแน่นและตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไม่แพ้กัน

“ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอเห็นอะไร แต่เขาบอกฉันว่าพวกเราไปลบหลู่เขา”     ญาณินเป็นคนเอ่ยขึ้นเบาๆ ให้พอได้ยินกันเองในหมู่เพี่อนใหม่ที่ร่วมสาบานกัน อย่างไม่รู้ตัวด้วยข้าวผัดกล่องเดียว

“ลบหลู่ยังไงล่ะ” เนตรสิตางศุ์เอ่ยถามทั้งที่ยังปิดตาแอบอยู่หลังญาณิน

“ไม่รู้สิ เขายืนคํ้าหัวรุ่นพี่ที่กำลังเต้นอยู่กลางวงน่ะ” ญาณินโพล่งขึ้นมา

“ฉะ...ฉะ...ฉัน...กะ...ก็...เห็น” เนตรสิตางศุ์เสริมด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“ฉันก็เห็นเหมือนกัน เขาสูงเท่าตึกสี่ชั้นแน่ะ แล้วชี้มาที่พวกเราด้วย”       กรรัมภาเสริมขึ้นอีกคนขณะที่แตะหลังของเนตรสิตางศุ์อย่างปลอบโยนอยู่

“ฉันได้ยิน เขาคำรามเสียงดังและกำลังโกรธมาก” กรรณาเอ่ยขึ้นด้วย

โปรดติดตามต่อในเล่ม...

 

รายละเอียด

สุคนธรส ผู้สามารถได้กลิ่นวิญญาณและสืบทอดวิชาไสยขาวมาจากหลวงปู่ของเธอ

รีวิวจากบรรณาธิการ batorastore.com

The Sixth Sense เล่ห์บ่วงมนตรา

ผู้เขียน – ซ่อนกลิ่น

The Sixth Sense เล่ห์บ่วงมนตรา เรื่องราวของ สุคนธรส ผู้สามารถได้กลิ่นวิญญาณและสืบทอดวิชาไสยขาวมาจากหลวงปู่ของเธอ ตัดสินใจที่จะช่วยเสี่ยใหญ่เจ้าของตลาดสดหญิง-จำเริญ ที่กำลังถูกวิญญาณมุ่งร้าย ทว่ากลับเจอปัญหาเข้าเสียเองเมื่อคุณหญิงจะจับเธอแต่งงานกับบุตรชายเพราะเข้าใจผิดคิดว่าไตรรัตน์ทำมิดีมิร้ายจนเธอพลาดท่าเสียที หญิงสาวจะทำอย่างไรเมื่อต้องงัดวิชาคุณไสยที่เล่าเรียนออกมาใช้เพื่อช่วยเหลือชายหนุ่มที่มองว่าเธอมีพฤติกรรมไม่ต่างจากพวก 18 มงกุฎ และเค้าต้องเจอกับผีเด็กอีกตัวที่บ้านไตรรัตน์ ซึ่งเป็นน้องสาวของไตรรัตน์ที่ชื่อว่า โบตั๋น สุดท้ายแล้วเขาจะปลดบ่วงที่พันธนาการน้องสาวของเขาไว้ได้หรือไม่ และเขาจะได้สมหวังในรักกับสุคนธรสหรือเปล่า ติดตามต่อได้ในเล่มนี้ค่ะ

 

