หมอกลวงรัก (อิสย่าห์)

หมอกลวงรัก (อิสย่าห์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160002498
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หญิงสาวร่างบอบบางบนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาลเอกชน

แห่งหนึ่ง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะหยีตาเมื่อไม่อาจสู้กับแสงจ้า

ต้องรอสักพักจึงค่อยๆ ปรับสายตาได้

ใบหน้าคนป่วยซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดูงดงามจับตา นัยน์ตา

กลมโตที่ปลายหางตาตวัดขึ้นเล็กน้อย สอดรับกับจมูกโด่งเรียวเล็ก และ

ริมฝีปากอิ่มที่แลเห็นสีชมพูระเรื่อเพียงน้อยนิด ดวงหน้ารูปหัวใจล้อมรอบ

ด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มยาวเลยบ่า

หล่อนจ้องมองเพดานเป็นอันดับแรก ตามด้วยสำรวจรอบๆ ห้อง

แลเห็นโทรทัศน์ที่ตั้งบนชั้นวางสีขาวเช่นเดียวกับสีของผนังห้องอยู่ตรงด้าน

หน้า ข้างๆ โทรทัศน์ ห่างไปไม่ไกลนักมีตู้เย็นขนาดเล็กวางตั้งอยู่ ฝั่งซ้าย

มือของห้องเป็นมุมของอ่างล้างมือ และเคาน์เตอร์ที่มีแก้วน้ำห่อกระดาษวาง

ไว้สองใบ ข้างๆ แก้ว มีตู้ไมโครเวฟขนาดจิ๋ววางตั้งอยู่ ฝั่งขวามือมีโซฟา

ตัวยาวสีชาเขียวตั้งชิดผนังกระจก ผ้าม่านสีครีมเปิดไว้แค่ครึ่งเดียว

นี่คงเป็นห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล

คิ้วโก่งเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน หล่อนพอจะรู้ว่าที่นี่เป็นห้องใน

โรงพยาบาล แต่...ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ที่สำคัญ หล่อนเป็นใครกัน

คุณพระช่วย! หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อตัวเอง

ใจหายวาบ จากนั้นความหวาดกลัวจับจิตก็เข้าครอบงำ นี่เกิดอะไร

ขึ้นกัน ใครตอบได้บ้าง

หญิงสาวหลับตาลง พยายามตั้งสติ แล้วก็คิด คิด และคิด เผื่อว่า

ตัวเองจะตื่นตระหนกมากเกินไปจนลืมแม้แต่ชื่อตัวเอง

แต่เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง ความทรงจำในตอนนี้มีแต่ความ

ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดพอจะเป็นสัญญาณให้ใจชื้นขึ้นมาได้เลย

หล่อนลืมตาขึ้นอีกครั้ง สีหน้าฉายชัดถึงความหวาดกลัว เมื่อนึก

อะไรออก ก็ผุดลุกขึ้นนั่ง รีบควานหาอุปกรณ์กดเรียกพยาบาล และกดปุ่ม

สีแดงทันทีหลายครั้งซ้อนเมื่อพบมัน

สักพักพยาบาลสองคนก็เปิดประตูเข้ามา และเดินตรงมาหาหล่อน

“ฟื้นแล้วหรือคะ ปวดศีรษะมั้ย” พยาบาลสาวรุ่นคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉัน...” คนไข้ถามโพล่งออกไปอย่างร้อนรน

และชะงักที่จะถามออกไปว่าหล่อนชื่ออะไร เพราะเกรงว่าพยาบาลทั้งสอง

คนจะขบขัน

“ใจเย็นๆ ค่ะ คุณเกิดอุบัติเหตุ เลยมานอนในโรงพยาบาลร่วมสอง

สัปดาห์แล้วค่ะ” พยาบาลอีกคนช่วยตอบ

“อุบัติเหตุอะไร”

