เธอคือเงาในดวงตา (อุมาริการ์)

เธอคือเงาในดวงตา (อุมาริการ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160016327
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้

 

เธอทำงานมาได้สองปีกว่าแล้ว...

เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานและได้ตื่นเต้นท้าทายกับประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

ดังนั้นสปัณณ์จึงไม่เคยคิดจะขาดงานสักครั้งเดียว แม้จะเป็นวัน

ทำงานที่ติดกับวันหยุดยาวและมีวันหยุดสุดสัปดาห์ต่อท้ายเช่นนี้

เช้านี้หญิงสาวเดินทางออกจากบ้านเกิดที่ดำเนินสะดวกแต่เช้าตรู่

และนึกโล่งใจไม่น้อย เมื่อมองจากในซอยลัดออกไปยังถนนสายเศรษฐกิจ

ของกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ตรงหน้า พบว่าถนนยังโล่งอยู่มาก คงเพราะพระอาทิตย์

ยังแอบซ่อนอยู่หลังหมู่เมฆตรงริมขอบฟ้า ส่วนเข็มนาฬิกาก็ชี้บอกเวลา

ว่าเลยหกโมงเช้ามาได้ไม่นานนัก มิหนำซ้ำวันหยุดช่วงก่อนหน้านี้ทำให้

มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากตัดสินใจลางานต่อเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่กำลังมาถึง กรุงเทพฯ เลยค่อนข้างเงียบเหงากว่าปกติ

ร้านค้าหลายร้านยังคงปิดเงียบ ริมถนนไม่มีร้านค้าหาบเร่แผงลอยขาย

อาหารเช้าคึกคักเหมือนเช่นวันอื่นๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ไปตลอดเส้นทาง หญิงสาว

ก็เชื่อว่าเธอจะถึงที่ทำงานภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมงถ้าเพียงแต่...

รถแท็กซี่ที่นั่งอยู่จะยอมชะลอความเร็วลงเสียบ้าง ไม่ใช่เหยียบ

คันเร่งจนมิดตอนเลี้ยวออกจากซอยเพื่อตรงเข้าถนนสายหลักเช่นนี้

ความเสียวไส้ทำให้เธอปิดเปลือกตาแน่น ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น

มาเข้าหู พร้อมๆ กับเสียงโครมใหญ่แล้วตามด้วยเสียงเอี๊ยดชวนเสียวฟัน

ของการเหยียบเบรกกะทันหันจนศีรษะหญิงสาวคะมำไปโขกกับด้านหลัง

ของที่นั่งข้างคนขับอย่างแรง ดีที่ว่าฟองน้ำซึ่งยัดไส้เบาะเอาไว้ช่วยดูดซับ

แรงกระแทกไปได้จนเกือบหมดทำให้ไม่เจ็บอะไร จะมีก็แค่ตกใจเท่านั้น

แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่าเรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่!

สปัณณ์บอกตัวเองพร้อมมองออกไปนอกกระจก เห็นรถแท็กซี่ที่นั่ง

มาโดนชนตรงประตูด้านคนขับเข้าอย่างจัง จนเปิดออกไปไม่ได้ คนขับจึงปีน

ข้ามเบาะไปเปิดประตูอีกด้านเพื่อก้าวออกจากรถ ขณะที่รถคู่กรณีนั้นเป็น

รถยุโรปราคาแพงลิ่วจึงไม่เป็นอะไรมาก จะมีก็แต่กันชนที่บุบเข้าไปเป็น

รอยใหญ่เท่านั้น เลยมั่นใจว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีคนบาดเจ็บ จากนั้นเธอก็

รีบกวาดตามองไปที่มิเตอร์ค่าโดยสาร แล้วจึงกระวีกระวาดออกจากรถ

คิดว่าพอชำระเงินตามจริงที่นั่งมาแล้วจะเรียกรถคันใหม่ เพราะไม่อยากไป

สายโดยไม่จำเป็น

แต่ยังเดินไปไม่ถึงตัวคนขับแท็กซี่ ก็ได้ยินเขาพูดเสียงกระชาก

อย่างไม่พอใจจนเห็นได้ชัด เลยหยุดฟังอยู่ตรงนั้น พร้อมกับจับความได้ว่า

แท็กซี่กำลังหาทางปลีกตัวไปจากที่เกิดเหตุ โดยอ้างว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ต่าง

