ลิขิตแฝดต่างภพ (เพลงใบไม้)

ลิขิตแฝดต่างภพ (เพลงใบไม้)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001885
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บ้านหลังใหญ่ปลูกอยู่กลางทุ่งกว้างติดภูเขา ตัวบ้านสองชั้นสร้างจาก ไม้ ปูน และหิน ด้วยรูปแบบทันสมัยคล้ายบ้านทรงยุโรป แต่ภายในโล่งโปร่ง สบาย ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนทั้งของไทยและต่างชาติผสมผสานกัน บอกให้รู้

ว่าเจ้าของบ้านต้องเคยผ่านการใช้ชีวิตในต่างแดนมาพอสมควร

หญิงวัยหกสิบเศษในรถเข็นทอดมองดวงตะวันกลมใหญ่สีแดงที่ค่อยๆ อ่อนแสงลงและเคลื่อนตัวลับหลังเขาเชียวขจีลูกใหญ่อยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจ

“ชีวิตคนแก่พิการอย่างฉันดีแต่เป็นภาระให้ลูกหลาน ทำประโยชน์

อะไรไม่ได้เลย วันๆ ได้แต่นึ่งดูคนอื่นทำงานและรอเวลาจากโลกนี้ไป ฉัน

น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้นะจิน” เสียงร่าพันนั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวอึดอัด

แค่ไหนที่ต้องตกอยู่ในสภาพคนพิการ

จินดาดูแลรับใช้ญาณีมานานจนเช้าใจความรู้สึกของคนเป็นนายดี

อันที่จริงคุณท่านน่าจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าบุตรชายคนเล็กไม่ก่อเรื่องขึ้น

แล้วทั้งปัญหากับภาระต่างๆ ไวให้บุตรชายคนโตต้องมาแบกรับ โดยเฉพาะ

กันติชา หญิงสาวซึ่งอ้างตัวเป็นสะใภ้ใหญ่ กับบังอร มารดาของเธอที่พากัน

 

อพยพมาขออาศัยอยู่ในบ้าน โดยมีทารกชายอายุราวสองเดือนเป็นพยานว่า

เธอเป็นภรรยาของปภพ น้องชายของปรุฬห์ ซึ่งปภพเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ

ทางรถยนต์เพราะเมาแล้วขับ

ตอนแรกญาณไม่เชื่อ แต่อีกฝ่ายมีใบทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานจึง จำต้องรับไว้ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะบุตรชายไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่พอ

เห็นหน้าหลานก็จำต้องรับ อีกอย่างท่านก็ปลงกับพฤติกรรมของบุตรชาย

คนเล็กที่มักท่าให้พ่อแม่ต้องกลุ้มใจเสมอ ไม่ว่าเรื่องสุรา นารี และการพนัน

แถมปภพยังรักความสบายไม่คิดจะช่วยดูแลกิจการของครอบครัวเลยหลัง

เรียนจบ ปล่อยให้คนเป็นพี่รับผิดชอบฝ่ายเดียว ส่วนตัวเองไปใช้ชีวิต

สุขสบายในกรุงเทพฯ บ่อยครั้งที่มาขอเงินมารดาเพราะไม่พอใช้ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

แม้ตายแล้วยังสร้างปัญหาให้คนช้างหลังต้องมาแบกรับ คือลูกเมีย

แถมแม่เมียอีกคนที่พาตัวเองเช้ามาอยู่ในบ้านและท่าตัวเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน ไม่ค่อยเกรงใจแม่สามี เพราะญาณีเป็นคนใจดี มีเมตตา และไม่อยากก่อ

ปัญหาให้บุตรชายคนโตปวดหัวเพิ่ม ประโยคที่จินดามักได้ยินญาณีพูดบ่อยๆ ยามลูกสะใภ้กับแม่ของเธอวางอำนาจกับคนในบ้าน แล้วคนในบ้านมาฟ้องคือ

‘ฉันขอโทษแทนคุณชาซ่าด้วย ไว้ฉันจะเตือนเอง’ แต่จนแล้วจนรอด

ญาณีก็ไม่เคยเตือนได้สักครั้ง เพราะกันติชาจะอ้างเสมอว่าคนในบ้านไม่ให้

ความเคารพย่าเกรง ต้องกำราบบ้าง โดยบอกว่า ‘คุณแม่ใจดีกับพวกนี้เกินไป

ถึงกำเริบ ไม่รู้จักนาย ไม่รู้จักบ่าว’ และบังอรยังเสริมอีกว่า

‘นั่นสิคะ คุณณี เราเป็นนาย ไปยอมพวกคนใช้ทำไม คุณณีทำแบบนี้

ชาซ่ากับหลานเราจะเดือดร้อนนะคะ ต่อไปจะใช้ใครมิต้องขออนุญาตพวกมัน ก่อนเรอะ อยู่ต่อหน้าคุณณีก็ท่าตัวสงบ สับหลังร้ายๆ ทั้งนั้น คุณณีถูกพวกมัน หลอกรู้มั้ย