“อืม อุบัติเหตุทางรถยนต์ค่ะ”

“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลไหน” หล่อนถามต่อราวกับคำถามไม่หมดง่ายๆ

“เป็นโรงพยาบาลในจังหวัดเพชรบุรีค่ะ”

“จังหวัดเพชรบุรีเหรอ” หล่อนรู้จักจังหวัดนี้ พอจะรู้ว่ามีแหล่ง

ท่องเที่ยวอะไรบ้าง แต่ปัญหาก็คือ หล่อนกลับจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้

เลย “แล้ว...แล้วทำไมฉัน...จำอะไรไม่ได้เลย” สุดท้ายโพล่งออกไปอย่าง

อดรนทนไม่ไหว เพราะหวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจำสิ่งที่พยาบาลบอกเล่าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“คุณ...ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้มีผลต่อความ

ทรงจำค่ะ แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้รับบาดเจ็บในส่วนอื่นๆ ของร่างกายค่ะ”

“แล้วฉันจะจำได้เมื่อไหร่ ทำไมฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร

ชื่ออะไร” ใบหน้าซีดเซียวยังไม่คลายความหวาดหวั่น

“เอาไว้สักพักคุณหมอจะเข้ามารายงานอาการ แต่คุณไม่ต้องกังวล

นะคะ อาจเป็นอาการความจำเสื่อมชั่วคราว บางทีไม่กี่วันคุณก็จำได้แล้ว

ค่ะ” พยาบาลยิ้มขณะตอบ

อย่างน้อยถ้อยคำปลอบใจจากคนแปลกหน้าในห้วงเวลาที่กำลังหวาด

กลัวจับจิตจับใจก็พอจะช่วยให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่มากไม่มายก็ตามที

“แล้วคุณรู้มั้ยว่าฉันชื่ออะไร”

“ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ แต่คุณสวมสร้อยเส้นหนึ่งมีตัวหนังสือภาษา

อังกฤษเหลืออยู่สามตัว น่าจะอ่านว่าสร้อย อันที่จริงมีตัวหนังสือต่อไปอีก

แต่มันบิ่นหายไปน่ะค่ะ เราเลยเรียกคุณว่าสร้อย”

“สร้อย” หล่อนทวนชื่อนั้นเบาๆ พลางเลื่อนมือขึ้นคลำหาสร้อย

เมื่อแตะถูกความเย็นของบางสิ่งบางอย่าง ก็ก้มมอง เห็นสร้อยทองคำ

เส้นจิ๋วน่าจะหนักหนึ่งหรือสองสลึง ห้อยจี้ตัวหนังสือที่เขียนว่า เอสโอไอ

ท้ายสุดของตัวไอมีรอยหัก บ่งบอกว่าน่าจะมีตัวหนังสือต่อจากนั้น

หล่อนปั้นหน้าครุ่นคิด แต่ก็เหมือนไม่คุ้นเคยกับชื่อสร้อยเอาเสียเลย

“แล้วคนที่มาเยี่ยมฉันกลับไปแล้วหรือคะ” คนไข้เอ่ยถามขึ้นอย่าง

วาดหวัง ในยามนี้สิ่งเดียวที่พอจะเป็นความหวังคือคนที่หล่อนรู้จัก อาจจะ

เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆ เพื่อนๆ หรือ คนรัก

แต่สีหน้ากระอักกระอ่วนใจโดยพร้อมเพรียงกันของพยาบาลทั้งสอง

ทำให้หัวใจของหล่อนหล่นวูบไปยังตาตุ่มอีกครั้ง ก่อนจะกลั้นใจถามออกไป

“ไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ญาติๆ คุณคงยุ่ง วันแรกๆ มีผู้ชายคนหนึ่ง

มาเยี่ยมคุณ เขาสั่งไว้ว่าถ้าคุณฟื้นเมื่อไหร่ให้โทร.บอกเขาด้วย”

