ดาวข่มรัก (รพัด)

ดาวข่มรัก (รพัด)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160002719
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 230.00 บาท 57.50 บาท
ประหยัด: 172.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“เด็กที่เกิดวันนี้เป็นเด็กมหาเสน่ห์ ใครเห็นก็หลงรัก เป็นเด็ก จิตใจดีงาม มีดวงดาวแห่งโชคชะตาเล็งราศีเกิด นัยว่าเด็กผู้นี้จะมีโชค แปลกๆ ทั้งยังมีอำนาจวาสนาประดุจมีดาวอุ้มสม หากแม้นมีศัตรู ศัตรูก็ แพ้พ่ายไร้หนทางสู้ ส่วนเนื้อคู่เกื้อกูลกันมาทุกชาติภพ เรียกได้ว่าเกิดมา เพื่อข่มกันและกันโดยเฉพาะ...” แว่วเสียงดีเจอ่านดวงเด็กที่เกิดวันนี้ผ่าน รายการวิทยุชื่อดังรายการหนึ่ง

“คุณ สงสัยถ้าลูกสาวของเราเกิดวันนี้ ท่าทางจะเอาเรื่องไม่เบานะ คะ” เจนจิราที่บังเอิญเปิดวิทยุในรถแล้วเจอเข้าพอดีหันไปบอกสามีที่กำลัง ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาล เพื่อไปหาคุณหมอตามที่ได้นัดหมายไว้

“โชคดีที่ลูกสาวของเราหมอนัดอีกสองอาทิตย์” ดร. อธิกรหันมายิ้ม ให้ภรรยา

“แหม คุณ มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย มีลูกสาวเป็นเด็ก มหาเสน่ห์ ไม่ดีตรงไหน” ผู้เป็นสามีส่งยิ้มบางๆ ให้ภรรยา “ผมอยากได้ลูกสาวที่น่ารัก เรียบร้อยเหมือนคุณ”

ว่าที่คุณแม่อมยิ้มเขินๆ พร้อมกับส่งสายตาค้อนเล็กๆ ให้สามี “ลูกคนที่สามแล้วนะคุณ ยังทำหวานกันได้อีก”

เสียงหัวเราะดังกังวานขึ้นในรถ “มันก็ต้องมีบ้าง เดี๋ยวคุณจะหาว่า ผมจืดชืด ทั้งๆ ที่ก่อนแต่งงานผมหวานมาก”

“ฉันจะไม่แปลกใจเลยค่ะ ถ้าลูกสาวคนนี้จะเป็นเด็กมหาเสน่ห์ ใคร เห็นก็หลงรัก”

“ขอแค่มหาเสน่ห์เล็กๆ ก็พอ อย่าให้ผมต้องนั่งถือไม้ตะพดตอน อายุห้าสิบหกสิบเลย เห็นใจผมเถอะ”

สองสามีภรรยานั่งคุยนั่งหัวเราะกันไปจนเกือบถึงโรงพยาบาล แต่ พอเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล ว่าที่คุณแม่ก็เริ่มออกอาการนิ่วหน้า จนอีกฝ่าย ต้องเอ่ยถาม “เจน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“สงสัยลูกสาวของเราคงไม่ต้องรออีกสองอาทิตย์แล้วละค่ะ” เจนจิรา สูดปาก “ปวด...ท้อง”

“ใจเย็นไว้ก่อนนะเจน ถึงโรงพยาบาลพอดี เดี๋ยวผมจะเอารถเข้าไป จอดหน้าตึก ไหวหรือเปล่า” ดร.อธิกรถามขึ้นอย่างห่วงใย

“ไหวค่ะ” เจนจิราส่งยิ้มให้สามี

ชั่วอึดใจอธิกรก็นำรถยนต์มาจอดเทียบหน้าตึก หลังจากนั้นเจนจิรา ก็ถูกส่งตัวไปยังแผนกสูตินรีเวช ไม่ถึงสามชั่วโมงต่อมา ดร.อธิกร หัสบัญชา ก็ได้บุตรสาวเป็นเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักที่ส่งเสียงร้องดังก้องไปทั่ว ทั้งห้อง ท่ามกลางความดีใจเป็นล้นพ้นของสองสามีภรรยาและบุตรชาย อีกสองคนที่รีบตามมาดูน้องสาว...สมาชิกคนใหม่ของครอบครัวหัสบัญชา

