เกมหัวใจร้ายรัก (พู่ไหม)

เกมหัวใจร้ายรัก (พู่ไหม)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001434
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งมีพนักงานประจำโรงแรม ‘แกรนด์กุลบดีวงศ์’ จำนวนร่วมร้อยคนนั่งฟังธรรมจากพระสงฆ์รูปหนึ่ง

ทุกคนตั้งใจฟัง มีแต่กงจักรเท่านั้นที่นั่งฟังอย่างกระสับกระส่าย เขารู้สึก'หงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก นึกบ่นอยู่ในใจว่าอะไรกันนักหนา

ชายหนุ่มลุกพรวดจากเก้าอี้ตัวยาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสุด พนมมือไหว้ ผู้บรรยายตามมารยาท แล้วก็รีบจํ้าเท้าออกนอกห้องประชุมทันที

แต่เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว หลังจากประตูห้องประชุมปิดลง ผู้หญิงคนหนึ่งก็ตะโกนไล่หลัง

“คุณกงจักรคะ รอด้วยค่ะ” ผู้หญิงร่างอวบอั๋น ที่ใส่เสื้อผ้าสีครีมรัดรูปจนแทบปริ วิ่งกระหืดกระหอบตามมา

ชายหนุ่มหยุดยืน มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง วางท่านึ่งเรียบเฉยจนคนวิ่งตามมาต้องเดินอ้อมมายืนอยู่ด้านหน้า

“คุณกงจักรจะไปไหนคะไม่อยู่ฟังหลวงพี่ท่านบรรยายธรรมให้จบก่อน เหรอคะ กว่าจะนิมนต์ท่านมาได้ จองคิวล่วงหน้าตั้งหลายเดือน”

“คุณเป็นเจ้านายหรือว่า เลขาฯ ของ ผมกันแน่”

กมลาหน้าซีดลงไปทันตา แต่ก็เป็นเพียงชั่วประเดี๋ยว “เพราะเป็นเลขาฯ ของคุณกงจักรน่ะสิคะ ฉันถึงต้องคอยช่วยงานทุกเรื่อง”

กงจักรระบายลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ไม1ยุ่งสักเรื่องไดไหม...ผม เหนื่อย”

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณกงจักรอย่าลืมสิคะ ว่าท่านประธานกำชับว่าต้อง

ดูแลและก็ช่วยเหลือคุณทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องงานอย่างเดียว”

“คำก็ประธาน สองค่าก็ประธาน”

ชายหนุ่มเหลืออดกับพฤติกรรมยอดแย่ของเลขาฯ สาว ตั้งท่าจะเดินหนี แต่หล่อนคว้าแขนเขาไว้

“ยังไปไม่ได้นะคะคุณกงจักร เดี๋ยวจะมีน้องฝึกงานจากมหาวิทยาลัยมารายงานตัว”

“นั่นมันหน้าที่ของเลขาฯ คุณก็รับเรื่องไปสิ จะเลือกใครมาฝึกงานกี่คนก็แล้วแต่คุณ ไม่เห็นต้องให้ผมยุ่งยากสักนิด”

กงจักรสะบัดแขนออกอย่างรำคาญใจ เดินหนีโดยไม่หันกลับไปมอง เพราะรู้ว่ากมลาคงจะต้องกระทืบเท้า ไม่ก็เต้นเร่าๆ ตามเคย

เขาเห็นอาการแบบนี้ของหล่อนจนชินตา นับแต่รันแรกที่คุณกำธร

ใช้อำนาจของผู้บริหารสูงสุดบังคับให้เขาต้องยอมรับเลขาฯ คนนี้เข้ามา โดย

ไม่ฟังเสียงด้านของเขาสักนิด ประหนึ่งว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดอยู่หน้าฉาก

คอยให้ผู้สูงวัยถือเชือกชักไปมาอยู่เบื้องหลัง

เมื่อนึกถึงคุณกำธร ความหงุดหงิดใจก็ฟังขึ้นมาจากกันบึ้ง สีหน้าถมึงทึง จนเผลอกัดฟันกรอดไม่รู้ตัว เขาสาวเท้าเร็วขึ้น แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้แทบไม่ทัน เมื่อมีผู้หญิงสองคนวิ่งสวนมาจากอีกทางแล้วชนเขา

