รักหลงโรง (ญนันทร)
ประหยัด: 91.00 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 150.00 บาท - 170.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
เสียงย่ำรองเท้าส้นสูงที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ดวงหน้าหวานละมุน
ที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางบางเบาเงยขึ้นมองอย่างไม่พอใจนัก พื้นที่เพิ่งถูเสร็จ
บัดนี้มีรอยเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด รู้ดีว่าคนก่อเรื่องตั้งใจกลั่นแกล้ง ความ
ไม่พอใจจึงฉายชัดในดวงตาคู่งาม
คนทำไม่สะทกสะท้าน จ้องกลับด้วยท่าทางเอาเรื่อง ถามด้วยน้ำเสียงห้วนจัด “มองอะไร”
หญิงสาวผู้อยู่ก่อนเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เข้าที่ ก่อนจะเดิน
มาประจันหน้ากับผู้เป็นแขก มองกลับไปตรงๆ แต่ยังคงให้เกียรติ “คุณหญิง
สวมรองเท้าเข้ามาในบ้านทำไมคะ”
“ก็นี่มันบ้านคู่หมั้นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้” อีกฝ่ายตอบกลับอย่าง
ไม่แยแส หนำซ้ำยังเดินไปเดินมาก่อให้เกิดรอยยิ่งกว่าเดิม ดวงหน้าประดับ
รอยยิ้มอย่างผู้ที่เหนือกว่าหลายขุม
“หยุดนะคะ” คนที่เพิ่งทำความสะอาดบ้านเสร็จร้องห้าม
“ไม่หยุด” นอกจากปากจะประกาศแล้ว ยังย่ำเท้าไปจนกินพื้นที่
บริเวณกว้าง และหยุดลงเมื่อเดินมาถึงถังใส่น้ำ
สายตาประสานกัน ผู้ที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะ
ทำอะไร แต่สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือร้องห้าม
“อย่า...”
ทว่ายังไม่ทันขาดคำ ถังน้ำใบนั้นก็ล้มลงและกลิ้งอย่างไม่เป็นท่า น้ำ
สกปรกเปียกพื้นพรมพื้นกระเบื้องจนเปรอะไปด้วยกัน
คู่กรณียิ้มแกมเย้ยหยัน กล่าวคำให้ชวนเจ็บใจ
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน นี่มันบ้านคู่หมั้นของฉันนะ นางบำเรออย่าง
แกมีสิทธิ์อะไร เอ้า...มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบไปหาผ้ามาเช็ดสิ!”
วาจาดูหมิ่นนั้นสร้างความโกรธเคืองให้คนที่ถูกกล่าวหา กำมือแน่น
พยายามสะกดกลั้นความโกรธเพื่อไม่ให้เกิดการวิวาท เพราะไม่อยากให้
คนกลางซึ่งก็คือเจ้าของบ้านหลังนี้เดือดร้อน แต่การนิ่งเฉยนั้นคงไม่ใช่ทางออกที่ดี
“ดิฉันกับคุณชายฉายฉานไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่า”
“พวกลักกินขโมยกินก็พูดจาอย่างนี้ทุกคน โกหก! หน้าด้านเหมือน
แม่แกไม่มีผิด นางลิเกชั้นต่ำ อ่อยผู้ชายไม่เลือก คงหวังสินะว่าพี่ชายฉายจะ
จริงจังกับแก คอยดูเถอะ วันหน้าเขาจะเฉดหัวแกทิ้งเหมือนที่คุณพ่อเฉดหัว
แม่แกกลับโรงลิเกไปนั่นละ”
ถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนสาดน้ำมันลงในกองไฟ ยิ่งเพิ่มเพลิงโทสะ
ดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างน่ากลัว
“คุณหญิงก้อย หยุดก้าวร้าวดิฉันกับแม่ของดิฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่หยุด เพราะมันเป็นเรื่องจริง แกคงหวังสินะว่าการมาอยู่กับ
พี่ชายฉานจะทำให้แกสูงขึ้นมาได้ ยังไงแกก็หนีกำพืดตัวเองไม่ได้ นางลิเกชั้นต่ำ”
ความอดทนของหญิงสาวขาดสะบั้นลงทันที และก่อนที่ใครจะ
คาดคิด เสียงเผียะดังขึ้นตามด้วยใบหน้าของคนที่เพิ่งสาดวาจาอันร้ายกาจ
ใส่สะบัดหันไปอีกทางท่ามกลางแววตาตกตะลึงของทุกคน
“คัต!”
