อุ่นรัก...ละลายใจ (ยาใจ)
มีสินค้าในสต็อค
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
“เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่
สาวเฉี่ยวดีกรีแพทย์หญิง
ตอบรับกระแสรักสุขภาพ ต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
รมต. ยัน แวดวงสาธารณสุขไทยปีนี้ไปได้ไกล”
“ถ้ายังไงคงต้องรบกวนให้นั่งรอสักสิบนาทีนะคะ พอดีหมอจิ๋ง
ติดสายอยู่กับท่านรัฐมนตรีน่ะค่ะ”
พรพิมล เลขาฯ สาวของแพทย์หญิงซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ เอ่ย กับแขกผู้มาเยือนสำนักงานระบาดวิทยาอย่างเกรงใจ ทว่าหญิงสาวก็ได้แต่
แปลกใจเมื่อดูเหมือนว่าผู้หญิงที่มีเครื่องบันทึกเสียงอยู่ในมือและผู้ชายรัยรุ่น
อีกคนที่ถือกล้อง บ่งบอกอาชีพชัดเจน กลับหันไปทางด้านหลัง ส่งสายตา
ขอความเห็นไปยังผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนแบกกล้องโทรทัศน์ตัวโต และเมื่อได้รับ สัญญาณบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก ทั้งคู่ก็นั่งลงอย่างเกร็งๆ บนโซฟาต้อนรับ
ที่ถูกเชื้อเชิญไว้ตั้งแต่ตอนแรก
หลังจากเสิร์ฟนํ้าและของว่างเรียบร้อย พรพิมลจึงกลับมานั่งที่โต๊ะ ทำงานของตน พลางลอบมองกลุ่มคนที่มาขอพบคนเป็นนายเงียบๆ น่าแปลก
ที่ทั้งสามไม่ปริปากพูดคุยกันแม้แต่น้อย ทั้งยังดูเหมือนว่าหญิงชายที่มองยังไง
ก็เป็นนักข่าวกับช่างภาพดูจะเกรงอกเกรงใจตากล้องยิ่งนัก และเมื่อเธอหันไป ลอบมองสำรวจชายร่างใหญ่ผู้น่าสงสัย ก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะ
รีบก้มหน้าก้มตาในทันที เมื่อเจ้าของใบหน้าเถื่อนๆ รกเรื้อไปด้วยหนวดเครา
นั้นกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว
“คุณมล เชิญแขกเข้ามาได้เลยค่ะ” เสียงรื่นหูดังผ่านอินเตอร์โฟนเรียก เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นเอ่ยปากเชื้อเชิญ หญิงสาว
กลับต้องหน้าม้าน เมื่อนายตัวโตหน้าเถื่อนลุกเดินน่าหน้าอีกสองคนเข้าไป ในทันที
“ไร้มารยาทจริง แต่เอ๊ะ...ไม่เห็นทางนิตยสารแจ้งมาเลยว่าจะอัดวิดีโอไว้ด้วย”
หากไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ประตูห้องก็ปิดลงเสียก่อน พรพิมลจึงได้แต่ ถอนใจก่อนจะหันกลับมาทำงานของตนต่อ งานการที่กองสุมบนโต๊ะทำให้ หญิงสาวหลงลืมสิ่งที่สงสัยไปในเวลาอันรวดเร็ว
เจ้านายของพรพิมลเองก็กำลังสงสัยไม่แพ้กัน เมื่อเห็นคนตัวโตที่มา
กับทางนิตยสาร เลดี้เฟิสต์ ซึ่งนัดขอสัมภาษณ์ไร้ กำลังเซตกล้องตัวใหญ่
ภายในห้องทำงานไม่ใหญ่นักของเธอจนห้องแลดูคับแคบไปหมด
“เอ่อ...คือทางนิตยสารของเรามีนโยบายเก็บภาพขั้นตอนการทำงานไว้ เรื่อยๆ น่ะค่ะ จะได้ประมวลผลตอนปลายปี” นักข่าวสาวที่เพิ่งแนะนำตัว
