รักลายเพลิง (ศตรัศมิ์)

รักลายเพลิง (ศตรัศมิ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001892
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ความรักเกิดได้จากคนคนเดียวก็จริง แต่การมีคนรักแตกต่างจาก

การมีความรัก มันซับซ้อนกว่าและหลายๆ ครั้งก็มีเรื่องของผลประโยชน์หรือ

อะไรต่อมิอะไรอีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมว่าในสังคมสมัยนี้คนที่มอง

ความรักเป็นเรื่องสวยงามอยู่ด้านเดียว มักจะตกเป็นเหยื่อของคนอื่นได้ง่ายๆ”

อรวีร์นั่งเหม่อมองนักแสดงหนุ่มคนหนึ่งกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

ถึงกรณีที่เขาต้องเลิกรากับแฟนสาว หากเป็นเมื่อก่อนหล่อนคงคิดว่าเจ้าของ

คำพูดประโยคนี้เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย แต่ถึงตอนนี้คำพูดเชิงประชด

ประชันนั้นกลับโดนใจและตรงกับความจริงในชีวิตหล่อนเหลือเกิน!

อีกครั้งที่ดวงตาของหล่อนถูกม่านน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมากลบ ทุกสิ่งทุก

อย่างที่เกิดขึ้นตลอดเวลาหลายเดือนก่อนหน้านี้เป็นเหมือนความฝันที่แสน

วิเศษ ก่อนจะกลายเป็นความจริงที่โหดร้ายเกินบรรยาย หล่อนรู้สึกปั่นป่วน

มวนท้องขึ้นมาทันทีเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กระทั่งเมื่อสองวันก่อน หล่อนถึงได้หูตาสว่าง รู้ว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่าง

ผิดจากความเป็นจริงชนิดฟ้ากับเหว

ที่คิมหันต์เข้ามาตีสนิทและทำทุกอย่างให้หล่อนเชื่อว่าเขามีใจ แท้จริง

แล้วเขาแค่ต้องการหลอกใช้เท่านั้น เขาสร้างภาพว่าตัวเองเพียบพร้อม ทั้งที่

ความจริงแล้วมีดีแต่เปลือก คืนนั้นหล่อนแทบจำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงว่า

ตัวเองรู้สึกอึดอัด ร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง นอกนั้นก็เป็นความทรงจำที่มืดมน

เพราะมัวแต่ติดอยู่กับความคิดอันยุ่งเหยิง อรวีร์จึงไม่ทันรู้ตัวว่าเพื่อน

ร่วมห้องมายืนเท้าสะเอวบังหน้าจอทีวีอยู่ตั้งแต่เมื่อไร

“เป็นอะไรไปวะแก” จารุภาโบกไม้โบกมือผ่านหน้าเพื่อนซ้ำๆ ยิ่งเห็น

อรวีร์มองกลับมาด้วยสายตาล่องลอยไร้จุดหมาย ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจระคน

ห่วงใย “นี่ฉันไปทำงานต่างจังหวัดแค่สามสี่วัน ทำไมรู้สึกเหมือนหน้าแกแก่ขึ้นเยอะเลยล่ะ”

“ฉันคิดว่าตัวเองเพิ่งถูกหลอก” อรวีร์เอ่ยขึ้นเสียงเบา สีหน้าเหมือนคน

ที่ยังตกอยู่ในภวังค์ จารุภาเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กัน

“ใครหลอก พ่อครูสอนภาษาหน้าหยกของแกน่ะเหรอ”

อรวีร์พยักหน้าเอื่อยเฉื่อย

“เกิดอะไรขึ้น เท่าที่ฉันเห็นก็ดูเขาถูกใจแกอยู่ไม่น้อยนี่นา”

คนหน้าเศร้าพูดไม่ออก ได้แต่จ้องที่หน้าจอโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่วาง

อยู่ข้างๆ จารุภาชะโงกหน้ามามองก่อนจะนิ่งอึ้ง ขากรรไกรแข็งไปตามๆ กัน

“มะ…หมอนั่นข่มขืนแกเหรอ”

จารุภารู้ว่าไม่ควรถามเพื่อนแบบนี้ แต่คิดไม่ออกว่าควรจะใช้คำพูด

เช่นไร ในเมื่อตัวเองก็ตกใจจนสติกระเจิงไปเหมือนกัน อรวีร์ร้อนรนกับคำถาม

นั้นทันที

“แกจะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้โดนข่มขืนนะโว้ย ก็แค่…” อรวีร์หน้าแดงก่ำ

เมื่อนึกย้อนไปถึงสภาพของตัวเอง เขาทำอะไรหล่อนหรือเปล่านะ แต่ตอนฟื้น

ขึ้นมาหล่อนก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรรุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย ไม่เจ็บไม่

ปวด ไม่มีร่องรอยใดๆ ประทับไว้บนเรือนร่าง “เขาอาจจะแค่จัดฉากให้เหมือน

มีอะไรกัน เพราะถ้า…มันเกิดขึ้นจริง ฉันก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดหรือผิดปกติบ้างสิ

ฉันเป็นสาวบริสุทธิ์นะโว้ย!”