 

สี่ปีผ่านไป

“ไม่ไปโรงเรียน!! ไม่ไปโรงเรียน!!” เสียงแผดร้องของเด็กชายวัย สี่ขวบดังลั่นอยู่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าของเด็กชายเปรอะเปื้อนไปด้วย คราบน้ำตา

“ตาวัฒน์ร้องไม่ไปโรงเรียนอีกแล้วหรือคุณ” คนเป็นพ่อเดินเข้ามาดู ลูกชายที่ยืนร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพรากอย่างน่าเวทนา

“ค่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็ยังไม่ขนาดนี้ แต่นี่ไม่รู้เป็นอะไร ร้องเหมือนจะ ขาดใจ” นางพิจิตราพูดอย่างเพลียใจ

เด็กชายตัวสูงใหญ่เดินออกมาเป็นคนท้ายสุด ก้มลงมองหน้าน้องชาย ของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยถามเสียงขรึม “วัฒน์ ไปโรงเรียนแค่นี้จะร้องไห้ ทำไม”

เด็กชายตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย ตอบเสียงกระท่อนกระแท่น “วะ...วัฒน์ไม่อยากไปโรงเรียน วัฒน์...ปวดหัว”

“เมื่อวานซืนก็ปวดไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะปวดอะไรวันเว้นวัน” พี่ชาย เอ่ยเสียงดุอย่างรู้ทัน

“ปวดจริงๆ วันนั้นปวดข้างซ้าย วันนี้ปวดข้างขวา” พูดจบเด็กชาย ก็รีบยกมือขึ้นมากุมหัวและนิ่วหน้า เสมือนว่าปวดมากมายจนไปโรงเรียนไม่ไหว

คนเป็นพี่ชายส่ายหน้า “อย่ามาลูกเล่น เมื่อกี้พี่ยังเห็นวัฒน์วิ่งไล่ หมาอยู่เลย”

คนโดนจับได้เม้มปาก หน้าหงิก และเมื่อรู้ตัวว่าเหตุผลของตนไม่ สามารถโน้มน้าวให้พี่ชายเชื่อได้ ก็เริ่มหันไปใช้เสียงผสมน้ำตาเรียกร้อง ความสงสารจากพ่อและแม่แทน

“วัฒน์ไม่อยากไปโรงเรียน! วัฒน์ปวดท้อง! ปวดขา เดินไม่ไหว”

“พ่อครับ พาไปโรงพยาบาลดีกว่า ท่าทางวัฒน์จะอาการหนัก เป็น หลายอย่างแบบนี้” ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“วัฒน์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น วัฒน์จะอยู่บ้าน จะนอนพักรักษาตัว เงียบๆ” เด็กชายที่กำลังจะโดนพาไปโรงพยาบาลรีบบอกพ่อกับแม่เสียงดัง

นายเชษฐากับนางพิจิตราทำท่าจะตามใจลูกชายคนเล็กของบ้าน ถ้าไม่ติดสายตาของลูกชายคนโตที่มองห้ามไว้

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับพ่อ ถ้ายังไงพ่อกับแม่ไปรอที่รถก่อนก็ได้ ครับ” รามัน บุตรชายคนโตของบ้านวรเดชาวัฒน์ รับอาสาจัดการน้องชายเอง

สองสามีภรรยานักธุรกิจคนดังของเมืองไทยพยักหน้าให้ลูกชายคนโตเป็นคนจัดการ และผละเดินออกไปขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่

“เอาละ วัฒน์ บอกพี่มา ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียน ที่โรงเรียนมี อะไร” รามันถามน้องชายทันทีเมื่ออยู่กันสองคน