ญาณีจึงเป็นฝ่ายยอมสองแม่ลูกเอง โดยขอโทษคนในบ้านแทน จน

ครั้งหนึ่งทนไม่ไหวเพราะกันติชาจะไล่แม่ครัวที่อยู่มานานออก หาว่าท่าอาหาร ไม่ได้เรื่อง แต่ถูกญาณีขวางไว้ และสั่งห้ามไม่ให้สองแม่ลูกยุ่งกับคนในบ้าน

อีก จากนั้นไม่กี่วัน อยู่ดีๆ ญาณีก็หกล้ม กลิ้งตกบันได โชคดีศีรษะไม่ฟาดพื้น ปรุฬห์กลับมาเห็นเข้าพอดีจึงรีบพาส่งโรงพยาบาล แต่ผลจากการล้มครั้งนั้น

ก็ทำให้ญาณีเดินไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยรถเข็นอย่างทุกวันนี้ สองแม่ลูกจึง

ถือโอกาสยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ปกครองคนในบ้านโดยที่ปรุฬห์ไม่เคยได้รับรู้

เพราะงานรัดตัว ไม่ว่างานในไร่หรือการค้าผักผลไม้ที่มีอยู่กว่าหลายร้อยไร่

กันติชากับมารดาก็ฉลาดพอ ทำอะไรได้แนบเนียนไม่ให้ปรุฬห์ผิดสังเกต

เพราะใครๆ ก็รู้ว่าปรุฬห์ฉลาดและเด็ดชาด ที่สำคัญเป็นคนเอาจริง

จินดาคิดแล้วก็เห็นใจคนเป็นนายยิ่งนัก ตกอยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก

พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่อยากให้บุตรชายต้องมาแบกรับปัญหาในบ้านอีก

“อย่าคิดมากซิคะคุณท่าน อย่างน้อยก็อยู่เป็นกำลังใจให้คุณโตค่ะ” จินดาพยายามปลอบใจ

“ขอบใจนะจินที่พยายามปลอบฉัน พูดถึงลูกชายคนนี้ทำให้ฉันรู้สึก ละอายนัก ฉันไม่เคยได้ช่วยอะไรเขาเลย มิหนัาซํ้ายังเอาภาระมาให้ ตั้งแต่

กลับจากนอก ปีนี้ปาเข้าไปสามสิบสองแล้วยังไม่มีเมีย ฉันคงต้องหาผู้หญิง

มาดูแลเขาลักคน ไม่อย่างนั้นคงเสร็จชาซ่าแน่ ขยันเอาใจพี่ผัวแทนแม่ผัว

อย่างฉันเหลือเกิน” ญาณีพูดถึงลูกสะใภ้อย่างอ่อนอกอ่อนใจ

คนฟังรู้ดีว่าผู้เป็นนายหมายถึงอะไร กันติชานั้นขยันดูแลข้าวของ เครื่องใช้ของปรุฬห์เป็นพิเศษ บางครั้งก็ยกน้ำเข้าไปให้ในห้องเวลากลับมา เหนื่อยๆ แถมจงใจแต่งตัวเน้นลัดส่วนแต่ถูกเจ้าชองห้องเชิญออกมาบ่อยๆ

“อย่าห่วงเลยค่ะ คุณโตรู้ดีค่ะว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่รอด

ปากเหยี่ยวปากกามาจนถึงวันนี้ หน้าตาออกจะแมน หล่อเข้ม เสียแต่ดุ

ไปหน่อย” จินดาวิจารณ์เพี่อให้คนเป็นแม่สบายใจ

“ก็จริง แต่แม่พวกนั้นไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเรานี่ ถึงอย่างไรโตก็เป็น

ผู้ชาย ลักรันต้องพลาด ฉันยังไม่อยากมีสะใภ้คนโตกับคนเล็กเป็นคน

เดียวกันนะจิน เห็นทีฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” ส่าหรับคนเป็นแม่มันคง

เจ็บปวดมากถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในบ้าน

“แต่จินว่าไม่เกิดแน่นอน คุณโตไม่โง่หรอกค่ะ ไม่มีทางที่จะ1รู้ไมว่า

ผู้หญิงแบบไหนสมควรเอามาเป็นแม่ของลูก” จินดาไม่กล้าต่อว่า ‘ไม่เหมือน

คุณเล็กที่ตาตํ่า ไปคว้าใครไม่รู้มาเป็นเมีย’