ก็ผิดเท่าๆ กันดังนั้นไม่ควรยืดเยื้อให้เสียเวลา ทว่าคู่กรณีดูจะไม่เห็นด้วย

ฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสันทัดผิวขาวค่อนไปทางเหลือง และอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต

กางเกงสแล็กส์ขายาว กับรองเท้าหนังขึ้นเงามันปลาบบ่งบอกว่าเป็นมนุษย์

เงินเดือนที่กำลังจะไปทำงานเช่นกัน เขามีสีหน้าที่หงุดหงิดและไม่พอใจ

อย่างเห็นได้ชัดเมื่อฟังจบ ทั้งยังมองสบตาคนขับแท็กซี่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงและตัดบทว่า

“ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ต้องรอประกันของผมมาก่อน”

“แต่ผมต้องรีบไปส่งผู้โดยสาร” ชายวัยกลางคนผิวคล้ำดำแดงร่างเล็ก

แกร็นที่ขับรถพาเธอมากระแทกเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ และเมื่อหัน

มาเห็นหญิงสาวเข้าก็รีบบุ้ยใบ้อย่างรวดเร็ว พร้อมบอกว่า “เห็นไหม นั่นไง

คุณเขาลงมาโน่นแล้ว ในเมื่อรถคุณเองก็ไม่เป็นอะไรมาก ก็เจ๊าๆ กันไปเถอะ

เสียเวลาทำมาหากินกันทั้งคู่ แถมทำให้รถราติดเสียเปล่าๆ”

คำพูดของเขาทำให้คนฟังเบ้ปากอย่างรังเกียจ

“ไม่เป็นอะไรยังไง กันชนรถที่ผมขับยุบเข้าไปตั้งครึ่งแบบนี้ คุณยัง

บอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ”

“โอ๊ย! แค่กันชน ประตูรถผมบุบไปทั้งบาน ผมยังไม่ถือสาเลย”

คนพูดโบกไม้โบกมือ ซ้ำยังพูดเสียงกร่างราวกับใจกว้างเสียเต็มประดา

จนสปัณณ์ที่นิ่งฟังอยู่อดลอบยิ้มขันไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็เห็นคู่กรณีของ

แท็กซี่ขึงตาตอบกลับมาอย่างเหลืออด

“แต่ค่าซ่อมประตูรถคุณบานนึง ยังไม่ได้ครึ่งค่าเปลี่ยนกันชนรถคันนี้เลยนะ”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ นี่คุณถือว่าเป็นคนรวย ขับรถแพงๆ ใช่ไหม ถึงได้กล้า

ขู่ผมแบบนี้ คุณมาชนผมก่อนนะ คุณเป็นคนผิด”

คนขับแท็กซี่ถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างนักเลงเต็มที่ทำให้สปัณณ์ที่ยืนฟัง

อยู่อดรนทนไม่ได้ ต้องพูดแทรกขึ้นว่า

“แต่โชเฟอร์ก็มีส่วนผิดเหมือนกันนะ เพราะถ้าชะลอรถตอนออกจาก

ซอยก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”

พูดได้เพียงแค่นั้น ชายคนขับก็หันมามองเธอด้วยสายตาหงุดหงิดแกมโมโห

“อ้าว! คุณทำไมพูดแบบนี้ล่ะ มาด้วยกันมันต้องเข้าข้างกันสิถึงจะถูก”

“ฉันก็แค่พูดไปตามที่เห็น”

“คุณจะเห็นได้ยังไง ในเมื่อคุณนั่งข้างหลัง”

