เอื้องราหู (นาถลดา)

เอื้องราหู (นาถลดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001359
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เอื้องบายศรี

 

‘นางสาวสิริอร บุญบายศรี’

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยม

อันดับหนึ่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับคำเชิญเข้าทำงานสถาบันวิจัยทาง

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพมหานคร สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยี ตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ระดับสาม

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ จบการศึกษาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยานิพนธ์และงานวิจัยที่ทำไว้ได้รับการตีพิมพ์ใน

วารสารทางวิทยาศาสตร์

และในปีเดียวกัน หล่อนได้ทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ

มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ จากสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์

กรุงเทพมหานคร

ปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ จบการศึกษาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหา-

วิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ พร้อมคำนำหน้าเพิ่มเติม...ดอกเตอร์

สิริอร บุญบายศรี

                ภายหลังเรียนจบ กลับมาดำรงตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ระดับห้า ฝ่าย

วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ในหน่วยงานเดิม

ฐานะทางสังคมของครอบครัวและตัวหล่อนไม่ด้อยไปกว่าฐานะทาง

เศรษฐกิจ บิดาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท แม่เป็นครูโรงเรียนมัธยม ทั้ง

รูปโฉมโนมพรรณก็งามสรรพ สมส่วนแบบหญิงไทย ใบหน้ารีรูปไข่กระจ่าง

ขาว ท่าทีการเคลื่อนไหวว่องไวแต่สง่างาม

เหมาะสมกับคู่หมั้นคู่หมาย...ทันตแพทย์กานนท์ กีรติวีรวงศ์

ชายหนุ่มร่างสูง ผิวพรรณสะอาดสะอ้านอย่างชาวไทยเชื้อสายจีน แม้

จะได้ชื่อว่าอาตี๋ แต่เป็นอาตี๋ที่คมเข้มกว่าอาตี๋ทั้งหมดในชั้นเรียน ยามเดิน

อกผายไหล่ผึ่ง ครั้นเคียงข้างแฟนสาวร่างสะโอดสะอง ทั้งคู่จึงดูเหมาะสมราว

หงส์คู่บินเคียงข้าง

จะมีคำใดเหมาะเท่า...สมบูรณ์แบบ

ทว่าโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน แล้ววันหนึ่งเสาหินแห่งชีวิต

ก็พังทลายลงในพริบตาเพราะคำพูดจากคนที่หล่อนรักมากที่สุด

“อร ผมว่า...เราเลิกกันเถอะ”

สิริอรจดจ้องใบหน้าคมคายนิ่ง ในหัวมีคำถามมากมายรบกวน

“ทำไมนนท์...” หล่อนตั้งใจจะถาม แต่ประโยคที่ตามมากลับถูกกลืน

ลงคอ น้ำตาคลอหน่วย หญิงสาวเม้มปากแน่น รู้สึกเจ็บ แต่ยังน้อยกว่าสิ่งที่

ได้ยินเมื่อครู่

รอบตัวมืดลงแล้ว ผู้คนที่มาออกกำลังกายหรือพบปะสังสรรค์ในสวน

สาธารณะทยอยเดินทางกลับ เหลือก็เพียงคู่หนุ่มสาวซึ่งกำลังทอดน่องชี้ชวน

กันมองพระจันทร์เสี้ยว แสงไฟจากดวงโคมบนเสาเหล็กดัดส่องสว่างสีเหลือง

อบอุ่นฉาบทาบนทิวไม้ สร้างบรรยากาศวาบหวาม

“เพราะอะไรคะ” หล่อนกะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำที่ขังคลอ หวังว่าน้ำตาจะ

ช่วยให้เขาเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ แต่ตรงกันข้าม...เวลานี้สีหน้าของทันตแพทย์

หนุ่มดูยุ่งเหยิง หัวคิ้วผูกกันแน่น ท่าทางเหล่านั้นยิ่งทำให้หญิงสาวเริ่มหวั่น

ไหว

กระทั่งฝ่ายชายจะถอดแหวนหมั้นจากนิ้วนางข้างซ้าย เสียงร้องด้วย

ความตระหนกก็ดังขึ้นทันที

“ไม่...อรไม่เอาแหวนคืน” สองมือถูกดึงเก็บไพล่หลัง ส่ายหน้าอย่างแรง

จนน้ำตากระเซ็น รู้แน่ชัดว่าการบอกเลิกของกานนท์คือเรื่องจริง

“ทำไมนนท์ต้องถอดแหวนออกด้วย นั่นมันแหวนหมั้นของเรานะ”

“ก็นนท์ไม่สมควรเป็นคู่หมั้นของอรน่ะสิ”