หันมาอธิบายเมื่อเห็นคุณหมอสาวกำลังเพ่งมอง ‘ทีมงาน ของตัวเองอย่างสงสัย
พัทธะหทัยจึงละความสนใจกลับมายังคนที่วางเครื่องอัดเสียงบนโต๊ะ ทำงานของเธอ ก่อนจะออกตัวอย่างเกรงใจ
“ขอโทษนะคะ ที่ต้องให้รอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณหมอยอมให้ทางเราสัมภาษณ์ก็เป็นเกียรติแล้วละค่ะ”
แน่สิ ล้าไม่ใช่เพราะผู้เป็นมารดาขอร้องให้เธอยอมเสียเวลาให้ สัมภาษณ์นิตยสารของเพื่อนเก่า โดยยอมรับข้อเสนอของเธอที่จะไม่รับงาน ละครที่ติดต่อเข้ามา ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมให้นักข่าวมาเยือนถึงถิ่น แบบนี้
“คุณหมอดูจะทำงานหนักมากเลยนะคะ เอกสารเยอะไปหมดเลย”
คนมาเยือนพูดพลางกวาดตามองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมอย่างแปลกใจ ด้วย สภาพภายในห้องที่เห็นอยู่ดูจะตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของคนเป็น ‘แพทย์’ อยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากเพดานที่ขาวสะอาดแล้ว ในห้องนี้ดูจะเต็มไปด้วย เอกสาร มีทั้งที่เก็บเข้าแฟ้มเป็นอย่างดี ไปจนถึงวางระเกะระกะไปทั่ว ไม่ว่าจะ เป็นบนโต๊ะทำงานที่แทบมองไม่เห็นพื้นโต๊ะเนื่องจากมีเอกสารวางทับเป็นกอง พะเนิน บนเก้าอี้หมุนสองสามตัวข้างๆ ตัวคุณหมอสาว และอาจรวมไปถึงบน เก้าอี้ที่เธอและเพื่อนร่วมงานกำลังนั่งอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้หากวันนี้เจ้าของห้อง จะไม่ต้องเตรียมมันไว้รับแขก นอกจากนี้ยังมีที่วางเป็นกองสูงตามมุมห้อง จนแขกผู้มาเยือนต้องคอยระมัดระวังไม่ให้เดินไปชนเข้า นี่ยัง'ไม่,นับกระดาษ ขยำเป็นก้อนกลมๆ ที่กลิ้งระเท้านักข่าวสาวอยู่ในขณะนี้
“พอดีช่วงนี้ต้องหาข้อมูลเยอะน่ะค่ะ สภาพห้องก็เลยเหมือนอยู่ในหน้า มรสุม” เจ้าของห้องเอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ อย่างไม่รู้สึกอับอายอะไร บ่งบอก
ความเป็นคนสบายๆ ของเจ้าตัว รอยยิ้มเป็นก้นเองนั้นทำให้ผู้มาเยือนถึงกับมองตาปรอยก้นเสยทีเดียว
ใครจะคิดเล่าว่าคุณหมอนักวิจัยที่ทำงานด้านระบาดวิทยา มีห้องที่
รกรุงรังไปด้วยเอกสารบทความทางวิชาการ จะเป็นคุณหมอสาวที่ทั้งเปรี้ยว
เฉี่ยว เก๋ ขนาดนี้ เรือนร่างผอมบางที่ต้องเน้นว่าผอมจริงๆ ประกอบเข้ากับ
ความสูงไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก ทำให้คุณหมอดูราวกับนางแบบบนแคตวอล์ก ยิ่งเมื่ออยู่ในเสื้อกำมะหยี่มันวาวสีม่วงเข้ม ปกระบายเป็นชั้นๆ เข้าชุดกับ
กระโปรงสั้นเหนือเข่ารัดรูปสีดำซึ่งยามนั่งไขว่ห้างก็ร่นขึ้นมาโชว์เรียวขาสวย
สีน้ำผึ้งอ่อนนวลตา ยิ่งดูไกลห่างจากความเป็นแพทย์หรือนักวิชาการเข้าไปใหญ่