ฝ่ายนั้นตะคอกอย่างพาลพาโลเต็มที ทำให้หญิงสาวพ่นลมหายใจ

ออกมาด้วยความอ่อนใจ แต่ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเต็มไปด้วยเหตุผลว่า

“ก็ดูจากตำแหน่งที่ถูกชนไงล่ะ ค่อนไปทางด้านหน้าเสียขนาดนี้

อีกนิดเดียวก็จะถึงกันชนหน้าแล้ว แบบนี้แปลว่าโชเฟอร์ชะลอได้แต่ไม่ยอม

ชะลอตอนเข้าทางหลัก ถึงได้โดนชนเข้าได้ เพราะถ้าโชเฟอร์ออกมาจากซอย

ก่อนจริง แล้วรถคู่กรณีไม่ยอมชะลอ แต่ปรี่เข้ามาหา ตำแหน่งที่ชนมันต้อง

ค่อนไปทางท้าย”

คราวนี้ชายคนขับมองตอบมาด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

ทั้งยังตะคอกกลับอย่างเดือดดาล

“คุณเป็นแค่ผู้โดยสาร รถก็ไม่รู้ขับเป็นไหม อวดดียังไงมาเที่ยวบอก

คนโน้นถูกคนนี้ผิด”

พอโดนกล่าวหาเช่นนั้นหญิงสาวก็ได้แต่หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างฉุน

โกรธ พร้อมกับได้ยินเสียงห้าวทุ้มของใครบางคนดังขึ้นตามด้วยเสียงปิดประตูรถเบาๆ

“ฉันว่าไม่ต้องคุยแล้วละ นายโทร.ตามประกันเลยดีกว่า หรือถ้ายัง

ตกลงไม่ได้ก็เดินไปบอกตำรวจตรงสี่แยกเมื่อกี้ให้มาช่วยเคลียร์”

ฟังจากคำพูดแล้ว เขาคงเป็นเจ้านายของชายคนขับ หญิงสาวเลย

เหลือบมอง แล้วก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ลมหายใจเหมือนจะสะดุดโดย

ไม่มีเหตุผล ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำเป็นจังหวะร็อกอยู่ในอก

เวลาอาจเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง ทั้งทำให้เธอเติบโตจาก

เด็กสาวเป็นหญิงสาวเต็มตัว แต่เวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลงอีกฝ่าย

ชายหนุ่มยังเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่วันนี้เขาสวม

สูทสีน้ำเงินกรมท่า แทนจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเช่นที่เคยเห็น สูทของ

ฝ่ายนั้นกระชับตัวราวกับผิวหนังชั้นที่สอง จะบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใส่สูท

แล้วดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาก็ได้ สีน้ำเงินเข้มจัดราวสีมหาสมุทรของ

เสื้อสูทตัดกับใบหน้าขาวจัดและรับกับสีผมดำน้ำหมึกอย่างน่าดู

ส่วนที่สะดุดตาที่สุดบนใบหน้าสะอาดสะอ้านนั้นเห็นจะเป็นดวงตา

ยาวเรียวสีน้ำตาลเข้มใต้คิ้วหนาที่ยังคงทอแววอบอุ่นเช่นเดิม แต่วันนี้

ไม่มีกรอบแว่นสีเข้มเหมือนวันวานเลยเห็นประกายคมกล้าของดวงตาคู่นั้น

ชัดเจน ทำให้สปัณณ์ต้องรีบหลุบเปลือกตาลงต่ำอย่างรวดเร็ว

“นี่คุณกำลังขู่ผมหรือ”

ชายคนขับแท็กซี่ตะคอกเสียงดังลั่นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความ

โมโห ขณะที่เขากลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังวางสีหน้าเรียบจนอ่าน

ไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่

เขามีมาดของผู้บริหารแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

มาดเฉยชาเหมือนเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่ฝุ่นผง ก่อให้เกิดความรู้สึก

น่ากริ่งเกรงยิ่งกว่าคนที่ส่งเสียงกรรโชกเบื้องหน้าเสียอีก

“ก็แล้วแต่คุณจะคิด”