ทั้งสองสาวล้มลงกับพื้น ในขณะที่เขายืนตัวแข็ง ดวงตาคมกริบแสดง ความไม่พอใจ ก่อนจะพูดว่า “นี่มันโรงแรมห้าดาวนะ ไม่ใช่ที่ที่เด็กนักศึกษา อย่างพวกเธอจะมาวิ่งเล่น”

กงจักรปรายตามองเธอทั้งสองที่ยังนั่งกองอยู่บนพื้น โดยไม่คิดจะไถ่ถาม ว่าเจ็บตรงไหนหรือไม่

ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปยังลิฟต์ กดหมายเลขชั้นที่ต้องการ อดไม่ได้

ที่จะหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แต่พอลิฟต์เปิดออกก็ละความสนใจทันที

 

คล้อยหลังกงจักรหายเข้าไปในลิฟต์ นิดาก็รีบคว้าข้อมือเพื่อนให้วิ่งไป

ตามโถงทางเดินเพื่อไปยังห้องประชุมใหญ่

“เร็วลิชมพู มัวแต่ยืนจ้องหน้านายนั่นอยู่ได้ นี่มันเลยเวลานัดมาตั้งครึ่ง ชั่วโมงแล้วนะ มาวันแรกก็สายเลย”

“แกไม่เห็นเหรอนิดว่าท่าทางนายนั่นมันกวนประสาทขนาดไหน”

“เออน่า เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้” นิดายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วร้องว้ายซํ้าอีกครั้ง

ชมพูรักเร่งฝีเท้าตามนิดา เมื่อเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป สายตาทุกคู่ ของพนักงานหลายคนต่างจ้องมองหล่อนกับเพื่อนเป็นตาเดียว พอหันไปสบตา กมลาซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้า หญิงสาวอยากจะล่องหนหายตัวไปในบัดดล

ทั้งสองสาวเดินตัวลีบ เลียบด้านข้างชื้นไปหาที่นั่งชั้นบนสุด พอเจอที่ เหมาะเจาะ ซึ่งคิดว่าห่างไกลจากสายตาคุณเลขาฯ จอมเฮี้ยบจึงรีบนั่งลงทันที

“แกเห็นพี่กมลามองมารีเปล่า ฉันว่าต้องโดนบ่นแน่เลยที่มาสาย” นิดา เอ่ยชื้นก่อน

“จะโทษเธอฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ ทีแรกว่าจะให้มาวันพรุ่งนี้พี่เขาดันเลื่อน วันก่อนกำหนด แถมยังบอกเวลาก็ไม่ตรง เลยมาสายจนได้”

นิดาเปาปากเบาๆ “แล้วถ้าพี่เขารู้ว่าเหลือแค1ฉันคนเดียวที่มาฝึกงาน

จะโดนบ่นไหม นึกแล้วก็อยากจะด่ายายดาวจริงๆ เลย ดันเป็นไส้ติ่งอักเสบ

ก่อนจะมาฝึกงานแค1วันเดียว...ถ้าวันนี้แกไม่มาเป็นเพื่อน ฉันต้องนั่งหง่าวแน่”

“ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกแค่ครึ่งวันเท่านั้นนะ เพราะฉันเองก็ต้องเตรียมตัว เหมือนกัน”

 

นิดาค้อนปะหลับปะเหลือกไม่จริงจังนัก “ฉันอิจฉาแกจังที่ได้ไปฝึกงานที่โรงแรมของพ่อแกเอง”

“ใครว่าฉันอยากจะฝึกงานที่นั่น ถ้าไค้มาฝึกที่เดียวกับแกยังดีเสียกว่า”

“ทำไมล่ะ” คนถามขมวดคิ้วมุ่น

“แค่นี้ก็เป็นขี้ปากคนอื่นจะแย่อยู่แล้ว หาว่าใช้เส้นสายเข้าไปฝึกงานที่โรงแรมของพ่อตัวเอง”