เด็กชายหลบสายตาดุๆ ของพี่ชาย “วัฒน์ไม่สบาย ไปโรงเรียนไม่ไหว”

“โดนใครแกล้งหรือเปล่า” รามันถามน้อง

“เปล่า!!” เสียงเล็กๆ รีบปฏิเสธ สายตาหลุบต่ำลงอย่างผิดสังเกต

“เอาเป็นว่าวันนี้วัฒน์ไปโรงเรียนก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะให้ลาป่วยได้สองวัน เลือกเอาได้เลยว่าวันไหนอยากปวดหัว วันไหนอยากปวดท้อง”

ดวงตาเด็กชายเป็นประกาย ก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “ให้สอง วันจริงหรือเปล่า”

“จริง แต่วันนี้ต้องไปโรงเรียน โอเคไหม”

“ได้ แต่วัฒน์ขอสามวัน มีปวดขาด้วย” เด็กชายวัยสี่ขวบขอเพิ่มอย่างได้ใจ

พี่ชายทำหน้าระอาใจ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้าตกลงให้ น้องชายตัวดี ราวัฒน์เป็นลูกหลงที่เกิดตอนพ่อกับแม่อายุมากแล้ว ทำให้อายุของเขากับน้องชายห่างกันถึงเก้าปี และด้วยความที่ราวัฒน์เป็นลูกชาย คนเล็ก คนทั้งบ้านจึงรุมตามใจทุกอย่าง จะมีก็แต่เขาเท่านั้นที่ต้องคอย ปรามไว้ ไม่อย่างนั้นเวลาไม่พอใจอะไรจะออกฤทธิ์ออกเดชจนทุกคนต้องเวียนหัว

บ้านหลังใหญ่กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เมื่อเด็กชายตัวเล็กยอมไป โรงเรียนแต่โดยดี จากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงราวัฒน์ก็ถูกพามาส่งหน้าห้องเรียน โดยมีพี่ชายคนเดียวมาทำหน้าที่ดูแลน้องแทนพ่อและแม่ ที่ บังเอิญมีธุระด่วนในเช้าวันนี้พอดี

“เลิกเรียนแล้วนั่งคอยพี่ที่เดิม รู้ไหม” รามันสั่งน้อง

เด็กชายพยักหน้าเบาๆ “พี่รามันมาเร็วๆ นะ วัฒน์ไม่อยากคอย นาน”

“ได้ เอาละ ตอนนี้เข้าห้องไปได้แล้ว” รามันดันหลังน้องชายให้เดิน เข้าไปในห้อง เด็กชายตัวเล็กตัวเกร็งขึ้นเล็กน้อย จนคนเป็นพี่รู้สึกได้ว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวัฒน์”

“ไม่มี พี่รามันไปเถอะ” เขาตอบอ้อมแอ้ม

รามันพยักหน้า “งั้นพี่ไปละนะ” พูดจบ คนเป็นพี่ก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง แต่เดินไปได้ไม่ไกลนัก รามันก็เดินย้อนกลับมาใหม่อีกครั้ง และหลบอยู่หน้าห้องเพื่อจับตาดูน้องชาย

“ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่มาโรงเรียน” เสียงเล็กๆ จากด้านหลังถาม คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง

เด็กชายเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ และโพล่งตอบออกมาอย่างโอ้อวดนิดๆ “เราจะได้หยุดสามวัน เธอน่ะหยุดไม่ได้หรอก”

“เห็นพูดมาตั้งหลายวันแล้ว แล้วก็มาทุกที”

“แต่พรุ่งนี้เราจะหยุดจริง สามวันติดๆ กันด้วย” ราวัฒน์บอกเพื่อนอย่างไม่ชอบใจที่โดนเพื่อนหาว่าไม่แน่จริง