“ผู้ชายคนไหน เขาเป็นใคร เป็นเพื่อนหรือพี่ชายฉันหรือเปล่า”

ความวาดหวังผุดวาบในดวงตาฉายความหวาดหวั่น

“ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่เขาเป็นคนทำเรื่องย้ายคุณมาจากโรงพยาบาล

อีกแห่ง เพื่อมาพักรักษาตัวที่นี่”

“แล้วไม่มีคนอื่นมาเยี่ยมฉันอีกเหรอ” อย่างน้อยก็น่าจะมีญาติ

พี่น้องคนอื่นมาเยี่ยมกันบ้างสิ

ความเงียบและอิหลักอิเหลื่อของพยาบาลทั้งสองเป็นคำตอบได้ดี

“ผู้ชายคนนั้นมาเยี่ยมฉันกี่ครั้ง” หล่อนตัดสินใจถามออกไป หวัง

สุดใจว่าคงไม่ใช่คนที่ขาดญาติมิตรเหลียวแล

“เอ่อ คือ...ครั้งเดียว” พยาบาลคนหนึ่งตอบอึกอักและไม่เต็มเสียง

หมายความว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าไม่มีใครมา

เยี่ยมหล่อนเลยอย่างนั้นหรือ ความหมองเศร้าและประหวั่นพรั่นพรึง

เหมือนจะทบทวีคูณมากขึ้นทุกวินาที

“แล้วพวกคุณรู้มั้ยว่าฉันทำงานอะไร เป็นคนที่นี่ หรือมาทำอะไรที่เพชรบุรี”

พยาบาลทั้งสองคนส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าฉายชัดถึงความเห็นใจ

“งั้นคุณโทร. บอกผู้ชายคนนั้นทีสิ บอกว่าฉันฟื้นแล้ว” หล่อนบอก

ละล่ำละลัก นาทีนี้ผู้ชายคนนั้นคือความหวังเดียวที่จะให้ความกระจ่างแก่กัน

หลังจากพยาบาลทั้งสองคนออกไปจากห้อง หญิงสาวก็ภาวนาให้

สิ่งที่เฝ้าหวาดกลัวจะเป็นแค่ความคิดมากของตัวเอง บางทีการที่ไม่มีใคร

มาเยี่ยม นอกจากผู้ชายคนนั้นที่มาเยี่ยมกันเพียงครั้งเดียว อาจเป็นเพราะ

เหตุผลอะไรบางอย่างก็ได้

แต่แม้จะปลอบใจตัวเองเช่นนั้น ในส่วนลึกก็ไม่อาจปัดความคิดที่ว่า

คงเป็นเรื่องแปลกประหลาดเกินไปที่ใครคนหนึ่งจะนอนป่วยอยู่ใน

โรงพยาบาลโดยไม่มีใครมาเยี่ยมเลย นอกเสียจากว่า คนคนนั้นไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน

หรือหล่อนจะเป็นเด็กกำพร้า แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะเป็นใครกัน หญิง

สาวครุ่นคิดหมกมุ่นอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เฝ้ามองบานประตูแทบ

ตลอดเวลา อยากพบผู้ชายคนนั้นใจจะขาด

อยากรู้ว่าหล่อนเป็นใครกันแน่

 

ผ่านไปร่วมสองวัน ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่มาเยี่ยมกัน แม้เพียรถาม

พยาบาลทุกครั้งที่พวกเธอเข้ามาตรวจดูอาการ แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือน

กันทุกครั้งว่าโทรศัพท์แจ้งให้แล้ว หลายครั้งได้รับคำปลอบใจว่า ผู้ชาย

คนนั้นคงจะติดธุระ ถ้าเขาสะสางธุระเสร็จก็คงจะมาเยี่ยมหล่อน แต่นั่น

ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ความกระวนกระวายกลับมากขึ้นทุกขณะ

