เพชรแสงอัสดง (ธารใส)

เพชรแสงอัสดง (ธารใส)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160004614
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

สายลมยามเย็นในช่วงก่อนเข้าสู่เหมันตฤดูพัดไหว ชวนให้

กายสะท้านได้ไม่น้อย หญิงสาวร่างบาง ผมดำขลับค่อยๆ ย่างเท้าไปตาม

ทางเดินเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับว่าความหนาวเย็น

ไม่อาจทำให้ผิวขาวของร่างบางนั้นสะดุ้งสะเทือนได้ เธอเงยหน้าขึ้นมอง

ท้องฟ้า วันนี้ฟ้าโปร่ง เห็นเมฆบางเบาลอยอยู่ลิบๆ แม้จะใกล้เวลาเย็นแล้ว

แต่ฟ้าก็ยังสว่างอยู่มาก

จิรชยาเดินทอดน่องไปตามทางเดิน ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ซึ่งปลูก

เรียงกันเป็นทิวแถวตลอดสองข้างทางยังคงเป็นสีเขียวสด ทว่าอีกไม่นาน

ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน สีส้ม หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับพันธุ์ไม้ จากนั้น

อีกสักเดือนก็จะค่อยๆ กลายเป็นสีน้ำตาล ร่วงหล่นลงจากต้นในที่สุด

เธอชอบช่วงเวลานี้ของปี สีสันจัดจ้านของต้นไม้ใบหญ้าช่างชวนให้

หลงใหล แม้ว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่ฤดูหนาวอันกินเวลาหลายเดือน ซึ่งเป็น

เวลาที่เธอเกลียดมากก็ตาม

เข้าปีที่สองแล้วตั้งแต่ที่หญิงสาวมาเรียนต่อปริญญาเอกที่เมืองยอร์ก

ประเทศอังกฤษ ในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ หลังจากที่เรียนจบระดับ

ปริญญาตรีและโทในสาขาเดียวกันจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของ

เมืองไทย การเรียนปีแรกผ่านไปด้วยความยากลำบากพอสมควร เธอต้อง

ปรับตัวเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องภาษา โชคดีที่เธอเป็นคนเรียนรู้ไว

หลังจากใช้เวลาสักพักก็เรียนตามเพื่อนได้ทัน

คิดแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจเบาๆ อากาศยามนี้ไม่ถึงกับทำให้ลมหายใจ

กลายเป็นไอ แต่ก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง ไอเย็นกระทบ

ใบหน้า ทำให้แก้มขาวนวลเนียนมีสีระเรื่อขึ้น ปกติผิวของเธอรับความ

รู้สึกได้ไวอยู่แล้ว บางครั้งเดินออกมาจากหอพัก โดนลมตีเข้าทีเดียวก็

หน้าแดงซ่านราวกับผ่านพายุมา จนเพื่อนๆ พากันประหลาดใจ ภายหลัง

เลยกลายเป็นเรื่องให้ได้ล้อกันไม่หยุดหย่อน

อีกไม่กี่เดือนก็สิ้นปีแล้ว ถ้ารวมระยะเวลาเดินทางมาเตรียมตัว

เรื่องหอพัก ลงทะเบียนเรียนภาษา และอื่นๆ อีกจิปาถะ ก็นับได้ว่าเธอ

จากบ้านมาสองปีกว่าแล้ว แต่น่าแปลกที่เธอกลับไม่คิดถึงบ้านมากนัก

ทั้งที่ชีวิตไม่เคยห่างบ้านมาไกลและยาวนานขนาดนี้มาก่อน

การเปิดภาคการศึกษาที่นี่จะแบ่งออกเป็นสามช่วง คือตั้งแต่เดือน

ตุลาคมจนถึงกลางเดือนธันวาคม เดือนมกราคมถึงกลางเดือนมีนาคม

แล้วเว้นระยะไปสักพักก่อนจะเรียนอีกครั้งตอนปลายเดือนเมษายนไป

จนถึงปลายเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาของการปิดเทอม

ใหญ่ พอมีเวลาให้นักเรียนนอกได้กลับบ้านให้หายคิดถึง

ทว่าสำหรับจิรชยา เธอยังไม่ได้กลับบ้านเลยสักครั้งนับตั้งแต่

มาเรียนต่อที่นี่ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรมากนัก

บ้านเธอไม่ได้ขาดความอบอุ่น ตัดปัญหานี้ไปได้เลย ถึงจิรชยาจะ

ไม่ได้สนิทกับบิดามากนัก แต่ก็ไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจกัน ก่อนที่เธอจะมา