“พูดแบบนี้มันหาเรื่องกันนี่หว่า”

คนขับรถถลกแขนเสื้อทีท่าเอาเรื่องจนเธอใจหาย จึงสืบเท้าปราด

เข้าไปขวางกลางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็คิดไม่ถึง

“ฉันว่าเราค่อยๆ พูดกันดีไหมคะ”

“ถอยไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ”

เสียงห้าวทุ้มนุ่มนวลของคนที่ฝันถึงมาตลอดสี่ปีเตือนอย่างเป็นห่วง

พร้อมกับมือเรียวแข็งแรงของเขาแตะหัวไหล่กลมกลึงเป็นสัญญาณบอกให้

เธอถอยห่าง ทำให้หญิงสาวเหลียวไปมองสบตาอีกฝ่าย

ชายหนุ่มหรี่ตาลง แต่เพียงอึดใจเดียว ดวงตาเรียวสีน้ำตาลคู่นั้น

ก็ว่างเปล่า ปราศจากความทรงจำใดๆ

เขาจำเธอไม่ได้!

สปัณณ์ขบริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นความผิดหวังที่เอ่อท้นอย่าง

ยากเย็น แต่ยังไม่เลิกหวังว่าอีกฝ่ายจะฉุกคิดขึ้นมา

“เอ่อ...”

หญิงสาวพยายามมองจ้องตาเรียวสุกใสแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจคู่นั้น

แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจจะประสานสายตาด้วย ดวงตาของเขาจับจ้องที่

คนขับแท็กซี่อย่างเย็นชา ตอนเอ่ยกับเธอว่า

“ผมว่ากว่าจะเคลียร์เสร็จคงอีกนาน คุณไปเรียกแท็กซี่คันใหม่เถอะ”

“อ้าว! แล้วค่าเสียเวลาของผมล่ะ นี่รับมาจากสายใต้นะคุณ กว่าจะ

มาถึงนี่ไม่ใช่ใกล้ๆ รถก็ไม่ได้เติมน้ำเปล่าด้วย” โชเฟอร์ท้วงเสียงกระด้าง

ขณะที่สปัณณ์เองก็มองไม่เห็นประโยชน์ที่จะยื้ออยู่ต่อเช่นกันเพราะคงไม่มีอะไรดีขึ้น

เขายังคงจำเธอไม่ได้!

ความจริงข้อนี้ก่อให้เกิดความขมขื่นพลุ่งพล่านขึ้นในลำคอ เธอจึง

ฝืนยื่นเงินที่เตรียมไว้ให้คนขับแท็กซี่เป็นการตัดบท

“เฮ้อ! รู้งี้ผมไม่น่ารับคุณมาเลย ตัวซวยจริงๆ”

ฝ่ายนั้นบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกระชากเงินไปด้วยทีท่าโกรธเคือง

ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเอ่ยเสียงกระด้างขึ้นทันที

“ไหน คุณพูดใหม่ซิ”

ท่าทางเอาจริงของเขาทำให้คนขับแท็กซี่อึกอัก ไม่กล้าบ่นอะไรต่อ

จะมีก็แต่ถ้อยคำพึมพำยาวเหยียดในลำคอซึ่งหญิงสาวมั่นใจว่าคงไม่ใช่

คำสรรเสริญแน่นอน

การพูดกับคนแบบนี้ ยิ่งพูดก็ยิ่งเปลืองน้ำลาย ไม่ก็เข้าเนื้อ เธอจึง

ทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย ขณะเดียวกันจะอยู่ทบทวนความทรงจำในอดีตไปก็

คงป่วยการ และถ้าจะว่ากันตามจริง ระหว่างเธอกับเขาก็ไม่มีอะไรจะต้อง

ทบทวนด้วยซ้ำ

ก็แค่คนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญมาเจอกัน...แล้วก็จากกัน...ไป