ในบรรดาตัวละครจากซีรี่ย์นี้ ชอบสุคนธรสรองลงมาจากญาณินค่ะ เธอสวย เก่ง และห้าวยิ่งกว่าพระเอกอย่างนายไตวาย เอ้ย ไตรรัตน์ อีกค่ะ มิน่า ทำไมพ่อแม่พระเอกถึงวางใจที่จะฝากฝังลูกชายของพวกเขาไว้กับเธอได้ เพราะดูแล้วเธอน่าจะปกป้องพระเอกได้แน่นอนค่ะ (ฮา) ในเล่มนี้จะเน้นไปทางด้านไสยเวทย์ดำและขาวอย่างชัดเจนมากค่ะ ซึ่งไสยเวทย์สายขาวจะเป็นไสยเวทย์ที่สะอาด ผู้ใช้วิชาจะต้องรักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำ ของที่ใช้แม้ผิดพลาดก็จะไม่กลับเข้ามาหาตัว ต่างจากสายดำที่มักจะใช้ของสกปรกในการทำค่ะ อย่างการทำเสน่ห์ก็ใช้วิธีและของที่นำมาใช้เป็น...เรียกว่าอะไรดี...วัตถุดิบแล้วกัน ก็ต่างกันมากแล้ว เรื่องนี้นอกจากความสามารถในทางไสยเวทย์สายขาวจนถูกเรียกว่า “แม่หมอ” และเป็นเจ้าของ กุมาริกา หรือ โกลเด้นเบบี้ แล้ว เธอยังเป็นผู้มีสัมผัสพิเศษในการได้กลิ่นวิญญาณ เป็นกลิ่นที่สื่อถึงอารมณ์ต่างๆของวิญญาณดวงนั้นเช่น รัก โลภ โกรธ หลง ดังนั้นเวลาปกติเธอก็เลยต้องมีผ้าปิดปาก (ลงอาคม (ฮา) คอยปิดจมูกตัวเองไว้ไม่ให้ได้กลิ่นวิญญาณพร่ำเพรื่อ เรื่องนี้ชอบนางเอก แต่ไม่ชอบพระเอกค่ะ เขาทั้งเจ้าชู้และค่อนข้างจะเป็นคนโลเลพอสมควรเลย ในตอนที่กำลังเริ่มจะเปิดใจให้นางเอกอยู่แล้ว พอแฟนเก่า (ที่ทิ้งตัวเองไป) กลับมา เธอก็กลับไปหาโดยลืมนึกไปว่าเขาเคยถูกเธอทำอะไรไว้ จนกระทั่งได้เห็น “ความจริงใจ” (แอดมินประชด) ของแฟนเก่าที่ทำกับครอบครัวของเขานั่นล่ะ ถึงได้ตาสว่าง แต่นอกจากความสนุกที่ได้ลุ้นไปกับเรื่องของการต่อสู้แบบใช้มนตราแล้ว เรื่องนี้ยังใส่มุกตลกเข้ามาอย่างไม่ยั้งเลยค่ะ  รู้สึกว่าพ่อกับแม่ไม่ฟังอะไรพระเอกกับนางเอกเลยค่ะ แบบคงทนพฤติกรรมเจ้าชู้ของลูกชายไม่ได้ แถมนางเอกก็เป็นคนดีอีก ก็เลยจับมัดมือชกทั้งคู่ นี่ยังไม่รวมพ่อแม่นางเอกอีกนะคะ คู่นั้น ล่ะสุดยอดเลยค่ะ สมแล้วที่เป็นสายเลือดสุพรรณ ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้อ่านแล้วผ่อนคลายมากกว่าเล่มอื่นๆในซีรี่ย์ค่ะ


รีวิว (3)