“แล้วทำไมแกยังมานั่งทำหน้าซื่อบื้ออยู่นี่อีก รีบไปหาหมอนั่นสิ”

“เขาทำขนาดนี้ ทำไมฉันต้องแบกหน้าไปเจอด้วย แกคิดว่าฉันจะยัง

หลงเหลือความพิศวาสให้เขาอีกหรือไง”

“พระเจ้า!…นี่แกสูญเสียเซลล์สมองไปกี่ส่วนเนี่ย ฉันไม่ได้ให้แกไปหา

เขาเพราะความพิศวาส แต่แกต้องไปตกลงกับเขาเรื่องรูปพวกนี้”

อรวีร์รู้สึกชาวาบไปทั้งใบหน้าราวกับถูกความเงียบที่ปกคลุมรอบกาย

ตบหน้าฉาดใหญ่ หล่อนทิ้งหัวไหล่ทั้งสองลู่ลงอย่างสิ้นหวัง ต่อให้คิมหันต์

ไม่ได้ทิ้งข้อความข่มขู่ไว้ว่าจะแบล็กเมล์ แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเก็บ

รูปถ่ายพวกนั้นไว้ใช้ประโยชน์บางอย่าง ทุกการกระทำของเขาย่อมต้องหวังผล

จารุภาลุกขึ้นยืน คว้าแขนเพื่อนแล้วฉุดให้ลุกขึ้นยืนตาม

“ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปหาหมอนั่นเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่ว่าฉัน…ไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้นี่” นักข่าวสาวทำท่าละล้าละลัง

“ฉันรู้ว่าแกอาย แต่อายวันนี้ยังดีกว่าไปอายตอนเรื่องมันบานปลายนะ

เกิดหมอนั่นเอาภาพของแกไปแฉจนฉาวโฉ่ทั่วเมืองจะทำยังไง อย่าลืมนะว่า

พ่อแกเป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต่อให้เขาไม่เคยมาดูดำดูดีแก แต่ถ้ามีเรื่อง

ที่กระทบไปถึงชื่อเสียงของเขา ฉันว่าแกเละเป็นศพถูกรถสิบล้อทับแน่”

“ได้ไงล่ะ พ่อทำเรื่องฉาวโฉ่กว่าฉันตั้งเยอะ แถมตั้งใจทำด้วย” อรวีร์ยังเถียงอุบอิบ

“งั้นแปลว่าแกจะยอมให้พ่อต่อว่าแม่ ว่าเลี้ยงแกให้โตมาแบบไร้คุณภาพเหรอ”

คราวนี้นักข่าวสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พ่อกับแม่ของหล่อนแยก

ทางกันตอนที่หล่อนอายุเพียงสิบปีเศษ อันที่จริงแม่ก็ไม่ใช่ภรรยาคนแรกของ

พ่อ แม่เป็นหนึ่งในบ้านเล็ก แต่ก็เป็นบ้านเล็กที่ไม่เคยระรานหรือสร้างความ

เดือดร้อนให้สามีต้องระคายใจ มีแต่พ่อนั่นแหละที่ไม่รู้จักพอ ถ้าวันหนึ่งมีใคร

นึกสนุกรวบรวมรายชื่อลูกเมียทั้งหมดของพ่อ หล่อนเชื่อว่าจำนวนคนคงมาก

พอที่จะจัดตั้งคณะรัฐบาลได้สบายๆ แต่ไหนแต่ไรแม่ไม่เคยปลูกฝังให้อรวีร์

เกลียดพ่อ จนกระทั่งวันที่แม่จากโลกนี้ไป วันที่ทำให้หล่อนได้เห็นความแล้ง

น้ำใจของชายผู้เป็นเจ้าของเลือดครึ่งหนึ่งในกายหล่อน พ่อไม่เหยียบมาที่วัด

เลยแม้สักครั้ง ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์มาถามไถ่ สิ่งที่เขาทำคือการส่งพวงหรีด