“ขี้คุย” เด็กหญิงส่ายหน้าไม่เชื่อ

“เราไม่ได้ขี้คุย พี่ชายเราอนุญาตแล้ว” เด็กชายพูดข่มอีกฝ่าย

“โธ่...คนที่มาส่งหน้าห้องเมื่อกี้น่ะเหรอ ตัวแค่นั้นจะมาอนุญาตอะไรได้” เด็กหญิงทำเสียงไม่เชื่อ

“พี่เราไม่ได้ตัวแค่นั้นนะ พี่เราตัวใหญ่กว่าคนอื่น แล้วก็ดุมากๆ ด้วย อย่างเธอน่ะพี่เราผลักนิดเดียวก็กระเด็นไปไกลแล้ว ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น ว่าพี่เราเก่งขนาดไหน” เด็กชายยกพี่ชายมาพูดขู่ฝ่ายตรงข้าม

“กระจอก” น้ำเสียงเด็กหญิงดูถูกพี่ชายเพื่อนอย่างชัดเจน

“พี่เราไม่ได้กระจอก พี่เราเป็นถึงหัวหน้าชั้น สอบก็ได้ที่หนึ่ง แล้วก็เป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนด้วย พี่เราเก่งที่สุด โตขึ้นไปก็ต้องดูแลบริษัทของพ่อเรา แล้วพี่เราก็จะมีลูกน้องเป็นพันๆ หมื่นๆ คน” ราวัฒน์เถียงเพื่อนหน้าดำหน้าแดง

“โม้อีกแล้ว” เด็กหญิงส่ายหน้าเอือมๆ

“เราไม่ได้โม้” คนถูกหาว่าโม้เสียงดังขึ้นอย่างไม่พอใจ

“พวกเธอเชื่อที่ราวัฒน์พูดหรือเปล่า” เด็กหญิงคนเดิมหันไปถาม เพื่อนๆ ที่เริ่มเดินเข้ามามุงดู

“ไม่เชื่อ” เด็กหญิงตัวเล็กสุดเป็นคนตอบ

“ถ้าไม่เชื่อ ไปเลย นี่แน่ะ ไม่เชื่อใช่ไหม” ราวัฒน์ผลักเด็กหญิงที่ตอบว่าไม่เชื่อจนเซไปข้างหลัง

เด็กหญิงตัวต้นเรื่องปรี่เข้าไปผลักราวัฒน์เมื่อเห็นเพื่อนโดนผลัก “กล้าผลักเพื่อนเราเหรอ นี่แน่ะ”

ราวัฒน์เซไป และทำท่าจะเอาคืน ถ้าไม่ติดที่รามันรีบเดินเข้ามาห้ามทัพน้องชายกับเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนเสียก่อน

“วัฒน์ อย่ารังแกผู้หญิง”

“พี่รามัน แต่ยายน้ำจิ๋วมาผลักวัฒน์ก่อนนะ” น้องชายรีบหันไปฟ้อง

“เธอนั่นแหละมาผลักเพื่อนเราก่อน เด็กขี้โกหก” เด็กหญิงยืนหน้า เชิดไม่เกรงกลัว แม้อีกฝ่ายจะมีพี่ชายตัวใหญ่มาเป็นพวกด้วยก็ตาม

“พี่รามันจัดการเลย เอาให้รู้ซะบ้างว่าพี่น่ะไม่กระจอก” ราวัฒน์ยุพี่ชาย

รามันมองหน้าน้องชายและเลยมามองหน้าเด็กหญิงผมเปีย ดวงตา กลมโต ที่ยืนหน้าตาเอาเรื่องอยู่เบื้องหน้า “เป็นเด็กผู้หญิงควรจะทำตัว เรียบร้อย พูดจากันดีๆ ก็ได้ ไม่ควรใช้กำลังเหมือนเป็นเด็กอันธพาล รู้หรือเปล่า น้ำจิ๋ว”

“สอนน้องชายตัวเองก่อนสิ” เด็กหญิงย้อนเสียงดัง

“ทั้งคู่นั่นแหละ วัฒน์ก็เหมือนกัน ไปผลักเพื่อนก่อนทำไม เป็นลูก ผู้ชายห้ามรังแกผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า” รามันหันมาเล่นงานน้องชาย