ช่วงหัวค่ำในวันเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งมาพบ เขามี

สีหน้าฉายถึงความเห็นอกเห็นใจเมื่อทราบว่าหล่อนจำอะไรไม่ได้เลย แม้

เขาจะแจ้งชื่อกับนามสกุลของหล่อนแล้วก็ตาม และเล่าถึงรายละเอียด

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้ฟัง จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เครื่องหนึ่ง

“โชคดีที่ยังเหลือมือถือเครื่องนี้ครับ ส่วนใหญ่ข้าวของไหม้เสียหาย

หมด เพราะรถเกิดการระเบิด แล้วผมก็คิดว่ามือถือเครื่องนี้น่าจะเป็นของ

คุณ เผื่อคุณ...จะติดต่อเพื่อนหรือญาติได้ แล้วนี่เบอร์โทร.ของผมนะครับ

เผื่อคุณผู้หญิงอยากจะสอบถาม หรือถ้าจำอะไรได้แล้วก็โทร.แจ้งผมได้”

หล่อนรับมาอย่างงุนงง มองตามหลังนายตำรวจที่เดินหายออกไป

จากห้องพักคนไข้ ก้มมองโทรศัพท์เคลื่อนที่ในมืออย่างไม่แน่ใจนัก ค่อยๆ

ลองกดดู พบภาพของตัวเองปรากฏขึ้นบนจอ เลยลองกดไล่ดูไปเรื่อยๆ

ด้วยความตื่นเต้น เฝ้ารอว่าอาจจะเจออะไรที่พอจะทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

ภาพในมือถือส่วนใหญ่เป็นภาพเดี่ยวของตัวหล่อนเองทั้งสิ้น

ยกเว้นแค่ภาพภาพหนึ่ง...

 

เช้าวันถัดมาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดิม

พัดพฤกษ์ก้าวเดินออกมาจากลิฟต์ เมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์ พยาบาล

สาววัยกลางคนนางหนึ่งก็ยิ้มทักทาย และเอ่ยว่า “คุณผู้หญิงคนนั้นรอคุณ

มาหลายวันแล้ว ถามถึงคุณทุกวันเลยค่ะ”

“คือ...ผมงานยุ่งน่ะครับ”

“ค่ะ อืม คือ เมื่อคืนเธอร้องไห้อยู่นานเกือบทั้งคืนเลยค่ะ” ความเห็น

อกเห็นใจเจือในน้ำเสียงคนพูด

คิ้วเข้มของพัดพฤกษ์ขมวดเข้าหากัน “เธอเป็นอะไรหรือครับ

เธอบอกหรือเปล่า”

“ดิฉันก็ถามเธออยู่นาน กว่าจะยอมตอบ เธอบอกว่าเธอกลัวมาก

กลัวว่าจะจำอะไรไม่ได้เลยไปตลอดชีวิต”

ใบหน้าคมสันเรียบเฉยจนเดาแทบไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไร

“ขอบคุณนะครับ” ตอบเสร็จ พัดพฤกษ์ก็สืบเท้าเดินตรงไปยังห้องพักคนไข้

ทันทีที่ประตูห้องเปิดเข้ามา คนไข้ที่กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง

ก็หันขวับทันควัน จ้องมองไปยังทิศทางดังกล่าวตาไม่กะพริบ

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีเทาค่อนข้างมอซอกับ

กางเกงยีนสีซีดก็ก้าวเข้ามา หล่อนแน่ใจว่าเขาน่าจะสูงไม่ต่ำกว่า ๑๘๐

เซนติเมตร ผมสั้นดำขลับของเขาเหมือนจะยาวเกินไปสักหน่อยในความ

รู้สึกหล่อน ใบหน้าคมคล้ามก็ช่างเฉยเมยและมึนตึงจนเกินไป

เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง นัยน์ตาคมกริบของเขาแลดูทรงพลัง