เรียนต่อ กลทีป์ ผู้เป็นบิดายังอวยพรให้เธอประสบความสำเร็จ คว้า

วุฒิปริญญาเอกมาครองให้ได้สมดังที่เธอและครอบครัวคาดหวังอยู่เลย

การที่เธอไม่กระตือรือร้นที่จะกลับบ้านมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่นต่างหาก

เมื่อปีที่แล้ว จิรชยารู้สึกว่าบรรยากาศในบ้านค่อนข้างตึงเครียด

ซึ่งเธอคาดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นทำให้การ

ดำเนินธุรกิจของบิดาเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ที่สำคัญคือ การส่ง

เธอมาเรียนต่อที่อังกฤษดูจะเป็นภาระที่ค่อนข้างหนัก เพราะค่าใช้จ่าย

ต่างๆ ไม่ใช่น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงตัดสินใจหางานพิเศษทำด้วย

การเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารไทย แม้จะเป็นงานค่อนข้างหนักสำหรับ

คนที่ไม่เคยผ่านงานใดๆ มาก่อนอย่างเธอ แต่เมื่อนึกว่าได้ช่วยแบ่งเบา

ภาระทางบ้าน จิรชยาก็ยอมทำโดยไม่เกี่ยงงอน

แต่ถึงจะรู้ว่าการที่บรรยากาศตึงเครียดไม่ใช่ความผิดของคนที่บ้าน

หญิงสาวก็ยังไม่อยากกลับไปที่นั่นอยู่ดี

ปลายปีนี้ก็เช่นกัน ถึงมหาวิทยาลัยจะปิดเทอมตั้งแต่ช่วงกลาง

เดือนธันวาคมเป็นต้นไปจนถึงต้นปีหน้า แต่จิรชยาก็คิดไว้แล้วว่า พอถึง

ตอนนั้นจะอยู่โยงเฝ้าหอร่วมกับเพื่อนชาวจีนและไทยอีกไม่กี่คน ซึ่งล้วน

แล้วแต่สมัครใจไม่กลับบ้านเกิดเมืองนอนกันหมด

หลังจากที่เดินอยู่ได้สักพัก หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองโอ้เอ้

มากเกินไปแล้ว ความจริงจิรชยามีนัดกินมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารไทยตรง

หัวมุมถนนนอกมหาวิทยาลัยกับเพื่อนร่วมแฟลต๑ ชาวจีน ๒ คน และ

เพื่อนร่วมก๊วนชาวไทยอีก ๓ คน เพื่อนเธอคนหนึ่งเคยทำงานที่ร้านนี้

เมื่อสองเดือนก่อน ก่อนจะลาออกเพราะเริ่มเรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าตัวยังแอบบ่นเสียดาย บอกว่าที่นี่ให้เงินดี แถมเจ้าของร้านก็ใจดี

เสียด้วย เคยบอกว่าถ้าหากเธอแวะมาจะคิดราคาพิเศษให้

      ตอนที่จิรชยามาถึง เพื่อนๆ ก็รอกันอยู่พร้อมหน้าแล้ว เพื่อนสาว

คนหนึ่งถึงกับบ่นอุบเมื่อเห็นหน้าเธอ

“ยายเจน มาช้าเชียว มัวไปโอ้เอ้ที่ไหนมายะ หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว”

“ขอโทษที ปิ๊ก” เธอเอ่ย “กะเวลาผิดไปหน่อย”

“ช่างเถอะ รีบไปกันดีกว่า ซาร่ากับนาโอมิก็หิวแล้วเหมือนกัน

ฉันไม่อยากถูกคนจีนวีนใส่ แสบแก้วหู”

หญิงสาวอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ เธอชำเลืองมองสองสาวชาวจีนเพื่อน