ตามการหมุนของโลกและการเปลี่ยนตำแหน่งของเข็มนาฬิกา

แต่ถึงจะบอกตัวเองเช่นนี้ ทว่าลำคอของเธอกลับตีบตันเสียจน

ไม่อาจเอ่ยคำอำลาใดๆ ออกมาได้ ทำได้แค่ผงกศีรษะให้เขาเป็นเชิงขอบคุณ

เท่านั้น พอเดินห่างออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงห้าวทุ้มสั่งคนเป็นลูกน้อง

ดังแว่วๆ ไล่ตามหลังมา

“นายจัดการต่อให้เรียบร้อยด้วยล่ะ แล้วเย็นนี้เอารถคันขาวมารับฉัน”

เดาว่าฝ่ายนั้นคงไม่ต้องการเสียเวลารอจนประกันหรือตำรวจมา

เช่นกันจึงให้ลูกน้องจัดการกับอุบัติเหตุครั้งนี้เพียงลำพัง ส่วนตัวเขาน่าจะ

เรียกแท็กซี่เพื่อเดินทางต่อ ขณะที่สปัณณ์ยังลังเล เพราะจากตรงนี้ไปถึง

ที่ทำงานของเธอไม่ไกลนัก นั่งรถราวยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว มิหนำซ้ำถนนสายนี้

ยังเป็นถนนสายเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ จึงมีรถประจำทางมากมายให้เลือก

ใช้บริการ หรือจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ได้ เพราะสถานีรถไฟฟ้าที่

ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรเท่านั้น

คิดถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดเบาๆ ดังจากทางด้านหลัง หันไปมอง

ก็พบว่ามีรถแท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่งโฉบมาจอดไม่ห่างนัก คงเป็นคนที่เดิน

ตามมาโบกเรียกนั่นเอง จึงไม่คิดจะสนใจ จนกระทั่งได้ยินเสียงห้าวทุ้มเอ่ยออกมาว่า

“คุณ...”

เธอผินหน้าไปมองอย่างคาดหวัง แต่สายตาฝ่ายนั้นยังคงไม่ฉายแวว

ว่าจดจำได้ ตอนที่ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดประตูรถทางด้านหลังพร้อมมอง

หน้าเธอแล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจว่า

“เชิญครับ ถือว่าเป็นการชดใช้ที่ผมทำให้คุณต้องเปลี่ยนรถและ

                           (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เพราะเธอคือเงาในดวงตาของเขา และเขาคือเงาในดวงตาของเธอ เพื่อให้ได้รักเธอ ปุริสทำได้ทุกอย่าง แม้ต้องหันหลังให้ธุรกิจที่สร้างมา เพื่อให้ได้รักเขา สปัณณ์ทำได้ทุกอย่าง กระทั่งก้าวเข้าไปในวังวนของความรักต้องห้าม แต่ความรักของทั้งสองจะสมหวังได้หรือ ในเมื่อปุริสเองก็มีอดีตที่ซ่อนเร้น มีศัตรูที่แอบแฝงในเงามืด ศัตรูที่จ้องทำลายทั้งชีวิต การงาน และหัวใจของเขาอย่างเลือดเย็น เพราะต้องการตอบแทนเขาให้สาสม ส่วนสปัณณ์คือคนรักของน้องชายต่างมารดาของปุริสที่ขับเคี่ยวกันมาอย่างเข้มข้นยาวนาน ทั้งเรื่องครอบครัว ธุรกิจ และความรัก และ...เธอมีใบหน้าเหมือนคนรักคนแรกของเขาราวกับพิมพ์เดียว คนรักที่เกือบทำให้ชีวิตของเขาอับปางไปแล้วครั้งหนึ่ง มิหนำซ้ำเธอยังมีอดีตที่เขาคิดไม่ถึง ยิ่งกว่านั้น...เธอยังอายุน้อยกว่าเขาถึงสิบแปดปี ความรักของทั้งคู่จะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าฟันมรสุมแห่งรักครั้งนี้ไปได้หรือไม่ คำตอบอยู่ใน...เงาในดวงตาเธอ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024