วงหน้าเรียวมีจุดเด่นอยู่ที่คางแหลมเล็ก ริมฝีปากบางเคลือบสีส้มวาว จมูกโด่งรั้น และดวงตาสวยรูปอัลมอนด์ที่ถูกวาดด้วยดินสอสีด่าจนแลดู
คมเข้ม รับกับคิ้วบางที่ถูกตกแต่งมาอย่างดี เหนืออื่นใดที่ทำให้นักข่าวสาวทึ่ง
ไม่น้อย คือทรงผมที่ซอยสั้นเสียจนเกือบแนบไปกับศีรษะ ทิ้งจอนระวงหน้า
เรียวทิ้งสองข้าง ทำให้แลดูราวกับนางแบบระดับโลกมากกว่าคุณหมอผู้ทำงาน ด้านระบาดวิทยา
“เรื่องไข้หวัดใหญ่ใช่ไหมคะ...เรื่องเดียวกับที่ทำให้คุณหมอมีชื่อเสียง ขึ้นมา” หลังจากอึ้งไปชั่วครู่ นักข่าวสาวที่ดึงสติกลับมาได้ก่อนบรรดา
ชายหนุ่ม ก็สามารถยิงคำถามต่อในทันทีอย่างไม่เสียชื่อนักข่าว
“แหม...” คราวนี้คุณหมอสุดเปรี้ยวกลับส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่าง
ขัดใจ “ความจริงจิ๋งว่าคุณหมอทุกคนในประเทศไทยก็คงกังวลเรื่องไข้หวัด
ใหญ่ที่กำลังระบาดไม่แพ้กันละค่ะ ต่างคนก็ต่างทำตามหน้าที่ของตัวเอง จิ๋ง
ก็ทำไปตามหน้าที่ แต่บังเอิญที่งานของจิ๋งตรงกับความต้องการของกระทรวงฯ มากกว่า เราเลยร่วมมือกันได้” ร่างบางเอนหลังแนบพนักพิงที่มีเสื้อสีขาว
สะอาดคลุมอยู่ บ่งบอกอาการเหนื่อยหน่าย
เมื่อแลเห็นความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวขึ้น นักข่าวผู้ครํ่าหวอดมานานจึง เบี่ยงเบนประเด็นในทันที พลางระลึกไว้ในใจว่าคุณหมอสาวผู้แสนจะเก็บตัว
เงียบเชียบ ไม่เคยยอมให้สัมภาษณ์ที่ไหนมาก่อน ท่าจะไม่ชอบความโดดเด่น เท่าไรนัก แน่นอนว่าขัดกับภาพลักษณ์ของเธอและสิ่งที่เธอกำลังจะทำเป็นอย่างยิ่ง
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น ดิฉันขอสัมภาษณ์คุณหมอเรื่องความเป็นมานิดนึง
นะคะ คนทั่วไปคงอยากจะทราบว่าพรีเซนเตอร์ที่ปรากฏตัวอยู่บนป้ายโฆษณา ขนาดใหญ่ที่อยู่หน้ากระทรวงสาธารณสุขตอนนี้ เป็นใครกัน”
พัทธะหทัยได้แต่ทำหน้าเมื่อยกับคำถามนั้น สมองหวนคิดไปถึงวันที่
ต้องถ่ายรูปเสนอหน้าบนโปสเตอร์...วันที่แสนจะวุ่นวายและร้อนระอุราวกับอยู่
ในเตาอบ แสงจ้าจากสปอตไลต์ทำให้อุณหภูมิภายในสตูดิโอแทบทะลุจุดเดือด
ถ้าไม่มีพชรมนอยู่ด้วย เธอคงวีนแตกจนไม่มีใครอยากมารู้จักแบบนี้หรอก
“ค่ะ ชื่อจริงคือ พัทธะหทัย ดุริยคิลป์ ตำแหน่งนักศึกษาโท-เอก
เวชศาสตร์ชุมชน หน่วยระบาดวิทยาค่ะ...จะเรียกว่าจิ๋งก็ได้ค่ะ” ด้วยรู้สึก
ร้อนรุ่มชื้นมานิดๆ คุณหมอสาวจึงหมุนตัวไปปรับอุณหภูมิห้องให้ตํ่าลงอีกหน่อย ทำเอาสองหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดังเมื่อกระโปรงตัวสั้นทำท่าจะร่นชื้นไปอีก
“หมายความว่าคุณหมอยังอยู่ในช่วงเรียนต่อใช่ไหมคะ ตัวงานเป็น อย่างไรคะถึงทำให้คุณหมอเข้ามาร่วมงานกับกระทรวงสาธารณสุขได้ เอ...