“ฉันก็หวังว่าโตคงไม่ตาตํ่าเหมือนเล็กก็แล้วกัน” จินดาได้ยินแล้วแทบ สะดุ้งที่คนเป็นนายคิดเหมือนกัน และแล้วหญิงต่างวัยทั้งคู่ก็ยิ้มเมื่อได้ยิน

เสียงรถกระบะเข้ามาจอดในบ้าน ชายร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืด

สีเข้มซึ่งเปื้อนขี้ดินก็ก้าวลงจากรถ เดินยิ้มเข้ามาหามารดาแล้วหอมแก้มหนึ่งที “แม่มารอรับผมถึงหน้าบ้าน สงสัยจะมีข่าวตื่นเต้นเล่าให้ฟังแน่”

ชายหนุ่มทักมารดาอย่างอารมณ์ดี

“อาจใช่มั้ง โตมาเหนื่อยๆ ตัวเลอะเทอะไปหมด ไปอาบน้ำล้างหน้า

ล้างตาแล้วมากินข้าวกัน แม่มีเรื่องจะคุยกับโตหน่อย” คนเป็นแม่บอกเมื่อเห็น

เสื้อยืดสีเข้มที่บุตรชายใส่อยู่เปียก คงเพราะเหงื่อ ปกติชาวไร่มักสวมใส่

เสื้อเชิ้ตลายสกอต หรือสวมเสื้อเชิ้ตและใช้ผ้าขาวม้าคาดเอว แต่บุตรชายของ

เธอกลับนิยมสวมเสื้อยืด เหตุผลก็เพราะซักง่าย สวมใส่สบาย ราคาถูก ถ้าเลอะมากก็ทิ้ง

“แม่รู้ใจผมที่สุด ผมเหนียวตัวเต็มที หิว,นี้]ด้วย ขอตัวไปอาบน้ำก่อน

แล้วค่อยมาหอมแม่ใหม่ แม่จะได้ไม่ บ่นเหม็นอีก โชคดีของผมนะเนี่ยที่แม่

ยอมให้ผมหอมแก้ม ถ้าเป็นสาวๆ คงถอยห่าง เพราะทนเหม็นไม่ไหว”

“ก็โตเอาแต่หมกตัวอยู่ในไร่กับห้องทำงาน เมื่อไหร่สาวๆ จะมาสนใจ” ญาณีประชดเสียเลย

“ผมรีบไปดีกว่า ขืนอยู่ต่อแม่คงโทษผมอีกที่ไม1ยอมแต่งงาน” ปรุฬห์

รีบเดินเข้าบ้านด้วยกลัวตกเป็นจำเลยของมารดาที่ไม่ยอมหาสะใภ้มาให้

“เห็นไหมจิน แล้วแบบนี้จะให้ฉันวางใจได้อย่างไร ท่าทางเหมือนโต

อยากครองตัวเป็นโสด ฉันจะเตือนเขาว่าขืนเป็นโสดนาน ระวังจะได้น้องสะใภ้

มาเป็นเมียแทนก็เตือนไม่ได้ มันไม่ดี” คนเป็นแม่บ่น

 

จินดายิ้มเมื่อเห็นท่าทางหงอยเหงาของคนเป็นนายคลายลงไป อย่าง น้อยเวลาอยู่กับบุตรชายก็มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาแม่ลูกบ้าง

“จินว่า นี่ก็ใกล้คํ่าแล้ว เข้าบ้านดีกว่า จะได้ทานข้าวพร้อมคุณโต”

จินดาพูดพลางเข็นรถพาคนเป็นนายเข้าบ้าน

 

ปรุฬห์เดินเข้ามาในห้องนอนกว้างใหญ่ มีห้องนํ้าในตัว ห้องนี้

เขาตกแต่งเอง มุมหนึ่งตั้งโต๊ะท่างานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เขามักใช้เวลา กลางคืนคิดโครงการต่างๆ รวมถึงติดต่อธุรกิจกับห้างสรรพสินค้าที่มานำ

พืชผลของไร่เขาไปขาย นอกจากนั้นเขายังคืดจะท่ารีสอร์ตและจัดโปรแกรม ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่กำลังเป็นที่นิยมด้วย แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก อยู่

ระหว่างรอบริษัทรับจ้างออกแบบส่งสถาปนิกมาดูสถานที่และออกแบบ

ขณะเดินเข้าไปหลังฉากเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็ดตัวมาคาดเอว