“แกมันลูกเจ้าของโรงแรม จะไปสนใจพวกปากหอยปากปูทำไม”

“แต่ฉันไม่ชอบให้ใครเอาฉันไปพูดเสียๆ หายๆ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ถ้า เป็นไปได้ขอเปลี่ยนตัวกับยายดาว แลกที่ฝึกงานกันดีกว่า เพราะขืนฉันฝึกงาน ที่โรงแรมของพ่อฉัน มีหวังไม่ต้องทำอะไรกันพอดี เพราะคนอื่นก็คงจะเอาแต่ เกรงใจจนไม่กล้าใช้ฉัน” ชมพูรักทำทำครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ถ้าฉันมาฝึกงานกับแกล่ะจะว่ายังไง”

“แกพูดจริงใช่ไหม ฉันจะได้บอกกับพี่กมลา”

นิดาพูดเสียงด้ง สายตาคนรอบช้างจึงมองมายังตันเสียง นิดาย่อตัวหลบ ขณะที่ชมพูรักยืดตัวตรง พลันสายตาหล่อนก็ปะทะเข้ากับกมลาซึ่งเหลียวหลังมามองพอดี

“พี่กมลากวักมือเรียกละนิด” ชมพูรักสะกิดเพื่อนสาวซึ่งนั่งตัวลีบตัวงอ

นิดายืดตัวขึ้น หันมาย่นจมูกใส่หล่อน “พี่เขาเรียกฉันกับเธอเหรอ”

เมื่อไปถึงเก้าอี้ด้านหน้า กมลาก็เรียกให้ทั้งคู่นั่งลงด้านข้าง ทักขึ้นด้วย ประโยคสั้นๆ

“เธอสองคนใช่ไหมที่จะมาฝึกงานกับฉัน”

ยังไม่ทันที่ชมพูรักจะตอบค่าถาม กมลาก็หันหน้ากลับไปทิศทางเดิม

แล้วตั้งใจฟังผู้บรรยายต่อ ปล่อยให้หล่อนกับนิดานั่งตัวเกร็ง

เมื่อนึกถึงสีหน้าบึ้งตึงของกมลาก็พานให้ชมพูรักนึกถึงหน้าผู้ชายคนนั้น ทันใด แววตาโอหังกึ่งดูถูกคนของเขาที่ปรายตามองหล่อน แม้เพียงชั่ววินาที

แต่มันก็ทำให้นึกรำคาญใจยิ่งนัก

 

ความหงุดหงิดรำคาญใจยังคงสถิตในความนึกคิดตลอดเวลาที่ขับรถ

จากโรงแรมมาจนถึงหน้าบ้านตนเอง...กงจักรหงุดหงิดกับการที่จะทำสิ่งใด

ก็ตามต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของคุณกำธร ซึ่งถืออำนาจความเป็นใหญ่ทั้งในและ นอกบ้าน

‘นอกบ้าน’ มีตำแหน่งประธานกรรมการ ข่มวิธีการทำงานของเขาตลอด จนแทบจะไม1มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ แถมผู้สูงวัยคนนี้ยังคงนำความเผด็จการ กลับมาใช้ ‘ในบ้าน’ ในฐานะที่เป็นคุณตาของเขา ทุกอย่างเข้มงวดกวดขัน แม้กระทั่งการตีกรอบความคิด

ความคิดของเขาเหมือนอยู่ในกรอบวงกลมเล็กแคบ แถมยังถูกกรอกหู

ทุกเมื่อเชื่อวันเกี่ยวกับมารดาของเขา

‘แม่แกมันเป็นพวกไม่รักดี ใจง่าย ริอยากจะมีผัวจนตัวสั่น แล้วเป็น

ยังไงล่ะ สุดท้ายมันก็ไข่แล้วทิ้ง ลูกอย่างแกคนเดียวมันยังไม่เอาเลย’