ร่วมแฟลตแวบหนึ่ง จริงเสียด้วย ซาร่าเริ่มหน้าตึง มองเธออย่างไม่ค่อย

พอใจ ขณะที่นาโอมินั้นมีมารยาทและอดกลั้นได้มากกว่า เห็นได้ชัดว่า

ฝ่ายนั้นพยายามสะกิดซาร่าตลอดเวลาไม่ให้เผลอแสดงกิริยาชวนทะเลาะ

ออกมา

ซาร่ากับนาโอมิเป็นสาวเชื้อชาติจีนแท้ๆ ทั้งสองคนมาจากเซี่ยงไฮ้

ตอนนี้กำลังเรียนต่อระดับปริญญาโทด้านกฎหมาย ทั้งคู่พักอยู่ในแฟลต

เดียวกันกับเธอ นอกจากนี้ยังมีสาวญี่ปุ่นอีกสองคน เรียกว่าทั้งห้อง

มีแต่คนเอเชีย จนบางทีจิรชยายังนึกขำ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเรียนอยู่ใน

ยุโรปหรือเอเชียกันแน่ เพราะวันๆ เห็นแต่หัวดำมากกว่าหัวทองเสียอีก

“ซาร่ามันอยากโวยวาย เพราะกลัวว่าร้านจะไม่มีที่นั่ง มีอย่าง

ที่ไหน อยากกินอาหารไทยมาก แต่ไม่ยอมให้เราทำให้กิน เห็นแล้วร้องยี้

ทุกที” ปิ๊กหันมาบ่นเบาๆ ให้พอได้ยินกันสองคน ทำให้จิรชยาได้แต่

อมยิ้มน้อยๆ จากนั้นทั้งหมดก็พากันเดินเข้าไปในร้าน

ภายในร้าน ‘รสทิพย์’ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและชาว

ต่างชาติ หญิงสาวพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมสาวจีนจึงได้รีบร้อนอยากมา

ถึงร้านเร็วๆ นัก เพราะร้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารไทยเจ้าเด็ดของเมือง

รสชาติจัดจ้านไม่แพ้ร้านในเมืองไทย เลยทำให้มีลูกค้าพูดกันปากต่อปาก

จนกลายเป็นร้านดังในที่สุด

พนักงานเสิร์ฟซึ่งคุ้นหน้าเพื่อนเธอดีอยู่แล้วยกมือส่งสัญญาณ

บอกว่าให้รอเดี๋ยว จากนั้นจึงเดินมานำพวกเธอไปยังโต๊ะด้านใน โชคดี

ที่มีโต๊ะใหญ่ว่างสำหรับทั้งกลุ่ม ไม่อย่างนั้นจิรชยายังแอบคิดว่าเพื่อนสาว

ชาวจีนอาจหลุดเหวี่ยงขึ้นมาก็ได้

พวกเธอสั่งอาหารไปไม่กี่อย่าง อาหารไทยอร่อยๆ มักจะมาพร้อม

กับราคาสูงลิ่ว ถ้าเทียบเป็นเงินไทยแล้ว อาหารมื้อนี้ของเธอคงเทียบได้

กับอาหารระดับภัตตาคารหรู แต่ในเมื่อที่นี่คือต่างบ้านต่างเมือง อาหาร

ประจำชาติที่รสชาติถูกปากใช่ว่าจะหากินกันได้ง่ายๆ แถมยังเป็นโอกาส

พิเศษ เลยยอมควักกระเป๋าจ่ายกัน

โอกาสพิเศษที่ว่าคือ จิรชยาสอบอัปเกรดตามที่ทางมหาวิทยาลัย

กำหนดผ่านเรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนี้เธอกลายเป็น ‘ว่าที่ดอกเตอร์’

อย่างเต็มตัว เหลือเพียงแค่ทำงานวิจัยให้ผ่าน เธอก็จะเรียนจบดังที่ตั้งใจ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่เธอทราบผล ซาร่านั่นเอง

ที่เป็นคนลุกขึ้นมาประกาศว่าทุกคนควรจะเลี้ยงฉลองให้จิรชยา และ

ชักชวนแกมบังคับให้มาฉลองกันที่ร้านอาหารไทย

ตอนนั้นปิ๊กกระซิบกับเธอว่า

‘นังซาร่ามันอยากกินอาหารไทย แต่ไม่กล้าไปกินคนเดียว กลัว

สะเทือนกระเป๋าตังค์ เลยถือโอกาสลากพวกเราไปด้วย นังนี่มันแผนสูง’

ถึงจะรู้ว่าที่เพื่อนพูดมาเป็นเรื่องจริง ทว่าเธอไม่อยากขัดใจเพื่อน

ร่วมห้องที่ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่ จึงยอมตกลงตามที่สาวจีนเสนอ