สิริอรจ้องหน้าชายผู้เป็นคนรัก น้ำตายังพรั่งพรูอาบสองแก้ม คำถาม

มากมายผุดขึ้นในจิตใจ...นี่มันอะไรกัน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“นนท์ขอคืนแหวน แล้วเราแยกทางกันดีกว่า” สีหน้าของเขาขรึมลง

พยายามดึงมือของหญิงสาวที่ไพล่หลังไว้มารับของ แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหนี

พร้อมกรีดเสียงร้องอย่างลืมตัว

“ไม่! อรไม่เอาคืน! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมนนท์ต้องทำอย่างนี้

ด้วย!” สองเท้าสืบถอย หญิงสาวเสียงดังจนหนุ่มสาวคู่อื่นหันมามอง แต่

หล่อนไม่อินังขังขอบ

“อร เสียงดังเกินไปแล้วนะ”

“นนท์ไม่รักอรแล้วหรือไง ถึงทำแบบนี้” สิริอรไม่ใส่ใจคำเตือน ยังคง

กรีดเสียงพูด น้ำตาไหลพราก สองมือขยำกระโปรงผ้าซาตินจนยับย่น เม้ม

ปากกล้ำกลืนความเจ็บปวดที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจทุเลา

“พูดกันดีๆ เถอะอร”

“พูดดีแล้วนนท์จะกลับมารักอรเหมือนเดิมไหม” หล่อนสวนทันควัน

“ห้าปีที่เราคบกันมา มันไม่มีความหมายสำหรับนนท์เลยหรือไง นนท์ไม่เคยรัก

อรเลยใช่ไหม”

เขานิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ นั่นยิ่งทำให้หล่อนแทบเป็นบ้า หญิงสาวกรีด

เสียงลั่น

“บอกมาสิว่านนท์ไม่รักอร บอกมา!”

“อย่าพูดว่านนท์ไม่รักอร!” กานนท์ตวาดจนคนรอบข้างเริ่มหลีกห่าง

“ห้าปีที่เราคบกันมาคือความสุขของนนท์ แล้วอรก็คือผู้หญิงที่นนท์รักที่สุด

รู้ไว้เสียด้วย”

สิริอรร่ำไห้ มองร่างสันทัดในชุดสุภาพยืนหอบ เห็นน้ำตารินอาบแก้มที่

แดงจัดเช่นเดียวกับหล่อน

“แล้วมันเรื่องอะไรที่นนท์มาขอเลิกกับอร อรไม่ดีตรงไหน”

หญิงสาวก้าวเท้าเข้าหา สองมือจับแขนของชายหนุ่มเขย่า ทันตแพทย์

หนุ่มยังนิ่งเงียบ ไม่ปริปาก

“บอกมาซิว่าอรไม่ดีตรงไหน เราถึงต้องเลิกกัน เลิกอมพะนำแล้วพูด

ความจริงออกมา มันเรื่องบ้าอะไรที่นนท์ต้องมาทำแบบนี้กับอร!” สิริอรเขย่า

จนชายหนุ่มซวนเซ ส่วนตัวหล่อนเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ น้ำหูน้ำตาไหลจน

เครื่องสำอางที่ประทินหน้าเลอะเทอะ “บอกอรมา!”

“ก็เพราะผมทำผิดต่ออรยังไงล่ะ!”

เขาจับตัวหญิงสาวเขย่าบ้าง สีหน้าอัดอั้นตันใจ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็

หยุดชะงัก สิริอรมองหน้าคมคายนิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าเขา

กลับก้มหน้า...กัดกราม กะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตา

“นี่มันเรื่องอะไร...” น้ำเสียงของหล่อนแผ่วลง “นนท์ทำอะไรผิด”

เขานิ่งเฉย สีหน้าอึดอัด กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามไม่หันไป

สบตาคนรัก ทว่าหล่อนกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” สิริอรคาดคั้น สองมือจับใบหน้าอีกฝ่ายให้หันมา

สบตา “มันเรื่องอะไรกันหรือนนท์”

“ผม...” น้ำที่ขังหน่วยตาไหลริน เขาพยายามจะพูด แต่คำถัดไปคล้าย

ติดอยู่ในลำคอ

“นนท์อยากให้อรอกแตกตายหรือไง” หล่อนกำมือทุบอก น้ำเสียงแผ่ว

เบา ทว่าเนื้อความหนักราวมีภูเขาทับอยู่ ได้แต่หวังว่ามันจะถูกยกออกเมื่อ

กานนท์ยอมเปิดปากพูดความจริงเสียที

                “ผม...ทำผู้หญิงคนหนึ่ง...ท้อง”

“ท้องเหรอ” หญิงสาวถามเสียงแปร่งพร่า น้ำตาคลอ “ท้องอย่างนั้น...