“ก็เขาไม่เชื่อวัฒน์” เสียงอ่อยๆ บอกพี่ชาย

“ถึงเพื่อนวัฒน์จะไม่เชื่อ วัฒน์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปผลักเพื่อนแบบนั้น” ราวัฒน์สอน

“ใช่ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าใช้กำลังเหมือนเป็นเด็กอันธพาลของจริง” เด็กหญิงได้ทีซ้ำเติม ซ้ำยังหันไปพยักหน้าชวนเพื่อนๆ ที่ยืนรายล้อมให้ช่วยกันซ้ำให้หนัก

รามันมองเด็กหญิงแล้วได้แต่ส่ายหน้า หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอก แต่ท่วงท่าวาจาร้ายกาจไม่ใช่เล่น

“เอาละ จับมือคืนดีกัน แล้วต่อไปห้ามทะเลาะกันอีก ไม่อย่างนั้นพี่จะฟ้องให้คุณครูจัดการ วัฒน์ น้ำจิ๋ว จับมือกันซะ” รามันสั่งเด็กๆ ให้ทำตามแต่โดยดี

เด็กชายเม้มปาก ออกอาการไม่อยากจับมืออีกฝ่าย ส่วนเด็กหญิงก็ยืนนิ่งหน้าตาเอาเรื่อง ทำท่าไม่ยอมเหมือนกัน

“ราวัฒน์ น้ำจิ๋ว” รามันเรียกชื่อทั้งสองคนเสียงเข้ม

เด็กชายวัยสี่ขวบรู้ดีว่าถ้าพี่ชายเรียกชื่อเต็มๆ แบบนี้แสดงว่ากำลังจะโมโห เด็กชายจึงจำต้องเดินเข้าไปหาเด็กหญิง แล้วยื่นมือขวาออกไปตรงหน้า

“ใครยื่นมือก่อนคนนั้นแพ้ เธอแพ้เราแล้ว” เด็กหญิงพูดอย่างผู้ชนะ

“เราไม่แพ้” มือเล็กๆ เปลี่ยนจากที่จะจับมือเป็นผลักอีกฝ่ายอย่างแรง

เด็กหญิงเซไปข้างหลังแล้วล้มลง เด็กๆ ที่เหลือมองเพื่อนล้มด้วยความตกใจและพากันส่งเสียงร้องเอะอะ

“น้ำจิ๋วหกล้ม!”

“ราวัฒน์ผลักน้ำจิ๋วหกล้ม!”

“วัฒน์!! ทำไมทำแบบนี้” รามันดุน้องเสียงดัง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปดูเด็กหญิงที่ล้มลงพร้อมกับถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “น้ำจิ๋ว เป็นอะไร หรือเปล่า”

“กล้าผลักเราใช่มั้ย” เด็กหญิงผุดลุกขึ้น และทำท่าจะกระโจนเข้าไปหาเด็กชายที่กล้าผลักตน

รามันรีบเอื้อมมือมาตะครุบตัวเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ “น้ำจิ๋ว อย่า...” รามันพูดยังไม่ทันจบประโยค เด็กๆ ทุกคนก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“ง่ำ!”

ปากน้อยๆ งับข้อมือของคนที่กล้าเข้ามาขัดขวางอย่างแรง

เด็กชายทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเห็นพี่ชายโดนกัด ส่วนเด็กคนอื่นๆ ก็ได้แต่ยืนนิ่งมองอย่างตกใจ