แล้วอย่างนี้จะมีเวลาไปรักษาคนไข้หรือคะ” คำถามที่ตามมาอีกชุดทำให้
พัทธะหทัยต้องเอี้ยวตัวกลับมา เรียกเสียงถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกของคนในห้อง
“เรื่องที่จิ๋งเรียน เป็นเรื่องชองงานในภาพรวมค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่รักษา คนไข้นะคะ พูดยังไงดีล่ะ...” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันขณะกำลังคิดหา คำตอบ
“แบบถ้าคุณนักข่าวเป็นหวัด จิ๋งก็คงไม่ได้จ่ายยารักษาหวัดให้อย่าง
เดียว แต่งานของจิ๋งคือ ทำยังไงไม่ให้คุณเป็นหวัดอีก แล้วก็ตามด้วยว่า ทำ
ยังไงไม่ให้ครอบครัวชองคุณต้องเจ็บป่วยไปด้วย เรียกว่าเป็นงานด้านป้องกัน ส่งเสริม และฟื้นฟู ตอนนี้จิ๋งเรียนอยู่ปีที่สองแล้ว การร่วมงานกับกระทรวงฯ
ก็ถือเป็นการเรียนอย่างหนึ่งเพราะอยู่ในข่ายการรณรงค์ส่งเสริมและป้องกัน
การแพร่ระบาดพอดี”
ขณะที่คนร่วมห้องอีกสามคนเริ่มห่อตัวด้วยความหนาว คุณหมอสาว กลับหยิบแฟ้มบางๆ ชื้นมาโบกพัดเบาๆ หลังตอบคำถามยาวๆ จบ สร้าง
ความแปลกใจให้แขกผู้มาเยือนเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่ทราบได้กับทำทีราวกับร้อนมากมายขนาดนั้น
“แล้วเหตุที่ทำให้คุณหมอได้มาร่วมงานกับทางกระทรวงฯ ล่ะคะ”
“เป็นเพราะกระทรวงฯ เองก็ต้องเร่งทำงานเรื่องไข้หวัดใหญ่ระบาด
นี่ละค่ะ ทางคณะแพทย์ของเราก็เหมือนสถาบันอื่นๆ คือพยายามป้องกัน
แก้ไข โชคดีที่เรามีอาจารย์ทางด้านโรคติดเชื้อที่เก่งมาก งานเวชศาสตร์ชุมชน
ของเราก็เลยมีข้อมูลมากพอที่จะสามารถช่วยทางกระทรวงฯ ได้” คุณหมอสาว
เบ้ปากเล็กน้อยเมื่อเอ่ยต่อไป “ทีนี้ท่านรัฐมนตรีก็เลยมาประชุมกับทางเรา
แล้วก็ได้เจอจิ๋งที่อยู่ในทีมวิจัยเรื่องนี้ด้วย บังเอิญท่านเป็นพ่อของเพื่อนจิ๋ง
เคยเห็นหน้าค่าตากันมาบ้าง ท่านก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมา”
“ขอโทษนะคะ อย่างนี้ก็หมายความว่าคุณจิ๋งเป็นเด็กเส้น?” ดวงตา กระหายข่าววาววับอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ประเด็นร้อนที่คนน่าจะสนใจ
“จะว่าอย่างนั้นเหรอ? ...ก็ใช่ ล้าจะบอกว่าจิ๋งได้งานนี้เพราะเคยรู้จัก
ท่านมาก่อน เพราะมันท่าให้ท่านรู้ว่าจิ๋งมีศักยภาพที่จะท่าอะไรได้ ได้เปรียบ
กว่าคนอื่นที่ท่านยังไม่เคยได้เห็นผลงาน แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะ
จิ๋งไม่เคยไปขอเพื่อนให้บอกท่านว่าจิ๋งอยากได้งานนี้”
แม้คุณหมอสาวจะตอบด้วยใบหน้าระบายยิ้ม แต่ดวงตาคู่คมที่ตวัด มองมาก็คล้ายจะบอกกลายๆ ให้อีกฝ่ายระมัดระวังในการนำเสนอข่าวให้ดี
อย่านำความเดือดร้อนมาให้เธอมากไปกว่านี้
นักข่าวสาวที่เป็นเป้าหมายเต็มๆ ได้แต่ยิ้มแหย เริ่มรู้ตัวว่าปากไวไป