เหรอ”

จบสิ้นแล้ว หัวใจของหล่อนถูกหินผาบนอกทับจนแหลกเหลว นัยน์ตา

วูบไหว ภายในหูอื้ออึง แล้วทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาโอบกอดพร้อมคำ

ขอโทษ สิริอรกลับทำใจยอมรับไม่ได้อีกต่อไป

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” หล่อนผลักกานนท์ออกเต็มแรง จ้องมองคน

ที่เซล้มกองอยู่ตรงหน้าด้วยความเสียใจและผิดหวัง “นนท์ทำกับอรแบบนี้ได้

ยังไง อรไปทำอะไรให้นนท์...นนท์ถึงทำร้ายอรแบบนี้”

“อร...ผมขอโทษ มันเป็นเรื่องผิดพลาด แล้วผมก็ต้องรับผิดชอบ”

“แล้วอรเล่า ใครจะมารับผิดชอบอรบ้าง” หล่อนสวนทันควัน

ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นมาอธิบาย แต่เหตุผลทั้งปวงไม่อาจทำให้แก้ว

แตกร้าวกลับมาเป็นดังเดิม

“อรต้องเห็นใจผมนะ ถึงยังไงผมก็รักอร”

“แล้วนนท์ไม่เห็นใจอรหรือไง คำก็รัก...สองคำก็รัก แต่ที่นนท์ทำมัน

ไม่เหมือนที่ปากนนท์ว่าเลย”

ทุกคำที่สิริอรโต้แย้งทำให้กานนท์นิ่งเงียบ จ้องมองหล่อนทั้งน้ำตานอง

หน้า

“แต่นนท์อยากให้อรรู้ว่านนท์รัก...”

“เลิกพูดคำว่ารักนั่นได้แล้ว นับแต่นี้...เราจบกัน” สิริอรตัดบท ดึง

แหวนจากนิ้วนางข้างซ้ายขว้างใส่กานนท์เต็มกำลัง วงแหวนกระเด็นกระดอน

ไปตามพื้นหิน แต่หล่อนไม่อินังขังขอบ...

หัวใจดวงนี้สลายลงแล้วนับแต่ได้ยินความจริงทั้งหมด

หญิงสาวกลับหลังหัน สาวเท้าเร็วๆ จากนั้นก็กลายเป็นวิ่ง สองมือปาด

น้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่ให้ตายเถอะ แม้ปากจะแข็ง ใจจะเกลียดชัง แต่

ลึกๆ แล้วหล่อนยังปรารถนาเหลือเกินว่าชายหนุ่มจะวิ่งตาม รั้งตัวหล่อนไว้

พร้อมคำพูดที่ว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อที่เขากับหล่อนจะได้อยู่

ด้วยกัน

แต่มันคงจบลงอย่างที่หล่อนออกปากไปแล้วจริงๆ

เมื่อหญิงสาวหยุดฝีเท้าแล้วกลับหลังหัน ร่างของทันตแพทย์หนุ่มก็

อันตรธานไปแล้ว จนเมื่อวิ่งกลับมา สิ่งที่ได้พบกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า

ไร้ตัว ไร้เงา แม้แหวนที่หล่อนขว้างทิ้งก็ไม่หลงเหลือให้พบเห็น

สิริอรทรุดลงนั่งร่ำไห้ให้ความฝันซึ่งพังทลาย สายลมที่พัดผ่านเพียงวูบ

เดียวกลับทำให้พรมกลีบกุหลาบกระจายหายไปในอากาศ เหลือเพียงหนาม

คมที่โรยตามพื้น

ในห้วงแห่งความทุกข์ อยู่ๆ เสียงเรียกเข้าของข้อความในโทรศัพท์

เคลื่อนที่ก็ดังขึ้น หล่อนฉวยขึ้นมาดูเผื่อว่าจะเป็นข้อความจากกานนท์ กระทั่ง

เปิดมันอ่าน ทำนบน้ำตาที่พยายามกักเก็บไว้ก็ทลายลงอีกระลอก

‘ประโยคนี้เป็นประโยคที่นนท์จะบอกกับอรคนเดียว ถึงแม้เราจะไม่ได้

อยู่ด้วยกัน...แต่งงานกับนนท์นะ’

โทรศัพท์ร่วงกระแทกพื้น หญิงสาวก็ทรุดลงไร้เรี่ยวแรง เสียงร่ำไห้ดัง

ยิ่งกว่าก่อนประหนึ่งสัตว์ป่าต้องคมมีดเชือดคอจนใกล้ตาย เวลาเช่นนี้ใครกัน

จะช่วยหล่อนได้

“อร...กลับบ้านกันเถอะแก”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังพร้อมสัมผัสอุ่นวางทาบบนไหล่ สิริอร