อกแกร่งของเขาก็เขย่าหัวใจสาวสวยคนเดียวในบ้านซึ่งเข้ามาในห้องตั้งแต่

เมื่อไรไม่รู้ จนตกตะลึงจนแทบอยากเข้าไปซบอกเขา เธอจัดว่าเป็นคนสวย

มีเสน่ห์ รูปร่างเย้ายวน เธอสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อสายเดี่ยวจับจีบรูดใต้อก

อวบอิ่ม คอคว้านลึกเกือบเห็นร่องอกอิ่มขาวนวล ในมือมีแก้วนํ้าเย็นเจี๊ยบอยู่

ด้วย อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยได้เฉียดใกล้เขา เพราะอีกฝ่ายท่าเป็นไม่สนใจ

เธอจึงเจ็บใจอยู่เนืองๆ

กันติชาหลงรักปรุฬห์ตั้งแต่แรกเมื่อเห็นเขากลับจากไร่ รูปร่างหน้าตา

เขาบอกความเป็นชายแท้ๆ ผิดกับสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอไม่เคยอาลัย

อาวรณ์ผู้ชายเลวๆ คนนั้นที่เธอหลวมตัวให้เขาหลอกเลย ตอนแรกเธอคิดว่า

เขามีเงินมากมาย เพราะมีบ้านใหญ่โต ตอนหลังถึงรู้ความจริงว่าบ้านก็ไม่ใช่

ของเขา งานที่ท่าอยู่ญาติก็ฝากให้ แถมยังขอเงินแม่ใช้ บางทีก็ไถเธอ ถ้าไม่ บังเอิญรู้มาว่าเป็นลูกเศรษฐีบ้านนอกมีไร่องุ่นกับไร่ผักหลายร้อยไร่ เธอคง

สลัดทิ้งไปนานแล้ว และคงไม่อ้อนวอนให้จดทะเบียนด้วย โดยอ้างเด็กในท้อง ซึ่งเธออยากเอาออกตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว แต่เธอก็ไม่ต้องทนนานเพราะเขาอายุสั้น

กันติชาเดินทางมาบ้านไร่ และคิดว่าจะทนอยู่ที่นี่สักพัก หลอกพ่อแม่

สามีจนได้มรดกก็จะตีจาก บ้านไร่ในสายตาเธอคือบ้านนอก ไม่ทันสมัย แต่

ความจริงที่เห็นกลับตรงกันข้าม ยิ่งได้เห็นพี่สามียิ่งทำให้อยากอยู่ต่อเพื่อ

ไขว่คว้าตำแหน่งคุณนายเจ้าของไร่ คิดว่าไม่นานคงสำเร็จเพราะเธอมั่นใจใน รูปร่างหน้าตาและเสน่ห์ของตน ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่เธออยากได้แล้ว

ไม่ได้ คืนนี้เธอจะต้องเอาปรุฬห์มาเป็นของเธอให้ได้

คิดได้ดังนั้นจึงพาร่างเย้ายวนเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งที่กำลังจะ เดินเข้าห้องน้ำ แต่พอชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ก็หันไป มองอย่างตกตะลึงคาดไม่ถึง ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน ตาคมเข้มมอง

ร่างเย้ายวนในอาภรณ์ไม่รัดกุมด้วยแววตำหนิ

“ชาซ่า พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม อยู่ในไร่ให้แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย ไป

...กลับไปเปลี่ยนชุดให้มันมิดชิดมากกว่านี้” ปรุพ่ห์ดุน้องสะใภ้อย่างไม่เกรงใจ

อีกฝ่ายแสร้งทำหน้ามุ่ย ทำงอนพองามแล้วเดินเข้าไปใกล้ “พี่โตคะ

อย่าดุนักเลยค่ะ สองสามวันนี้อากาศร้อนออก ชาซ่าทนไม่ไหวนี่คะ เห็นว่า

พี่โตกลับมาคงทั้งร้อนทั้งหิว ก็เอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม จะได้ชื่นใจ แล้วก็จะไป

ทำเป็นครูระเบียบไปได้ ชาซ่าไม่ใช่เด็ก เรื่องแคนทำไมจะไม่รู้ ไม่คิดว่าพี่โต จะมองไม่เห็นความหวังดีชองชาซ่า หรือว่าพี่โตกลัวจะ...” กันติชาแสร้ง พูดค้างไร้แค่นั้น ดวงตาคู่สวยจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเชิญชวนท้าทาย อย่างไม่ปิดบัง

ปรุพ่ห์มองการกระทำชองน้องสะใภ้นิ่งพักหนึ่งแล้วแววแข็งกร้าวก็

ปรากฏบนใบหน้าก่อนจะพาร่างสูงใหญ่เข้าไปหาร่างเย้ายวนแล้วช้อนชื้นอุ้ม

กันติชารีบยกมือเรียวสวยคล้องคอแข็งแรงชองพี่สามีทันที รอยยิ้มเย้ายวน

ปรากฏบนใบหน้าสวยเร้าอารมณ์ชาย แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจจนร้องออกมา

“โอ๊ย!”

