30 วันเพื่อรัก 30 ปีเพื่อรอ (ซ่อนกลิ่น)
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 5 รายการราคา 109.00 บาท - 240.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
เกือบสามทุ่มแล้ว แต่หญิงสาวร่างบางซึ่งสวมชุดลูกไม้กระโปรง สีดำเพิ่งกลับถึงตรอกเล็กๆ อันเป็นหนทางทอดไปสู่บ้านพักของเธอ แสงไฟ จากโคมค่อนข้างริบหรี่ บางดวงติดๆ ดับๆ แต่บางดวงก็สินอายุขัยของมัน ไปนานแล้ว ทำให้ทั่วบริเวณปกคลุมไปด้วยความมืดสลัว ยังดีที่คํ่าคืนนี้เป็น วันแรมหนึ่งคํ่า จึงมีแสงเงินยวงจากดวงจันทร์เกือบเต็มดวงคอยเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงมองไม่เห็นทาง และคงสะดุดแผ่นไม้ที่ปกคลุมเหนือนั้าเน่า ซึ่งปลายกระดกขึ้นเพราะความเก่าครํ่าคร่าไปแล้ว
หญิงสาวใช้นิ้วกรีดนั้าตาแห่งความอาดูรซึ่งยังไม่จางหายจากงานศพ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป...เธอยกเท้าข้ามไม้กระดกนั้นแล้วยํ่าเท้าต่อไป จนกระทั่ง ถึงสุดทางซึ่งมีราวไม้ผุพังกันไม่ให้คนตกลงในคลองกว้างใหญ่ ก่อนจะเลี้ยว ซ้ายตรงมุมบ้านสังกะสีหลังหนึ่ง กัดจากบ้านหัวมุมไปสองสามหลังเป็น ที่พักอาศัยของเธอกับมารดาที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทว่าเธอกลับ ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ประตูหน้าบ้านของเธอ
“นั่นทำอะไรกันน่ะ” เธอร้องถามอย่างไม่ทันคิดด้วยหวงแหนทรัพย์ สมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ในชีวิต หารู้ใม่ว่ามันจะนำมาซึ่งอันตราย และ เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
“มันอยู่นั่นพี่” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสะกิดไหล่ชายผมยาวหนวดเครา เหี้ยม ใบหน้าเหี้ยมเกรียมราวสัตว์ป่า
วินาทีนั้นเองที่หญิงสาวตระหนักถึงอันตรายใหญ่หลวง...พวกมัน มีสามคน ต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว เป็นดวงตาซึ่งฉายแววแห่งภัย คุกคามแผ่ระรานออกมาจนทำให้เธอหนาวยะเยือก
“อีคุณนายไม่เห็นบอกว่าสวยอย่างนี้นึ่หว่าพี่” อีกคนบอกด้วยทำทาง กะลิ้มกะเหลี่ย
หัวหน้าพวกมันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะชิ้มาทางเธอแล้วประกาศ ก้อง “จับมัน!”
สิ้นคำสั่ง ชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ย่างสามขุมมาหาเธออย่างใจเย็นราวกับ มั่นใจว่าเธอเป็นลูกไก่ที่ไม่มีวันหนีรอดเงื้อมมือมัจจุราชไปได้แน่
ตะกร้าใส่ของที่ซื้อมาจากสำเพ็งจึงถูกใช้เป็นอาวุธจำเป็นอย่างเผลอตัว เธอเฃวี้ยงใส่พวกมันคนหนึ่งจนของข้างในหล่นกระจัดกระจาย รวมทั้ง กระเป๋าถือของเธอซึ่งรวบรวมทุกอย่างในชีวิตเอาไว้ แต่เธอไม่มีเวลาสนใจ เพราะพวกมันกรูกันเช้ามาแล้ว เธอต้องวิ่ง!