เขียนรีวิว

Boa Hancock | 3 รีวิว
06/08/2014

หนังสือเล่มนี้ที่มีชื่อว่า “เล่ห์บ่วงมนตรา” เป็นหนังสือ 1 ใน 5 ของซีรีส์นิยายชุด “The Sixth Sense” ที่สนุกมากๆเล่มหนึ่งเลยล่ะค่ะกับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัวผู้อ่านเองชอบมากที่สุดในทั้งห้าเล่มนะคะ โดยเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึง สุคนธรส หญิงสาวผู้ที่มีสัมผัสพิเศษจากการได้กลิ่น ซึ่งกลิ่นที่สุคนธรสสามารถสัมผัสได้จะแยกแยะได้ว่าเป็นวิญญาณที่ดีหรือวิญญาณที่ชั่วร้าย และเธอยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับไสยขาวเป็นคุณไสยอย่างหนึ่งแต่เป็นในทางที่ดีไว้ใช้ช่วยเหลือผู้คน เธอก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในบริษัทเดอะซิกซ์เซนส์ที่ทั้งห้าสาวร่วมลงทุนเปิดด้วยกันหลัจากเรียนจบมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ ซึ่งเคสของสุคนธรสนี้จะต้องช่วยเหลือ ไตรรัตน์ ลูกชายเจ้าของตลาดสดหญิงจำเริญที่กำลังถูกคุกคามจากวิญญาณร้ายและผู้ที่ไม่หวังดีกับครอบรัวนี้ แต่ไตรรัตน์กลับไม่เชื่อเรื่องนี้และมองว่าสุคนธรสนั้นเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อเพราะว่าได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ได้เข้าไปพัวพันกับคนคนหนึ่งนั่นคือหมอสมคิด ที่เป็นผู้ใช้อวิชาเพื่อหาเงินหาผลประโยชน์เข้าตัวเองจากชาวบ้านที่เดือดร้อนที่ต้องการที่พึ่ง ทำให้ทั้งห้าสาวจะต้องช่วยกันเปิดโปงเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมด แต่เรื่องราวก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกเพราะหมอสมคิดเป็นคนที่มีวิชาอาคม มีการปะทะกันระหว่างไสยดำและไสยขาว โดยรวมๆแล้วตัวผู้อ่านเองชอบค่ะ เป็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติน่าติดตามดี มีทั้งเรื่องเร้นลับต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินเรื่อง และอีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษนะคะคงจะเป็นเพราะบทบาทของนางเอกในเล่มนี้ที่เป็นสาวประเภทที่จะออกห้าวหน่อยๆลุยๆ ไม่กลัวใคร ไม่ยอมใครง่ายๆ มีความสามารถในหลายๆด้าน ส่วนตัวพระเอกก็จะออกแนวมาดกวนๆชอบกวนโมโหนางเอก คือทั้งสองคนนี้จะทะเลาะกันตั้งแต่ต้นๆเรื่องเลยค่ะ คือประมาณเจอหน้ากันก็ไม่ถูกกันซะแล้ว แต่พออ่านไปถึงช่วงหลังๆทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอกันมากขึ้นก็จะแอบมีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักแอบหวานใส่กันบ้างด้วยล่ะค่ะ แล้วมันจะมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่นั้นได้มาอยู่ใกล้ๆกัน ในเรื่องก็ให้ข้อคิดหลายๆอย่างนะคะเช่นพวกการทำดีได้ดีอะไรประมาณนี้คือมีการแฝงข้อคิดไว้ภายในเรื่องค่ะ รับรองว่าคุณผู้อ่านที่ตัดสินใจซื้อหนังสือเรื่องนี้ไปอ่านจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ แนะนำให้ซื้อเป็นเซตเลยนะคะ จะได้อ่านแบบต่อเนื่องยาวๆกันไปเลยค่ะ
สกาวรัตน์ | 3 รีวิว
07/10/2013