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

พรหมลิขิตคงบันดาลชักพาให้เด็กชายวัยสิบสามไม่อาจลืมเด็กหญิงวัยสี่ขวบไปจากใจได้กระทั่งวันที่ทั้งสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน รามัน นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ต้องกุมขมับเมื่อ น้ำจิ๋ว สาวน้อยนักบู๊ บุกเข้ามาหาถึงที่ทำงานโวยวายเรื่องที่บริษัทของเขาจะไปทุบตึกซึ่งเป็นที่ทำงานของหญิงสาว เขาจำได้ไม่ลืมว่าเธอคือยายเด็กตัวปัญหาที่เคยก่อวีรกรรมไว้กับเขาเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่เธอจำเขาไม่ได้เลยถือโอกาสนี้เอาคืนหญิงสาวแบบแสบๆคันๆด้วยการยื่นเงื่อนไขให้เจ้าหล่อนมาเป็นแฟนกำมะลอรับหน้าที่เป็นปราการกั้นไม่ให้สาวๆมาเจ๊าะแจ๊ะกับเขาแลกกับการที่ไม่ต้องทุบตึกทิ้งแถมงานนี้ยังมี ราวัฒน์ เจ้าน้องชายตัวแสบคู่อริเก่าในวัยเยาว์ของหญิงสาวมาร่วมป่วนด้วยอีก เอาละสิ รักครั้งนี้ไม่ชุลมุนวุ่นวายก็ให้มันรู้ไป!


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

chutarat | 1 รีวิว
14/08/2013

เพราะรอยกัดในวัยเด็กทำให้จำฝังใจไม่มีลืม เมื่อรามันได้พบกับน้ำจิ๋วที่มาเจรจาเพื่อไม่ให้รื้อไล่ที่โรงยิมที่รามันซื้อมาจากเจ้าของเดิม อืม เจรจาของน้ำจิ๋วนี่คนอื่นอาจจะเรียกอาละวาดนะ แถมน้ำจิ๋วยังเข้าใจผิดคิดว่ารามันเป็นเด็กกดลิฟท์อีกต่างหาก ตอนที่น้ำจิ๋วรู้ความจริงว่ารามันคือใคร รามันก็จำได้ว่าน้ำจิ๋วคือเด็กผู้หญิงคู่ปรับของราวัฒน์น้องชายของรามันสมัยเรียนอนุบาลที่กัดตน จึงได้วางแผนให้น้ำจิ๋วยินยอมมาเป็นแฟนกับตนเพื่อเเลกกับการไม่ไล่ที่โรงยิม ซึ่งเมื่อราวัฒน์ได้เจอกับน้ำจิ๋วอีกครั้ง และได้เข้าใจผิดว่าน้ำจิ๋วเป็นผู้หญิงที่จะมาจับรามันทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน เด็กๆทะเลาะกันยังไงโตขึ้นมาก็ยังทะเลาะกันอยู่ดี แม้ต่างฝ่ายจะต่างจำกันไม่ได้ก็ตาม คู่นี้ทะเลาะกัน ฮามาก หนังสือนิยายเล่มนี้อ่านแล้วฮามากๆ ยิ่งตอนน้ำจิ๋วกับปารนีทะเลาะกับราวัฒน์นี่บุคลิกแต่ละคนนี่แพ้ทางกันซะ ปารนีแพ้ทางราวัฒน์ ราวัฒน์แพ้ทางน้ำจิ๋ว แล้วน้ำจิ๋วก็แพ้ทางรามัน จริงๆทุกคนแพ้ทางรามันกันหมดทั้งนั้นเลย รามันเชี่ยวจริงๆ คุณพี่รามันขาอยากขอไปทานราดหน้าจานละ 500 ด้วยคนได้ไหมคะ น่ากินจริงๆ คุณพี่รามันเหมือนหลงพวกเลย คนอื่นจะเหมือนเด็กๆทะเลาะกัน คุณพี่ก็เหมือนคุณครูคอยคุมเด็กๆ ชอบคู่ของราวัฒน์กับปรานีมากๆ ถึงจะมาปิ๊งปั๊งตอนใกล้จะจบแล้วก็ตาม แต่ราวัฒน์นี่พอหลงรักแล้วก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้จากที่เวอร์มากๆ เป็นเวอร์ธรรมดาคล้ายคนปกติขึ้นเยอะ ใครอยากอ่านเรื่องที่เน้นความฮา กัดกันขำๆ อ่านเรื่องนี้เลยค่ะ ขำมาก

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024