โดยไม่รอช้า หญิงสาวหมุนตัวหันหลังกลับ ก่อนจะก้าวขายาวๆ วิ่ง เลาะริมคลองกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม
“ช่วยด้วย!” เธอส่งเสียงร้องแต่ไม่มีใครเปิดประตูออกมา รู้ดีว่าบ้าน ทุกหลังมีคนอยู่ แต่ไม่มีผู้คนจากบ้านหลังไหนยื่นมือมาช่วยเธอ ไม่มีใคร อยากยุ่งยากและเสี่ยงอันตราย พวกเขาไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม ทำให้เหล่าอาชญากรย่ามใจ ไล่ล่าเธออย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
หญิงสาววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต รู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอจะหยุดไม่ได้ เพราะถ้าหยุด นั่นหมายความว่าชีวิตของเธอจะต้องจบสิ้นลง หากไม่สิ้น ลมหายใจก็คงต้องตายทั้งเป็นด้วยคาวราคีที่พวกมันทิ้งให้เป็นตราบาป ไปตลอดชีวิต
“มาทางนี้สิจ๊ะ”
เสียงใครคนหนึ่งดังก้องอยู่ในหัว...หญิงสาวเหลือบไปเห็นสะพานไม้ ที่ทอดข้ามคลองไปสู่อีกฝังซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นไซต์งานก่อสร้างตึกแถวของ นักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่มากร้านซื้อที่ทางแถวนี้เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ในเวลา กลางวันคึกคักด้วยเสียงคนงานทำงานอย่างขะมักเขม้นแข่งกับเวลา แต่ ในยามนี้มันช่างเปลี่ยวร้างวังเวงสุดคณานับ
ฉับพลันนั้นเอง โคมไฟที่ติดอยู่บนตัวสะพานก็กะพริบปริบๆ เป็น จังหวะเหมือนไฟนำทางเครื่องบินให้ลงจอดบนรันเวย์ ราวกับมีใครบางคน เชื้อเชิญเธอให้ข้ามไป...นั่นอาจเป็นสัญญาณจากเทพธิดาองค์ใดที่ต้องการ ช่วยเหลือ หญิงสาวจึงตัดสินใจวิ่งข้ามสะพานไป
เสียงฝีเท้าตึงตังของพวกมันที่ยํ่าลงบนแผ่นไม้ผุพังยังดังตามมาอย่าง ไม่ลดละ หญิงสาววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อข้ามไปได้ก็ถึงทางแยก ซึ่งก็น่าแปลก ที่เหล่าโคมไฟตลอดเส้นทางด้านหนึ่งดับลง แต่อีกด้านกลับสว่างไสวขึ้น หญิงสาวตัดสินใจวิ่งไปตามทางที่สว่างนั้นทันที คงมืใครลักคนกำลัง ช่วยเหลือเธอจริงๆ
พื้นซีเมนต์กระจ่างด้วยแสงนวลของดวงจันทร์รับกับแสงไฟจาก โคมส่องทาง เธอวิ่งไปตามเส้นทางนั้นด้วยความหวังว่าเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ คงเปล่งแสงช่วยนำทาง
เงาดำมืดคืบคลานมาใกล้ อาจเป็นเงาของพวกมัน...ความคิดนั้น ผลักดันให้เธอยิ่งเร่งฝีเท้าแม้จะเหนื่อยและอ่อนล้าเพียงใด ทว่าความหวัง ทั้งหมดทั้งมวลที่มีต่อเทพธิดาแสงจันทร์ก็มีอันพังภินท์ลงอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเบื้องหน้าของเธอคือ...ทางตัน
หญิงสาวพุ่งไปเกาะราวไม้ด้วยความสิ้นหวัง เลยออกไปเป็นลำคลอง กว้างใหญ่ เสียงหัวเราะของพวกมันดังมาจากด้านหลัง เธอหวาดผวา ตัดสินใจ ไม่ถูกว่าจะกระโดดลงไปดีหรือเปล่า สุดท้ายก็กลับหลังหันทั้งนํ้าตาที่ท่วมท้น ไปเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน พวกมันเดิน ย่างสามขุมเข้ามา เบื้องหลังของพวกมันคือท้องฟ้ามืดมิดที่ประดับด้วย ดวงจันทร์เสี้ยว