หนังสือนิยายเรื่อง เล่ห์บ่วงมนตรา เป็นหนึ่งในซีรี่ส์เรื่องเยี่ยม The Sixth Sense โดยการประพันธ์จาก คุณ ซ่อนกลิ่น ได้รับการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ พิมพ์คำ โดยเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งตอนจากทั้งหมด 5 ตอนด้วยกัน ซึ่ง 5 ตอนนั้นจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวแต่ละคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนและมีความสามารถพิเศษในเรื่องสัมผัสที่6 ที่แตกต่างกันออกไป และทุกคนได้รวมตัวกันเพื่อตั้งบริษัทปราบผีชื่อว่าซิกซ์เซนส์ นั่นก็คือ ญาณิน(ญาณสื่อรัก) กรรณา(กับดักรักลวง) สุคนธรส(เล่ห์บ่วงมนตรา) กรรัมภา(มายาร้อยใจ) เนตรสิตางศุ์(เปลวไฟในสายลม) โดยมีเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่มีนามว่า สุคนธรส เธอเป็นหญิงสาวผู้มีพลังวิเศษทางการด้านได้กลิ่นวิญญาณและมีพลังไสยเวทย์ที่ได้รับการสืบทอดไสยขาวมาจากหลวงปู่ที่เธอเคารพยิ่งนัก เรื่องราวกล่าวถึงการพบเจอของสุคนธรสที่บังเอิญได้ช่วยเหลือเจ้าของตลาดหญิง-จำเริญ ที่ใครๆ ต่างเรียกขานกันว่า เจ้าสัวจำเริญ ไม่ได้ถูกหลอกซื้อพระในราคาเกินจริง และได้มอบพระที่ตนเคยได้มาจากหลวงปู่ ก็คือพระรอด ให้กับเจ้าสัวจำเริญเมื่อทราบว่า ท่านจะเอาไปให้ลูกชายซึ่งก็คือไตรรัตน์ตามที่ภรรยาได้ไปดูหมอกับหมอดูในตลาด โดยสุคนธรสได้รับพระรอดมานั้นก็เพื่อจะได้มอบให้กับผู้มีบุญและครั้งนี้เธอก็เชื่อว่าคนผู้นั้นก็คือไตรรัตน์ จึงได้มอบพระให้กับเจ้าสัวไป สำหรับพระเอกของเรื่องก็คือ ไตรรัตน์ ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นคู่ปรับของสุคนธรส เขาได้ใช้บริการของบริษัทปราบผีจากห้าสาวโดยพาไปที่บ้าน ซึ่งทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในรูปแบบที่ต่างคนต่างสัมผัสได้ด้วยความสามารถของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป จึงได้ช่วยปราบวิญญาณร้ายที่มารังควานมารดาของไตรรัตน์ได้สำเร็จ แต่เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อไตรรัตน์ก็มีวิญญาณร้ายคอยติดตามเช่นกันถึงเวลาที่พลั้งเผลอแฟนเก่าของไตรรัตน์จัดการนำพระรอดที่ไตรรัตน์พกติดตัวตลอดถอดออกมาทำให้วิญญาณผีร้ายสามารถทำร้ายไตรรัตน์ได้ สุคนธรสจึงต้องทำพิธีเพื่อสื่อสารและหวังจะนำไปสู่การช่วยเหลือไตรรัตน์ให้พ้นเคราะห์แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้สุคนธรสเข้าใจว่าตนตกเป็นของไตรรัตน์ สุดท้ายจึงถูกผู้ใหญ่สั่งให้ทั้งสองแต่งงานกัน ในเรื่องนี้ก่อนจะได้อ่านจริงๆ แล้ว ผู้อ่านเคยได้ดูละครมาก่อนแล้ว แต่พอมาอ่านเอาจริงๆ กลับรู้สึกว่าในหนังสือสนุกกว่า แต่ก็ถูกจับให้อยู่ในกรอบของภาพที่ละครถ่ายทอดออกมาซะเยอะเหมือนกันค่ะ คิดว่าหากได้อ่านหนังสือก่อนคงสนุกไม่น้อยทีเดียว อาจจะถึงขนาดติดใจและพาลไม่อยากดูละครไปเสียก็เป็นได้ค่ะ เรื่องนี้นางเอกค่อนข้างจะลุยๆ แต่ก็น่ารักนะคะ โดยความเห็นส่วนตัวแล้วชอบนางเอกแบบนี้เหมือนกัน เรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะขำๆ ดีค่ะ มีมุม ขำๆ น่ารักๆ และมุมที่ให้ได้ลุ้นว่าพระเอกนางเอกของเราจะเป็นอย่างไร
chutarat | 3 รีวิว
14/09/2013