และยโส จมูกโด่งตรงที่สอดรับกับโหนกแก้มคมกับริมฝีปากเหยียดตรงที่แสนเย็นชา

ประกายในแววตาคมกริบชวนให้ใจคอไม่ดีนัก แม้นั่นไม่ใช่ร่องรอย

ความเป็นปฏิปักษ์โดยตรง แต่ก็ไม่อาจเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นมิตร

น่าจะเรียกว่าความเบื่อหน่ายก็ได้กระมัง ผู้ชายคนนี้กำลังเบื่อหน่าย

หล่อน แต่ในห้วงเวลาที่แสนเดียวดาย ไม่เหลือใครสักคนให้พึ่งพิง ผู้ชาย

คนนี้อาจเป็นแค่แหล่งพักพิงสุดท้าย เพราะอย่างน้อยเขาก็มาเยี่ยมกัน

ชายหนุ่มเดินตรงเข้ายืนที่ข้างเตียง ไม่ใกล้หรือห่างเกินไป “เป็นไง

บ้าง” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเรียบเฉยจนเหมือนกำลังถามไถ่เรื่องดินฟ้าอากาศ

“คุณเป็นใคร” หญิงสาวมีสีหน้างงงัน

“ผมชื่อพัดพฤกษ์ สุธีนินนาท”

หล่อนทำท่าครุ่นคิด “ฉันไม่คุ้นชื่อนี้เลย”

พัดพฤกษ์จดจ้องอีกฝ่ายนิ่งนาน ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมได้ยินพยาบาล

เรียกคุณสร้อย คุณพอจะนึกออกมั้ยว่าตัวเองชื่อสร้อยหรือเปล่า”

หล่อนส่ายหน้า

“ถ้างั้นผมคงต้องเรียกคุณว่าสร้อย” เขาพูดเหมือนถามความคิดเห็น

คนไข้พยักหน้าแทนคำตอบ และถามต่อว่า “คุณเป็นคนที่มาช่วย

ฉันใช่มั้ย”

คนเย็นชาแค่ยักไหล่แทนคำตอบ

หล่อนจึงอึดอัดกับท่าทางและแววตาคม ตามด้วยพูดต่อไปอีกว่า

“หมอบอกว่าฉันออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

“ก็ดีแล้วนี่”

“แต่...ฉันจำอะไรไม่ได้...ฉันไม่รู้จะไปที่ไหน” คนตอบหลุบตาลงมอง

มือที่ประสานบนช่วงท้องของตัวเอง แต่ความเงียบของอีกฝ่ายที่เนิ่นนาน

เกินไป เป็นเหตุให้ต้องเหลือบตาขึ้นมองช้าๆ ประสานกับแววตาเพ่งพินิจ

                            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าชีวิตพลิกผันต้องกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ คุณหนูสร้อยศนิผู้แสนเอาแต่ใจ จำต้องมัดมือชกให้พัดพฤกษ์ หนุ่มหล่อแสนเฉยชาและปากร้าย เจ้าของบ้านป่าน้ำโฮมสเตย์ที่เป็นที่พี่งพิงเดียวในยามนั้นรับเธอไปอยู่ด้วย แต่ให้ตายสิ! เขากลับยัดเยียดตำแหน่งคนรับใช้ให้คุณหนูผู้เริดเชิดหยิ่งอย่างเธอ เธออยากจะเกลียดเขาเป็นที่สุด ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้ ใช้งานเธอเยี่ยงทาสประชดประชันเก่งก็เท่านั้น แต่แล้วความใกล้ชิดท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงามของทะเลหมอกบนยอดเขาสูงคือจุดเริ่มต้นของความรักที่เบ่งบานในหัวใจ ทว่าความรักครั้งนี้คงยากจะลงเอยอย่างง่ายดาย เมื่อสถานะและความสัมพันธ์อันแท้จริงของสองหนุ่มสาว คือ อุปสรรคแห่งรักท่ามกลางสายหมอก


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024