มาในนามของครอบครัวอันประกอบด้วยตนเอง ภรรยาหลวง และบรรดาลูกในกฎหมาย

“ก็ได้ ฉันจะไป…อย่างน้อยก็ทำเพื่อแม่”

“เพื่อตัวแกเองด้วย” จารุภาต่อให้เสียงแข็ง ครั้งนี้เพื่อนของหล่อน

พลาดถนัดเพราะขาดไหวพริบ มองมนุษย์ผู้ชายในแง่ดีจนเกินไป คนมีความ

รักจะรักมากแค่ไหนก็ยังมีสติ แต่คนลุ่มหลงคือคนที่กำลังเดินลงนรกโดยไม่รู้

ตัว หล่อนมองสีหน้าอิดโรยจากการอดหลับอดนอนของอรวีร์ด้วยความ

หนักใจ…มีผู้หญิงเก่งกล้าสามารถตั้งไม่รู้กี่รายที่ตกม้าตายเพราะเรื่องผู้ชาย

อรวีร์จะรับมือกับผู้ชายเล่ห์เหลี่ยมร้อยเล่มเกวียนแบบนั้นได้ยังไงหากยังเหลือ

เยื่อใยให้เขาอยู่

 

คิมหันต์ยกขาสองข้างขึ้นพาดบนโต๊ะอัลลอยสีขาวโดยไขว้

ปลายเท้าไว้ด้วยกัน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วเหยียดแขนขึ้นเหนือศีรษะ

ดวงตายังคงจับจ้องที่หน้าจอโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ชนิดไม่ละสายตาไปไหน

สายลมเอื่อยพัดผ่านมาไม่ขาดสาย ต้นไม้ใบหญ้าในสวนหย่อมไหวเอน

สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวา บรรยากาศวันนี้นับว่าสดชื่นที่สุดในรอบหกเดือนที่ผ่านมา

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์คือหญิงสาวที่นอนหลับใหลอยู่

บนเตียงเคียงคู่เขา ใบหน้าของหล่อนอิ่มเอมราวกับกำลังฝันหวาน ไม่รู้เลยสักนิด

ว่าเรือนร่างที่มีอาภรณ์หลงเหลือเพียงน้อยชิ้นของตัวเองกำลังตกเป็นเครื่องมือ

แก้เผ็ดของเขา อรวีร์…หล่อนอ่อนหัดเรื่องผู้ชายยิ่งกว่าที่เขาเคยคะเนไว้เสียอีก

“แกทำสำเร็จจนได้สินะไอ้คิม” เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้คนที่กำลัง

นั่งมองรูปเพลินๆ เอี้ยวคอมองกุญชรกับพงศ์วิทย์สองหนุ่มเพื่อนสนิท

…กุญชรผู้มีรูปร่างขัดแย้งกับความหมายของชื่อโดยสิ้นเชิง เป็นชายหนุ่มร่าง

สูงและเพรียวบาง ไว้ผมดำขลับยาวคลุมบ่า มิหนำซ้ำยังมีเครื่องหน้าจิ้มลิ้ม

กระเดียดไปทางผู้หญิง ส่วนพงศ์วิทย์เป็นหนุ่มหน้าขรึมผิวขาวเหลือง มอง

ผิวเผินเหมือนจะมีลักษณะของคนถือตัวอยู่ไม่น้อย

“หกเดือน โคตรนานเลยสำหรับการหลอกผู้หญิงสักคน” กุญชรเอ่ย

พร้อมรอยยิ้มตามแบบฉบับหนุ่มอารมณ์ดี

“บางทีความอ่อนหัดที่มากเกินไปก็เป็นอุปสรรคได้เหมือนกัน ผู้หญิง

พวกนี้ตามความคิดผู้ชายไม่ทัน ทอดสะพานไม่เก่ง จะเข้าหาแต่ละทีเลย

ลำบาก” คิมหันต์เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ มองเพื่อนอีกสองคนที่กำลังพากันนั่งลงร่วมโต๊ะ