แต่กว่าทุกคนจะมีเวลาว่างพร้อมกัน ปิดเทอมใหญ่กลางปีก็ใกล้จะสิ้นสุด

ลงแล้ว เลยคล้ายๆ เป็นการเลี้ยงส่งวันหยุดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ

การเรียนในภาคการศึกษาใหม่ไปโดยปริยาย

หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟ บรรยากาศการพูดคุยบนโต๊ะก็เป็นไป

อย่างสนุกสนาน ซาร่าดูเหมือนจะหายเคืองไปนานแล้ว เจ้าหล่อน

เอร็ดอร่อยกับอาหาร หน้าตาเบิกบาน แถมยังหันมาส่งยิ้มให้จิรชยา

เสียด้วย ราวกับลืมไปแล้วว่าเคยไม่พอใจอะไรไว้

เวลานั้นจิรชยาเลิกคิดมาก เธอตระหนักได้ว่าตั้งแต่เริ่มเรียนมา

ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอไม่หาเรื่องมาคิดให้หนักสมอง ทั้งเรื่องเรียน เรื่อง

ครอบครัว ราวกับมันตามติดตัวเธอไปตลอด สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

อย่างกับเป็น...ลางสังหรณ์

หลังจากที่นั่งกันอยู่พักใหญ่ อาหารพร่องไปกว่าครึ่ง หญิงชราเจ้าของ

ร้านก็ออกมาทักทายอยู่นานสองนาน พอถึงเวลาจ่ายเงิน ค่าอาหารก็ลดลง

กว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ และคงลดไปกว่าครึ่ง ถ้าหากสี่สาวชาวไทย

ไม่ทัดทานเจ้าของร้านแสนใจดีเอาไว้ด้วยความเกรงใจ ก่อนที่ทั้งหมดจะ

พากันออกมานอกร้าน

อากาศข้างนอกเย็นลงกว่าเดิมจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นกอดอก

เพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง ขณะที่ปิ๊กพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอ

 “บรื๋อ...หนาวชะมัด รีบกลับหอกันดีกว่า” ปิ๊กบอก แล้วรีบออกเดิน

นำหน้าโดยไม่รอใคร

      จิรชยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตาม ไม่ได้ใส่ใจเพื่อนร่วมทางที่เหลือมากนัก

เพราะถึงอย่างไรจุดหมายปลายทางก็เป็นที่เดียวกันอยู่แล้ว และไม่มีใคร

เสนอว่าจะไปต่อที่ไหน เท่ากับว่าแยกกันได้เลยตั้งแต่ตอนนี้

      สิบห้านาทีต่อมา เธอก็มาถึงหอพร้อมๆ กับปิ๊ก ทั้งสองพักอยู่หอ

ใกล้ๆ กัน ขณะที่หอพักของปิ๊กเป็นห้องน้ำรวม จิรชยากลับเลือกพัก

ในหอที่มีห้องน้ำส่วนตัว ซึ่งเธอก็ค่อนข้างดีใจที่ตัวเองตัดสินใจถูก แค่

ทุกวันนี้เพื่อนร่วมแฟลตห้าคนใช้แค่ครัวร่วมกันยังมีปัญหา เพราะ

หลังจากที่อยู่ร่วมกันไปสักพัก ความสกปรกก็เริ่มเข้ามาเยือนห้องครัว

จนจิรชยาต้องขอไปใช้ครัวของเพื่อนแทน เธอไม่อยากนึกเลยว่าถ้าต้องใช้

ห้องน้ำร่วมกันจะเป็นยังไง คงไม่ต้องมองหน้ากันเลยเชียว

“แวะไปที่ห้องก่อนไหม” ปิ๊กถาม พร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางหอพัก

ของตน แต่หญิงสาวส่ายหน้า

“ไม่ละ วันนี้เพลียๆ อยากรีบเข้านอน”

“โอเค งั้นไม่กวนละ อากาศเริ่มหนาวแล้ว เจนยิ่งขี้หนาวอยู่ด้วย

ช่วงนี้ก็พักผ่อนมากๆ นะ ระวังป่วย ใกล้เปิดเทอมแล้วต้องพร้อมลุย”

ปิ๊กเองก็เหมือนกับเธอ คือมาเรียนด้วยทุนส่วนตัว แต่ที่ต่างกัน

ก็คือปิ๊กมาเรียนปริญญาโทสาขาการเงิน และหวังจะต่อเอกไปในคราว

เดียวกันเลย แม้จะอายุน้อยกว่าเธอสองปี แต่ทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนสนิท

กัน ถ้าไม่ได้ปิ๊กเธออาจจะเหงากว่านี้ก็ได้

“ขอบใจนะ” เธอพูดเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าหอพักไป

ห้องพักของเธอค่อนข้างกว้าง เพราะต้องซอยแบ่งเป็นห้าห้อง

แต่ละห้องมีห้องน้ำส่วนตัวเป็นสัดส่วน ด้านนอกมีครัวสำหรับใช้ร่วมกัน

ถ้าไม่มีห้องรับแขก ผังห้องเช่นนี้จิรชยามักนึกอยู่เสมอว่าเพื่อนร่วมห้อง

แทบจะไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเลย

ซาร่ากับนาโอมิยังไม่กลับมา สองสาวอาจจะไปต่อที่บาร์แห่งใด

แห่งหนึ่งภายในมหาวิทยาลัย ตรงนี้ก็ต่างจากบ้านเกิด หญิงสาวนึกภาพ

ไม่ออกเลยว่าถ้าหากมหาวิทยาลัยในเมืองไทยยอมให้เปิดผับบาร์ใน

บริเวณสถานศึกษาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ขนาดไหน

จิรชยาเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างแผ่วเบา ไม่มีวี่แววของใครใน

ห้องอีก สาวญี่ปุ่นอาจจะออกไปข้างนอก หรือไม่ก็ไปขลุกตัวอยู่ใน

ห้องสมุดอย่างที่ทำเป็นประจำ ก็ดีเหมือนกัน เธอไม่อยู่ในอารมณ์อยาก

ทักทายใครมากนัก อาการอ่อนเพลียที่รุมเร้ามาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในร้าน

อาหารทำให้เธออยากเอนหลังนอนหลับเร็วๆ ตาแทบจะปิดเสียให้ได้

ตอนนั้นเอง หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นไฟกะพริบบนโทรศัพท์ซึ่ง

ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ในห้องครัว บอกให้รู้ว่ามีข้อความเสียงฝากเอาไว้

หญิงสาวลังเล ปกติสายเข้ามักเป็นของสาวญี่ปุ่นผู้แสนจะป็อป

ในหมู่หนุ่มๆ อังกฤษมากกว่า ไม่ค่อยมีใครโทร.หาเธอนัก ทว่าไม่รู้เพราะ

เหตุใดทำให้เธอกดปุ่มฟังข้อความที่ฝากไว้

                    (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"เพชรแสงอัสดง"

หากพิจารณาจากภายนอก...มันคือ "อัญมณีน้ำงาม" ที่ชวนให้ผู้คนหลงใหล และต่างต้องการจะไขว่คว้ามาไว้คู่กาย หากแต่สิ่งที่แฝงเร้นมากับความงาม คือมัจจุราชร้าย...ที่พรากชีวิตไปจากผู้ครอบครองทุกคน "จริชยา" ต้องบินกลับเมืองไทยอย่างเร่งด่วน เมื่อทราบข่าวการจากไปอย่างกระทันหันของผู้เป็นพ่อเงื่อนงำของการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา มีเพียงอัญมณีล้ำค่าที่บิดาประมูลมาที่มีชื่อว่า "เพชรแสงอัสดง" เพชรที่ว่ากันว่าทำให้ผู้ครอบครองทุกรายต้องมีอันเป็นไป ความตั้งใจที่จะขายเพชรพาหญิงสาวบินลัดฟ้าสู่ประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกาที่นั่น...โชคชะตานำพาเธอให้ได้พบกับ "วินซ์" ชายหนุ่มเจ้าของเหมืองเพชรรายใหญ่ของประเทศเจ้าของที่แท้จริงของเพชรอาถรรพ์เม็ดนี้ ท่ามกลางความขัดแย้ง ความละโมบ และความริษยา ความรักของ 2 หนุ่มสาวค่อยๆ ผลิบานออกทีละน้อยแต่ขณะเดียวกัน หญิงสาวก็ถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเพชรกลับคืนสู่ถิ่นและความโลภบังตามนุษย์ ศึกแย่งชิงเพชรเม็ดงามจึงเริ่มต้นขึ้น !!

แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "เพชรแสงอัสดง" เล่มนี้

เขียนโดย "ธารใส"

 

440 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024