กีรณา แก้วกังสดาล ชะงักทันที ก้มมองมือตัวเองอย่างตื่นตะลึง
ก่อนที่จะหันไปมองหน้านางร้ายป้ายแดงที่บัดนี้แก้มข้างซ้ายมีรอยแดงครบ
ทั้งห้านิ้ว เพราะอินจัดในบทบาทจนเผลอแสดงเกินกว่าที่ตกลงกันเอาไว้ คือ
จะให้เห็นการตบครั้งนี้โดยการใช้มุมกล้องเข้าช่วย แต่กลายเป็นการตบจริง
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจแม้แต่นิดเดียว
นางเอกสาวหันไปมองทางโต๊ะผู้กำกับ อดกังวลไม่ได้ที่พลั้งมือเพราะ
ขาดสติ เห็นทีคราวนี้อาจเกิดเรื่องใหญ่...แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น สิ่งที่ได้รับ
กลับมาคือรอยยิ้มพึงพอใจและนิ้วโป้งที่เป็นสัญลักษณ์บอกว่าเธอยอดเยี่ยม
กีรณาถอนหายใจอย่างโล่งอก...เมื่อผู้กำกับพอใจ นักแสดงใหม่คนนี้
ก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอีก ความกังวลใจจึงจางหายไปทันที
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” หญิงสาวกล่าวถามนักแสดงหน้าใหม่สั้นๆ ไม่มี
คำขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวเพราะนี่คืองาน ยิ่งทุกอย่างออกมาสมจริง
เท่าไร ยิ่งเป็นผลดีต่อละครมากเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ” นักแสดงสาวดาวรุ่งกล่าวตอบ ก้มหน้างุดซ่อนน้ำตา
ได้ยินแล้วกีรณาก็ไม่สนใจอีก เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ
นี่นับว่ายังน้อย สมัยที่เธอเข้าวงการใหม่ๆ ถูกกระทำมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
มีตั้งแต่แย่งเสื้อผ้า แย่งช่างแต่งหน้า ถูกกลั่นแกล้งให้มารอเข้าฉากตั้งแต่เช้า
จนเย็นแล้วถ่ายทำแค่สิบนาที หรือแม้กระทั่งแกล้งกดน้ำจนเธอเกือบตาย
เพราะนักแสดงคนนั้นกลัวว่าเธอจะได้บทที่เด่นกว่าในละครเรื่องต่อไป...
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนสมชื่อวงการมายา
กีรณาก้าวเดินไปจนถึงโต๊ะที่วางมอเตอร์ขนาดเล็ก ฉากที่เพิ่งถ่าย
จบไปคือฉากที่นางเอกเจ้าน้ำตาลุกขึ้นมาเอาคืนนางอิจฉาที่กลั่นแกล้งกันมา
นาน ซึ่งเป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งที่คิดว่าผู้ชมทางบ้านรอคอยอยู่
“แกรนด์แสดงได้อินมาก ฉากนี้ต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แน่ๆ”
คำชมของผู้กำกับทำให้เธอยิ้มหน้าบาน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรู้จัก
ถ่อมตนจะได้ดูน่ารักน่าเอ็นดู “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แกรนด์ก็แสดงไปตามบท”
“แต่อินเนอร์ขั้นเทพเลยนะ ทั้งสีหน้าแววตาตอนที่โดนด่าว่าเป็น
นางลิเกชั้นต่ำ แกรนด์แกล้งโกรธได้เหมือนมาก พี่นี่ขนลุกเลย กลัวว่า
น้องโรสจะถูกบีบคอ ยังบอกให้ไอ้ปื๊ดเตรียมถังน้ำเอาไว้ เผื่อตบกันรุนแรง”
กล่าวจบผู้กำกับก็หัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขบขัน
ทว่ากีรณากลับขำไม่ออก ที่ทำได้คือฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อน
พิรุธ...ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่การแสดง ไม่ใช่การแกล้งโกรธ แต่เธอโมโห
จริงๆ นึกแล้วก็พาลไปถึงคนเขียนบทที่บังเอิญเขียนประโยคกระทบใจเธอ
เข้าอย่างจัง แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยผ่าน เพราะหากโวยวายอะไรออกมา สิ่ง
ที่ซ่อนเร้นเอาไว้อาจถูกขุดคุ้ยแล้วที่ยืนตรงนี้อาจสั่นคลอน
กว่าสิบปีที่อยู่ในวงการนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย เธอต้องอดทน ต้องมานะ
ต้องฝึกฝนเพื่อให้ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด บนจุดที่ถูกเรียกว่าซูเปอร์สตาร์
ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็จะพรากมันไปจากเธอไม่ได้โดยเด็ดขาด
“เดี๋ยวฉากสุดท้ายแล้ว น้องแกรนด์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ น่าจะใช้เวลา
ราวๆ ชั่วโมงหนึ่ง เพราะเป็นฉากใหญ่”
ผู้กำกับกล่าวกลายๆ ให้เธอไปพัก ซึ่งกีรณาเองก็รอเวลานี้อยู่เหมือน
กัน เธออยากอยู่เงียบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้วุ่นวายฟุ้งซ่านอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ได้ค่ะ งั้นแกรนด์เข้าไปเปลี่ยนชุดรอนะคะ” กีรณาบอกกล่าวแล้ว
ยิ้มหวาน ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างเริงร่า เธอตั้งใจจบงานวันนี้
ให้เร็วที่สุด เพราะนั่นหมายถึงจะได้พักผ่อนมากขึ้นด้วย
รณานอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ในห้องแต่งตัวที่แยกเป็น
สัดส่วนเพื่อรอเข้าฉากต่อไป ความโด่งดังทำให้ใครต่างพะเน้าพะนอเอาใจ
เธอเหนือกว่านักแสดงและทีมงานคนอื่นในกองอย่างชัดเจน แม้แต่พระเอก
ของเรื่องก็ยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษเท่าเธอ
นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจ ไม่ใช่ใคร
ที่ไหนจะได้ในสิ่งที่เธอได้
วงหน้าสวยรูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตงดงาม
เมื่อแย้มยิ้มก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ชวนมอง ผมยาวถึงกลางหลังถูกช่างทำผมฝีมือดี
ที่สุดในวงการขมวดม้วนเป็นก้นหอย เผยลำคอระหงและเนินอกอิ่มที่ห่อหุ้ม
ด้วยเกาะอกสีแดงสดตัดฉับกับกระโปรงยาวสีตอง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ดูขัดตา
ที่สุด แต่แปลกตรงที่เมื่อมันอยู่บนตัวเธอกลับลงตัวและดูเก๋ไก๋อย่าบอกใคร
นั่นเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนางฟ้าต่างหาก...นางฟ้า
ของเมืองไทย ใครๆ ก็เรียกเธออย่างนั้น
ไม่มีใครไม่รู้จัก กีรณา แก้วกังสดาล นางเอกสาวชื่อก้องฟ้า ครอง
ตำแหน่งพรีเซนเตอร์โฆษณาเกือบสามสิบชนิดในเวลานี้ ดวงตาสวยซึ้งมอง
เงาตัวเองในกระจกอย่างภาคภูมิใจ ชาติที่แล้วเธอทำบุญด้วยอะไร ชาตินี้ถึงได้เพอร์เฟกต์ครบสูตร
แล้วความสุนทรีย์ในอารมณ์ก็หยุดลงเมื่อใครบางคนเดินเข้ามา ซึ่ง
ก็คือนักแสดงอีกคนที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ไม่นาน กีรณาหันไปมองอย่างไม่ค่อย
พอใจนักที่ถูกรุกล้ำสถานที่ส่วนตัว แต่อีกฝ่ายบอกจุดประสงค์ก่อน อารมณ์ร้อนๆ จึงคลายลง
“เนตรเอาน้ำมาให้ค่ะ”
กีรณาชายตาดูน้ำดื่มในมือของนักแสดงน้องใหม่ ซึ่งก็เห็นว่าเป็น
น้ำแร่ยี่ห้อดังที่เธอดื่มอยู่เป็นประจำ จึงรับมาและพอเดาได้ว่าน้ำแร่นี้มาจากไหน
“ผู้กำกับให้เอามาให้ละสิ ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เนตรดาราตอบพลางยิ้มสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ และ
รอยยิ้มนั้นก็สร้างเสน่ห์ให้เจ้าตัวอยู่ไม่น้อย
กีรณาเปิดฝาขวดน้ำแล้วยกขวดขึ้นดื่ม ตามทฤษฎีแล้วเธอต้อง
ดื่มน้ำทุกชั่วโมงและไม่ต่ำกว่าวันละสองลิตรเพื่อผิวพรรณที่สดใส แต่เมื่อ
เธอดื่มเสร็จ นักแสดงหน้าใหม่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไปจึงเกิดความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คือเนตรสงสัยค่ะว่าทำไมพี่แกรนด์ถึงดื่มน้ำยี่ห้อนี้”
เมื่อได้ยินคำถามอย่างนั้น กีรณาจึงยกขวดน้ำขึ้นดู ความจริงน้ำแร่
ขวดนี้ก็เหมือนน้ำดื่มทั่วไป แต่ติดโลโก้ตรงขวดที่ดีไซน์อย่างหรูหรา ราคา