เขาโยนกันติชาลงบนพื้นหน้าห้องอย่างแรงโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่าย

จะเจ็บหรือไม่ ตามมาด้วยเสียงสั่งเด็ดขาด

“กลับไปดูลูกเสีย ต่อไปห้ามเข้ามาในห้องพี่อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่า

พี่ไม่เตือน” จากนั้นเสียงปิดประตูดังโครมก็ตามมา คนอยู่หน้าห้องจ้องมอง

ประตูด้วยสายตาแค้นจัดปนเจ็บใจและเสียหน้า

‘ผู้ชายเฮงซวย พวกกามตายด้าน ฉันจะจำไว้ สักวันจะทำให้หลงเสน่ห์

ชาซ่าจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้ ทำแบบนี้คิดว่า

จะรอดมือชาซ่าหรือ ไม่มีทาง

 

ยามคํ่าคืนที่ผู้คนพากันหลับใหลอย่างเป็นสุขบนที่นอนอันอบอุ่น

'พุ่ม'นิ่ม แต่หญิงสาวรูปร่างบอบบางอรชรคนหนึ่งยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ สายตาจับจ้องลายเส้นโครงสร้างรีสอร์ตแห่งหนึ่งอย่างตั้งใจ คิ้วเรียวสวย

ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมขยับเมาส์เพี่อแล้ไขจุดบกพร่อง ลักพักก็หยุด

บิดขี้เกียจ ก่อนสุกจากเก้าอี้เดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนเพราะร่างกายฟ้องว่า

ต้องพัก ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ อยู่นั้นก็มีเสียงปลุกหวานๆ เย็นๆ ฟังดูโหยหวน

ดังเข้ามาสู่โสตประสาท

“วันวิสา ตื่น ตื่นเถอะ ช่วยกานต์ด้วย กานต์เจ็บ กานต์ทรมานเหลือ เกิน” เสียงนี้ทำให้มือเรียวสวยเอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียงแล้วลืมตาขึ้นมองไป

รอบๆ ทันใดนั้นเอง ดวงตากลมโตคู่สวยก็เบิกโตขึ้นเท่าตัว วันวิสาเอามือ

ปิดปากเพี่อไม่ให้เสียงร้องด้วยความตกใจจากสิ่งที่เห็นอยู่ปลายเตียงเล็ดลอด ออกมา ภาพหญิงสาวผมยาวสลวยสวมกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มไป ด้วยเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยืนอยู่ปลายเตียงนั้นช่างน่ากลัว

ชวนขนหัวลุกนัก

“ผะ...ผะ...ผี พ่อแล้วแม่แล้วช่วยลูกข้างด้วย” เสียงเรียกหาพ่อแล้ว แม่แล้วสั่นจนฟันกระทบกัน หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มคลุมหัวเพี่อจะได้ไม่ต้อง

เผชิญหน้ากับสิ่งที่ยืนอยู่ปลายเตียง

“ขอโทษทีนะ ฉันคงมาปรากฏตัวในสภาพที่น่ากลัวไปหน่อย ไม่เป็นไร

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

เพราะต้องการสืบเงื่อนงำการตายของแฝดพี่ วันวิสา จึงแฝงตัวเข้าไปในไร่แสงตะวันแต่ยิ่งเข้าใกล้คำตอบ อันตรายก็ยิ่งเข้าใกล้ตัวด้วยความผูกพันทางสายเลือดและลิขิตแห่งกรรมในอดีต สองฝาแฝดต่างภพจึงสื่อสารกันได้ รวิกานต์ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมระหว่างเดินทางไปยังไร่แสงตะวัน ขณะที่วันวิสาถูกลอบทำร้าย เมื่สวมรอยเป็นรวิกานต์เข้ามาอยู่ในไร่แห่งนี้ ใครคือฆาตกรที่ฆ่ารวิกานต์และใครคือคนที่หมายเอาชีวิตวันวิสา ชะตาลิขิตมาแล้วให้พี่น้องต่างภพคู่นี้เป็นผู้ไขปริศนา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024