หน่อยตามประสาคนอยู่ในสายงานที่ต้องกัดไม่ปล่อย ดูก็รู้ว่าคุณหมอสาว
รายนี้ไม่จำเป็นต้องเล่นเส้นที่ไหนเลย ใครก็ตามที่มีสมองหน่อยแล้วได้มาเห็น ความสวยคมบวกเปรี้ยวของเธอ ท่าทางมั่นใจที่ท่าให้ดูน่าเชื่อถือแม้อายุ
ยังน้อย รวมเข้ากับมันสมองอันเป็นเลิศ ย่อมมองออกว่าคุณสมบัติเหล่านี้ สามารถนำมาต่อยอดสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล
เผลอๆ อาจเป็นท่านรัฐมนตรีนั่นแหละที่เล่นเส้นลูกชาย ใช้ความ
สนิทสนมส่วนตัวขอให้คุณหมอคนสวยยอมท่างานให้มากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้งานในกระทรวงฯ ของคุณหมอคืออะไรคะ”
“หลักๆ ก็คือการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เพื่อช่วยในการทำประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลในรูปแบบ
ต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกระทรวงฯ จะจัดมา...
จิ๋งเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดนัก” ท้ายประโยคเอ่ยอย่างรวดเร็วเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่าจะเอ่ยปากถาม
“นอกจากนั้นจิ๋งยังอยู่ในทีมวิจัยและทีมระบาดวิทยาทั้งของที่นี่และ กระทรวงฯ ด้วย เพื่อเข้าถึงข้อมูลให้มากที่สุดก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านั้น
สื่อสารต่อไปยังประชาชน เรื่องงานระบาดวิทยาแบบนี้ ลำพังหมอทำทุกอย่าง
ไม่ได้หรอกค่ะ การสื่อสารให้เข้าใจกันทั้งประเทศเป็นเรื่องสำคัญมาก”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ระหว่างที่อีกฝ่ายพึมพำตอบพร้อมก้มหน้าจดบันทึก พัทธะหทัยก็อด
ที่จะปรายตามองไปทางกล้องโทรทัศน์ตัวใหญ่อย่างขัดใจไม่ได้ ตากล้องตัวโต
ที่ยืนนิ่งเป็นยักษ์ปักหลั่นกวนอารมณ์เธออย่างไม่มีเหตุผลจนเริ่มร้อนขึ้นมาอีกแล้วสิ
“งั้นขอถามค่าถามส่วนตัวบ้างนะคะ ทราบมาว่าครอบครัวคุณจิ๋งทำงาน วงการบันเทิงกันทั้งบ้าน ทำไมคุณจิ๋งถึงมาเรียนหมอได้ล่ะคะ”
พัทธะหทัยหันกลับมาตอบเรียบๆ อย่างไม่แปลกใจนักที่ใครต่อใครจะรู้จักครอบครัวเธอเป็นอย่างดี
“ก็แค่อยากเรียนเท่านั้นแหละค่ะ”
“แล้วจะใช้โอกาสนี้เข้าวงการบันเทิงตามรอยคุณพ่อกับพี่ชายเลยมั้ย
คะ” คนถามหมายถึงบิดาของคุณหมอสาวที่ครํ่าหวอดอยู่ในแวดวงการแสดง
จนได้รับรางวัลศศิรัศมี รางวัลในฝันของผู้คนในแวดวงละครเวที และปัจจุบัน
ได้ผันตัวมาเป็นครูสอนศิลปะการแสดงในโรงเรียนที่เปิดขึ้นเอง โดยมีภรรยา
สาวอดีตนักปันนางงามมือรางวัลหลายสมัยที่เกษียณตัวเองออกมาเป็นผู้ดูแล และพี่ชายของเธอที่บัดนี้เป็นนายแบบชื่อดัง
“ไม่ค่ะ”
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)