จึงแพงกว่าน้ำธรรมดาเป็นร้อยเท่า แต่ราคานี้สำหรับซูเปอร์สตาร์อย่างเธอช่างจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน
“เค้าว่ามันบำรุงผิวพรรณ กินแล้วเปล่งปลั่งมีออร่า”
“อ๋อ...อย่างนั้นเหรอคะ”
“อยากลองดูไหมล่ะ ในรถมีหลายขวด แบ่งไปได้นะ” กีรณากล่าว
อย่างใจดี รู้สึกเอ็นดูนักแสดงหน้าใหม่คนนี้อยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา
เนตรดาราก็แสดงตัวเป็นนักแสดงรุ่นน้องที่น่ารัก รู้จักเคารพและมีน้ำใจ
ดังนั้นหากจะตอบแทนบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
“เนตรเกรงใจค่ะ ได้ข่าวว่าแพงมาก”
กีรณาหัวเราะเสียงใส “ไปเอาเถอะ ลองกินดูแล้วจะติดใจ”
เมื่ออีกฝ่ายคะยั้นคะยอเช่นนั้น เนตรดาราก็ไม่ปฏิเสธอีก ยินยอมรับ
น้ำใจจากนักแสดงรุ่นพี่แต่โดยดี “ถ้าอย่างนั้นเนตรไม่เกรงใจแล้วนะคะ
ขอบคุณพี่แกรนด์มากค่ะที่แนะนำ”
“ไม่เป็นไรหรอก ดาราอย่างเราเรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งสำคัญ
ต้องบำรุงแล้วก็ดูแลตัวเองให้มากๆ เพราะเราขายรูปร่างหน้าตา แต่อย่าลืม
ฝึกฝนเพราะความสามารถก็สำคัญ”
“ขอบคุณพี่แกรนด์อีกครั้งนะคะ เดี๋ยวเนตรจะไปเอาสักขวด งั้นเนตร
ไม่กวนพี่แกรนด์แล้วดีกว่า ขอตัวก่อนนะคะ”
“อืม” กีรณาพึมพำรับรู้ก่อนจะหันไปหยิบลิปติกมาเติมเรียวปาก
อีกครั้งหลังจากที่มันลบไปบางส่วนขณะดื่มน้ำ แต่ยังไม่ทันที่เนตรดาราจะ
ออกจากห้องไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าซอยถี่ดังใกล้เข้ามา ไม่ต้องเงยหน้าขึ้น
มองกีรณาก็รู้ว่าใคร เพราะเท้าหนักๆ อย่างนี้ในกองถ่ายมีแค่คนเดียว
สาวประเภทสองร่างอวบอัดซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัววิ่งเข้ามา
สีหน้าแตกตื่น ซึ่งนางเอกสาวดาวเด่นเห็นแล้วก็ไม่ได้ตื่นเต้นตามนัก เพราะ
กิริยาอย่างนี้มีให้เห็นเป็นรายชั่วโมง กีรณาจึงนั่งเงียบเพื่อรอฟังว่าคราวนี้เรื่องอะไร
“น้องแกรนด์ น้องแกรนด์ขา ยายกุหลาบเน่ากำลังให้สัมภาษณ์สื่อค่ะ
บอกว่าน้องแกรนด์กลั่นแกล้ง ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่ข้างนอกโน่น”
กีรณาพอจะจินตนาการภาพออก จึงถอนหายใจเบาๆ นึกแล้วเชียว
ว่าอีกฝ่ายต้องทำเช่นนี้ แววตาของนางร้ายหน้าใหม่ไม่มีคำว่าซื่อตรง
ปากนั้นก็พร้อมจะใส่สีตีไข่ตลอดเวลา แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกเพื่อน
นักแสดงด้วยกันทำอย่างนี้ หนักหนากว่านี้ก็เคยเผชิญมาแล้ว ซึ่งทุกครั้งเธอ
ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี คิดว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แล้วยังไงคะ” นักแสดงสาวยังคงถามด้วยน้ำเสียงปกติ จ้องเข้าไป
ในกระจกตาไม่กะพริบ พินิจหาทุกรอยตำหนิจะได้แก้ไขทันทีหากมีหลุดรอดสายตา
“เราต้องแถลงข่าวเรื่องนี้นะคะ ไม่งั้นชื่อเสียงของน้องแกรนด์อาจ
เสียหาย ที่ผิดคิวเมื่อกี้เห็นกันทั้งกอง คนมันจะเอาไปเมาท์กันได้ว่า
น้องแกรนด์อิจฉาเด็กก็เลยสกัดดาวรุ่ง”
“ไม่แถลงค่ะ ไม่จำเป็นสักนิด” กีรณาปฏิเสธแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ผู้จัดการ
ส่วนตัวกล่าวนั้นค่อนข้างเป็นไปได้
“ทำไมคะน้องแกรนด์ อย่างนี้เราก็ถูกโจมตีฝ่ายเดียวสิ”
“พี่นุ่มนิ่มมองไม่ออกหรือคะว่าเป็นแผนของแม่นั่น ถ้าเราจัดแถลง
ข่าวก็เหมือนส่งเสริมให้เจ้าหล่อนดัง อีกอย่าง...เห็นไหมคะว่าผู้กำกับก็ไม่ว่า
สักคำ ออกจะชอบด้วยซ้ำเพราะว่านี่คือแกรนด์ กีรณา นางเอกที่ดังที่สุดใน
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)