“ก็บอกแล้วให้ใช้วิธีง่ายๆ ความจริงถ้าแกอยากทำลายไฟล์รูปพวกนั้น

จริงๆ จ้างคนไปจัดการก็ได้ จะใช้วิธีไหน จะช้าหรือเร็ว อรวีร์ก็ต้องรู้อยู่ดีว่า

เป็นฝีมือแก…พวกคิดลึกแผนสูงก็ต้องเหนื่อยแบบนี้แหละ” กุญชรเอ่ยพลาง

เปลี่ยนท่ามานั่งไขว่ห้าง เขาเคยเสนอให้คิมหันต์ใช้วิธีโต้งๆ จัดการอรวีร์ แต่

คิมหันต์กลับเลือกใช้วิธีที่แยบยลกว่านั้น คือหาทางจัดฉากสร้างหลักฐานเพื่อ

เก็บไว้ต่อรองกับนักข่าวสาว ป้องกันไม่ให้หล่อนแว้งกัดเอาได้ในภายหลัง

“ยังไงก็ต้องขอบใจแกมากนะไอ้คิมที่ช่วยฉันจัดการเรื่องทุกอย่าง

ลำพังฉันคนเดียวคงคิดอะไรไม่ออก ตอนที่รู้ตัวว่าถูกถ่ายรูปที่ปราณบุรี ฉัน

นึกถึงแต่หน้าแก รู้แต่ว่าต้องโทร. หาแก”

“ที่ฉันช่วยเพราะไม่อยากให้เรื่องที่ควรจะเป็นความลับมันบานปลายจน

คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองก็เท่านั้น” คิมหันต์ตอบเสียงเรียบ หากอีกสองคนฟัง

ต่างจับกระแสอารมณ์ขุ่นมัวที่เร้นอยู่ได้ชัดเจน

“แต่จับถอดเสื้อผ้าออกเกือบหมดแล้วถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์ มันไม่แรง

ไปหน่อยเหรอ เกิดแม่นักข่าวคิดมากจนฆ่าตัวตายหรือกลายเป็นบ้า แกจะ

บาปหนักเอานะ”

กุญชรทำหน้าที่ประสานรอยร้าวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าด้วยการชวน

วกกลับมาพูดเรื่องอรวีร์ต่อ คิมหันต์ส่ายหน้า โบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่

“ฉันไม่ได้เป็นคนจับเธอถอดเสื้อผ้า ฝีมืออรวีร์เองล้วนๆ บ๋อยดันใส่ยาคึกให้”

“แหม เสียดายฉันไม่ได้ไปช่วย” กุญชรแสร้งทำท่าลูบปาก ก่อนจะลอง

ถามหยั่งเชิง “จะว่าไปแม่คนนี้ก็น่าสนใจดีไม่ใช่เหรอ ถึงจะดูฤทธิ์เยอะ แต่ก็

ไม่ใช่พวกแม่ปลาไหลลดเลี้ยว แกคลุกคลีกับเจ้าหล่อนมาตั้งหลายเดือน ไม่

รู้สึกผูกพันอะไรบ้างเลยเหรอ”

คิมหันต์นิ่งงันกับคำถามนี้ คนถามจึงเอ่ยต่อราวกับไม่ได้มุ่งเน้นจะหา

คำตอบจริงจังตั้งแต่ต้น

“อีกไม่นานแม่นักข่าวคงแล่นมาหาแกถึงที่นี่แน่ ถ้ารู้ว่าแกมีรูปพวกนี้อยู่ในมือ”

“นั่นแหละที่ฉันต้องการ”

“ดีแล้ว ต่อไปนี้อรวีร์จะได้ไม่กล้าเข้ามายุ่งเรื่องฉันกับพี่ภาอีก” พงศ์วิทย์

รีบออกตัว ชื่อของผู้หญิงอีกคนทำให้สีหน้าของคิมหันต์เปลี่ยนไปในทันที

พงศ์วิทย์เองก็รู้ตัวว่าพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่สมควรออกไป คนกลางอย่าง

กุญชรเริ่มปั้นหน้าไม่ถูก เลยแสร้งแหงนหน้ามองนกมองฟ้า ภาวนาให้

บรรยากาศที่อึดอัดขึ้นมาฉับพลันนี้คลี่คลายลงโดยเร็ว

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะไอ้คิม ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ บอกแล้วไง

ว่าวันนั้นที่ฉันไปหาพี่ภาที่ปราณฯ ก็แค่อยากจะไปบอกลา ให้เธอดูแลตัวเอง

และลูกๆ ให้ดี แล้วหลายเดือนมานี้ฉันก็ไม่ได้ไปพบเธออีกเลย วันนี้ที่ฉันมา

หาแก ก็เพราะรู้ว่าพี่ภาไม่อยู่บ้าน ฉันไม่ลืมข้อตกลงของเราหรอกน่า” พงศ์วิทย์

เอาน้ำเย็นเข้าลูบ พวกเขาทั้งสามคบกันมาหลายปี มีหรือจะไม่รู้ว่าภายใต้

สีหน้านิ่งเฉยของแต่ละคนนั้นเก็บซ่อนอารมณ์ใดเอาไว้

คิมหันต์สบตาเพื่อนแน่วนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ก็ดีแล้วที่ไม่ลืม เพราะถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับพี่ภา เราคงเป็นเพื่อนกัน