เล่ห์บ่วงมนตราเป็นหนังสือเรื่องหนึ่งในนิยายชุด The Sixth Sense ที่มีด้วยกันทั้งหมด 5 เรื่อง ซึ่งนางเอกของทั้ง 5 เรื่องนี้เป็นผู้มีสัมผัสพิเศษแตกต่างกันไป ญาณิน กรรณา สุคนธรส เนตรสิตางศุ์ กรรัมภา 5 สาวผู้มีสัมผัสพิเศษคบกันมาตั้งแต่สมัยเป็นน้องใหม่ของคณะจิตรกรรมจนกระทั่งเรียนจบ ทั้ง 5 คนก็ได้เปิดบริษัทซิกซ์เซนส์รับกำจัดผีทั่วราชอาณาจักร โดยใช้ความสามารถพิเศษที่แต่ละคนมี เพื่อหวังที่จะช่วยเหลือผู้คนและเหล่าวิญญาณให้พ้นจากความทุกข์ สุคนธรสมีสัมผัสพิเศษทางด้านการได้กลิ่นวิญญาณและมีวิชาทางด้านไสยเวทย์ สุคนธรสได้ช่วยเจ้าสัวจำเริญเจ้าของตลาดหญิง-จำเริญไว้จากการถูกหลอกให้ซื้อพระในราคาแพงกว่าที่ควรไปสองสามเท่าตัว เจ้าสัวจำเริญได้บอกกับสุคนธรสว่ากำลังหาพระเพื่อไปให้กับไตรรัตน์ลูกชาย เพราะเมียของเจ้าสัวจำเริญไปดูหมอมากับร่างทรงชื่อสมคิดในตลาดหญิง-จำเริญนั่นเอง ซึ่งสุคนธรสเคยได้รับมอบพระรอดมาจากหลวงปู่ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ เพื่อฝากเอาไว้ให้กับผู้มีบุญ ซึ่งสุคนธรสก็คิดว่าผู้มีบุญคนนั้นคือไตรรัตน์จึงได้มอบพระรอดให้เจ้าสัวจำเริญไป สุคนธรสสงสัยในตัวเจ้าพ่อสมคิดว่าจะเป็นสิบแปดมงกุฎจึงได้ชวนเพื่อนๆไปดูลาดเลา ประจวบกับที่ณัฐพี่ชายของเนตรสิตางศุ์ได้ให้ไตรรัตน์เพื่อนสนิทของตนช่วยสืบเรื่องของเจ้าพ่อสมคิดในเรื่องที่มีส่วนพัวพันกับการค้าประเวณ๊และยาเสพติด ไตรรัตน์จึงได้ช่วยสุคนธรสให้มีจังหวะหนีออกมาจากตำหนักของเจ้าพ่อสมคิดได้ ไตรรัตน์ได้มาจ้างบริษัทซิกซ์เซนส์ให้ไปดูอาการของอาม่าที่กำลังป่วย ก่อนที่แม่ของไตรรัตน์จะให้เจ้าพ่อสมคิดมาดุอาการของอาม่า โดยไตรรัตน์ได้พาทั้ง 5 คนไปดูอาการของอาม่าพร้อมทั้งเลี้ยงอาหารเย็นตอบแทนที่สุคนธรสมอบพระรอดให้ โดยอ้างว่าสุคนธรสเป็นแฟนของตนเอง เพื่อเป็นการบังหน้าไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องที่จะมาปราบผี ซึ่งทั้ง 5 คนก็สามารถปราบผีที่มาทำร้ายอาม่าได้ และไตรรัตน์ก็มีวิญญาณที่คอยตามทำร้าย ซึ่งวิญญาณตนนั้นก็ทำเพราะถูกผู้มีวิชาบังคับมา สุคนธรสจึงได้ทำพิธีเพื่อจะได้สื่อสารกับวิญญาณตนนั้นได้ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้สุคนธรสเข้าใจว่าตนเองถูกไตรรัตน์ข่มเหง แล้วเรื่องราวก็กลับลุกลามกระจายใหญ่โตจนทั้งคู่ต้องถูกผู้ใหญ่สั่งให้แต่งงานกัน สุคนธรสในเรื่องบอกว่าเป็นผู้หญิงห้าวๆลุยๆ มีบุคลิกคล้ายๆทอม แต่เวลาอ่านแล้วบุคลิกของสุคนธรสไม่มั่นคงเลย ดูสับสนไม่สื่ออกมาให้ให้บุคลิกของนางเอกชัดเจนเลย อย่างตอนที่เข้าใจผิดว่าถูกข่มเหง แต่ใจนึงกลับดีใจที่เสียท่าไตรรัตน์ หรือตอนที่ไตรรัตน์ไปนัวเนียกับแฟนเก่าจนโดนถอดพระออกเลยโดนผีเล่นงาน ก็กลับไม่มีปฏิกิริยาหึงหวงอะไรเลย อ่านแล้วรู้สึกว่า มุกไม่ตลก ตัวละครบุคลิกไม่ชัดเจน อ่านแล้วไม่อิน แต่ก็พออ่านได้เรื่อยๆ ฆ่าเวลา

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024