ประโยคซํ้าซากเข่นนี้ฝังอยู่ในความทรงจำมาตลอดยี่สิบสี่ปี รวมถึง

ภาพที่คุณตาของเขาลงไม้ลงมือกับคุณยายที่เขารักที่สุดในทุกครั้งที่คุณยาย

เข้ามาเป็นตัวกลางคอยปกป้องและเข้าข้างเขา

มีครั้งหนึ่งที่เขาเอ่ยปากเถียง ผู้เป็นตาเงื้อมือขึ้นฟาดเข้าที่หน้าและผลัก อกเขาอย่างแรง จนเซเกือบล้ม ยังดีที่คุณยายเข้ามารับไว้

‘ทำไมต้องทำรุนแรงกับหลานด้วยล่ะคุณ’

‘ก็เพราะโอ๋มันอย่างนี้ไงล่ะ มันถึงได้กล้าเถียงคำไม่ตกฟาก’

คุณกำธรเงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดหน้ากงจักรอีกครั้ง แต่คุณนงพะงา

ก็เข้ามากันจนฝ่ามือนั้นกระทบเข้าที่ใบหน้าตนเอง เสียงนั้นยังคงก้องหูเขามา ตลอด ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอด ดวงตาวาวโรจน์ดุด้น สีของดวงตาดำสนิท ไปด้วยความชิงขัง

ชายหนุ่มทุบพวงมาลัยรถ เมื่อภาพของคุณกำธรลอยอยู่ตรงหน้า อยาก จะสลัดความคิดหลอกหลอนนี้ไปให้พ้น เขาจึงหลับตาลง หวังจะผ่อนคลาย อารมณ์ที่ขุ่นมัวอย่างไร้สาเหตุ

 

ประตูอัลลอยหน้าบ้านเลื่อนเปิด เหมือนกับประตูกรงขังกำลังเปิดรับ

ให้เขารีบเข้าไปเยือน บ้านใหญ่โตหลังนี้แม้จะมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล

มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ก็หาได้มีความสุขไม่

ความสุขของเขาในบ้านหลังนี้ ที่ยังพอหลงเหลือเติมเต็มให้หัวใจเวลา อ่อนแอและบอบชํ้า เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้คลายทุกข์ จึงมีเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือ...

“คุณยายมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ”

กงจักรโอบหลังหญิงชราวัยหกสิบเศษ ซึ่งนั่งอยู่ที่ซุ้มเก้าอี้หวาย บริเวณ ด้านข้างตัวบ้านหลังเล็ก ซึ่งปลูกแยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ เขาเอี้ยวตัวไป หอมแก้มทั้งสองข้างของคุณนงพะงา

ผู้สูงวัยเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หลานชาย แม้ขณะดวงตายังคงหมองมีรอย กังวลเจืออยู่ ชายหนุ่มสังเกตได้ทันทีจึงเอ่ยถาม

“คุณยายมีเรื่องทุกข์ใจอะไรครับ”

ชายหนุ่มเอื้อมไปกุมมือคนที่เขารักที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมา ไม่ว่า

คุณนงพะงาจะทุกข์ใจด้วยเรื่องใดก็ตาม ท่านจะเก็บมันไว้ ไม่เคยระบาย

ความทุกข์เหล่านั้นให้ผู้เป็นหลานฟัง

มีแต่คอยรับฟังความทุกข์จากเขาฝ่ายเดียว แล้วก็เป็นคนคอยปลอบใจ เขามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม

ดังนั้นคุณยายของเขาจึงเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจเพียงหยดเดียว

ที่หล่อเลี้ยงหัวใจเขาให้รู้จัก ‘ความเข้มแข็ง’

คุณนงพะงามองหน้าหลานชาย แล้วบรรจงยิ้มให้เขา แม้ว่ามันอาจจะ ยากเย็น แต่นั่นก็คงเป็นความเคยชินที่ผู้สูงวัยทำเสมอมา พร้อมตอบด้วย

น้ำเสียงเรียบ

“ไม่มีอะไรหรอก ยายก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย...คนแก่อยู่คนเดียว บางที มันก็อดคิดถึงความหลังเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้”