ค่อยๆ เหลียวกลับ เห็นหญิงสาวผิวสีในชุดเดรสสีฟ้ายืนมองหล่อนทั้งน้ำตา

คลอ แววตาคู่นั้นหล่อนแปลความได้ว่าเวทนาสงสาร

“นนท์เขาทิ้งฉันไปแล้ว” สิริอรพูดขึ้นทั้งน้ำตานองหน้า ทุบอกซ้ายขวา

ราวจะขาดใจ กระทั่งอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องเข้ามาช่วยประคอง เก็บของ จาก

นั้นจึงพาขึ้นรถเดินทางกลับไปยังห้องพักของพวกหล่อนเอง

นับจากวันนั้น สิริอรมักนั่งที่เตียงนอน นำอัลบัมภาพซึ่งครั้งหนึ่งเคย

ถ่ายไว้กับกานนท์มาดูซ้ำ เปิดหน้าที่หนึ่ง...หล่อนยิ้มพลางร้องไห้ หน้าที่สอง

หรือหน้าถัดไปก็ไม่ต่าง จนสำเภางามผู้เป็นเพื่อนเริ่มทนไม่ไหว

“ฉันว่าแกควรจะไปหาหมอนะอร” สำเภางามเดินออกมาจากห้องน้ำใน

สภาพนุ่งผ้าเช็ดตัว โพกหัว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำกรุ่นอยู่รอบตัว

หล่อนเห็นเพื่อนสาวนั่งกอดเข่า มองโทรศัพท์มือถือบนเตียง ถัดไปก็เป็น

อัลบัมภาพสามสี่เล่มวางกระจัดกระจายบนผ้าห่มที่ยังไม่ได้พับตั้งแต่เช้า

“แกรู้ไหมว่าอาการของแกแย่มาก ฉันเห็นแกไปยืนริมระเบียงเมื่อตอน

บ่ายยังกลัวแทน สงสัยต้องขอย้ายไปอยู่ชั้นล่างๆ หน่อย เกิดอุตริอยาก

กระโดดลงไปจะได้ไม่ถึงตาย”

สิริอรไม่ได้ตอบ ดูเหมือนสมาธิของหล่อนจะอยู่กับอุปกรณ์สื่อสารมาก

กว่า ครั้นสำเภางามเช็ดผมเผ้าสวมชุดนอนผ้าลูกไม้ตัวยาวเรียบร้อย หญิงสาว

จึงเดินมายืนข้างหลัง ลอบดูว่าสิ่งใดกันที่ทำให้สายตาของเพื่อนรักไม่ไขว้เขว

ไปที่อื่นใด

มันเป็นข้อความในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ชวนให้สำเภางามนึกถึงผู้ชายซึ่ง

ทำให้สิริอรแทบเสียสติ หล่อนชิงชังเขา คนที่ทำให้เพื่อนรักของหล่อนต้อง

ร้องไห้ แต่ก็ถือว่ากานนท์ยังเป็นคนดีในระดับหนึ่ง เขายังมีจิตสำนึกพอที่จะ

โทรศัพท์มาบอกหล่อนตอนที่สิริอรกำลังสิ้นไร้ไม้ตอก

ทว่านับแต่คืนนั้นเป็นต้นมา สำเภางามก็ไม่เคยพบหรือได้รับการติดต่อ

จากเขาอีกเลย

“พอเถอะ ฉันว่าแกเลิกดูไอ้ของบ้าๆ แบบนี้แล้วไปอาบน้ำดีกว่า”

หล่อนฉวยโทรศัพท์เคลื่อนที่มาปิดเครื่อง แต่อีกฝ่ายกลับดีดตัวพยายามยื้อ

แย่ง สีหน้าตระหนก

“อย่านะ แกทำอย่างนี้ไม่ได้นะเภา”

“ทำไมจะไม่ได้ แกนั่งจมกับข้าวของบ้าๆ พวกนี้มาตั้งห้าวันห้าคืน

รู้หรือเปล่าว่าแกใช้วันพักร้อนที่ควรจะเอามาเยียวยาตัวเองเพื่อมาทรมาน”

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

ดอกเตอร์สิริอร นำทีมไปยังป่าเชียงเมิน 
เพื่อเก็บตัวอย่างกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง 
โดยไม่รู้ว่ามีบางสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตหล่อนรออยู่เบื้องหน้า 
 
ฤทธา อดีตหัวหน้าอุทธยานแห่งชาติ 
พยายามขัดขวางการทำงานของดอกเตอร์สาว 
ด้วยรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมสำรวจก่อนหน้า 
ซึ่งเป็นเหตุเดียวกับที่ทำให้เขาถูกป้ายสีก่อนหน้า 
จนต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง 
 
เอื้องราหู... 
คือวิญญาณของผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น 
ทำให้ผู้ที่หลงใหลเสน่ห์อันเร้นลับของมัน...บ้าคลั่ง 
มันคือสื่อนำความตายมาสู่ผู้ที่โลภโมโทสัน 
และมันคือ กล้วยไม้ต้องอาถรรพ์! 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024