ต่อไปไม่ได้”

 

ความคิดที่ตีบตันส่งผลให้สองเท้าของอรวีร์ก้าวไปข้างหน้าอย่าง

ไม่มั่นคงนัก พอเดินผ่านรั้วสูงเข้ามาหล่อนก็หยุดยืนแล้วแหงนมองบ้านหลัง

ใหญ่เบื้องหน้า ประตูรั้วด้านหลังกำลังเคลื่อนปิดลงด้วยระบบอัตโนมัติ

ที่ถนนคอนกรีตซึ่งทอดเข้าสู่ตัวบ้านมีรถยนต์คันหรูจอดเรียงรายอยู่สามสี่คัน

“ให้ฉันเข้าไปเป็นเพื่อนไหม” จารุภาซึ่งรับหน้าที่คนขับรถลดกระจกลง

แล้วตะโกนถามคนที่ยืนทื่ออยู่ข้างนอกด้วยความเป็นห่วง เห็นอาการประหม่า

ของเพื่อนแล้วให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าไปคนเดียวได้ ขอบใจมากนะ”

 อรวีร์หันไปตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก กระชับสายสะพายกระเป๋าบน

ไหล่แน่นขึ้น แล้วเดินตามสาวใช้เข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น กึ่งกล้า

กึ่งกลัว ขวัญเสียแม้กระทั่งตอนที่เหลียวไปพบเงาสะท้อนของตัวเองบน

ตู้กระจกเพราะกลัวจะเป็นคิมหันต์ที่อาจจะโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

“วันนี้คุณคิมมีแขก ถ้ายังไงเชิญนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียน

ว่าคุณมาขอพบ รับน้ำอะไรดีคะ”

อรวีร์พึมพำตอบโดยที่หล่อนเองก็จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปเพราะสติ

จดจ่ออยู่แต่กับเรื่องอื่น ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มทอดมองสาวใช้ที่เดินผละออก

ไป ไม่กี่นาทีให้หลังสาวใช้อีกคนก็เข้ามาพร้อมถาดเครื่องดื่มในมือก่อนจะกลับ

ออกไปเมื่อหมดหน้าที่ ปล่อยให้อรวีร์นั่งมองน้ำส้มคั้นและน้ำเปล่าในแก้ว

อย่างคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

หล่อนเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยเข้ามาในห้องรับแขก เพราะ

ครั้งนั้นมาในฐานะคนสนิท นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองถูกจัดไว้ในหมวดหมู่

คนแปลกหน้าของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง…หล่อนเชื่อมาตลอดว่าเขาเป็นพวก

ร่ำรวยมาแต่กำเนิด บ้านช่องใหญ่โตคงเป็นมรดกตกทอดของพ่อแม่ ไม่เคย

คิดว่าที่จริงเขาอาจร่ำรวยด้วยวิธีสกปรกเฉกเช่นที่เขากำลังทำกับหล่อน

                                      (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

'อรวีร์' นักข่าวสาวสายบันเทิงตามขุดคุ้ยความสัมพันธ์อื้อฉาวระหว่างดาราสาวกับไฮโซหนุ่ม
 
'คิมหันต์' ทำทุกทางเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ของพี่ชายกับพี่สะใภ้ และตามแก้เผ็ดนักข่าวสาวที่ชอบสอดรู้สอดเห็น...สุดท้าย 'เหยี่ยว' อย่างอรวีร์จึงกลายเป็น 'เหยื่อ' เสียเอง
 
 
เมื่อรู้ตัวว่าพลาดท่า อรวีร์จึงคิดจะใช้ปลายปากกาแก้แค้นเขาให้สาสม ทว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อจู่ๆ นักข่าวรุ่นพี่ที่กำลังตามสืบเรื่องอื้อฉาวนี้เสียชีวิต อีกทั้งนักแสดงสาวผู้ตกเป็นข่าวฉาวยังหายตัวไปอย่างลึกลับ ร้ายที่สุดคือมีคนตามฆ่าอรวีร์ด้วย
 
ถึงเวลาค้นหาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ยิ่งค้นยิ่งหลงทางท่ามกลางเงื่อนงำที่ยุ่งเหยิง และความรักที่ก่อตัวรัดสองใจไว้แน่น
 
แผนฆ่าลวงโลกกลายเป็นโศกนาฏกรรมรัก สิ่งที่หลงเหลือคือความสงสัย ว่าจะมีหัวใจสักดวงไหมที่ไม่เคยมอดไหม้เพราะรักลายเพลิง

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024