พูดจบคุณนงพะงาก็ทอดสายตาไปยังทิวทัศน์รอบบ้าน ก่อนจะลุกขึ้น

เดินไปยังต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งปลูกไว้นานหลายลิบปี

ต้นประดู่ขนาดใหญ่ ผิวเปลือกสีเทาเกือบดำ แตกกิ่งก้านสาขากว้าง ส่วนยอดทึบ ใบมนรีเรียบเป็นมันสีเขียวครึ้มทั่วลำต้น มีแดดอ่อนๆ ลอด

กระทบสู่พื้น กงจักรก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังผู้สูงวัย ตั้งใจฟังในสิ่งที่ท่านพูด

“จักรรูไหมว่าต้นไม้ใหญ่กว่ามันจะเติบโตขนาดนี้ได้มันต้องใช้เวลาหลายปี”

“คุณยายกำลังจะบอกอะไรกับผมครับ”

หญิงสูงรัยเอามือลูบไปตามลำต้นประดู่ พลางสอนหลานชายต่อ “ต้นไม้ ไม่เคยหนีปัญหาและอุปสรรค มันปรับตัวได้ตามสภาพแวดล้อม เติบโต

ให้ความร่มรื่นได้โดยไร้ทุกข์”

ผู้สูงวัยเปรียบเปรยแง่คิดกับต้นไม้ดังว่า...เวลาที่กิ่งก้านมันถูกลิดทิ้ง

มันก็จะงอกใหม่ขึ้นมาทดแทน เวลาที่อากาศร้อนแล้ง ใบเขียวเปลี่ยนสีทิ้งใบ

ร่วงหล่น ยามลมหนาวฝานมาทีก็ผลิดอกบาน พอถึงคราวฝนตกก็งอกงามเติบโต

กงจักรได้ยินคำพรํ่าสอนเช่นนี้มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่า น้ำเสียงของคุณยายนั้นดูอ่อนแอท้อแท้ เสียงนั้นแหบโหย ดวงตานั้นแห้งผาก เหม่อนความทุกข์จับขั้วหัวใจ

แล้ววินาทีนั้น คุณนงพะงากลับค่อยๆ ทรุดกายลงกับพื้นหญ้า นั่งลง ข้างต้นไม่ใหญ่อย่างหมดแรง แม้จะไม่เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอ แต่ดวงตา

นั้นก็ฟ้องความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี

“คุณยายเป็นอะไรครับ ใครท่าให้คุณยายไม่สบายใจ”

ไม่มีใครรู้ว่าคุณนงพะงาคิดเช่นไร นอกจากตัวหล่อนเอง ผู้เป็นหลาน

ชายจึงได้แต่ส่งเสียงถามอยู่เช่นนั้น แล้วหัวใจเขาก็เบาโหวงเหมือนถูกกระชาก ออกจากมือมัจจุราช เมื่อเสียงอู้อี้ของคุณยายเอ่ยสั้นๆ ถึงคู่ชีวิตอย่างคุณกำธร

“ตาของหลานกับ...กับ...แม่พวง”

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ชีวิตของกงจักร ชายหนุ่มผู้เติบโตมาด้วยความเกลียดชัง และหล่อหลอมด้วยความแข็งกระด้าง ช่างตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับ ชมพูรัก หญิงสาวที่ได้รับการทะนุถนอมหล่อมเกลาด้วยความอ่อนโยน ทว่าหนทางของทั้งสองกลับมาบรรจบกันโดยบังเอิญ... เพราะบังเอิญ...เขาจึงคิดจะเปิดประตูใจรับหล่อนเข้าไปพิจารณา แต่ยังไม่ทันได้เปิด...การณ์กลับบังเอิญว่า หล่อนกลายมาเป็นเมียอีกคนของตา...คนที่เขาแสนเกลียดชัง ความรู้สึกระหว่าง เกลียด กับ รัก จึงดำเนินไปพร้อมกันอย่างมิอาจแยกออกได้ ซึ่งท้ายที่สุดมันจะลงเอยด้วยคำใด...นั่นคือสิ่งที่ต้องใช้ หัวใจ ค้นหา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024