หญิงสาวเบิกตากว้าง มองเงาดำที่คืบคลานอยู่บนดวงจันทร์ด้วย ความรู้สึกหวาดกลัว มันเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังกลืนกินสิ่งเดียวที่เป็น ความหวังแห่งแสงสว่างของเธอยามนี้...วินาทีนั้นเธอเห็นบ้านเรือนอีกฟาก หนึ่งที่เพิ่งจะวิ่งผ่านมาลักครู่นี้เป็ดไฟกันพรึบ ก่อนจะมีเสียงเคาะโลหะดัง ขึ้นพร้อมกับมีเสียงปีนกัมปนาทแว่วมาแต่ไกล สร้างความประหวั่นพรั่นพรึง ให้ทั้งเธอและชายฉกรรจ์ทั้งสามไม่น้อย
“เอ้ยพี่” คนหนึ่งหันไปชี้ขึ้นบนท้องฟ้า “ราหูอมจันทร์”
พวกมันพากันหันไปมองดวงจันทร์ที่บัดนี้ถูกราหูกลืนกินไปเกือบ มิดแล้ว
“เผ่นเหอะพิ่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” อีกคนบอกด้วยความหวาดกลัว ต่อเสียงที่ดังสนั่นอยู่
“ไม่ได้! ต้องจัดการอีนึ่ตามที่คุณนายสั่งก่อนไม่งั้นไม่ได้เงินนะเว้ย!” คนเป็นหัวหน้าบอก ก่อนจะหันรีหันขวางจนกระทั่งพบไม้หน้าสามท่อนหนึ่ง ข้างรั้วลังกะสีของไซต์งานก่อสร้าง มันก้มลงหยิบไม้นั้น ก่อนจะปราดเข้ามาหา แล้วฟาดศีรษะเธออย่างแรง
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แรงกระแทกท่าให้เธอหงายไป พิงราวไม้ ความเก่าครํ่าคร่าของท่อนไมัที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานท่าให้ รับน้ำหนักที่โถมตัวไปไม่ได้ ท่อนบนสุดหักดังเป๊าะ พาให้เธอเสียหลักหงายตกลงไป
ชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตาย เธอรู้สึกว่าของเหลวเหนียวข้นไหล เข้าตา มันทำให้ดวงตาของเธอพร่าเลือน สติขาดหายวูบวาบเป็นช่วงๆ เธอ เห็นแสงสุดท้ายของดวงจันทร์ที่ถูกราหูกลืนกินจนกระทั่งหายวับไปจาก ท้องฟ้าราตรี เสียงเคาะโลหะของชาวบ้านดังในหู ก่อนจะตามด้วยเสียงตูม อันเกิดจากเธอร่วงลงนํ้า กบตัวหนึ่งกระโดดผลุงผ่านหน้า...แล้วในที่สุด สติสัมปชัญญะทั้งหมดทั้งมวลของเธอก็ขาดผึงลง
เมื่อเจ้าหญิงทอดพระเนตรเจ้ากบตัวน้อยที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง พระองค์ทรงรู้สึกสำนึกผิด รีบอุ้มมันขึ้น อย่างทะนุถนอม ก่อนจะทอดพระเนตรใบหน้าเล็กๆ ของมัน พลันพระดำรัส ของพระบิดาก็ผุดขึ้นในห้วงความคิดของพระองค์เอง
“ก่อนพูด เราเป็นนายของคำพูด แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดเป็นนาย ของเรา เมื่อเจ้าได้ให้คำสัตย์ต่อเจ้ากบตัวนี้แล้ว เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามคำของ เจ้าประหนึ่งเป็นการให้คำสัตย์ต่อพ่อด้วย”
เจ้าหญิงโฉมงามถอนสะอื้นด้วยความรู้สึกเสียพระหัยอย่างยิ่ง ที่เอา แต่รังเกียจเดียดฉันท์เจ้ากบตัวนี้ ทั้งที่มันช่วยเก็บลูกบอลทองคำอันเป็น ที่หวงแหนของพระองค์ขึ้นมาจากสระนี้าให้
“ข้าขอโทษ” เจ้าหญิงตรัสก่อนจะทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดแม้แต่ พระองค์เองก็ตาม นั่นคือทรงก้มลงจุมพิตเจ้ากบตัวน้อยเพื่อเป็นการไถ่บาป พลันนั้นเอง บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ที่เจ้าหญิงไม่คาดคิดมาก่อน นั่นคือ
ติดตามต่อในเล่ม...